ร้านอาหารร้านที่สามที่ได้ไปชิมมาในทริปเชียงใหม่ล่าสุดเป็นร้านอาหารในรีสอร์ทที่ชื่อว่าสวยโรแมมติกที่สุดบนเส้นทางสาย 108 เชียงใหม่ – ฮอด เลยครับ เป็น location ถ่ายภาพยนตร์หลายเรื่องเชียวครับ จะเป็นร้านอะไร อยู่ในรีสอร์ทชื่ออะไร ติดตามได้ ณ บัดนาวคราบบบบ

ร้านอาหารเก๊าไม้ล้านนา เก๊าไม้ล้านนารีสอร์ท สันป่าตอง เชียงใหม่

วิธีการเดินทางมาร้านอาหารเก๊าไม้ล้านนา ในเก๊าไม้ล้านนารีสอร์ท สันป่าตอง ก็เดินทางมาไม่ยากครับ จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหมายเลข 108 เชียงใหม่ – ฮอด ผ่านอำเภอหางดง อ่านที่ว่าการอำเภอสันป่าตอง ตลาดค้าวัว – ควาย ทุ่งฟ้าบด ร้านอินทนนท์กาแฟสดทางซ้ายมือ เลยร้านอินทนนท์กาแฟสดมาไม่ไกลครับ เก๊าไม้ล้านนารีสอร์ท อยู่ทางซ้ายมือครับส่วนของร้านอาหารเก๊าไม้ล้านนารีสอร์ทจะอยู่บริเวณล๊อบบี้รีสอร์ทนะครับ เก๊าไม้ล้านนารีสอร์ทเค้าจะตกแต่งล็อบบี้และรีสอร์ทในแบบศิลปะพื้นบ้านของภาคเหนือซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกไม้ผ้าฝ้าย แกะสลัก เครื่องเขิน ซึ่งในส่วนของร้านอาหารก็จะตกแต่งเหมือนกับตัวรีสอร์ทและล๊อบบี้ด้วยครับ

บริเวณที่เป็นส่วนของร้านอาหารเป็นแบบ open air แบบอยู่ในร่มทั้งหมด มีโต๊ะอยู่ประมาณ 20 กว่าชุดครับ รับรองแขกได้ซัก 80 คนได้นะครับ เสียอย่างเดียวที่ในบริเวณร้านอาหารมืดไปหน่อยครับเพราะด้วยสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง แต่ร่มรื่นมากๆครับ มองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวของรีสอร์ททำให้รู้สึกสบายตามากๆครับเมนูของร้านอาหารเก๊าไม้ล้านนาก็มีทั้งอาหารเมือง (อาหารพื้นเมืองภาคเหนือ) และอาหารทั่วไปครับ กระซิบบอกนิดนึงว่าพนักงานเสิร์ฟที่นี่น่ารักทุกคนเลยครับ คำว่า “น่ารัก” หมายถึง อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ถึงแม่จะดูยุ่งๆ แต่ก็ยังเต็มใจให้บริการครับ และข้าวที่เสิร์ฟในร้านอาหารจะเป็นข้าวกล้องเท่านั้นนะครับ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะแข็ง ทานยาก ข้าวกล้องที่เสิร์ฟในร้านอาหารเก๊าไม้ล้านนา หอม นุ่ม เม็ดสวย ไม่แข็งเลยครับเมนูที่สั่งมาอย่างแรกเป็นเมนูเซทครับ ออเดิร์ฟเก๊าไม้ล้านนา ลาบคั่ว หมูแดดเดียว ตำมะม่วง ราคา 220 บาท

จานนี้มีให้เลือกอร่อยหลายเมนูครับ แล้วเมนูนึงก็ไม่ใช้น้อยนะครับ ถ้าไปกัน 2 คน สั่งเซทนี้มากินกับข้าวอีกคนละที่ก็อิ่มได้แบบหลวมๆเลยครับ .... แต่ “อิ่มหลวมๆ” มิใช่นิสัยของเจ้าของกระทู้ครับฮ่าๆๆๆ

แต่อาหารในจานไม่ได้อร่อยทั้งหมดนะคราบ ไส้อั่ว รสซาติบ้านๆดีครับ ไม่ได้อมน้ำมันเพราะเอาไปทอดและหอมสมุนไพรจนออกรสเผ็ดเหมือนเจ้าดังบางเจ้า ส่วนใหญ่จะเจอไส้อั่วที่ย่างแบบแห้งๆ รสชาติเผ็ดนิดเดียวนี่ตามถนนคนเดินทั่วไปครับ เจ้าของบล็อกว่าไส้อั่วรสชาติแบบบ้านๆนี่กินได้นานดีนะครับ ถ้ามันมากๆ รสเผ็ดมากๆ จะกินได้นิดหน่อยเท่านั้นครับ เกรงใจท้องไส้ อิอิอิ

ลาบคั่ว ที่เสิร์ฟมาเป็นลาบแบบสุกนะครับ ก็รสชาติออกบ้านๆเหมือนกันครับ หอมเครื่องพริกลาบกำลังดี แล้วก็หอมกระเทียมเจียวที่โรยหน้ามามากๆครับ

ส่วนหมูแดดเดียวนี่สอบตกครับ มันเหมือนกับว่าทอดเอาไว้นานมากแล้ว เย็น ชืด เหนียว รสไม่อร่อยเลย

สุดท้ายเป็น ตำมะม่วง แซ่บมากๆครับ มะม่วงที่เอามาทำตำมะม่วงก็เปรี้ยวจี๊ด .... ถูกใจมากๆ น้ำตำมะม่วงก็ออกรสเผ็ดๆ เค็มๆ มีรสหวานติดแค่ปลายลิ้นเท่านั้น เป็นรสชาติที่ถูกใจเจ้าของบล็อกมากๆครับเมนูที่สอง น้ำพริกอ่องหมูทรงเครื่อง ราคา 140 บาท


เมนูนี้ก็สอบผ่านครับ รสชาติของน้ำพริกอ่องมีรสเปรี้ยวนิดๆจาก “บ่าเขือส้ม” แล้วมีรสหวานๆติดปลายลิ้นเท่านั้น คิดว่าเมนูนี้คนที่ไม่ชอบทานเผ็ดคงจะชอบครับ เสียอย่างเดียวแคบหมูที่เสิร์ฟมาในจานนี้ “เก่า” ไปหน่อยครับ เหนียว มีกลิ่นหืน กัดไม่ค่อยเข้า ไม่กรอบกร้วม .... กร้วม ... เหมือนกับแคบหมูใหม่ครับ ถ้าไม่ค่อยนิยมเอาแคบหมูจิ้มน้ำพริกอ่องก็คิดว่าเมนูนี้คงจะผ่านครับ .... แต่ถ้าชอบการเอาแคบหมูจิ้มน้ำพริกอ่องแล้วก็ขอแสดงความเสียใจที่จะบอกว่า “มันไม่อร่อยเลยครับ”เมนูที่สาม ยำจิ๊นไก่ ราคา 160 บาท


ตอนที่พนักงานเสิร์ฟยกเมนูนี้มาเสิร์ฟก็ตกใจนิดนึงครับ รู้อยู่แล้วว่าถึงเมนูนี้จะชื่อยำจิ้นไก่ แต่ว่าหน้าตาของเมนูค่อนข้างออกไปเหมือน “แกง” ครับ ด้วยเมนูนี้มีน้ำพอๆกับเนื้อไก่และส่วนประกอบอื่นๆ แต่เมนูยำจิ๊นไก่ที่ร้านเก๊าไม้ล้านนานี่ยิ่งกว่า “แกง” อีครับ น้ำเจิ่งถ้วยมาเชียว แต่เนื้อไก่และส่วนประกอบอื่นๆก็เยอะนะครับ เพียงแค่น้ำเยอะกว่ามากๆเท่านั้นเอง ในส่วนของรสชาติเจ้าของบล็อกก็คิดว่าใช้ได้นะครับ หอมสมุนไพรหลายอย่างมากๆ แต่สีของยำจิ๊นไก่ไม่ค่อยคุ้นครับ เคยทานแต่ยำจิ๊นไก่ที่ออกสีแดงๆ ออกรสเผ็ดนิดๆ ครับแกงฮังเลหมู ราคา 180 บาท

เมนูนี้สุดยอดเลยครับ แกงฮังเลถ้วยนี้ถึงเครื่องมากๆ เนื้อหมูก็นุ่มมากๆแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย เข้าเนื้อมากๆ รสชาติของแกงฮังเลก็นัวๆ กรุ่นกลิ่นเครื่องแกงอยู่ในปาก น้ำแกงก็ไม่ข้นไป ไม่ใสไป คลุกข้าวกินแบบพอดีๆ เลยครับ เมนูเอาคะแนนไปเกิน 100 เลยครับ อร่อยจริงๆครับเมนูนี้ร้านเก๊าไม้ล้านนา ในเก๊าไม้ล้านนารีสอร์ท เป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศดี ตกแต่งได้อย่างสวยงาม ลงตัว อาหารก็มีรสชาติอร่อยเป็นส่วนใหญ่นะครับ มีบางอย่างที่ไม่ถูกปากของเจ้าของบล็อกเท่านั้นเองครับ ถ้าเกิดผ่านมาทางอำเภอสันป่าตองก็อย่าลืมแวะพักทานอาหารที่ร้านเก๊าไม้ล้านนานะครับ

Chubby Lawyer Café …………………………………. ร้านอร่อย ........ ตามใจฉัน

ร้านที่สองที่ได้ไปชิมมาในทริปเชียงใหม่ล่าสุดที่จะมาโพสจริงๆแล้วเป็นร้านแรกที่ไปชิมมา .... ฟังแล้วงงมั๊ยครับ ... คือ “ครัวย่า” ที่โพสไปในบล็อกที่แล้วไม่ใช่ร้านแรกที่ได้ไปชิมมาในทริปเชียงใหม่คราวล่าสุดครับ ร้านแรกคือร้านนี้ครับ ตอนวางทริปครั้งแรกจะไปนั่ง Starbuck กาดฝรั่ง ตรงหางดงก่อน แต่ว่าเครื่องออกจากสุวรรณภูมิช้ามากๆ ไปถึงเชียงใหม่กว่าจะรับรถที่เช่า กว่าจะฝ่ารถติดเดินออกมาทางสันป่าตองก็เสียเวลาไปอีกโขเลย ก็เลยข้าม Starbuck กาดฝรั่ง ไปก่อนครับ

ข้าวซอยแม่พรรณี สันป่าตอง เชียงใหม่

ร้านข้าวซอยแม่พรรณี สันป่าตอง เชียงใหม่ อยู่ริมถนนสาย 108 (เชียงใหม่ – จอมทอง – ฮอด) กลางเมืองสันป่าตองเลยครับ พอเข้าเขตอำเภอสันป่าตองแล้ว (ค่อนข้างสังเกตยากนะครับ เพราะเป็นชุมชนหนาแน่นมาเรื่อยๆตั้งแต่เชียงใหม่เลยให้สังเกตุ “บ้านถวาย” เอาไว้ครับ พอถึง “บ้านถวาย” แสดงว่าเข้าเขตอำเภอสันป่าตอง) ให้มองหาที่ว่าการอำเภอสันป่าตองทางขวามือเอาไว้ครับ ทางฝั่งซ้ายมือจะมีปั๊มน้ำมัน PT ร้านข้าวซอยแม่พรรณีอยู่ติดกับห่องสมุดประชาชนติดๆกับทีว่าการอำเภอเลยครับ ถ้าไปวัดหยุดสามารถจอดรถได้ภายในที่ว่าการอำเภอสันป่าตองครับ หรือจะขับเลยร้านไปนิดเดียวก็จะมีที่จอดรถของร้านอยู่ติดๆกับร้านข้าวซอยแม่พรรณีครับร้านข้าวซอยแม่พรรณีเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของทั้งชาวอำเภอสันป่าตอง อำเภอใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยว ถ้าเอ่ยถึงข้าวซอยในอำเภอสันป่าตองจะต้องมีชื่อของ ข้าวซอยแม่พรรณี ติดโผมาด้วยทุกครั้งร้านข้าวซอยแม่พรรณีเป็นร้านกว้างขวางทีเดียวครับ มีโต๊ะนั่งเป็นสิบโต๊ะ ร้านก็สะอาดสะอ้านน่านั่งเป็นอย่างยิ่ง หน้าร้านมีเค้าน์เตอร์เตรียมอาหารหลายๆอย่างๆที่แน่ๆก็มีข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี๊ยว ก๋วยเตี๋ยว และเมนูอีกมากมายครับแต่ ........ เราไปถึงที่ร้านก็ประมาณ 11 โมงได้นะครับ มีแค่ “ข้าวซอยเนื้อ” “ข้าวซอยหมู” และ “ขนมจีนน้ำเงี๊ยว” ขายเท่านั้น ตอนแรกจะสั่งข้าวซอยไก่ (เพราะเข้าของบล็อกไม่ทานเนื่อวัว) แต่คุณน้องคนทำอาหารบอกว่า “ข้าวซอยไก่ต้องรอกำนึงนะเจ้า” ก็เลยสั่งข้าวซอยหมู .... คุณน้องแอบกระซิบมาว่า “ข้าวซอยหมูมันบ่เข้ากัน” .... โธ่ ..... มีอะหยังให้อีพี่เลือกอีกละเจ้า ..... คริคริ ...... หมูก็หมูครับ จะลองดูซิว่าเป็นยังไงกันข้าวซอยหมู ร้านข้าวซอยแม่พรรณี ก็ใช้ได้นะครับ หมูถูกเคี่ยวมาอย่างดี เปื่อย นุ่ม ไม่เหนียวเลย น้ำซุปก็ไม่เข้มข้นจนเกินไป แทบจะไม่มีรสของกะทิเลยซึ่งต่างจากข้าวซอยของคนไทย – อิสลามที่เข้มข้นด้วยกะทิ รสชาติของข้าวซอยก็ไม่เผ็ดเหมือนกับข้าวซอยของคนไทย – อิสลามด้วยกับ กินได้เรื่อยๆ (นี่ก็ไป search มาจาก google นะครับว่าปกติเค้าใส่กะทิลงไปในข้าวซอยหรือเปล่าด้วยความสงสัย ปรากฏว่าเค้าใส่หางกะทิลงไปเคี่ยวด้วย) เจ้าของบล็อกชอบน้ำแกงข้าวซอยแบบที่ร้านแม่พรรณีมากกว่านะครับ ด้วยความที่คุ้นเคยกับข้าวซอยแบบข้นกะทิแล้วก็ออกรสเผ็ด มาเจอข้าวซอยที่น้ำแกงเจือจางกะทิลงและไม่ออกรสเผ็ดซักเท่าไหร่ก็เลยติดใจครับ งานนี้คุณโดนชายแย่งกินครับ เห็นว่าคุณชายไม่ค่อยชอบข้าวซอยก็เลยสั่งมาจานเดียว รู้แบบนี้สั่งขนมจีนน้ำเงี้ยวมากินด้วยดีกว่า ......ร้านข้าวซอยแม่พรรณีเป็นร้านอาหารที่อร่อยใช้ได้ สะอาด น่าแวะพักรับประทานครับ ถ้ามีโอกาศมาแถวๆสันป่าตองก็อย่าลืมแวะชิมข้าวซอยแม่พรรณีนะครับ

Chubby Lawyer Cafe' ..................... ร้านอร่อย ................ ตามใจฉัน

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหนีไปเที่ยวเชียงใหม่มาครับ เรียกว่าเป็นทริปประจำปีก็ว่าได้ที่จะต้องขึ้นไปเที่ยวทางเหนือทุกปี ปีนี้ไปเที่ยวช้ากว่าปีที่แล้วเพราะติดทริปฮ่องกงตอนต้นเดือนธันวาคมพอดีกับที่จะไปร่วมงานรับปริญญาน้องที่รู้จักกันที่จบจากเชียงใหม่ด้วย แต่ว่าการขึ้นเชียงใหม่คราวนี้ก็พอดีกับที่ภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลงอย่างมาก ขนาดอุณภูมิพื้นราบยังแค่ 9 – 10 องศา ฝนก็ตกปรอยๆทั้งวัน เล่นเอาหนาวยะเยือก แต่ก็ยังไม่หมดความพยายามที่จะตระเวณไปตามร้านอร่อยต่างๆเพื่อไปชิมอาหารเจ้าเด็ดมาฝากกันนะครับ

ถ้าคิดตามบล็อกของเจ้าของบล็อกจะทราบว่าเจ้าของบล็อกมีเพื่อนรักสมัยมัธยมเปิดร้านอาหารอยู่ที่เชียงใหม่คนหนึ่ง และเป็นความตั้งใจของเจ้าของบล็อกด้วยที่จะไปเยี่ยมเพื่อนรักคนนี้ทุกครั้งที่ขึ้นไปเชียงใหม่เพราะเพื่อนรักคนนี้หาเวลาเจอกันยากมากๆ แค่ได้เจอหน้ากันก็หายคิดถึงไปช่วงนึงแล้วครับ

ครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ เชียงใหม่

วิธีการไป ร้านครัวย่า หมู่บ้านเชียงใหม่เลคแลนด์ถนนคันคลองชลประทาน เชียงใหม่ ก็ไปไม่ยากครับ เอาเส้นทางที่ไปง่ายที่สุดนะครับ(เพราะเส้นทางไปร้านครัวย่ามีหลายเส้นทางแล้วแต่ว่าจะอยู่ใกล้ทางไหนมากกว่ากันครับ) เริ่มต้นเส้นทางที่ถนนสุเทพตรงประตูสวนดอกหน้าโรงพยาบาลมหาราช(ใกล้ๆวัดสวนดอก) ขับรถออกนอก “เวียง” ตรงๆมาเลยครับ จะผ่านคณะพยาบาลศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลมหาราช โรงพยาบาลประสาท คณะทันตฯ คุณะเภสัช ทางขวามือ (ทางขวามือเป็นเขตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นอาคารพาณิชย์ครับ) พอถึงแยกไฟแดงใหญ่ๆจะเป็นถนนเลียคลองชลประทาน (เรียกกันเล่นๆว่า “ถนนคันคลอง” หรือ “เส้นคันคลอง”) ซ้ายมือตรงหัวมุมจะเป็นตลาดใหญ่อีกตลาดหนึ่งรองจาก “กาดหลวง” และ“กาดต้นลำไย (กาด = ตลาด) คือ “กาดต้นพะยอม (ที่มีร้านโจ๊กชื่อดังคือ “โจ๊กศรีปิง” กับ “โจ๊กต้นพยอม” ไงครับ)” เราเลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ แล้วขับตรงไปเรื่อยๆตามคันคลองชลประทาน ประมาณ 3 กิโลเมตรทางขวามือจะเป็นร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดัง “คุ้มเวียงยอง”ให้เล็งทางซ้ายมือเอาไว้จะมีซุ้มเข้าหมู่บ้าน “เชียงใหม่ เลค แลนด์” อยู่ทางซ้ายมือเป็นซุ้มสูงๆสร้างในแบบทางเหนือครับเราเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านได้เลยขับตรงเข้าไปผ่านวงเวียนไปก่อนแล้วขับตรงๆไปตามถนนเลยครับถนนจะพาเราเลี้ยวซ้ายขับต่อไปอีกนิดเดียวก็จะเห็น  ร้านครัวย่า อยู่ทางซ้ายมือ (บ้านเลขที่ 122/128) ครับ

ก่อนจะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่เจ้าของบล็อกก็ได้นัดหมายกับ “อ้น” เพื่อนรักว่าจะแวะไปร้านในวันอาทิตย์ “อ้น” กระซิบว่าให้มาเร็วๆ วันอาทิตย์แขกเยอะเดี๋ยวจะเม้าท์มอยกันไม่เต็มที่ “อ้น” ยังกระซิบอีกด้วยว่าจะเตรียมเมนูเด็ดเมนูใหม่ๆ ทั้งคาวทั้งหวานไว้ให้ชิมอีกด้วย

พอถึงวันนัดหมาย เจ้าของบล็อกไปถึงร้านครัวย่า ตั้งแต่ตอนสายๆ หลังจากที่ได้ทำการทักทายคุณแม่ คุณพี่ เพื่อนอ้น และหลานๆ ไถ่ถามสารทุกข๋ดิบกันตามประสาเพื่อนรักที่นานๆจะเจอกันตัวเป็นๆซะที “เพื่อนอ้น” ก็รีบจัดอาหารมาเลี้ยงดูปูเสื่อทันที “เพื่อนอ้น” บอกว่าจัดให้อย่างแน่นทีเดียว

(อาหารและเครื่องดื่มไม่มีราคานะครับ ไม่ได้ถ่ายเมนูมา)

ระหว่างรออาหารเพื่อนอ้นก็สั่ง ยกล้อ มาให้ดื่มแก้กระหายก่อน 

กาแฟเย็นรสเข้มๆ หวานๆ ขมนิดๆ ชงแบบไทยๆ แล้วค่อยมาใส่นมข้นจืดก่อนดื่มได้รสหวานๆ มันๆ ชื่นใจแบบเข้มๆ ฮาร์ดคอร์จริงๆครับอีกแก้วเป็น น้ำกระเจี๊ยบ


รสหวานๆ หอมๆ เย็นๆ ชื่นใจ แก้กระหายแก้ร้อนได้ดีเชียวคราบอาหารสองเมนูแรกจริงๆแล้วตามเมนูเป็นอาหารจานหลัก แต่เจ้าของบล็อกสั่งมาเป็นอาหารทานเล่นครับ ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้


แค่อาหารจานแรกก็รู้แล้วว่าคนปรุงใส่ใจกับอาหารทุกจานแค่ไหน เมนูก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ไม่มีอะไรมากมายเลยนะครับ มีเส้นเซี่ยงไฮ้ที่ลวกแล้วจัดมาอย่างสวยงาม ปริมาณก็กำลังพอดี มีเนื้อหมูต้มนุ่มๆ ชิ้นใหญ่ๆ แล้วก็มีเครื่องเคียงเป็นน้ำซอสกับต้นหอม ผักชี และขิงที่สับละเอียด เรื่องการซอย – การสับต้องยกให้ร้านครัวย่าเค้าครับ เค้าซอยเค้าสับได้ละเอียดมากๆ เวลาจะทานเมนูก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ก็เอาน้ำซอสราดลงไปในปริมาณตามชอบ แต่กระซิบนิดนึงว่าราดน้ำซอสปริมาณเท่าที่ร้านครัวย่าให้มาจะอร่อยที่สุดครับ เพราะทุกเมนูได้มีการทดลองทำมาแล้วว่าปริมาณเท่าไหนๆถึงจะอร่อยที่สุด น้ำซอสก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ถึงจะเป็นสีออกคล้ำแต่รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ นะครับ แล้วพอเอาเครื่องโรยหน้า ต้นหอม ผักชีและขิงเล็กน้อยสับละเอียดโรยหน้าจะได้รสชาติที่ “สดชื่น” มากๆครับ .... ครับ .... อ่านไม่ผิดครับ อาหารคาวแต่รสชาติ “สดชื่น” ครับ อาจจะเป็นเพราะขิงสับละเอียด ต้นหอมผักชีสับละเอียด และน้ำซอสที่รสชาติออกหวานๆ เค็มๆ เบาๆ ก็ได้นะครับ ที่ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูอาหารคาวที่ “สดชื่น” ....เมนูที่เจ้าของบล็อกสั่งมาเป็นเมนูทานเล่นอีกเมนูหนึ่ง ข้าวมัน – ส้มตำ


เมนูนี้ละมุนละไมมากๆครับ ข้าวมันก็เป็นข้ามหุงด้วยน้ำกะทิที่ไม่มันมากนักและที่สำคัญคือไม่แฉะเลยครับ ข้าวเม็ดสวยและหอมกะทิมากๆ ส้มตำที่เสิร์ฟคู่กันก็เป็นส้มตำไทยรสชาติออกหวานมีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม นิดๆเท่านั้น เวลาทานก็จะทานแนมกับหมูฝอยผัดหวานช่วยเสริมกันทั้งรสชาติและรสสัมผัสครับ ถึงแม้เมนูนี้เป็นเมนูหนักเมนูหนึ่งแต่เจ้าของบล็อกคิดว่าก็สามารถเป็นเมนูทานเล่นได้อย่างสบายๆ ด้วยความที่ข้าวมันกะทิของร้านครัวย่านุ่ม ฟู รสละมุน ไม่หนักมาก ส้มตำที่ออกหวานๆ มีรสเผ็ดนิดเดียว ทำให้เมนูนี้สามารถเป็นเมนูทานเล่นระหว่างรอจานหลักได้เลยครับข้าวคลุกกะปิ


เมนูนี้เวลาจะทานจะต้องคลุกให้เครื่องทุกอย่างเข้ากันอย่างดี ถึงหน้าตาของเมนูนี้เวลาคลุกให้เข้ากันแล้วจะไม่สวยงามเท่ากับเมื่อตอนที่ยกมาเสิร์ฟ แต่รสชาติของข้าวคลุกกะปิเวลาคลุกเครื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วกลมกล่อมมากๆ มีหวานนิดๆของหมูหวาน รสเปรี้ยวของมะม่วงซอยที่ซอยมาอย่างละเอียดมากๆ และมีรสเผ็ดๆของพริกขี้หนูซอยเพิ่มเข้ามานิดๆ ทำให้รับประทานได้มากขึ้น คุณแม่ของ “เพื่อนอ้น” ได้อธิบายให้เราฟังว่ากะปิที่เอามาทำข้าวคลุกกะปิต้องสั่งมาแยกกับกะปิที่ตำน้ำพริกเพราะต้องใช้กะปิที่ทำจากเคยแท้ๆรสชาติติดหวานๆนิดๆที่ปลายลิ้นเท่านั้นทีนี้มาถึงอาหารจานหลักกันบ้างนะครับ ข้าวคั่วกลิ้งปลาสลิด


เมนูนี้ “เพื่อนอ้น” เอาปลาสลิดแห้งมาขูดเนื้อให้ฟูๆ แล้วนำไปทอดจนกรอบก่อนจะเอามาผัดกับน้ำพริกคั่วกลิ้งซึ่งตำกันเองและเป็นสูตรเฉพาของร้านครัวย่า คั่วกลิ้งปลาสลิดรสสัมผัสกรอบๆ หอมเครื่องแกงและใบมะกรูดที่ซอยละเอียดยิบๆเตะจมูกมาก่อนใครก่อนที่จะยกมาเสิร์ฟอีก รสของคั่วกลิ้งไม่ได้เผ็ดจี๊ดๆตั้งแต่คำแรกที่ตักเข้าปากเหมือนคั่วกลิ้งทั่วไปนะครับ แต่จะค่อยๆเผ็ดซึมลึกทีละนิดๆ รู้ตัวอีกทีตอนกินไปครึ่งจานเหงื่อเริ่มออกหัวครับ ดีที่เมนูนี้มีน้ำซุปมาให้ซดแก้เผ็ดด้วยขนมจีน - น้ำยา


เมนูนี้คาอยู่ในใจเจ้าของบล็อกตั้งแต่มาร้านครัวย่าตั้งแต่คราวที่แล้วครับ คราวที่แล้วสั่งขนมจีนน้ำพริกรสกลมกล่อม - เครื่องอลังการมาทานก็เลยยั้งเมนู ขนมจีน - น้ำยา เอาไว้ มาคราวนี้ก็เลยเลือกเมนู ขนมจีน - น้ำยา มาทานเป็นอย่างแรก ขอบอกว่าน้ำยาร้านครัวย่ารส “ผู้ดี” มากๆครับ แอบตักชิมเฉพาะน้ำยาก่อนก็ได้รสที่ละมุนมากๆ น้ำยาข้นด้วยเนื้อปลาที่โขลกลงไปในน้ำยา รสชาติเมื่อชิมครั้งแรกก็ไม่ได้ออกรสเผ็ดจี๊ดจ๊าดนะครับ น้ำยาออกรสเผ็ดก็จริงแต่เป็นรสเผ็ดที่ละมุนมากๆ พอทานๆไปเรื่อยๆ รสเผ็ดถึงมากขึ้นๆทีละนิดๆครับ และก็หอมเครื่องแกงที่โขลกกันเองในร้านมากๆเลยครับ

อันนี้แอบกระซิบท่านผู้อ่านนิดนึงนะครับเครื่องแกงบดด้วยเครื่องกับเครื่องแกงโขลกเองนั้นจะมีกลิ่นที่ต่างกันมากครับ เครื่องแกงที่บดที่มีขายตามตลาดทั่วไปจะผ่านการบดด้วยเครื่องเฉยๆ ไม่ได้ผ่านการตำ การขยี้ ความหอมของเครื่องสมุนไพรเช่น หอมแดง ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด จะน้อยกว่าเครื่องแกงที่ผ่านการขโลกด้วยครก เพราะการขโลกด้วยครกคือการตำให้กระทบกับของครกกับสากต่อมน้ำมันที่อยู่ในสมุนไพรต่างๆจะแตกออกและส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมาทำให้เครื่องแกงมีกลิ่นหอมอบอวลแล้วการผัดเครื่องแกงกับน้ำมันหรือกระทิก็จะทำให้น้ำมันหอมระเหยของสมุนไพรส่งกลิ่นหอมขึ้นไปอีกครับ เดี๋ยวนี้หาร้านอาหารที่ตำเครื่องแกงเองยากนะครับเพราะยุ่งยากเปลืองเวลา แต่ที่ร้านครัวย่ายังตำเครื่องแกงสูตรเฉพาะกันเองครับ “เพื่อนอ้น” บอกว่าเหนื่อยและเสียเวลากว่าก็จริงแต่จะให้ซื้อเครื่องแกงจากตลาดก็ไม่เอาครับสตูว์ลิ้นวัว


เมนูนี้ฝรั่งจ๋าเลยครับ ลิ้ววัวไม่ได้เหนียวจนเคี้ยวไม่ออกนะครับ เคี้ยวแล้วมันเด้งๆสู้ฟันมากครับ น้ำซอสก็กลมกล่อมมากๆครับออกรส หวาน ๆ เปรี้ยวนิดๆ ตามรสของซอสมะเขือเทศเท่านั้น ลิ้นวัวก็ชุ่มน้ำซอสมากครับ เคี้ยวไปๆน้ำซอสที่อยู่ในลิ้นวัวก็ค่อยๆซึมออกมาๆ ชุ่มฉ่ำมากๆครับ “เพื่อนอ้น” บอกว่าถ้าไม่กินเนื้อวัวก็มีสตูว์ลิ้นหมูให้เลือกชิมนะครับแกงมัสหมั่นไก่


แกงถ้วยนี้นอกจาก “เพื่อนอ้น” จะภูมิใจนำเสนอแล้วยังเป็นเมนูที่เจ้าของบล็อกอยากลองชิมมานานแล้วด้วย ด้วยเห็นรูปของ “เพื่อนอ้น” กับคุณแม่ที่ไปเลือกซื้อเครื่องเทศในตลาดที่ “เพื่อนอ้น” โพสลงใน FB แล้วรู้สึกได้เลยว่าแกงถ้วยนี้จะต้องหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับ ..... แกงมัสมั่นไก่ถ้วยนี้หอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ และหอมยิ่งกว่าแกงมัสมั่นของเจ้าไหนๆเพราะ “เพื่อนอ้น” บอกว่านอกจากจะเลือกเครื่องเทศมาใส่แกงมัสมั่นเองแล้วน้ำพริกแกงมัสมั่นที่ร้านครัวย่ายังตำแล้วผัดใหม่ๆกันแทบทุกวัน มีเครื่องเทศบางอย่างที่ใส่มากกว่าแกงมัสหมั่นของเจ้าอื่นๆถึงได้ทำให้แกงมัสหมั่นที่ร้านครัวย่าหอมฟุ้งจรุงใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญแกงมัสหมั่นไก่ถ้วยนี้ไม่มีมันลอยหน้าเลยนะครับ ดูข้นน่าซดแบบคลีนๆ น่ากินสุดๆ เพราะ “เพื่อนอ้น” บอกเคล็ดลับมาว่าตอนที่เคี่ยวไก่กับหางกะทิได้ช้อนมันไก่ทิ้งหมดครับแกงถ้วยนี้ถึงได้ดูน่ากินอย่างนี้ส่วนของหวานปิดท้าย “เพื่อนอ้น” ภูมิใจเสนอ ข้าวเหนียวน้ำกะทิ (สด) ทุเรียน ครับ

ข้าวเหนียวก็มูนโดยคุณแม่เองโดยใช้กะทิคั้นข้นๆจากตลาด คุณแม่เล่าให้ฟังว่าคุณแม่มักจะไปจู้จี้กับแม่ค้าเพราะอยากได้ของดีๆมาให้ลูกค้าทาน อย่างกะทิก็เหมือนกัน กะทิที่เอามามูนข้าวเหนียวก็ต้องเป็นกะทิขูดขาว ถ้าไปสั่งแม่ค้าคั้นก็ต้องให้แม่ค้าเค้าปอกเปลือกที่ดำๆจากเนื้อมะพร้าวทิ้งให้หมดถึงจะได้กะทิขูดขาวมามูนข้าวเหนียว กะทิที่เอามาทำน้ำกะทิก็จะต้องเอาแต่หัวกะทิ จากมะพร้าวขูด 2 – 3 กิโล คุณแม่ให้แม่ค้าคั้นเอาหัวกะทิมาเพียงกิโลเดียว คุณแม่ยกตัวอย่างให้ฟัง แล้วแม่ค้าสมัยนี้จะชอบเอามะพร้าวแช่น้ำก่อนขูดกะทิที่ได้จะเสียง่าย สังเกตุจากที่ตั้งกรทิไว้ข้างนอกตู้เย็นไม่นานก็จะมีกลิ่นไม่ดี คุณแม่มีเคล็ดลับก้นครัวที่ง่ายๆ แบบที่คิดไม่ถึงในการรักษาน้ำกะทิ (สด) ทุเรียนไม่ให้เสีย .... แต่จะเป็นเคล็ดลับอะไรต้องไปถามคุณแม่กับตัวดูเองนะครับ

ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน (สด) ถ้วยนี้หวานไม่มากครับและได้ความหอมมันจากหัวกะทิคั้นสดมาเต็มที่ ข้าวเหนียวมูนที่ใส่มาก็เม็ดสวย หอมละมุน ส่วนทุเรียนที่เอามาทำเมนูนี้ก็เป็นทุเรียนพันธุ์ชะนี .... ทุเรียนชะนีซื้อที่กรุงเทพฯก็ว่าแพงแล้วลองไปซื้อที่เชียงใหม่ซิครับ แพงกว่ากรุงเทพฯหลายเท่านัก แล้วคุณแม่ใส่เนื้อทุเรียนมาต่อถ้วยไม่ใช่น้อยๆเลยครับ ถามคุณแม่ว่าทำไมไม่ใช้ทุเรียนพันธุ์อื่นคุณแม่บอกว่าทุเรียนพันธุ์ชะนีมีกลิ่นหอม มีรสหวานๆ มันๆ ถ้าเป็นหมอนทองไม่เหมาะเอามาทำน้ำกะทิทุเรียนเพราะว่าจะติดรสขมๆที่ปลายลิ้นได้กลับมากินข้าวร้านครัวย่าอีกครั้งก็เหมือนกับการที่ได้มากินข้าวบ้านเพื่อนรักอีกที “เพื่อนอ้น” ถ่ายทอดเอาฝีมือของคุณแม่มาครบถ้วนทุกอย่างตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ เอาใจใส่ในการปรุงอาหารนอกจากเพื่อจะให้อาหารออกมาแบบเน้นคุณภาพแล้วยังเป็นการเอาใจลูกค้าด้วยอาหารที่อร่อยและดีอีกด้วย มาคราวนี้เห็นความมั่นใจในการเป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีคุณภาพฉายแววชัดๆในสายตาคุณเพื่อนก็ให้ภูมิใจและดีใจกับ “เพื่อนอ้น” ด้วยจริงๆครับ

 

"Hoppipolla" เป็นร้านสเต็กสุดฮิปที่ตั้งอยู่ตรง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยร้านจะตั้งอยู่เส้นสะเมิง ต้องสังเกตุป้ายให้ดีๆนะคะ เพราะระวังจะเลยที่บอกว่าร้านนี้เป็นร้านสเต็กสุดฮิปก็ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก แต่เป็นที่ความอาร์ทของร้านนี้ต่างห่าง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตัวร้านที่ตกแต่งได้ฮิปสุดๆ คือร้านนี้จะเป็นร้านเล็กๆสีขาวที่ตั้งอยู่ติดเขา โดยด้านหลังจะมีลำธาร มีน้ำไหลตลอดเวลา บรรยากาศนี่ดีเลยทีเดียว และข้างร้านสีขาวจะมีครัวเล็กๆที่เอาไว้สำหรับปรุงอาหาร
ส่วนโต๊ะจะมีประมาณ3-4ตัว ตั้งอยู่ตรงด้านหน้าและด้านหลังริมลำธาร
และที่นี่จะมีที่นั่งแค่โซน outdoor เท่านั้นนะคะ ส่วนด้านในบ้านสีขาวจะเป็นห้องน้ำและเป็นเหมือนบริเวณของเจ้าของร้าน แต่เราก็เข้าไปได้นะ ไปถ่ายรูปด้านในอะไรได้ เพราะด้านในก็ตกแต่งได่แนวดีเหมือนกันส่วนเรื่องฮิปเรื่องต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องการมาทานอาหารที่นี่ โดยลูกค้าที่จะมาทานอาหารที่นี้ได้จะต้องจองล่วงหน้าก่อนค่ะ ไม่มีแบบ walk-in ซึ่งแต่ละวันจะมีการจำกัดลูกค้าเพียง10โต๊ะเท่านั้น เรียกได้ว่าไม่ฮิปจริงทำไม่ได้นะเนี่ยแต่ความจริงแล้วจากที่ได้มีโอกาสลองคุยกับเจ้าของร้านจึงทราบว่า การที่ให้มีการจองก็คือเพื่อที่ทางร้านสามารถเตรียมอาหารได้แบบไม่ต้องสต๊อคของเยอะ และเป็นการจัดการจัดสรรกับสถานที่ของร้านที่มีพื้นที่เพียงน้อยนิดให้มีความเหมาะสม เพื่อลูกค้าจะได้มีที่นั่งทานแบบไม่เสียอารมณ์ ว่ามาแล้วจะไม่มีที่นั่ง เพราะอย่างที่บอกว่าที่นั่งของทางร้านมีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ จริงๆแนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่ชาญฉลาดมากค่ะ นับถือพี่เจ้าของร้านเค้าเลยคราวนี้มาพูดถึงอาหารกันบ้างดีกว่าค่ะ อาหารที่นี่เค้ามี เสต็กต่างๆ และเบอร์เกอร์ ซึ่งสเต็กนี่ก็มี ซี่โครงหมู แซลม่อน เนื้อ ไก่
วันที่ไปอยากทานเนื้อมากแต่ที่ร้านบอกว่าหมด เลยอดไปตามระเบียบ แต่ก็ลองสั่งเมนูเด็ดอีกเมนูมาลองทาน นั่นก็คือ-สเต็กซี่โครงหมูบาบีคิว ไซส์L (400฿) ซึ่งพี่เจ้าของร้านบอกว่า ชิ้นนี้สามารถทานได้ประมาณ4คน แต่เราไปกัน2คน พี่เค้ากลัวว่าจะทานไม่หมด เราเลยยืนยันที่จะสั่ง เพราะตั้งใจจะมาทาน ซึ่งไซส์เล็กหมดก็ไม่เป็นไรค่ะ ไซส์ใหญ่ก็จัดมาพอมาเสิร์ฟก็ถึงกับผงะไปนิดนึง พร้อมอุทานในใจว่า "โอ้ แม่เจ้า อะไรจะใหญ่ปานนั้น" แต่ถึงชิ้นใหญ่แค่ไหนเพื่อนที่ไปด้วยก็ทานหมดสบาย พี่เจ้าของร้านมีแอบตกใจ555 สำหรับซี่โครงหมูบาบีคิวสะพานโค้งไซส้ใหญ่ชิ้นนี้ เป็นซี่โครงหมูที่หมักมาเป็นอย่างดี แถมซอสตัวที่ราดมารสชาติก็อร่อยใช้ได้ เผ็ดๆหวานๆทานแล้วติดใจมากๆ เนื้อหมูก็นุ่มดี แทะซี่โครงกันเพลินเลยค่ะ และนอกจากซี่โครงหมูชื้นโตแล้ว ภายในจานยังมีผลไม้นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นส้ม ที่มาแบบหั่นเป็นแว่นเยอะมาก ประมาณลูกนึงได้มั้งคะ มาพร้อมกับองุ่นพวงโต และข้างใต้มีต้นอ่อนทานตะวันรองหมูอยู่ด้วย ส่วนเฟร้นฟรายที่นี่ไม่มีนะคะ เค้าจะเสิร์ฟมันฝรั่งทอดกรอบแทน
สำหรับจานนี้ถือว่าอร่อยมาก อร่อยสุดๆ อร่อยทุกอย่างในจานเลย ปลื้มค่ะปลื้ม
มาถึงเมนูต่อไปกันบ้าง เมนูนี้เป็น-สเต๊กปลาแซลม่อน (300฿) เป็นปลาแซลม่อนชิ้นขนาดกลาง หนาพอประมาณ ย่างไฟมาร้อนๆวางบนใบทารากอน(ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนว่ามันคือใบอะไร โดยพี่เจ้าของร้านบอกว่ามันคือสมุนไพรทานได้) เสิร์ฟมาพร้อมองุ่นพวงโตและมันฝรั่งทอดกรอบ มีสาหร่ายเย็นมาให้ด้วย1ช๊อท พร้อมซอสอะไรไม่แน่ใจรสชาติหวานๆคล้ายน้ำผึ้ง สำหรับจานนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ ตัวเนื้อแซลม่อนสดดี แถมยังมีกลิ่นหอมจากใบทารากอนด้วย แปลกและอร่อยดีค่ะรสชาติอาหารของที่นี่อร่อยมาก ไม่ผิดหวังที่อุส่าห์ขับรถมาจากในเมืองเพื่อมาทาน
การบริการนี่ดีมากๆค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าพี่แกจะฮิป จะติสแบบคุยกับลูกค้าไม่รู้เรื่อง ที่ไหนได้ คุยเก่งและเป็นกันเองมากๆค่ะ ประทับใจสุดๆ
สำหรับร้านนี้ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่ประทับใจมากร้านนึงที่ได้ไปเยือนเชียงใหม่เลยทีเดียว ชอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นร้านที่แนว แปลก ไม่เหมือนใคร และรสชาติอาหารที่โดดเด่น รวมถึงการบริการที่แสนดี พูดได้คำเดียวว่าประทับใจมากค่ะ ถ้ามีโอกาสไปเชียงใหม่จะแวะไปลองเมนูอื่นแน่นอนค่ะ

camp meating เป็นแคมป์ที่เหมาะสำหรับผู้มีใจรักในธรรมชาติและการปิ้งย่างบาร์บีคิวค่ะ โดยที่ตั้งของแคมป์นี้ตั้งอยู่ในค่ายตากสิน กองพันสัตว์ต่าง ทางไปอำเภอแม่ริมค่ะ เห็นว่าอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 7 กม.ค่ะ เรามาเที่ยวครั้งนี้ไม่มีรถส่วนตัวมาเอง อาศัยเรียกแท็กซี่เข้ามาส่งที่จุดนัดพบ สนนราคาค่ารถ 350 บาท โดยงานจะเริ่ม 16.30 น. ยาวไปถึง 22.00 น. ยกเว้นคนที่นอนพักที่แคมป์ค่ะ ซึ่งคืนๆหนึ่งรองรับคนที่มาปิ้งย่างได้ประมาณ 100 คน แต่คนที่สามารถพักที่นี่ได้รับแค่ 12 คนค่ะ รายละเอียดดูได้ในเฟสบุ๊คของทาง camp meating ค่ะ
   
   สำหรับเราโทรมาจองล่วงหน้า และเลือกนอนค้างด้วยเพราะไม่มีรถส่วนตัวกับอยากเปลี่ยนบรรยากาศมานอนเต้นท์บ้าง โดยราคานอนต่อคืน คนละ 750 บาท ส่วนราคาชุดปิ้งย่าง ของเรากับเพื่อนเลือกเป็นชุดหมู ชุดละ 1000 บาทต่อคนค่ะ นอกจากหมูก็มีเนื้อวัว เนื้อแกะด้วย ซึ่งราคาจะสูงขึ้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะคนละ 1500 ค่ะ
  
    การมาที่นี่จริงๆจุดประสงค์หลักของเรา คือมาเสพบรรยากาศสวยๆ ที่แบบเห็นในรูปแล้วมันสวยจริงๆพอได้มาจริงๆก็ไม่ผิดหวังค่ะ เรามาถึงจุดนัดพบเวลา 16.30 น รอรถของทางแคมป์มารับเข้าไปด้านใน พอถึงก็ลงทะเบียนมีเวลคัมดริ๊งค์อร่อยๆ แล้วก็รอเวลาด้วยการถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ นอกจากนั้นก็มีกิจกรรมอื่นให้ทำ เช่น ขี่ม้า พายเรือ วาดรูปค่ะ ทางพนักงานก็จะจัดโต๊ะให้แล้วรอซัก 18.00 น.ก็จะเริ่มจุดถ่าน เสิร์ฟชุดปิ้งย่าง มีเมนหลักคือ เนื้อหมูชิ้นใหญ่คนละ 1 ชิ้น ไส้กรอก ผักสดๆและเห็ดออรินจิ น้ำแข็ง น้ำแร่ฟรีค่ะ มีเครื่องเคียงด้วยพวกมันบด หอมซอยในมายองเนส (เรียกไม่ถูก--") อยู่ในฟอยล์ให้เราเอาไปย่างได้ค่ะ 
   
    ย่างไปซักพักก็มืดแล้วค่ะ มีดนตรีสดด้วย เพลงเพราะ บรรยากาศแบบดีมาก โรแมนติกสุด ฮ่าๆ ส่วนรสชาติผักกับเห็ดนี่ฟินมากค่ะ รู้สึกว่าสดจริงๆ ใช้วัตถุดิบดีค่ะ ส่วนเนื้อหมูนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับการย่างของเราด้วยล่ะ ของเราย่างแล้วแข็งไปหน่อยเลยไม่ค่อยอร่อยกับเนื้อหมูเท่าไรค่ะ 
  โดยรวมชอบที่นี่มากค่ะ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าคุ้มค่า เพราะเราเน้นบรรยากาศกับประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งที่นี่ก็ตอบโจทย์เราค่ะ 😊😊

ร้านก๋วยเตี๋ยว ในหมู่บ้านที่ดูจะธรรมดา  แต่ร้านไม่ธรรมดาเลย

ท่ามกลางบรรยากาศหมู่บ้านเล็ก หมู่บ้านที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีร้านอะไรให้นั่งทาน แต่บังเอิญขับเข้ามาด้วยความที่เจ้าถิ่นเค้านั่งทานอยู่และแนะนำให้มานั่งทานด้วยกัน  มาตั้งแต่บ่ายแก่ จนพระอาทิตย์ตกดิน  อิอิ..  ร้านนี้เป็นร้านที่ลูกสาวสุดน่ารักของคุณแม่เจ้าของร้านที่น่ารักมาเปิดให้เพื่อให้คุณแม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่บ้าน เนื่องจากคุณแม่เป็นคนทำก๋วยเตี๋ยวอร่อย(อร่อยมาก)
คุณแม่น่ารักมากเลยคะ นั่งเฝ้าจะกินเสร็จ ร้านเปิดถึง 20:00 น. 

พิกัด : ร้านอยู่ใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่  ตรงมาทางขึ้นดอยอินทนนท์ ผ่านเทคโนโลยีราชมงคลล้านนามาอีกสักประมาณ 500 เมตร  น่าจะได้ถ้าจำไม่ผิด จะเจอแยกเหมือนทางเข้าหมู่บ้านใหญ่ๆหน่อยเลี้ยวมาทางเดี๋ยวกับสมอฟาร์ม ผ่านสมอฟาร์มไปอีกสักนิดหน่อยแล้วก็จะเจอเจอทุ่งนา ตรงมาเรื่อยๆจนจะเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำ ขับตรงไปอีกสัก 200 เมตร จะเจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายจะมีป้ายบอกตลอดทางไม่ต้องกลัวคะ แต่ป้ายจะเล็กๆหน่อย หาให้เจอคะ..อิอิ ป้ายจะดำๆ เล็กๆ  ตรงมาแล้วจะเจอสามแยกอีกทีให้ทีให้ตรงไปอีก ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือค่ะ ขับตรงไปจะมีที่จอดรถและกลับรถคะ  ไม่ต้องกลัวเลย เค้าเตรียมไว้ให้หมด

บรรยากาศ : เรื่องของบรรยากาศไม่ต้องพูดถึงเลย ร้านเป็นแบบบรรยากาศย้อนยุคแบบร่วมสมัย เอาความย้อนยุคและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายเข้ามาประยุกต์ในการตกแต่งร้าน และทั้งใช้ในวัสดุในการบรรจุใส่อาหาร ไอเดียในการทำร้านดีมาก คือตอนอยู่หน้าร้านก็เฉยๆนะ แต่พอเดินเข้าไปแล้วชอบมาก 555 โต๊ะนั่งจะเป็นรูปแบบนั่งกับพื้น ไม่ต้องกลัวนะพื้นสะอาดดีคะ ไม่มีขี้ฝุ่น  แต่จะนั่งลำบากนิดหนึ่งสำหรับคนหัวเข้าไม่ดี (ทางร้านเค้าก็มีแบบโต๊ะนั่งสำหรับคนขี้เกียจนั่งพื้น หรือ หัวเข่าไม่ดีอยู่นะคะ อิอิ) แต่ให้ดีมากินอาหารที่กินบรรยากาศไปด้วย  มันจะเริ่ดสุดๆ เราว่านะ..อินเนอร์มาเต็มรสชาติ : บอกไว้ก่อนว่าที่นี่ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก รับรองความอร่อยได้เลยว่าต้องถูกใจใครหลายๆคน  เพราะเราเป็น 1 คนที่เวลาทานก๋วยเตี๋ยวที่ไหนก็ตามจะไม่ปรุง อร่อยไม่อร่อย ต้องถามคนที่ทานก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ปรุง เนื่องจากเค้าจะรับรู้รสชาติของน้ำซุปที่แท้จริงแล้วว่า รสชาติไหนที่อร่อย  เพราะฉะนั้นคอนเฟริมเรื่องรสชาติว่ามันอร่อยของจริง!!อาหารแต่ละอย่างไม่หวงเครื่องและวัตถุดิบ แบบว่ามาเยอะมาก  และราคาก็ไม่แพง  เริ่มต้นที่ 30 เองอะ คือมันได้เยอะ และราคาไม่แพง 
** อีกเมนูที่แนะนำคือ "ซุบกระดูกหมู" ราคา 35 บาท  แต่อร่อยแบบเวอร์ๆๆๆ  เพียงแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา  เพราะมานั่งทานดึก มันเป็นกับแกล้มหมดแล้ว เวลาถ่ายเลยไม่ทัน ***น้ำซุปกับกระดูกอ่อนนั้นสุดยอดมา เข้าปากคำแรกแทบจะละลายในปากเลย ถ้ามีโอกาสได้ไปอีก  จะสั่งซื้อใส่ถุงกลับบ้านเลย เพราะมันอร่อยจริงๆๆๆๆ

การบริการ : เรื่องนี้หายห่วงเจ้าของร้านยริการดีคะ นั่งยาวไปนิดแกก็นั่งดูแลเราจนเรากลับ สุดยอดค่ะ น่ารักมากๆถึงร้านจะมีเจ้าแมวเหมียว  แต่ขอบอกว่ามันไม่สนใจเรา  แค่ไปถ่ายรูปมัน มันยังลุกหนี  ไม่ต้องกลัวเรื่องมันจะมากวนเราเวลารับประทานอาหาร มันอยู่แบบว่าตัวใครตัวมันเลยแหละ!!

"Koland" เป็นร้านที่ตั้งอยู่กลางนิมมาน ซ.1 เดินเข้าซอยไปเล็กน้อยก็จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือแล้วค่ะ ซึ่งเดินผ่านหน้าร้านแทบจะไม่รู้เลยว่าร้านนี้เค้ามีอาหารคอยให้บริการด้วย ทราบมาว่าร้านนี้แต่เดิมขายของแต่งบ้านเก๋ๆ มีดีไซนด์ แนวจีนผสมโมเดิร์นอาร์ทและภายหลังได้แบ่งพื้นที่ภายในร้านบางส่วนไว้คอยให้บริการอาหาร ขนม และชาแก่ลูกค้าด้วย เพราะฉะนั้นโต๊ะภายในร้านจึงมีแค่ไม่กี่ตัวซึ่งภายในร้านจะเต็มไปด้วยของตกแต่งที่เป็นของที่ขายซะส่วนใหญ่ โดยของในร้านแต่ละชิ้นดูแปลกตาเป็นอย่างมาก บางชิ้นเป็นสัตว์สต๊าฟ บางชิ้นเป็นของหายากที่เรามักจะไม่ค่อยเห็นตามท้องตลาดก็มีเรียกได้ว่าเดินดูรอบๆร้านก็เพลินและแปลกตาดีเหมือนกันค่ะ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นคราวนี้มาพูดเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าค่ะ อาหารของที่ก็แปลกเหมือนของในร้านอย่างที่บอกไปเมื่อกี้เลยค่ะ ซึ่งที่นี่ก็มีเมนูแปลกๆที่ไม่เคยได้ทานที่ไหนมาก่อน โดยพี่เจ้าของร้านผู้ใจดีได้ภูมิใจนำเสนอเมนูนี้เต็มที่ ก็เลยลองสั่งมาทานดู โดยเมนูที่ว่านั้นก็คือ "ยำเกสรชมพู่ดอกมะเหมี่ยว(280บาท)" โดยเมนูนี้จะเป็นยำกุ้งตัวโตๆ น้ำยำรสชาติเปรี้ยวจัดจ้าน ด้านบนโรยด้วยไก่สับ และเกสรชมพู่มะเหมี่ยวสีชมพูดูสีสันสดใส น่าทาน รสชาติอร่อยมาก ไม่คิดเลยว่าเกสรชมพู่มะเหมี่ยวจะสามารถทานได้ และไม่มีรสชาติขมแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะว่าทานกับน้ำยำรสชาติจัดจ้านด้วยมั้งค่ะเลยอร่อย ซึ่งเมนูนี้ พี่เจ้าของร้านมาเสิร์ฟแล้วพูดว่าที่รอนานเพราะว่าทางร้านเราทำจานต่อจาน ปรุงน้ำยำสดใหม่ ไม่มีการทำไว้แล้วมาราดทีหลัง เพราะฉนั้นเลยช้าหน่อย ส่วนเราก็ค่อนข้างพอใจกับเมนูนี้มากๆ เพราะรสชาติที่ได้รับมันเป็นแบบที่พี่เค้าพูดจริงๆ รสชาติสด ใหม่มากๆ ไม่เสียใจเลยที่รอทานสำหรับเมนูต่อไปที่ได้ลองทานคือ "ตำสตอร์เบอรี่(250บาท)" อันนี้พี่เค้าบอกว่าสตอร์เบอรี่ของที่ร้านปลูกเองทั้งหมดที่สวนของเค้าเอง เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ว่าปลอดภัยไร้สารแน่นอน สำหรับเมนูนี้ก็ไม่ผิดหวังเหมือนกันค่ะ สตอร์เบอรี่ชามโตคลุกเคล้ามาในน้ำยำหวานเปรี้ยว มีเผ็ดแค่เล็กน้อย ด้านข้างมีปลาตัวเล็กตัวน้อยรสชาติออกเค็มใส่มาด้วย เอาไว้ทานกับตำสตอร์เบอรี่รสชาติเปรี้ยวหวานเข้ากันดีค่ะ และมาถึงเครื่องดื่มกันบ้างค่ะ ไหนๆพี่เค้าก็บอกมาว่าสตอร์เบอรี่ของเค้าสดและปลอดภัยขนาดนี้ เราก็ขอลองเมนู"strawberry smoothie (120บาท)" แบบทานสตอร์เบอรี่ให้จุใจไปเลย สำหรับแก้วนี้สดชื่นมากๆค่ะ สตอร์เบอรี่ของเค้าดีจริงๆหลังจากทานของคาวเรียบร้อยแล้ว เราก็มาปิดท้ายด้วยของหวานกันบ้าง ลองสั่ง "เค้กช๊อคโกแลตมะพร้าวอ่อน (120บาท)" มาทาน รสาติอร่อยใช้ได้ค่ะ เค้กเนื้อแน่นดี เสิร์ฟคู่กับวิปครีม ทานด้วยกันเข้ากันดีค่ะอ่อ!!! ลืมบอกไปเลยค่ะ ตอนระหว่างรออาหาร ทางร้านได้นำชาเพอร์ฟูมรสชาติหอมหวานกับสแน็คต่างๆมาให้ทานด้วยค่ะทานเพลินลืมไปเลยว่ารอนาน (ขนาดของฟรีที่ให้ทานยังอร่อยเลยค่ะ)สำหรับร้านนี้พูดได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งร้านในเชียงใหม่ที่ประทับใจมากร้านนึงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบร้านที่เก๋และแปลกตา เดินเข้าไปในร้านเหมือนกับหลุดเข้าไปอีกโลกนึงเลยค่ะส่วนอาหารของที่นี่ก็พูดได้คำเดียวเลยว่าดีมาก อร่อยทุกเมนู(ที่ได้ทาน) เรื่องการบริการของที่นี่ก็ดีตามร้านและอาหารเลยค่ะ พี่เจ้าของร้านบริการดีมากๆ คอยเทคแคร์ลูกค้าทุกโต๊ะ มาพูดมาคุย มาแนะนำอย่างเป็นกันเอง น่ารักมากค่ะ จริงๆถ้ามีโอกาสได้กลับไปเชียงใหม่อีกครั้งก็อยากจะแวะไปร้านนี้อีกรอบ แต่จากการที่ได้พูดคุยกับพี่เจ้าของร้าน พี่เค้าบอกว่าร้านอาจจะอยู่ตรงนี้ไม่นานแล้ว เพราะทางมูลนิธิที่เป็นเจ้าของที่ตรงนี้เค้าจะขอพื้นที่คืน เพราะฉะนั้นร้านนี้อาจเปิดถึงแค่เดือนมกราคมปีหน้าเท่านั้น ถ้าหากมาแล้วไม่เจอก็ให้ไปหาที่ตรงสวนบนดอยที่บ้านพี่เค้า เพราะเค้ากำลังจะยกโคแลนด์ไปไว้ที่นั่น ซึ่งก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าร้านใหม่จะไปตั้งที่ดอยไหน แต่ที่แน่ๆรู้ว่าไกลตัวเมืองแน่นอน เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสได้ไปโคแลนด์(ที่ใหม่)อีกก็จะมาเล่าให้ฟังอีกรอบแล้วกันว่าเป็นยังไงค่ะ สำหรับใครที่อยากไปทานอาหารที่ร้านนี้ก็รีบๆหน่อยแล้วกันนะคะ ก่อนที่เค้าจะย้ายไปไกล...

ร้านนี้เป็นร้านอาหารชาวเหนือที่เราติดใจอีกร้านหนึ่ง ถึงร้านจะอยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองอยู่หลายโลเหมือนกัน แต่ว่าพอไปถึงแล้วได้กินอาหารเหนือแบบจริงจังก็คุ้มไม่น้อยเลยค่ะ
ร้าน เฮือนใจ๋ยอง
(ที่ตั้งและการเดินทาง)
ร้านอยู่ในอำเภอสันกำแพง วิ่งออกจากตัวเมืองมาเส้นลำปาง แล้วก็จะมีทางแยกไปสันกำแพง
ตัวร้านเป้น บ้านเก่าใต้ถุนสูง ที่ใต้ถุนเขาก็ทำเป็นโต๊ะ ของร้าน แล้วก็มีอีก โซนเป็น อีกหลังก็มีที่นั่งเหมือนกัน ที่นั่งเยอะอยู่แต่คนก็เต็มตลอดเวลาเหมือนกันอาหารเป็นอาหารเหนือ ที่เราอ่านชื่อแล้วก็ไม่รู้จักว่ามันเป็นยังไง เราถามเขาได้ หรือไม่ก็ ลองดูที่เขามีรูปภาพประกอบก็ชวยได้อีกทางเหมือนกันค่ะ= ลาบคั่ว 60B=
ลาบเหนือเขาจะไม่เหมือนลาบอีสาน อันนี้เป็น ลาบแบบแห้งๆ อร่อยดีค่ะ แล้วก็จะไม่เผ็ดมาก หอมหมูดีด้วย เหมือนเขาเอาไปคั่วกับสมุนไพร ลาบเขาจะมีเครื่องในด้วย ใครที่ชอบเครื่องต้องชอบแน่นอน= จิ้มส้มหมกธรรมดา 30B=
ก็คือแหนม อันนี้อร่อยดีค่ะ เปรี้ยวๆ นิด ๆ ไม่เปรี้ยวมาก แล้วเขาเสริฟมากับพริกขี้หนูกับถั่วลิสง กินกับข้าวเหนียวก็อร่อยดีค่ะ= ไส้อั่ว 65B=
เราฉยๆ กับไส้อั่วเขาไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ เราว่าเขาย่างมาแห้งไปหน่อย แล้วรสชาติก็ยังไม่จัดแบบที่เราชอบมากหนะค่ะ ที่สำคัญมันแห้งไปเร่าว่า= น้ำพริกหนุ่ม (50B)
น้ำพริกหนุ่มเผ็ดสะใจ เขาเสริฟมากับ ฝักทอง ถั่งฝักยาว เราสั่งแคปหมูมาด้วย กินเข้ากันอร่อย ลืมสั่งหมูยอมาด้วย จะได้กินให้ครบชุด= น้ำพริกเห็ด
เราชอบอันนี้มากค่ะ มันนัว ๆ เขาเสริฟมากับ ฝักทองต้มเหมือนเดิม เราชอบเมนูนี้เลยค่ะ
กินอร่อยดีกับผักสดยิ่งอร่อย= แกงคัวไก่60B =
สั่งเมนูนี้มาเพราะเข้าใจว่าเป็นน้ำ ๆ อิอิ เข้าใจผิด มันก็แห้งๆ อะค่ะ แต่จานนี้ทุกคนชอบหมดเลย เพราะรสชาติดีหอมใบยี่หร่า อร่อยดีร้านนี้เป็นร้านที่เราชอบสุดในร้านอาหารเหนือ ขับมาไกลหน่อยแต่รสชาติ บรรยากาศคุ้มแน่นอนค่ะ

ร้าน ก๋วยจั๊บน้ำข้น อนุสาวรีย์สามกษัตริย์
(ที่ตั้งและการเดินทาง)
ร้านอยู่ตรงอนุสาวรีย์ สามกษัตริย์ แถบๆ นั้นร้านอาหารเยอะแยะเลย ค่ะ เดินวนๆๆ มีอาหารให้เลือกเยอะเลย 
ที่จอดรถก็วนๆ หาแถวนั้นได้เลยค่ะ
(บรรยากาศ)
บรรยากาศร้านเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบที่สุดของร้านนี้ 55 มันดูเฉอะแฉะตลอดเวลา ถ้าเขาทำให้ แห้งๆ เป็นจริงเป็นจังเราว่าร้านจะดีกว่านั้นเยอะเลย เพราะอาหารเขาอร่อยมากอยู่แล้ว
เมนูเขามีทั้งก๋วยจั๊บ เกาเหลา หรือถ้าเป็นข้าวก็สั่งเป็น ข้าวหมูกรอบมากินเล่นได้ หรือถ้า ติดใจหมูกรอบเขา สั่งมากินเล่นเปล่าๆ ได้เลย
= ก๊วยจั๊บ ไม่เอาเครื่องใน
เป็นคนไม่กินเครื่องในค่ะ ร้านนี้ เครื่องอลังการงานสร้างมาก ทั้งหมูกรอบ ไข่ หมูชิ้นแล้วที่เราชอบสุดๆ เป็นหนังหมูทอดกรอบๆ ชิ้นใหญ่ ใส่มาให้ด้วย หนังหมูกรอบอร่อยมากกก หมูกรอบเขาให้มาแบบชิ้นใหญ่เลยนะค่ะ ไม่อั้นเลย หมูหมัก ก็นิ่มมีรสชาติ
= ก๊วยจั๊บ แบบมีเครื่องใน
อีกอันที่เป็นจุดเด่นของเขาก็เป็น ไส้ที่เขาทำเป็นสูตรของเขา อัดหมูสับมาด้วย เราเคยกินครั้งก่อน อร่อยดีค่ะเครื่องในเขาไม่มีกลิ่นดีด้วยค่ะ
หรือใครจะสั่งเป็นเกาเหลากินกับข้าวให้อิ่มๆ กันไปก็ได้เลยนะค่ะ
ร้านนี้ รับรองมาแล้วอิ่มแน่ เครื่องใน เต็มชามสุดๆ 

และแล้วก็มาถึงร้านสุดท้ายที่ได้ไปชิมมาในเชียงใหม่ครับ (สุดท้ายซะที) เป็นร้านอาหารกลางวันก่อนบินกลับกรุงเทพฯ ร้านนี้เพื่อนสาวแม่เมืองเชียงใหม่แนะนำว่าเป็นร้านยอดนิยมในเชียงใหม่ในขณะนี้เลยทีเดียว กาแฟก็อร่อย อาหารก็ดีงาม ครับ

@ ขัวเหล็ก ถนนเชียงใหม่ – ลำพูน ริมแม่น้ำปิง เชียงใหม่


วิธีการมาร้าน @ ขัวเหล็ก ก็มาไม่ยากครับ จากถนนท่าแพมุ่งหน้าสะพานนวรัตน์ (สะพานข้ามแม่น้ำปิงตรงจวนผู้ว่า) ข้ามสะพานนวรัตน์แล้วเลี้ยวขวาวิ่งเลียบแม่น้ำปิงไปเรื่อยๆ พอเลยไฟแดงตรงสะพานเหล็กก็จะเห็นร้าน @ ขัวเหล็ก อย่างซ้ายมือครับ เราสามารถไปจอดรถได้ที่ริมปิงซุปเปอร์มาเก็ตได้ครับร้าน @ ขัวเหล็ก เป็นร้านอาหารประเภทคาเฟ่ มีทั้งอาหารจานเดียวเบาๆและกาแฟและเครื่องดื่มไว้คอยบริการ ทำเลที่ตั้ง ร้าน @ ขัวเหล็ก ก็ดีมากๆครับ เพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงเลย ใกล้ๆกับ “สะพานเหล็ก” หรือ “สะพานดำ” ซึ่งสร้างจำลองสะพานนวรัตน์อันเก่าไว้ คำว่า “ขัว” เป็นคำเมือง (ภาษาพื้นเมือง) แปลว่า “สะพาน” คำว่า “ขัวเหล็ก” จึงหมายถึง “สะพานเหล็ก” อันที่อยู่ใกล้ๆร้านนั่นแหละครับตัวร้าน @ ขัวเหล็ก เป็นอาคารเดี่ยวแบบ stand alone มีที่นั่งทั้งภายนอกและภายใน แต่โต๊ะที่นั่งริมแม่น้ำปิงจะมีเยอะกว่าด้านในเพราะจะเป็นที่นิยมของลูกค้ามากกว่าเพราะบรรยากาศดี วิวสวย มองเห็นแม่น้ำปิงเมนูของร้านจะแยกกันระหว่างเครื่องดื่มกับเมนูหนักนะครับเครื่องดื่มแก้วแรกที่สั่ง ชามะนาวเย็น ราคา 50 บาท


ชามะนาวแก้วนี้ชื่นใจจริงๆ ได้กลิ่นหอมๆ รสหวานๆ เฝื่อนๆ ของชากับรสเปรี้ยวๆของมะนาว เหมาะกับอากาศร้อนๆ ช่วยแก้กระหายและดับร้อบได้ดีจริงๆนะครับเครื่องดื่มแก้วที่สอง ชาไทยเย็น (Thai Tea) ราคา 50 บาท

ชาไทยเย็น (Thai Tea) - ชาไทยเย็นรสเข้มข้น ตัดรสให้นุ่ มลงด้วยฟองนมรสนุ่มๆ ... ฿ 65

1

ชาไทยเย็น (Thai Tea) - ชาไทยเย็นรสเข้มข้น ตัดรสให้นุ่ มลงด้วยฟองนมรสนุ่มๆ ... ฿ 65

เครื่องดื่มแก้วที่สาม กีวี่สมูทตี้ ราคา 65 บาท


เครื่องดื่มทั้งสองแก้วไม่ได้ชิมครับ แต่จากการสัมภาษณ์คนสั่งทั้งสองคนแล้วบอกว่าชาไทยเข้มข้นดีมากๆ แต่ไม่ได้ถามว่าได้รสชาติเอียนๆของฟองนมหรือเปล่าเพราะโดยส่วนตัวเจ้าของบล็อกไม่ชอบชาไทยแบบใส่ฟองนมอ่ะครับ สำหรับกีวี่สมูทตี้เจ้าของแก้วบอกว่าเข้มข้น หวานชื่นใจมากๆเลยครับอาหารจานแรก สลัดไก่ทอดครีมมะนาว ราคา 85 บาท


สลัดจานนี้คุ้มมากๆครับ จานใหญ่มากกกก ขนาดกินกันได้ 2 คนทีเดียว ผัดสดๆ กรอบๆ ราดน้ำสลัดมาเต็มที่ ในน้ำสลัดก็มีรสของมะนาวกับใบพาสลีย์อยู่ด้วยจึงได้รสเปรี้ยวนิดๆของมะนาวกับกลิ่นหอมๆของใบพาสลีย์ทำให้น้ำสลัดมีรสแตกต่างไปจากครีมสลัดที่คุ้นเคยกันดี ทำให้เกิดรสแปลกใหม่ กินได้ไม่เบื่อเลยครับอาหารจานที่สอง ไข่กระทะ ราคา 55 บาท


อาหารจานนี้เป็นของเจ้าของบล็อกเองครับ บางท่านอาจจะคิดว่าแปลกทำไมสั่งไข่กระทะมากินเป็นอาหารกลางวัน .... เจ้าของบล็อกขอตอบว่า “เจ้าของบล็อกรู้สึกอิ่มจนท้องจะแตกครับ” ... เพราะตั้งแต่เช้าวันนั้นก็มีของลงท้องไปแล้ว 4 ร้าน เริ่มตั้งแต่ก๋วยจั๊บสามกษัตริย์ ร้านเค้ก Sweet Stories ร้านกาแฟ อาข่า อาม่า ไม่รวมอาหารจิ๊บๆ จ๊อยๆ เล็กๆ น้อยๆ ตามรายทางอีกด้วย ถึงแม้ว่าแต่ละร้านจะกินไม่เยอะแต่ว่ารวมๆแล้วก็เยอะพอที่จะทำให้อืดได้นะครับและที่สำคัญไม่ได้ออกแรงไปเที่ยวที่ไหนกันเรย ลงจากรถก็เข้าร้านอาหารกันทุกครั้งไปอาหารจานที่สอง สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ ราคา 89 บาท

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

0

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

0

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

0

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

0

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

0

สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำ - สปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำรสเข้ มข้น ไก่ก็นุ่มมากๆ ... ฿ 89

และอาหารจานสุดท้าย สปาเกตตี้คาโบนาร่า ราคา 89 บาท

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่า ... ฿ 89

2

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่า ... ฿ 89

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่า ... ฿ 89

2

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่า ... ฿ 89

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่า ... ฿ 89

2

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่า ... ฿ 89

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่าง ... ฿ 89

2

สปาเกตตี้คาโบนาร่า - สปาเกตตี้รสนุ่มๆ รสเข้มข้น มี เบคอนทอดกรอบโรยมาด้วยให้ texture ที่แตกต่าง ... ฿ 89

อาหารทั้งสองจานนี้เจ้าของบล็อกชิมไปจานละคำครับ เจ้าของบล็อกคิดว่าราคา 89 บาทก็เหมาะสมกับทั้งสองจานนนะครับ ให้มาแบบอิ่มพอดีๆ ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป รสชาติของทั้งสองจานก็เข้มข้น อร่อยทีเดียวครับ ไก่ในสปาเกตตี้ไก่พริกไทยดำก็นุ่ม หอมพริกไทยดำ และมีรสเผ็ดร้อนนิดๆ เข้ากันกับสปาเกตตี้มากเลยครับ ส่วนสปาเกตตี้คาโบนาร่าซอสก็เข้มข้น โรยเบคอนทอดกรอบทำให้เกิด texture กรุบๆ กรอบๆ ตัดกันกับความนุ่นเหนียวของเส้นสปาเกตตี้และความหอม ข้น มัน ของซอสครับร้าน @ ขัวเหล็ก เป็นร้านอาหารและร้านกาแฟที่มีบรรยากาศดี วิวสวย และอาหารและเครื่องดื่มอร่อยครับ ถ้ามีโอกาศได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ก็อย่าลืมแวะลองชิมกาแฟกับอาหารและขนมที่ร้านนี้ด้วยนะคราบ

Chubby Lawyer’s Café’ ………………………………… ร้านอร่อย ....... ตามใจฉัน

ร้านอาหารร้านต่อไปในการรีวิวร้านอาหารในทริปเชียงใหม่ที่ทรหดมากๆ เป็นร้านกาแฟครับ ร้านนี้ได้รับการแนะนำจากเพื่อนสาว (แท้) แม่เมืองเชียงใหม่ของเจ้าของบล็อกเองตั้งแต่ที่คุยกันวันแรกๆที่มาถึงเชียงใหม่ครับ เพิ่งจะได้มีโอกาศไม่ชิมเอาเมื่อวันจะกลับนี่แหละครับ อิอิอิ

ร้านกาแฟ อาข่า อาม่า สันติธรรม

ร้านกาแฟ อาข่า อาม่า สันติธรรม วิธีการไปค่อนข้างจะซับซ้อนครับ อาจจะลำบากนิดนึงสำหรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเคยมาเชียงใหม่เป็นครั้งแรกๆเพราะร้านจะอยู่แยกออกไปจากถนนใหญ่เข้าไปในชุมชนครับ เริ่มต้นจากโรงแรมโลตัสปางสวนแก้วบนถนนห้วยแก้วนะครับ (น่าจะเป้นจุดที่ทุกคนรู้จักมากที่สุด) มุ่งหน้าเข้ามาในเวียง (กำแพงเมือง) เลี้ยวซ้ายตรงไฟแดงเข้าซอยหัสเดวีตรงข้ามกับกำแพงเมืองครับ (แจ่งหัวลิน) แล้วขับตรงมาเรื่อยๆเลยครับ พอเจอไฟแดงแรกให้นับซอยซ้ายมือไปอีก 2 ซอย (ไม่รวมสี่แยกนะครับ) เลี้ยวซ้ายที่ซอยที่ 2 (ซอยหัสเดวี 3) จะคล้ายๆกับเราเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆครับ ขับตรงไปจนสุดซอยร้านกาแฟ อาข่า อาม่า สันติธรรม อยู่เกือบสุดซอยด้านขวามือครับ สามารถจอดรถได้ข้างถนนแถวๆนั่นได้เลยครับเพื่อนสาวแม่เมืองเชียงใหม่ของเจ้าของบล็อกได้เล่าให้เจ้าของบล็อกฟัง (ไม่รู้ว่าอำหรือเปล่าแต่เอามาเล่าต่อแล้ว) เจ้าของร้านเป็นชายหนุ่มมีเชื้อสายอาข่า เข้ามาเรียนหนังสือในเมืองแล้วได้ทำงานที่ร้านกาแฟ ได้เอาต้นกาแฟไปปลูกที่บ้านเกิดได้ผลผลิตออกมาทำแบรนด์ อาข่า อาม่า ครับ (เธอว์อำชั้นหรือเปล่านี่)

รู้มาว่าร้านกาแฟ อาข่า อาม่า มีสาขาอีก 1 หรือ 2 ที่ในเมืองเชียงใหม่ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อนสาวแม่เมืองเชียงใหม่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บอกว่ามาแต่ที่ร้านที่อยู่ที่สันติธรรมนี้ที่เดียว เคยได้ยินมาว่ามีร้านนึงอยู่แถวๆวัดพระสิงห์ด้วยนะครับ ถ้าใครรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็เอามาแชร์กันนะครับ

ร้านกาแฟ อาข่า อาม่า เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอพาร์ตเมนท์ครับ ตัวร้านเป็นแนว outdoor – natural ครับ ตกแต่งด้วยปูนเปลือยๆ ไม้ และต้นไม้เยอะเลยครับดูร่มรื่นน่านั่งจิบกาแฟชิลล์ๆ มากๆเลยครับ นอกจากกาแฟที่มาดื่มกันที่ร้านแล้ว ร้านอาข่า อาม่า ยังมีเมล็ดกาแฟคั่วหลายชนิดให้ไป Brew กินที่บ้านให้หอมฟุ้งไปทั้งบ้านเลยนะครับแก้วแรกที่สั่งคือ Café Latte เย็น ราคา 50 บาท

Café Latte เย็น - เอสเปรสโซ ชอทแบบเข้มข้นๆ บวกกับนมสด ให้รสกาแฟนุ่มๆ กลิ่นหอมๆ ... ฿ 50

0

Café Latte เย็น - เอสเปรสโซ ชอทแบบเข้มข้นๆ บวกกับนมสด ให้รสกาแฟนุ่มๆ กลิ่นหอมๆ ... ฿ 50

Café Latte เย็น - เอสเปรสโซ ชอทแบบเข้มข้นๆ บวกกับนมสด ให้รสกาแฟนุ่มๆ กลิ่นหอมๆ ... ฿ 50

0

Café Latte เย็น - เอสเปรสโซ ชอทแบบเข้มข้นๆ บวกกับนมสด ให้รสกาแฟนุ่มๆ กลิ่นหอมๆ ... ฿ 50

แก้วที่สอง คาปูชิโน่เย็น ราคา 50 บาท

คาปูชิโน่เย็น - กาแฟกับนมสดรสนุ่มๆ เพิ่มฟองนมละเอี ยดๆ ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลมากๆ ... ฿ 50

2

คาปูชิโน่เย็น - กาแฟกับนมสดรสนุ่มๆ เพิ่มฟองนมละเอี ยดๆ ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลมากๆ ... ฿ 50

คาปูชิโน่เย็น - กาแฟกับนมสดรสนุ่มๆ เพิ่มฟองนมละเอี ยดๆ ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลมากๆ ... ฿ 50

2

คาปูชิโน่เย็น - กาแฟกับนมสดรสนุ่มๆ เพิ่มฟองนมละเอี ยดๆ ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลมากๆ ... ฿ 50

ทั้งสองแก้วไม่ได้ชิมครับ แต่มีข้อสังเกตคือว่าดูเข้มข้นมากๆ และราคาก็ถูกมากด้วย ถูกกว่าร้านกาแฟแบรนด์ดังอยู่แล้วชัวร์ แล้วยังถูกกว่ากาแฟเฟรนด์ไชน์ตามปั๊มน้ำมันซะอีก แต่คุณภาพและรสชาติดีกว่ามากๆครับ

แก้วของเจ้าของบล็อกเอง กาแฟไอริช (Irish Coffee) ราคา 70 บาท


พอดีไปกินตอนสายๆ เลยอยากได้อะไรร้อนๆ แบบ Non alcohol หรา....... ฮ่าๆๆๆๆ เห็นเมนูแล้วมันอดใจไม่ไหวครับ คลีนมาหลายวันไม่มีแอลกอฮอล์เข้าเลือดเรย ฮาๆๆๆๆ

กาแฟไอริชเป็นการแฟร้อนผสมเหล้าบรั่นดีท๊อปด้วยฟองนมเยอะๆ เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง บางครั้งจะต้องจุดไฟมาด้วยเพื่อนระเหยกลิ่นของแอลกอฮอล์ให้เหลือแต่รสชาติที่เข้มข้นของบรั่นดีเอาไว้ กาแฟไอริชที่ ร้านอาข่า อาม่า ก็มีรสชาติกาแฟที่เข้มข้นบวกกับรสชาติของบรั่นดีที่เข้มข้นมากๆ ฟองนมก็ละเอียดมากๆ เวลากระดกแก้วขึ้นจิบก็ได้ส่วนของกาแฟกับบรั่นดีรสเข้มข้นกับได้ฟองนมละเอียดๆมาด้วยซึ่งเจ้าฟองนมจะช่วยทำให้รสชาติที่เข้มข้นของกาแฟกับบรั่นดีซอฟท์ลงมาครับ แก้วนี้จิบไปแล้วจะรู้สึกมึนๆนิดๆนะคราบ .... กรุณาหลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรคราบ อิอิอิร้านกาแฟ อาข่า อาม่า เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีกาแฟคุณภาพคับแก้วพร้อมกับเรื่องราวน่ารู้มากมาย ถ้ามีโอกาศแนะนำให้ไปชิมเลยครับแล้วจะรู้ว่ากาแฟไทยก็อร่อยเสียยิ่งกว่าเม็ดกาแฟของร้านกาแฟชื่อดังซะอีกครับ

Chubby Lawyer’s Café’ ………………………………… ร้านอร่อย ....... ตามใจฉัน

ร้านอาหารในเชียงใหม่ร้านต่อไปเป็นร้านอาหารแบบติดล้อครับ จะมาจอดอยู่ที่ “ถนนคนเดินวัวลาย” เป็นประจำทุกๆวันเสาร์ เจ้าของบล็อกชอบ “ถนนคนเดินวัวลาย” มากกว่า “ถนนคนเดินท่าแพ” ซะอีกครับ เนื่องจาหมีสินค้าประดิษฐ์มือมากกว่า ที่ “ถนนคนเดินท่าแพ” ส่วนมากจะเป็นสินค้าที่ขายให้กับนักท่องเที่ยวเป็นส่วนมากครับ ร้านที่จะแนะนำต่อไปนี้เป็นร้านอาหารประเภททานเล่นครับ เป็นร้านที่ไม่มีชื่อ แต่วัยรุ่นเชียงใหม่รู้จักกันดีครับ

เครปพี่วรรณ ถนนคนเดินวัวลาย เชียงใหม่

ร้านเครปพี่วรรณหาง่ายมากๆครับ จากต้นถนนวัวลายตรงข้ามประตูเมิองเชียงใหม่ เดินไปจนสุดถนนวัวลายตรงส่วนที่จะเชื่อมต่อกันถนนทิพย์เนตร ร้านเครปพี่วรรณจะจอดรถขายเครปอยู่ตรงนี้ทุกๆวันเสาร์ครับ ส่วนเวลาอื่นๆพี่วรรณขายไม่เป็นที่ครับทำไมต้องเครปพี่วรรณ ? หลายคนอาจจะสงสัย เครปญี่ปุ่นก็มีขายทั่วไป ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้ลเลย ต้องขออบอกอย่างนี้ครับ เพราะได้ยินชื่อเสียงของ เครปพี่วรรณ โดยผ่านไกด์กิตติมศักดิ์ของเรามานานมากๆแล้วครับ พอได้มีโอกาศมาถึงที่เชียงใหม่ก็จะต้องมาลองให้รู้กัน

ร้านเครปพี่วรรณ เป็นร้านอาหารประเภทติดล้อครับ โดยทุกๆวันเสาร์จะมาเปิดขายอยู่ที่ท้ายถนนคนเดินวัวลายตรงใกล้ๆแยกถนนทิพย์เนตร สังเกตได้ง่ายๆครับ เป็นร้านที่มีคนรอเยอะๆ อ่าๆๆๆๆ พี่วรรณ (ท่าทางจะ) เป็นสาวเชียงใหม่เต็มตัว พี่วรรณใส่ใจในการทำเครปทุกอัน ทุกออร์เดอร์ครับ เริ่มตั้งแต่การเกลี่ยแป้งเครป พี่วรรณเกลี่ยแป้งเครปให้ไม่หนาไม่บางจนเกินไป เพราะถ้าหนามากแป้งเครปก็จะไม่กรอบและสุกยาก และถ้าแป้งเครปบางไปก็จะกรอบเกินไปและแตกหักง่าย ถ้าพี่วรรณเจอรูตรงส่วนไหนของแป้งเครปพี่วรรณจะรีบซ่อมไม่ว่าจะรูเล็กแค่ไหนพี่วรรณมองเห็นหมด พอแป้งเครปสุกดีมีกลิ่นหอมๆแล้วพี่วรรณก็จะเรียงใส่ที่สั่งลงไป พี่วรรณไม่ได้ใช้การโปรยนะครับ พี่วรรณใช้การเรียงทีละอันๆ ไม่ว่าส่งที่เรียงลงไปนั้นจะมีขนาดเล็กแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นชอคโกแลตชิพ หมูหยอง ปูอัด พี่วรรณจะเรียงอย่างว่องไวแต่จะมีช่องไฟระหว่างแต่ละชิ้นๆเท่าๆกัน ถ้าเป็นการทาซอสพี่วรรณก็จะทาซอสบางๆ เพราะว่าถ้าทาซอสหนาไปนอกจากจะเลอะเทอะเวลากันยังทำให้แผ่นเครปนิ่มเร็วอีกด้วยเครปของพี่วรรณรสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยเหมือนๆกับเครปติดล้อเจ้าอื่นๆ แต่เวลากัดเครปพี่วรรณแต่ละคำจะได้รับรสของไส้ที่สั่งทุกๆอย่างตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้ายครับ แต่ที่สำคัญนอกเหนือสิ่งอื่นใดที่ได้จากการดูพี่วรรณทำเครปคือความตั้งใจ และความละเอียดลออในการทำเครปของพี่วรรณครับถ้ามีเวลาว่างๆได้ไปเดินถนนคนเดินวัวลายก็อย่าลืมไปอุดหนุนเครปพี่วรรณกันนะครับ ไปดูพี่วรรณทำเครป รับรองว่าเพลินดีจริงๆครับ

Chubby Lawyer’s Café’ ………………………………… ร้านอร่อย ....... ตามใจฉัน