ร้านนี้เป็นร้านที่ใกล้ตัวผมมาก ตัวร้านตั้งอยู่ในตึกสยามกิตต์ แต่ว่าอยู่ลึกหลบสุดมุมชั้นใต้ดินเลย ผมเองไม่เคยรู้เลยว่ามีร้านแบบนี้อยู่ ตัวร้านถ้าเข้าจากหน้าตึกก็เลี้ยวขวาเดินมาจนสุดเลยครับ แต่ถ้าลงบันไดเลื่อนในอาคาร ให้กลับหลังแล้วเดินตรงมาเลี้ยวซ้าย เดินไปจนสุดร้านจะอยู่ขวามือ
บรรยกาศในร้านจะออกแนวดาร์คหน่อยๆ ร้านเน้นการตกแต่งด้วยสีดำและไม้สีเข้ม ซึ่งเป็นโทนสีที่ส่วนตัวผมชอบเลยแหละ ในร้านก็มีลูกค้าเยอะใช้ได้เลย ที่เห็นว่างๆนั่นผมหาจังหวะไม่มีคนนะครับ ขี้เกียจมานั่ง Sensor หน้าลูกค้า ในร้านก็ดูสะอาดถูกหลักอนามัยดี
เอาหล่ะมาถึงขั้นตอนการสั่งอาหาร สารภาพเลยว่าเห็นราคาแล้วก็ไม่ได้หวังอะไรจากซูชิ และ ซาชิมิมากนัก แต่ตัวสเต็กนี้เป็นของดังของร้าน เลยแอบตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง แต่จะเป็นยังไงเดี๋ยวมาเล่าเป็นจานๆไปเลยละกัน
• Salmon Sushi (฿60.- / 1Pc.)
ซูชิที่นี่จะขายเป็นคำนะครับ ใครอยากทานชิ้นเดียวเค้าก็ขาย 555 ราคาขนาดนี้ผมบอกเลยว่าไม่หวังอะไร พอมาเสิร์ฟก็ลองชิมเข้าไป เนื้อแซลม่อนสดใหม่ใช้ได้เลย ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติหวานนิดๆเวลาเคี้ยว เอาเป็นว่าคุณภาพดีกว่าที่คาดเอาไว้
• Salmon Aburi Sushi (฿215.-)
อันนี้เป็นเมนูที่ทางร้านจัดโปรไว้ เอ้าจัดมาให้หมดเลยครับ มาเสิร์ฟช้ากว่าพวกที่เป็นของสดแปบเดียว ชิมเข้าไปแล้วอันนี้เนื้อแซลม่อนนุ่มมาก เรียกได้ว่าอร่อยถูกใจผมเลยแหละ ร้านนี้ซูชิก็พอได้นะเนี่ย
• Akami Sushi (฿40.- / 1Pc.)
ภาพนี้ผมขอไม่แต่งสีนะครับ จะเห็นได้ว่าเนื้อปลาสีค่อนข้างจาง ซึ่งก็โอเคแหละครับ สำหรับอันนี้ไม่ได้ว้าวอะไร และก็ไม่ได้เสียความรู้สึก เอาจริงมันออกจะดูดีด้วยซ้ำ อย่าลืมนะครับว่าชิ้นนี้ราคาเพียง 40 บาทเอง ตัวเนื้อปลาไม่มีกลิ่นคาวแต่เนื้อค่อนข้างแข็งไปหน่อย
• Hotate Sushi (฿100.- / 1Pc.)
อันนี้เป็นเมนูปราบเซียนเลยะแหละ บางร้านนี่กลิ่นอย่างคาว แต่ไม่ใช่กับร้านนี้ครับ สำหรับราคานี้ผมถือว่าเซฟเก่งครับ และวัตถุดิบคุณภาพดีมากเลยครับ เนื้อหอยค่อนข้างสวยเลย เวลาทานมีรสหวานนิดๆและไม่มีกลิ่นคาว เป็นอีกร้านที่สอบผ่านเลยครับ
• Salmon Sashimi (฿150.-)
แซลม่อนของที่นี่แล่มาให้ชิ้นค่อนข้างหนาเลย เต็มปากเต็มคำให้ได้เลยครับ แต่วาซาบิที่นี่ฉุนไปนิดนะครับ เวลาทานคู่กันใครที่ไม่ค่อยชิน แนะนำให้ลองใส่น้อยๆก่อนดีกว่า
• Pork Udon (฿120.-)
อูด้งหมูของที่นี่เป็นน้ำซุปเห็ดหอมครับ รสชาติจะออกแนวจืดๆมันๆ หอมกลิ่นเห็ดหอมมากเลย ใครที่ชอบก็ดีไปครับ แต่ใครที่หวังว่ามันจะเค็มๆเหมือนร้านทั่วไปอันนี้ผมเตือนก่อนว่าอย่างสั่ง เพราะตัวน้ำซุปเองรสชาติค่อนข้างหวานครับ เส้นนิ่มเกินไปหน่อยแต่ก็ถือว่าพอรับได้
• US Steak Set Set (฿690.-)
สำหรับสเต็กของชุดนี้จะหั่นมาให้เป็นลูกเต๋า สั่งไปในระดับ Mid-rare ก็จะออกมาค่อนข้าง Juicy เลยทีเดียวครับ เนื้อรสชาติหวานดี ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆอร่อยมาก ปริมาณที่ให้มาในเมนูระบุไว้ว่า 200 กรัม แต่นความจริงผมก็ไม่ทราบหรอกครับ เอาเป็นว่าผมเชื่อทางร้านครับ เพราะปริมาณในจานนี่ไม่น้อยเลย
• Kobe Steak Set (฿990.-)
ใครคิดว่าอันเมื่อกี้เด็ดแล้วต้องเจออันนี้ เนื้อโกเบนำมาย่างกันร้อนๆเลย แต่อันนี้ผมอยากทานแบบสุกๆ เลยสั่งไปแบบ Well-done ตัวเนื้อก็ยังนุ่มพอๆกับอันที่แล้วแบบ Mid-rare นี่ถ้าสั่งระดับเดียวกันนี่ผมว่าชนะขาด อันนี้จะสไลด์มาให้เป็นแนวขวาง ไม่ได้หั่นมาเป็นลูกเต๋าแบบเนื้อ US ซึ่งปริมาณก็ไม่น้อยหน้ากันเลย

การบริการของพนักงานตอนแรกผมแอบเคืองอ่ะบอกเลย มายืนดูเมนูจนเดินเข้ามาหาโต๊ะนั่งแล้วยังไม่มีใครมาสนใจ กว่าจะมีพนักงานเดินมาหาก็ตอนรับออเดอร์นู่น แต่พอนั่งไปซักพักก็บริการดีครับ รู้สึกว่าจะมีแค่คนที่เป็นเคาเตอร์ข้างหน้านั่นแหละที่ไม่ยิ้ม และ ทำหน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตร ส่วนคนอื่นในร้านก็บริการดีเติมชาให้ตลอด ตอนทานเสร็จก็ไม่เสียความรู้สึดเท่าไหร่ แต่ถ้าทางร้านอบรมเพิ่มก็จะดีนะครับ ไม่ต้องยริการขนาดราชาหรอกแค่ไม่กินหัวลูกค้าก็พอแล้ว

พิกัดของร้านนี้จะอยู่ในห้าง Isetan บริเวณชั้น 6 ตรงข้ามกับบันไดเลื่อน ข้างๆร้านขาย Okonomiyaki กับ Buffet ชื่ออะไรซักอย่างเนี่ยแหละครับ พอดีผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าขึ้นบันไดมาก็หาเจอเลย เรียกได้ว่าอยู่ตรงหน้าเลยแหละ

รูปบรรยกาศร้านไปรอบนี้ลืมถ่าย ยืมเอาของเก่าที่เคยจะเอามารีวิวเมื่อหลายปีก่อนไปแล้วกันนะครับ ในร้านก็มีที่นั่งไม่ค่อยเยอะนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะในร้านจะค่อนข้างเงียบสงบ ใครอยากนั่งกว้างๆผมแนะนำให้นั่งโต๊ะ เพราะโซฟาตรงกลางที่ค่อนข้างจำกัดถ้าไปกัน 4 คน

เมนูที่รอบนี้จะขอหยิบยกมารีวิวก็มีตามด้านล่างนี้เลยครับ
• Iced Mango Tea (฿75.-)
เริ่มกันที่เครื่องดื่มใหม่ของทางร้าน ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นเครื่องดื่ม seasonal drink แต่นี้ก็ผ่านหน้ามะม่วงมาซักพักละนะครับ รสชาติโดยรวมจะหนักไปทางหวาน ไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หวานขนาดแสบคอ ถือว่ารสชาติทำออกมาได้ดีเลย
• Tonkatsu Ramen Set (฿435.-)
เป็นเมนูที่น่าจะทำให้ผมอิ่มที่สุดแล้ว ในชุดก็จะประกอบไปด้วยข้าวสวย สลัด ผักดอง ราเม็ง และ ชาร้อน.. ใช่ครับในแก้วนั่นคือชาร้อน 555 แปลกดีครับไม่มีซุปให้มา โดยราเม็งสามารถเลือกได้ 4 แบบครับ หรือก็คือเลือกได้ทุกรสในร้านนั่นแหละ ส่วนไข่ออนเซ็น กับ หมูชาชูนั้นสามารถ addon ได้ครับ
เส้นของที่นี่เหนียวนุ่มมากไม่ขาดวาลาคีบ เข้ากันได้ดีกับน้ำซุปรสชาติอ่อนๆ ซึ่งทีเด็ดที่สุดก็ดูจะเป็นหมูเนี่ยแหละ เข้ากันไดีดีมาก แต่ทงคัตสึไม่ค่อยต่างจากทั่วไปนัก
• Shio Toroniku Ramen (฿320.-)
อันนี้จะเรียกว่าของขึ้นชื่อของที่ร้านก็คงไม่ผิด ใครที่มาส่วนใหญ่ก็สั่งกัน แน่นอนผมก็สั่งตามเค้าไป ตัวแก้มหมูนุ่มและอร่อยใช้ได้เลยครับ เข้ากันได้ดีกับราเม็งซุปเกลือที่ไม่ได้เค็มแบบราเม็งเกลือปกติ ออกมาเป็นเมนูที่ถูกอกถูกใจหลายๆคนรวมทั้งผมด้วย
• Kurobuta Gyoza (฿120.-)
เกี๊ยวซ่าของที่นี่ทำมาจากหมูดำกันเลยทีเดียว เอาจริงๆผมก็ไม่รู้สึกต่างอะไรกับเกี๊ยวซ่าปกตินะครับ แต่ก็สัมผัสได้ว่าไส้หมูค่อนข้างนุ่ม แป้งกรอบนอกนุ่มใน ไส้ไม่แห้งจนเกินไปชุ่มฉ่ำกำลังดีเลย
• Char Siu Gohan (฿120.-)
อันนี้แอบเศร้าเล็กน้อยเมื่อเห็นปริมาณหมูที่ให้มาเทียบกับข้าวในถ้วย แต่ไม่เป็นไรเนื่องจากความนุ่มของหมู และรสชาติที่อร่อยเลยพอชดเชยกันได้

การบริการของพนักงานที่นี่สนใจลูกค้าในระดับดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใสดูแล้วเต็มใจบริการ สามารถแนะนำเมนูให้ลูกค้าได้ดี อันไหนเป็นโปรโมชั่น อันไหนคนชอบสั่ง อยากรู้ถามได้เลยครับแนะนำได้ดีทีเดียว แถมคอยเติมน้ำชาให้ตลอด เอาเป็นว่าบริการอยู่ในระดับดีเลยแหละ

พิกัดร้านนี้จะอยู่ในห้าง Future Park Rangsit โซนใหม่ หรือที่เรียกกันว่า Zpell นั่นแหละครับ โดยร้านจะตั้งอยู่บนชั้น 2 ฝั่งเซ็นทรัล ติดๆกับร้าน MK ที่เป็นเครือเดียวกันนั่นแหละ

บรรยากาศในร้านก็จะเป็น counter bar ทั้งร้านเลย แบ่งออกเป็นสองฝั่ง สามารถนั่งดูเชฟเตรียมอาหาร และ ปรุงอาหารให้เราได้ตลอด เป็นครัวเปิดทั้งคู่เลยครับ นั่งดูไปเพลินๆ พอทำเสร็จก็ยกเสิร์ฟตรงนั้นเลย
• ชุดเนื้อสันในนิวซีแลนด์ (฿460.-)
เริ่มกันที่เมนูที่ผมชอบที่สุดดีกว่า อันนี้ในชุดก็จะมีข้าวกับซุปมาให้ด้วย ตัวเนื้อเองสั่งในระดับ Mid-rare ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างชุ่มฉ่ำทีเดียว
• US Scallops (฿309.-)
หอยเชลล์ตัวใหญ่เน้นๆสามตัว ไม่ต้องปรุงอะไรมากแค่ Salt & Pepper ก็พอ เนื้อหอยเด้งดีไม่มีกลิ่นคาว รสชาติเค็มนิดๆหอมกลิ่นพริกไทย

• หมูดำสไลด์สันนอก (฿169.-)
ตัวหมูเองอันนี้ยังสุกไม่หมด หรือร้านนี้เค้าเสิร์ฟแบบนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ที่ไม่คิดจะปรับปรุงเลยก็คือ การที่นำกระเทียมไปผัดแล้วไหม้เนี่ย นอกจากเชฟใหญ่สาขานี้ผัดกระเทียมไหม้ทุกคน แล้วยังมีหน้าเอากระเทียมไหม้มาเสิร์ฟ
• Okonomiyaki หน้ากุ้ง (฿89.-)
อันนี้เป็นเมนูทดลองครับ ส่วนตัวปมคิดว่ามันควรที่จะมีนานแล้ว มีสามหน้าคือกุ้ง หมู ปลาหมึก เนื้อแป้งก็ทั่วไปครับ แต่กุเงมห้มาน้อยไปหน่อย ด้านรสชาติก็อร่อยใช้ได้เลย
 • เกี๊ยวซ่า (฿55.-)
เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ไม่ช่วยเรียกน้ำย่อยเลย ตัวไส้เกี๊ยวซ่าจืดมาก แป้งด้านนอกทอดมากรอบๆ แต่ตรงแป้งที่เกินออกมาทำให้ทานลำบากกว่าเดิม หน้าตาแปลกใหม่แต่ทานยากไปหน่อย

การบริหารของพนักงานที่นี่ก็บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเต็มใจบริการ แต่เชฟคนที่ทำอาหารให้ผมทานนี่ มนุษย์สัมพันธ์แย่มากครับ ไม่ยิ้มไม่พูดคุยกับลูกค้าเลย อยากย้ายไปนั่งฝั่งตรงข้าม เชฟอีกฟังเทคแคร์ลูกค้าดีมาก

พิกัดของร้านนี้จะตั้งอยู่ในร้าน EmQuartier ในตึก Helix Quartier บนชั้น 8 บริเวณหัวมุมตึกเลย ถ้าขึ้นลิฟต์มาก็เลี้ยวขวาเจอเลยครับ หน้าร้านมีป้ายบอกชัดเจน
บรรยกาศในร้านตกแต่งออกมาได้หรูมากเลยครับ ภายในร้านตกแต่งแนวหลุยส์ ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปทานอาหารในวัง หรือโรงแรมสุดหรูอะไรประมาณนั้น ด้านความสะอาดนี่ค่อนข้าง perfect เลยครับ จัดวางอุปกรณ์สวยงาม อุปกรณ์ที่ใช้ทานก็สะอาดทุกอัน
ขอยอมรับเลยว่าผมไม่ค่อยจะถูกกับอาหารจีน ปกติก็ไม่ค่อยจะชอบอาหารแนวนี้นัก แต่เนื่องจากเห็นสไตล์การแต่งร้านแล้วอยากรีวิวมาก เลยชวนครอบครัวลองทานดู คุณพ่อที่ชอบอาหารจีนเลยอนุมัติอย่างไว
• ยำแมงกระพรุนน้ำมันงา (฿150.-)
ตัวแมงกระพรุนนั้นเหนียวหนึบกำลังดี ความเผ็ดไม่ได้เผ็ดโดดแบบอาหารไทย รสชาติค่อนข้างดีเลยทีเดียว ตกแต่งใส่จานมาได้สวยงามน่าทานเลย เป็นเครื่องเคียงที่ดีทีเดียว
• ฮะเก๋ากุ้ง (฿135.-)
เป็นเมนูที่ชอบกันทุกเพศทุกวัยเลย ตอนยกมานี่เพิ่งนึ่งมาร้อนๆจากเตา แป้งด้านนอกเหนียวนุ่มไม่ขาดไม่ติดกระดาษ ไส้ก็ใหญ่ในระดับนึงแถมยังมีเนื้อกุ้งที่เวลาเคี้ยวจะช่วยเพิ่ม texture จิ้มซอสเปรี้ยวอร่อยถูกใจผมเลยทีเดียว
• ขนมจีบหมูผสมกุ้ง 3 ชิ้น (฿120.-)
ขนมจีบหมูผสมกุ้งขนาดใหญ่โต ด้านนอกจะกรอบนิดๆ ไส้เหนียวนุ่มเวลากัดจะรู้สึกถึงเนื้อกุ้ง รสชาติเค็มๆมันๆ ชุ่มฉ่ำอร่อยดีทีเดียวครับ
• ซุปเยื่อไผ่และเห็ดหอม (฿150.-)
น้ำซุปรสชาติอ่อนๆใส่เยื่อใส่มาในปริมาณเต็มถ้วย น้ำซุปสีสดใสน่าทาน เหมาะกับสั่งมาเป็นซุปที่เอาไว้ซดให้ลื่นคอ
• ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง (฿130.-)
ก๋วยเตี๋ยวหลอดขนาดใหญ่ที่มีรสชาติหวาน ราดซอสมาให้เต็มจานเลย ไส้ด้านในก็จะเป็นหมูแดง เป็นอีกเมนูที่ถูกใจผมเลยแหละ
• เป็ดอบใบชา (฿350.-)
เมนูนี่ถ้ามาร้านนี้แล้วไม่สั่งก็คงจะไม่ได้ ใครๆที่มาทานก็ recommend กันหมด พอสั่งมาทานแล้วก็ไม่แปลกใจ เนื้อเป็ดมีความเด้งสไลด์มาชิ้นหนาใช้ได้ ราดมาบนซอสที่มีรสชาติหวานนิดๆ เวลาทานจะได้กลิ่นหอมของใบชา แต่หนังไม่ค่อยกรอบเท่าที่คาดไว้
• หมูสับผัดกับถั่วแขกและเห็ดหอมสไตล์ฮ่องกง (฿220.-)
ดูๆไปแล้วก็แอบคล้ายๆผัดกะเพรากลายร่างนะครับเนี่ย แต่รสชาตินี่ห่างกันหลายขุมเลย ถั่วฝักยาวที่นี่สดและกรอบมาก เนื้อหมูก็นุ่มแถใยังให้มาเยอะเลยครับ
• หมูกรอบกับซอส X.O. (฿295.-)
เป็นหมูกรอบที่กรอบสมชื่อจริงๆครับ ตัวหนังและเนื้อของหมูแยกออกจากกัน เนื้อหมูเองก็นุ่มใข้ได้เลย เป็นเมนูที่ถ้าทานกับข้าวสวยร้อน นี่คงจะเข้ากันไม่น้อยเลย แต่ทางด้านซอส X.O. วันนี้ผมไม่ได้ชิม
• เต้าหู้เสฉวนกับหมั่นโถวทอด (฿240.-)
เต้าหู้ที่นี่รสชาติอร่อยกลมกล่อมเลยทีเดียว ความเผ็ดอยู่ในระดับน้อย เหมาะสำหรับชาวต่างชาติ และ คนไม่ทานเผ็ดแบบผม เต้าหู้ให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว น้ำซุปไม่ข้นจนเกินไป ทานคู่กับหมั่นโถวที่มีรสหวาน เป็นการผสมผสานที่ลงตัวเลยทีเดียว

การบริการของพนักงานที่นี่บริการดีทีเดียวครับ ใส่ใจลูกค้ามาก ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาสุภาพ สามารถอธิบายเมนูทุกอย่างที่สอบถามไป แถมยังสามารถแนะนำเมนูได้อย่างคล่องแคล่ว เดินเติมน้ำให้ตลอด ตอนผมถ่ายรูปก็หยุดรอให้ เอาไปเป็นว่าหายห่วงเรื่องการบริการได้เลย

พิกัดของร้านนี้จะอยู่ในห้าง Central Embassy โดยตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 ตรงข้ามกับร้าน Nara อยู่หลังบันไดเลื่อนเลย ตรงข้างๆกับลิฟต์หาไม่ยาก 
สิ่งที่ผมชอบที่สุดของร้านนี้คือการที่มีน้ำแร่ให้เราเลือกดื่มกว่า 10 แบรนด์ แบ่งเป็น Still Water จะมี 3 ยี่ห้อ Sparkling 4 ยี่ห้อ ถ้าตัวที่เป็น Smooth Bubble จะเป็น Badoit แถมอาหารที่นี่ก็มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย 
วันนี้ผมจัด Sparea 750 ml. ไปหนึ่งขวดครับ ซึ่งขวดนี้เป็น Still Water หน้าตาสวยงามใช้ได้เลย รสชาติก็จะออกหวานนิดๆ ร้านนี้มีให้เลือกทานหลายอย่างนะครับ แต่วันนี้ผมจัดเป็น Course Menu ของทางร้านมา ราคา ฿990++ ครับผม โดยจะมีสามอย่างคือ Appetizer, Main Dish, Dessert อย่างละจานในคอร์สจะประกอบไปด้วย 

ของเรียกน้ำย่อยก็จะเป็นขนมปัง โดยร้านนี้จะมีเนยให้ลองถึงสองชนิด คือ Sea salt butter กับ Truffle butter ตัวขนมปังเองค่อนข้างเหนียวมากเลย แต่ก็อร่อยดีทีเดียว ตัวเนยเห็ดทรัฟเฟิลก็กลิ่นค่อนข้างชัดเจนเลย เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์และผมชอบมาก ตัวเนยจะมีความมันๆแต่ไม่ค่อยเค็ม ส่วนเนยน้ำทะเลก็เค็มสมชื่อเลยครับ แต่ก็ไม่ได้ว่าขนาดไตพัง เป็นเมนูที่อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว 

• Carrot Soup 
ตามมาด้วยตัวด้วยซุปสีส้มสดใส รสชาติเข้มข้นดีครับแต่ไม่ค่อยหนืด ตัวซุปเองก็จะเค็มๆมันๆ มีกลิ่นของแครอทชัดเจน ซุปเสิร์ฟมาร้อนๆเลย เป็นการเริ่มคอร์สที่ดีทีเดียวเลยครับ 

• Cod Croquette 
มีกลิ่นฉุนๆของซอสบัลซามิค ที่ใส่มาในสลัดซึ่งกลิ่นของผักจะค่อนข้างแรง ผสมกับกลิ่นหอมของโคโรเกะ ด้านในจะเป็นมันฝรั่งบดซึ่งนุ่มดีทีเดียว ทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มใน แป้งด้านนอกกรอบมาก เวลาทานจะมีกลิ่นหอมด้วย เข้ากันได้ดีกับซอสมะเขือเทศด้านล่าง ซึ่งเข้มข้นดีทีเดียวเลย 

• Barramundi 
เนื้อปลานุ่มดีทีเดียวใช้การทำโดยการนำไป steam ทำมาสุกในระดับ done ทำให้มีกลิ่นคาวของทะเล ควรทานคู่กับผักโขมด้านล่างเพื่อดับกลิ่น ราดมาด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิลที่มีรสชาติมันๆเค็ม แต่สามารถแจ้งระดับความสุกได้นะครับ ใครชอบสุกมากสุกน้อยก็จัดกันไป ส่วนตัวผมว่าก็พอได้ใช้ได้เลย 

• Lobster Pasta 
เส้นสปาเก็ตตี้ลวกมาแบบไม่ถึงกับนิ่ม ยังคงความแข็งไว้นิดๆ ส่วนเนื้อ lobster ก็เหนียวนุ่มดีครับให้มาชิ้นพอดีคำ นอกจากนี้ยังมีแฮมกับ หมูรมควันที่ออกรสเปรี้ยวหน่อยๆ ใส่มาให้ในจานอีกด้วย โดยรวมก็ใช้ได้เลยครับ 

• Pork Chop 
จานสุดท้ายจะเป็นพอร์คช็อป เวลาทานเข้าไปจะมีเหมือนกลิ่นของไม้อยู่ครับ เนื้อหมูถือว่าทำมาได้ดีเลยทีเดียว จะมีความแข็งนิดๆ แต่ก็ยังนุ่มพอที่จะทานได้แบบสบายๆ แถมยังคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อไว้ได้ดี สามารถเคี้ยวได้ไม่เมื่อยกรามครับ ชิ้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เวลาทานเข้าไปจะได้กลิ่นของเครื่องเทศด้วยผมชอบมาก 

• Profiteroles 
ขนมหวานของที่นี่ก็จะเป็นเหมือนคุ๊กกี้ที่มี ไอศกรีมรสคาราเมลอยู่ตรงกลาง โดยรวมแล้วผมว่ามันค่อนข้างโอเคเลยครับ รสชาติหวานนุ่มของคาราเมลชัดมาก ตัวคุกกี้เองจะเป็นแบบเหนียวนุ่ม จะมีกลิ่นหอมของแป้งรสชาติไม่หวานมากนัก และมีบราวนี่ใส่มาให้ด้วย ส่วนตัวผมแล้วถูกใจใช้ได้เลยครับ 

นอกจากนี้ทางร้านยังมี Beverage ที่เป็น Water Library's Exclusive ให้เลือก โดยมีชาให้เลือกถึง 8 ชนิดสำหรับคนที่ชอบรสอ่อนๆ ไม่เน้นคาเฟอีนแนะนำเป็นพวก Herb Tea, White Tea, White Rose ส่วนใครที่ใกล้หลับ ต้องการชาที่ High Caffeine แนะนำเป็นพวก Black Tea ส่วนสาวๆที่ชอบชาผลไม้ก็ต้องพวก Vanilla Garden หรือ Grean Peach จะเป็นชากลิ่นผลไม้ ที่ค่อนข้างหอมหวานเลยแหละครับ พี่ๆท่านไหนที่ชอบแนวสมุนไพรก็แนะนำ The Botanist เลยครับ แต่มครไม่แน่ใจเค้ามีตัว Tasting ให้ลองดมนะครับ 

La Brasserie Signature Cold Teas 
โดยทางร้านจะมีทั้งหมด 3 อย่างคือ Rough, Elderflower, passion เมนูนี้เป็น Complementory Drinks โดยวันนี้ก็ได้ลองชา Peach passion fruit elder flower (฿195.-) โดยจะทำมาจากดอกไม้ของทางยุโรป โดยมีกลิ่นหอมของดอกไม้ คล้ายกลิ่น raspberry รสชาติก็จะหวานๆ คล้ายๆกับยาแก้ไอแต่อร่อยกว่า ออกแนวเหมือนกับลูกอมนิดๆอ่ะครับ 

การบริการของที่นี่ถือว่าเยี่ยมมาก พนักงานอัธยาศัยดีมาก สามารถตอบคำถามลูกค้าได้แบบดีมาก เรียกว่าข้อมูลการปรุงนี้มาครบละเอียดยิบ แถมยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาสุภาพมากครับ เรียกได้ว่าประทับใจการบริการสุดๆเลย