หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น ก็อยากมาลองสาขาที่ไทยบ้าง ว่าคุณภาพมันจะเหมือนกันไหม พิกัดสาขานี้อยู่ใน K Village บริเวณชั้น 2 ขึ้นบันไดเลื่อนหน้า Supermarkets มาก็จะอยู่ซ้ายมือ
บรรยากาศในร้านความรู้สึกแรกเลยคือร้อน ก็พอทราบว่าเป็นร้านชาบู แต่อากาศมันจะร้อนไปหน่อยไหม บริเวณโดยรวมก็สะอาดดี ที่นั่งกว้างขวางใช้ได้เลย
เมนูที่นี่จะมีสองแบบคือ Buffet กับ A la carte คนส่วนใหญ่จะชอบทานแบบแรก แต่วันนี้ผมของเป็น A la carte แล้วกัน คุณภาพบอกเลยว่าคนละเรื่องกับที่ญี่ปุ่น แอบผิดหวังเล็กน้อยถึงปานกลาง
* Edamame (฿70.-)
ก็เป็นถั่วแระญี่ปุ่นทั่วไปนี่แหละครับ รสชาติก็จะเค็มๆมันๆ ทานแล้วหยุดไม่ได้ตามปกติ ถั่วเองก็ค่อนข้างสดดีครับ
* Fried chicken wing (฿120.-)
อีกเมนูเรียกน้ำย่อยที่สั่ง เป็นปีกไก่ทอกเกลือ รสชาติก็ออกแนวเค็มๆดี เป็นเมนูที่อยู่ในใจหลายๆคนเลย
• Small pot Kagonoya Beef Sukiyaki (฿490.-)
มาถึง Main Dish อย่างเนื้อคาโกะโนยะแล้ว ตัวเนื้อเองนุ่มทีเดียวเลย ลายเนื้อก็สวยในระดับนึง นำไปจุ่มในน้ำซุป ที่มีรสชาติหวานมากเลย ในเซ็ทก็จะมีข่ไก่สดมาให้ด้วย อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว
• Kaiseki with Kagonoya Beef (฿590.-)
เป็นชุดที่อลังการใช้ได้เลย ในเซ็ทจะมีสองถาด ถาดแรกเป็นเนื้อคาโนะโกยะเหมือนกันกับอันแรกเลย แต่ต่างกันตรงที่อันนี้จะเป็นน้ำเฉยๆ มีพวกผักสดๆ แล้วก็ซูชิไซส์มินิ อีกถาดน่าจะเป็นพวก Side Dish มีทั้งเทมปุระ, สลัดผัก, ไข่ตุ๋น, ซาชิมิ โดยรวมก็อร่อยดีทีเดียว แย่ตรงที่พนักงานลืมให้ซอสทุกชนิดเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มเทมปุระ หรือ โชยุ ซึ่งถ้าไม่ได้ขอก็ไม่ได้ทาน

การบริการร้านนี้ส่วนตัวผมเจอแบบแย่เลยอ่ะ ตั้งแต่ตอนออเดอร์แล้ว ผมเห็นชุดที่เป็นซูชิรวมน่าทานดี มีประมาณ 9 ชิ้นนี่แหละ แต่ไม่เห็นมีเขียนว่ามีหน้าอ่ะไรบ้างมีแต่รูปให้ดู เลยถามพนักงานว่าชุดนี้มีหน้าอะไรบ้างครับ คำตอบที่ได้คือ "มีตามในเมนูเลยค่ะ" ผมนี่น้ำตาแทบเล็ด แถมของก็ลืมนู่นลืมนี่ ขอรีฟิลชาก็นานเหลือเกอนกว่าจะเติมให้ รอบนี้บริการไม่ประทับใจผมเลยซักนิด

วันหยุดก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ยังคงมาทำงานที่มหาลัยตามเคย แน่นอนว่าทำงานที่ตึกทีไร Uber Eats พร้อมมาส่งข้าวส่งน้ำให้ตลอด วันนี้เห็นเค้าบอกร้านนี้รอไม่นาน (ในแอพ Est. 20-30 นาที) แต่เอาจริงๆเวลาที่ทำรวมมาส่งคือ 47 นาที แบบว่าโอ้ยหิวจนกรดกัดกระเพาะแล้ว

หลังจากที่ใช้เวลาทำไปนานมากไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง (เอาให้เป๊ะคือ 29 นาที) พี่คนขับก็มาส่งให้อย่างไว ตอนได้รับของก็เปิดดู พ่าม~!! ไม่มีช้อนจ้า แล้วข้าวนี่มาเป็นห่องี้เลย? ถ้วยกระดาษอะไรไม่จำเป็น ซุปก็มาเป็นถุงๆเลย 

ความรู้สึกแรกเลยคือกินไงอ่ะ? พี่คนขับวิ่งกลับไปเอาช้อนจากร้านมาให้ผมอีกรอบ #กราบ ในเมื่อไม่มีจานก็กางกินมันบนโต๊ะเนี่ยแหละ เอาล่ะออเจ้าเราจะมาบรรยายรสชาติให้ฟัง
• ข้าวมันไก่ตอน (฿55.-)
คือเปิดมาปุ๊บฟิลลิ่งแรกที่กระแทกคือ ห้าสิบกว่าบาทได้แค่เนี้ยหรอ หลักจากกางออกมาก็ทำการชิมไปหนึ่งคำเน้นๆ อืม..เนื้อไก่เค้าก็นุ่มดีแฮะ แต่ข้าวไม่ค่อนมีกลิ่นหอมเท่าไหร่ น้ำจิ้มเห็นมีให้มาถุงนึงแต่ผมไม่ได้ชิมนะครับ ส่วนแตงกวาก็นะ ไม่ค่อยสดเท่าที่ควร
• ข้าวมันไก่อบสมุนไพร (฿60.-)
ลองมาชิมอีกห่อ เปิดมาก็พอจะทราบเลยว่าเป็นญาติกับอันแรก ไซส์ไม่ได้ต่างกันเลย แต่พอชิมเข้าไปแล้วผมรู้สึกชอบนะครับ อย่างแรกเลยคือมันมีกลิ่นสมุนไพรจางๆเวลาทาน สองคือข้าวของห่อนี้ค่อนข้างมันแต่ไม่ถึงกับเยิ้ม ส่วนซุปรสชาติจะออกเปรี้ยวๆ คล้ายๆพวกซุปมะระครับ อันนี้ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูก

การบริการของทางร้านคือผมแทบ Report แค่ข้าวมันไก่สองห่อใช้เวลาทำไปร่วมครึ่งชั่วโมง แถมช้อนส้อมอะไรก็ไม่เอามาให้เล้ยยย สร้างความลำบากต่อการทานของผมมาก ขอบคุณพี่คนส่งที่ยอมวิ่งกลับไปเอาช่อนให้ผมด้วยครับ (วันเสาร์สหกรณ์ปิดนะครับเผื่อใครสงสัยว่าทำไมผมไม่เดินไปซื้อเอง)

ร้านสเต็กที่เด็กจุฬาทุกคนรู้จักกกันดี ตั้งอยู่ที่ตลาดสามย่าน(ใหม่) ข้างๆกับสถานีดับเพลิง ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้นสองครับ สามารถขึ้นมาได้ทั้งลิฟต์และก็บันได เรียกว่าเป็นร้านที่ปิดดึกสุดในตลาดก็ว่าได้ 


ตัวร้านค่อนข้างใหญ่มีครัวถึงสองที่ ซึ่งจริงๆก็อยู่ข้างกันนั่นแหละครับ โต๊ะมีให้เลือกนั่งเยอะมากประมาณว่า ทัวร์จีนลงร้านนี้ก็เอาอยู่ (แต่วัน First Date ของพวกผมร้านนี้ล้นนะครับ 555) บรรยากาศก็ธรรมชาติๆเลยครับ มีลมพัดเบาๆออกจะชิวๆดี
ส่วนตัวผมเคยมาทานร้านนี้ 2-3 รอบแล้วแต่ปกติจะมาแบบ รีบทานให้เสร็จแล้วก็รีบไปทำงานต่อในมหาลัย เลยไม่มีโอกาศได้รีวิว วันนี้มาแบบไม่รีบเลยจัดรีวิวให้เค้าหน่อย

- สเต็กแฮมแคนนาเดียน (฿90.-)
เป็นแฮมที่ผมชอบทานมาก เลยขอเปิดด้วยเมนูนี้ก่อนเลย เริ่มจากเฟรนฟรายที่ค่อนข้างเย็นครับ ตัวเฟรนฟรายกรอบไม่เหนียว แต่ดูแล้วน่าจะทำมาซักพักละ ตัวแฮมนั่นมาแบบร้อนๆ แต่มันเยอะไปหน่อยนึงสำหรับที่นี่ รสชาติถือว่าใช้ได้เค็มๆอร่อยดีทีเดียว เนื้อแฮมนุ่มไม่เหนียว
- สเต็กปลาซอสเห็ดอบชีส (฿100.-)
กลัวไม่อิ่มจัดปลามาบำรุงสมองกันหน่อยดีกว่า มาพร้อมกับซอสเห็ดที่ไม่มีรสชาติความเป็นซอสเห็ดเลย ตัวปลาก็ค่อนข้างเย็นนะครับ ชีสที่ให้มาก็ยืดให้ดูนิดนึง ส่วนเฟรนฟรายก็ไม่ต่างกับจานก่อน ขนมปังทาเนยก็ไม่ได้ว้าวเท่าไหร่ ยอมอย่างเดียวคือแตงกวาสดมาก
- สเต็กไก่สไปซี่ย่าง (฿80.-)
อันนี้คือเป็นจานของเพื่อนผมนะครับ ส่วนตัวให้ผมทานน่าจะไม่ไหว 555 เห็นเพื่อนผมก็นั่งทานไปจนเกือบหมด ถามดูแล้วก็บอกว่ารวชาติใช้ได้

การบริการของที่นี่พนักงานน่าจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่ต้องห่วงครับ บริการดีมากสุภาพนอลน้อมสุดๆ ออเดอร์ที่สั่งไปก็ไม่ตกหาย อะไรหมดเดี๋ยวเจ้แกเดินมาบอกเองครับ โดยรวมแล้วก็รู้สึกเป็นกันเองครับร้านนี้ ถ้าใครดึกๆหิวๆไม่กลัวเรื่องอ้วน ร้านนี้ก็เป็นที่พึ่งได้นะครับ

สำหรับใครที่อยากมาลองก็มาไม่ยากครับ ร้านนี้อยู่ใน Central World บริเวณ Groove ชั้น 1 ข้างๆกับทางที่จะเข้า the office at central world อยู่ติดกันกับร้าน Wine I love you ตรงทางขึ้นลงบันไดเลื่อนของ Groove เลยครับ หน้าร้านก็สวยงามตามภาพครับ ถึงป้ายจะไม่เตะตามากนัก แต่ก็หาไม่ยากซะทีเดียว
บรรยกาศในร้านก็จะตกแต่งโทนสีดำ ซึ่งส่วนตัวผมชอบสีดำอยู่แล้ว เลยรูปสึกว่ามันดูเรียบหรูและสวยมาก ในร้านก็จะเปิดไฟสลัวๆ นั่นเป็นที่มาของรูปผมที่ Noise เยอะมาก ต้องขออภัยในจุดนี้ด้วยครับ ที่นั่งจะเป็นหินสีดำเข้ากันมากกับโต๊ะ โดยจะมีเบาะรองนั่งให้ก็นั่งสบายดีครับ ส่วนใครที่อยากนั่งโซฟาต้องออกไปนั่งโซน Outdoor เท่านั้นครับ ในร้านก็กว้างขวางเลือกที่นั่งได้ตามชอบเลย ในร้านก็สะอาดดีครับไม่มีเศษขยะเลย แต่พวกด้วยที่โชยุกับเครื่องปรุงบนโต๊ะนี่ดูไม่ได้เลย แอบผิดหวังตรงนี้นิดนึง
ร้านนี้จะเป็นพวกอาหารญี่ปุ่นแนวซูชิกับซาชิมิครับ โดยก็จะมีพวกโรลต่างๆและอาหารชุดอยู่บ้าง ส่วนตัวผมว่าอาหารน่าทานก็มีหลายอย่างอยู่นะครับ เปิดเมนูไปมาก็แอบกลัวขาดอยู่ สภาพเมนูเป็นกระดาษแข็งที่ใช้งานมาจนอ่อนละครับ 555 สรุปผมก็เลยจัดมาสามอย่าง

Buri Kama (480.-)
อันนี้ก็จะเป็นแก้มปลาบุรีย่าง โดยสามารถเลือกได้ว่าจะย่างเกลือหรือย่างซอส ส่วนตัวผม prefer ย่างเกลือมากกว่าครับ รสชาติโดยรวมก็อร่อยใช้ได้เลยครับ ตัวเนื้อปลาก็แน่นและนุ่มดีครับ อย่างเดียวที่น่าเบื่อคือก้างเยอะไปนิดนึง ใครที่ขี้เกียจแกะแนะนำข้ามเมนูนี้ไปนะครับ 555
Salmon Sashimi (270.-)
มาถึงจานเจ้าปัญหาที่ไม่ควรผ่าน QC ไม่สิ.. ไม่ควรเอาออกจากครัวด้วยซ้ำ คือพอพนักงานยกมาเสิร์ฟปุ๊บ วางบนโต๊ะได้ไม่ถึง 5 วินาทีก็ได้กลิ่นแล้วครับ เป็นกลิ่นคาวปลาที่รุนแรงมากครับ คือตอนสไลด์กับยกมาไม่มีใครได้กลิ่นเลยหรอ ถ้วยแรกผม Reject ไปแบบไวมากไม่แตะต้องใดๆ เรียกมาเปลี่ยนเลยทันที กะว่าถ้าไม่ยอมเปลี่ยนจะขอคุยกับเชฟครับ ดีที่ทาง พนง เปลี่ยนให้ครับ พอจานใหม่มาก็ยังได้กลิ่นอยู่ครับ สรุปเลยต้องยกเลิกออเดอร์ไป ปลาที่ไม่สดแบบนี้ไม่ควรนำมาเสิร์ฟลูกค้านะครับ 

Tuna 3 Kind Sushi (950.-)
อันนี้เป็น course ปิดท้าย ถ้าชื่อไทยก็คงเป็นทูน่าสามสหายมั้งครับ... ชื่อเดิมแหละดีแล้ว โดยในเซ็ทก็จะมี Maguro สามส่วนคือ akami, otoro, chutoro อันนี้ผมค่อนข้างโอเคนะครับ 

- Akami
เริ่มด้วยส่วน Akami ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ถูกที่สุดของปลามากูโระ และหาทานได้แทบจะทั่วไปเลย ตัวเนื้อปลาก็สดโอเคเลย (แอบหวั่นๆอยู่เหมือนกัน) เนื้อปลาสีสดใสเด้งดึ๋งไร้ไขมัน คุณภาพก็ระดับปานกลางทั่วๆไปครับ อร่อยใช้ได้
- Chutoro
ต่อมาก็ลองชิม Chutoro อันนี้สีจะจางกว่า Akami หน่อยนึง ชูโทโร่จะเป็นท้องปลามากูโรส่วนหลัง ที่มีไขมันอยู่ในเนื้อระดับปานกลาง เนื้อรสชาติก็อร่อยดีทีเดียวครับ ลายของเนื้อก็สวยระดับนึงเลย ตัวปลานั้นจะค่อนข้างนุ่มและเนื้อค่อนข้างแน่นครับ
- Otoro
มาถึงพระเอกของจานแล้วครับ โอโทโร่จะเป็นเนื้อท้องปลามากูโรที่เอามาจากส่วนหน้า ที่มีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อสูง แต่ผมว่าของร้านนี้เค้าหั่นออกมาดูค่อนข้างเละเทะนะครับ แต่พอชิมเจ้าไปก็ค่อนข้างดีเลยครับ เนื้อนุ่มละลายในปากเลย มีความหวานของเนื้อออกมาตอนกัด ส่วนตัวชอบอันนี้ที่สุดแล้วในเซ็ท

การบริการของพนักงานร้านนี้ค่อนข้างโอเค สิ่งแรกที่อยากให้ปรับปรุงเลยคือ ตอนที่ผมไปทั้งร้านมีอยู่แค่ 4-5 โต๊ะช่วยสนใจลูกค้าหน่อยครับ เวลาจะเรียกต้องกดกริ่งตลอดเลย ส่วนเรื่องอื่นก็โอเคครับ บริการดีสุภาพ หลังจากที่มีปัญหาในออเดอร์ผมก็มีการมาขอโทษ เอาจริงๆไม่ใช่หน้าที่เค้าด้วยซ้ำ คนที่ควรออกมาขอโทษผมคือเชฟ แต่โดยรวมแล้วจะพูดว่าประทับใจก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าไม่เสียความรู้สึกเท่าไหร่แล้วกันครับ

พิกัดของร้านนี้จะอยู่ในห้าง Isetan บริเวณชั้น 6 ตรงข้ามกับบันไดเลื่อน ข้างๆร้านขาย Okonomiyaki กับ Buffet ชื่ออะไรซักอย่างเนี่ยแหละครับ พอดีผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าขึ้นบันไดมาก็หาเจอเลย เรียกได้ว่าอยู่ตรงหน้าเลยแหละ

รูปบรรยกาศร้านไปรอบนี้ลืมถ่าย ยืมเอาของเก่าที่เคยจะเอามารีวิวเมื่อหลายปีก่อนไปแล้วกันนะครับ ในร้านก็มีที่นั่งไม่ค่อยเยอะนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะในร้านจะค่อนข้างเงียบสงบ ใครอยากนั่งกว้างๆผมแนะนำให้นั่งโต๊ะ เพราะโซฟาตรงกลางที่ค่อนข้างจำกัดถ้าไปกัน 4 คน

เมนูที่รอบนี้จะขอหยิบยกมารีวิวก็มีตามด้านล่างนี้เลยครับ
• Iced Mango Tea (฿75.-)
เริ่มกันที่เครื่องดื่มใหม่ของทางร้าน ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นเครื่องดื่ม seasonal drink แต่นี้ก็ผ่านหน้ามะม่วงมาซักพักละนะครับ รสชาติโดยรวมจะหนักไปทางหวาน ไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หวานขนาดแสบคอ ถือว่ารสชาติทำออกมาได้ดีเลย
• Tonkatsu Ramen Set (฿435.-)
เป็นเมนูที่น่าจะทำให้ผมอิ่มที่สุดแล้ว ในชุดก็จะประกอบไปด้วยข้าวสวย สลัด ผักดอง ราเม็ง และ ชาร้อน.. ใช่ครับในแก้วนั่นคือชาร้อน 555 แปลกดีครับไม่มีซุปให้มา โดยราเม็งสามารถเลือกได้ 4 แบบครับ หรือก็คือเลือกได้ทุกรสในร้านนั่นแหละ ส่วนไข่ออนเซ็น กับ หมูชาชูนั้นสามารถ addon ได้ครับ
เส้นของที่นี่เหนียวนุ่มมากไม่ขาดวาลาคีบ เข้ากันได้ดีกับน้ำซุปรสชาติอ่อนๆ ซึ่งทีเด็ดที่สุดก็ดูจะเป็นหมูเนี่ยแหละ เข้ากันไดีดีมาก แต่ทงคัตสึไม่ค่อยต่างจากทั่วไปนัก
• Shio Toroniku Ramen (฿320.-)
อันนี้จะเรียกว่าของขึ้นชื่อของที่ร้านก็คงไม่ผิด ใครที่มาส่วนใหญ่ก็สั่งกัน แน่นอนผมก็สั่งตามเค้าไป ตัวแก้มหมูนุ่มและอร่อยใช้ได้เลยครับ เข้ากันได้ดีกับราเม็งซุปเกลือที่ไม่ได้เค็มแบบราเม็งเกลือปกติ ออกมาเป็นเมนูที่ถูกอกถูกใจหลายๆคนรวมทั้งผมด้วย
• Kurobuta Gyoza (฿120.-)
เกี๊ยวซ่าของที่นี่ทำมาจากหมูดำกันเลยทีเดียว เอาจริงๆผมก็ไม่รู้สึกต่างอะไรกับเกี๊ยวซ่าปกตินะครับ แต่ก็สัมผัสได้ว่าไส้หมูค่อนข้างนุ่ม แป้งกรอบนอกนุ่มใน ไส้ไม่แห้งจนเกินไปชุ่มฉ่ำกำลังดีเลย
• Char Siu Gohan (฿120.-)
อันนี้แอบเศร้าเล็กน้อยเมื่อเห็นปริมาณหมูที่ให้มาเทียบกับข้าวในถ้วย แต่ไม่เป็นไรเนื่องจากความนุ่มของหมู และรสชาติที่อร่อยเลยพอชดเชยกันได้

การบริการของพนักงานที่นี่สนใจลูกค้าในระดับดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใสดูแล้วเต็มใจบริการ สามารถแนะนำเมนูให้ลูกค้าได้ดี อันไหนเป็นโปรโมชั่น อันไหนคนชอบสั่ง อยากรู้ถามได้เลยครับแนะนำได้ดีทีเดียว แถมคอยเติมน้ำชาให้ตลอด เอาเป็นว่าบริการอยู่ในระดับดีเลยแหละ