อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2012-08-14
26 วิว
หลังจากพิจารณาตัวเองแล้วว่ายังไม่แก่เกินไป ผึ้งน้อยก็มาเดินเล่นที่ Digital Gateway สยามฯ จากทางเชื่อม BTS สยาม ต่อตรงถึงตัวตึก ผึ้งน้อยเดินขึ้นไปชั้น 4 ด้วยว่าจะหาอะไรทานเป็นมื้อกลางวันซะหน่อยหลังจากเมียงๆมองๆอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจเลือกร้าน Heiroku Sushi ร้านซูชิจานเวียนที่อยู่ริมสุดใกล้ๆบันไดเลื่อนเป็นเป้าหมาย(หลังจากที่แอบสำรวจแล้วว่าราคาไม่พากระเป๋าฉีกนัก)ตัวร้านค่อนข้างจะมีพื้นที่จำกัดและมีที่นั่งไม่มาก กะด้วยสายตาก็ประมาณว่าจุได้ไม่น่าจะเกิน 20-25 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่นั่งเคาน์เตอร์รอบสายพานค่ะการตกแต่งเรียบๆเน้นโทนสีดำเป็นหลัก ผึ้งน้อยนั่งที่เคาน์เตอร์ พนักงานร้านเอาเมนูมาให้ จะเลือกสั่งจากเมนู หรือจะหยิบเอาจากสายพาน
จากทางเชื่อม BTS สยาม ต่อตรงถึงตัวตึก ผึ้งน้อยเดินขึ้นไปชั้น 4 ด้วยว่าจะหาอะไรทานเป็นมื้อกลางวันซะหน่อย
หลังจากเมียงๆมองๆอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจเลือกร้าน Heiroku Sushi ร้านซูชิจานเวียนที่อยู่ริมสุดใกล้ๆบันไดเลื่อนเป็นเป้าหมาย
(หลังจากที่แอบสำรวจแล้วว่าราคาไม่พากระเป๋าฉีกนัก) ตัวร้านค่อนข้างจะมีพื้นที่จำกัดและมีที่นั่งไม่มาก กะด้วยสายตาก็ประมาณว่าจุได้ไม่น่าจะเกิน 20-25 คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่นั่งเคาน์เตอร์รอบสายพานค่ะ
การตกแต่งเรียบๆเน้นโทนสีดำเป็นหลัก
ผึ้งน้อยนั่งที่เคาน์เตอร์ พนักงานร้านเอาเมนูมาให้ จะเลือกสั่งจากเมนู หรือจะหยิบเอาจากสายพานก็ได้ ล้วนถูกต้องตามกติกามาตรฐานของร้านซูชิจานเวียนทั้งหมดค่ะ ^^ เบื้องหน้าผึ้งน้อยก็จะมีเหล่าอุปกรณ์พื้นฐานอย่างตะเกียบ ถ้วยน้ำจิ้ม ที่รองแก้วไว้ให้หยิบใช้, โชยุ ขิง วาซาบิ ตักเติมกันตามใจชอบ และแท่นวางเมนู ซึ่งก็จะมีภาพสีและลายจานพร้อมราคาระบุไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจ ชาเขียวร้อน (หรือเย็น แล้วแต่เลือก) เซอร์วิสของทางร้านค่ะ
ชาเขียวเข้มมากๆ เจอผงชาที่ก้นถ้วยเยอะเลย ชอบๆ
ประเดิมจานแรกด้วย
แซลม่อนย่างห่อไข่ปลากับปลาไหลย่างห่อไข่ปลา (99 บาท) ทางฝั่งปลาไหลน่าจะเป็น anago เพราะเนื้อผอมๆคนละแบบกับ unagi รสชาดพื้นฐานของ 2 ไหลนี้ไม่ต่างกันมากในความเห็นของผึ้งน้อย ทางด้าน unagi จะเนื้อมันกว่าและหนากว่า ...สารภาพว่าชอบ unagi มากกว่านิดหน่อยค่ะ ^^
แม้จะเป็นของต่างชนิดกันแต่ก็ทำมาในคอนเซปท์เดียวกัน คือเป็นข้าวก้อนเล็กๆที่ม้วนรอบๆด้วยปลาไหลหรือแซลม่อน(สุก) ท๊อปด้วยมายองเนสและไข่ปลาแซลม่อน
อย่างแรกเลยคือ ชิ้นเล็กจนน่าตกใจ... แต่โดยรวมแล้วจานนี้มีความสมดุลของปริมาณข้าวและหน้ามากที่สุด
ถัดมาเป็น แซลม่อนย่าง ท๊อปด้วยหัวหอมและมายองเนส (59 บาท) จานนี้ฉกจากสายพานค่ะ เนื้อน้องม่อนบางเกี๊นนนนน พาลเอาสุกทั้งชิ้น เลยไม่ได้รสผสมกึ่งกลางระหว่างความสุกและความดิบอย่างที่ควร ไม่มีรอยไหม้สวยๆ
จานนี้เพิ่มรสหวานมาด้วยหัวหอม(สุก)และมายองเนสที่ท๊อปมาด้านบนอีกที
ตามมาด้วย Negi Toro (79 บาท) อ๊ะๆ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเนื้อโทโร่แสนแพงนะคะ เนงิโทโร่ คือปลามากุโร่สับบะช่อแล้วท๊อปด้วยหอมซอยค่ะ
จานนี้รสชาดตามมาตรฐานค่ะ ไม่ปลื้มแต่ก็ไม่เลวร้าย ...แต่...หน้าน้อยมากๆ
Salmon Tsuke (59 บาท) หวานเหยียบค่ะ สั้นๆเลย เหมือนเอาน้องม่อนไปเชื่อมแบบกุ้งเหยียดบ้านเรานั่นแหละค่ะ ไม่อาจสัมผัสได้ถึงรสของปลา เนื้อปลาออกแข็ง...จานนี้ไม่ปลื้มค่ะ
หลังจากไฟความพยายามที่จะหาเมนูที่น่าปลื้มให้ได้ซักเมนูนึงเริ่มมอด ผึ้งน้อยก็ตัดใจแล้วจัดจานสุดท้ายของมื้อนี้ด้วยเมนูสุดพื้นฐานอย่าง Salmon Sashimi (99 บาท) ค่ะ หลังจากเล็งมา 1 รอบ ก็เลืออาจานที่ดูจะได้ชิ้นใหญ่สุดมาลองชิม ความงามของเนื้อปลาและความสดขอจัดให้อยู่ระดับกลางๆค่ะ
สรุปมื้อนี้กัน
บรรยากาศ – แต่งร้านเรียบๆไม่หวือหวา แต่สะอาดสะอ้านดีค่ะ
การบริการ – ดูแลดีค่ะ พนักงานหมั่นมาถามไถ่ คุณเชฟก็เช่นกัน รู้สึกดีกับเรื่องการบริการมากที่สุดก็ว่าได้
รสชาดอาหาร – โดยความเห็นของผึ้งน้อยแล้ว...ยังไม่โดนค่ะ สำหรับร้านนี้
โพสต์