พิกัดของร้านนี้จะอยู่ในห้าง Central Embassy โดยตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 ตรงข้ามกับร้าน Nara อยู่หลังบันไดเลื่อนเลย ตรงข้างๆกับลิฟต์หาไม่ยาก 
สิ่งที่ผมชอบที่สุดของร้านนี้คือการที่มีน้ำแร่ให้เราเลือกดื่มกว่า 10 แบรนด์ แบ่งเป็น Still Water จะมี 3 ยี่ห้อ Sparkling 4 ยี่ห้อ ถ้าตัวที่เป็น Smooth Bubble จะเป็น Badoit แถมอาหารที่นี่ก็มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย 
วันนี้ผมจัด Sparea 750 ml. ไปหนึ่งขวดครับ ซึ่งขวดนี้เป็น Still Water หน้าตาสวยงามใช้ได้เลย รสชาติก็จะออกหวานนิดๆ ร้านนี้มีให้เลือกทานหลายอย่างนะครับ แต่วันนี้ผมจัดเป็น Course Menu ของทางร้านมา ราคา ฿990++ ครับผม โดยจะมีสามอย่างคือ Appetizer, Main Dish, Dessert อย่างละจานในคอร์สจะประกอบไปด้วย 

ของเรียกน้ำย่อยก็จะเป็นขนมปัง โดยร้านนี้จะมีเนยให้ลองถึงสองชนิด คือ Sea salt butter กับ Truffle butter ตัวขนมปังเองค่อนข้างเหนียวมากเลย แต่ก็อร่อยดีทีเดียว ตัวเนยเห็ดทรัฟเฟิลก็กลิ่นค่อนข้างชัดเจนเลย เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์และผมชอบมาก ตัวเนยจะมีความมันๆแต่ไม่ค่อยเค็ม ส่วนเนยน้ำทะเลก็เค็มสมชื่อเลยครับ แต่ก็ไม่ได้ว่าขนาดไตพัง เป็นเมนูที่อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว 

• Carrot Soup 
ตามมาด้วยตัวด้วยซุปสีส้มสดใส รสชาติเข้มข้นดีครับแต่ไม่ค่อยหนืด ตัวซุปเองก็จะเค็มๆมันๆ มีกลิ่นของแครอทชัดเจน ซุปเสิร์ฟมาร้อนๆเลย เป็นการเริ่มคอร์สที่ดีทีเดียวเลยครับ 

• Cod Croquette 
มีกลิ่นฉุนๆของซอสบัลซามิค ที่ใส่มาในสลัดซึ่งกลิ่นของผักจะค่อนข้างแรง ผสมกับกลิ่นหอมของโคโรเกะ ด้านในจะเป็นมันฝรั่งบดซึ่งนุ่มดีทีเดียว ทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มใน แป้งด้านนอกกรอบมาก เวลาทานจะมีกลิ่นหอมด้วย เข้ากันได้ดีกับซอสมะเขือเทศด้านล่าง ซึ่งเข้มข้นดีทีเดียวเลย 

• Barramundi 
เนื้อปลานุ่มดีทีเดียวใช้การทำโดยการนำไป steam ทำมาสุกในระดับ done ทำให้มีกลิ่นคาวของทะเล ควรทานคู่กับผักโขมด้านล่างเพื่อดับกลิ่น ราดมาด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิลที่มีรสชาติมันๆเค็ม แต่สามารถแจ้งระดับความสุกได้นะครับ ใครชอบสุกมากสุกน้อยก็จัดกันไป ส่วนตัวผมว่าก็พอได้ใช้ได้เลย 

• Lobster Pasta 
เส้นสปาเก็ตตี้ลวกมาแบบไม่ถึงกับนิ่ม ยังคงความแข็งไว้นิดๆ ส่วนเนื้อ lobster ก็เหนียวนุ่มดีครับให้มาชิ้นพอดีคำ นอกจากนี้ยังมีแฮมกับ หมูรมควันที่ออกรสเปรี้ยวหน่อยๆ ใส่มาให้ในจานอีกด้วย โดยรวมก็ใช้ได้เลยครับ 

• Pork Chop 
จานสุดท้ายจะเป็นพอร์คช็อป เวลาทานเข้าไปจะมีเหมือนกลิ่นของไม้อยู่ครับ เนื้อหมูถือว่าทำมาได้ดีเลยทีเดียว จะมีความแข็งนิดๆ แต่ก็ยังนุ่มพอที่จะทานได้แบบสบายๆ แถมยังคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อไว้ได้ดี สามารถเคี้ยวได้ไม่เมื่อยกรามครับ ชิ้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เวลาทานเข้าไปจะได้กลิ่นของเครื่องเทศด้วยผมชอบมาก 

• Profiteroles 
ขนมหวานของที่นี่ก็จะเป็นเหมือนคุ๊กกี้ที่มี ไอศกรีมรสคาราเมลอยู่ตรงกลาง โดยรวมแล้วผมว่ามันค่อนข้างโอเคเลยครับ รสชาติหวานนุ่มของคาราเมลชัดมาก ตัวคุกกี้เองจะเป็นแบบเหนียวนุ่ม จะมีกลิ่นหอมของแป้งรสชาติไม่หวานมากนัก และมีบราวนี่ใส่มาให้ด้วย ส่วนตัวผมแล้วถูกใจใช้ได้เลยครับ 

นอกจากนี้ทางร้านยังมี Beverage ที่เป็น Water Library's Exclusive ให้เลือก โดยมีชาให้เลือกถึง 8 ชนิดสำหรับคนที่ชอบรสอ่อนๆ ไม่เน้นคาเฟอีนแนะนำเป็นพวก Herb Tea, White Tea, White Rose ส่วนใครที่ใกล้หลับ ต้องการชาที่ High Caffeine แนะนำเป็นพวก Black Tea ส่วนสาวๆที่ชอบชาผลไม้ก็ต้องพวก Vanilla Garden หรือ Grean Peach จะเป็นชากลิ่นผลไม้ ที่ค่อนข้างหอมหวานเลยแหละครับ พี่ๆท่านไหนที่ชอบแนวสมุนไพรก็แนะนำ The Botanist เลยครับ แต่มครไม่แน่ใจเค้ามีตัว Tasting ให้ลองดมนะครับ 

La Brasserie Signature Cold Teas 
โดยทางร้านจะมีทั้งหมด 3 อย่างคือ Rough, Elderflower, passion เมนูนี้เป็น Complementory Drinks โดยวันนี้ก็ได้ลองชา Peach passion fruit elder flower (฿195.-) โดยจะทำมาจากดอกไม้ของทางยุโรป โดยมีกลิ่นหอมของดอกไม้ คล้ายกลิ่น raspberry รสชาติก็จะหวานๆ คล้ายๆกับยาแก้ไอแต่อร่อยกว่า ออกแนวเหมือนกับลูกอมนิดๆอ่ะครับ 

การบริการของที่นี่ถือว่าเยี่ยมมาก พนักงานอัธยาศัยดีมาก สามารถตอบคำถามลูกค้าได้แบบดีมาก เรียกว่าข้อมูลการปรุงนี้มาครบละเอียดยิบ แถมยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาสุภาพมากครับ เรียกได้ว่าประทับใจการบริการสุดๆเลย 

ร้านนี้จะอยู่ใน Siam Center โดยจะอยู่บริเวณชั้น 4 บริเวณทางเชื่อมไป Siam Discover ตรงข้ามกับ Sizzler ที่เคยเป็น Coco Ichibanya อ่ะครับ


บรรยากาศในร้านค่อนข้างดูหรูเลยแหละ ร้านก็จะตกแต่งด้วยไม้โทนสีต่างๆ บนผนังจะมีตราประจำตระกูลต่างๆติดเต็มเลย ซึ่งบางอันก็ไม่คุ้นตาผมเลย การจัดการกลิ่นค่อนข้างดี ภายในร้านสะอาดมากเลยครับ

แน่นอนร้านนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องทงคัตสึ มาแบบนี้ก็ต้องลองกันหน่อย มาดูกันว่าจะเป็นยังไง โดยราคานี้ยังไม่รวม SC 10% กับ Vat 7% นะครับ อาหารรอนานหน่อยแต่เข็นใส่ cart มาส่งเลยครับ
• Cyawanmushi (฿50.-)
คนไทยจะคุ้นชื่อกันว่าไข่ตุ๋น รสชาติก็ธรรมดาทั่วไป เค็มๆอร่อยพอทานได้ มีพวกกุ้งกับเครื่องใส่มาให้นิดๆหน่อยๆ โดยรวมก็พอใช้ได้เลย

• Hire-Sarusuberi (฿320.-)
ชุดนี้จะเป็นเนื้อวัวผสมเนื้อหมูบดนำไปทอดนะครับ ซึ่งด้านในได้สอดไส้ชีสไว้ด้วย โดยที่ร้านเอาขนมปังทั้งแผ่นมาบด เพื่อทำเกล็ดขนมปัง ทำให้ทงคัตสึของที่นี่จะกรอบนอกนุ่มในมาก เพื่อนผมบอกว่าค่อนข้างถูกใจเลยครับ


• Rosukatsu Gohan (฿320.-)
อันนี้จะเป็นทงคัตสึเนื้อหมูสันนอก ตอนแรกงงว่าเหมือน Lunch Set ของที่ร้านเป๊ะ เลยสงสัยว่ามันต่างกันยังไง ถามพนักงานเลยรู้ว่าชุดวาโกน้ำหนักเนื้อเพียง 80 กรัม แต่ชุดนี้ได้ถึง 120 กรัม เนื้อหมูกรอบนอกนุ่มใน แต่สำหรับผมว่ามันชิ้นเล็กไปหน่อย ซอสรสชาติก็ทั่วไปครับ มาพร้อมผักกะหล่ำฝอย ซึ่งก็สดเข้ากันได้ดีกับน้ำสลัด

การบริการของพนักงานที่นี่ก็บริการดีนะครับ มีบ้างที่น้ำเสียงอาจไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนเสมอไป แอบเห็นเชฟคอยเดินออกมามองลูกค้าด้วย เอาเป็นว่าโดยรวมทุกอย่างก็ค่อนข้างน่าพอใจ

พิกัดของร้านนี้จะอยู่ในตึก A la art โดยจะอยู่บริเวณชั้น 1 หาไม่ยากเลยครับร้านเด่นมาก ตัวตึกจะอยู่ตรงทางออกที่จอดรถของ Siam Square ฝั่งที่เป็นถนนพญาไท ตึกที่มีทางเชื่อมไป MBK 

บรรยากาศในร้านก็จะเป็นแนวเหล็กๆหินๆตามธีมเลย โทนที่ใช้ตกแต่งร้านก็จะเป็นสีดำ แต่ส่วนตัวผมชอบสาขาทองหล่อมากกว่า ที่นั่งก็มีทั้งแบบที่เป็นเกาอี้โค้ง ที่นั่งเดี่ยว บาร์ริมหน้าต่าง 

เคาเตอร์บาร์ มียันโต๊ะประชุม ในร้านโล่งสะอาดตามาก แอร์เย็นนั่งสบายคนไม่ค่อยพลุกพล่าน การตกแต่งตรงกับความชอบส่วนตัวของผมมาก นั่งชิวดูคนเดินผ่านไปผ่านมาได้ทั้งวัน

ร้านนี้มีทั้งคนมานั่งชิวๆหลบแดด ถ่ายรูปสวยๆลงไอจี แม้แต่มาอ่านหนังสือเตรียมสอบ ส่วนตัวผมดีใจมากที่ร้านเปิดแบบ 24/7 เครื่องดื่มกับขนมอร่อยๆ ก็ขนมาบริการกันเต็มที่ วันนี้จัดมาลองนิดนึง
• Blueberry Frappe (฿120.-)
เมนูนี้ก็สั่งตามชาวบ้านเค้าเหมือนกัน ใครบอกอร่อยผมลองหมด สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะดื่มกาแฟแบบผม ร้านนี้ก็มีพวกผลไม้ปั่นกับชาให้สั่งมาดื่ม เมนูนี้ก็จะเป็นบลูเบอร์รี่ปั่น ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เป็นเมนูที่ฟื้นคืนความสดชื่นได้ดีทีเดียว
• Waffle Nutella (฿260.-)
หลังจากที่ถามน้องบาริสต้า ว่าเมนูไหนถ่ายรูปสวยๆบ้าง น้องเค้าก็จัดเมนูนี้มาให้เลย เป็นขนมปังทานูเทลล่าสองชิ้น ท็อปปิ้งด้วยเบอร์รี่ผลไม้หลากชนิด มาพร้อมกับ marshmallow เบิร์น ส่วนตัวแล้วผมว่ามันก็ถ่ายรูปสวยจริงๆแหละ รสชาติอร่อยดีทีเดียว นูเทลล่าเข้มๆก้บผลไม้หวานๆเนี่ย

การบริการของที่นี่ก็บริการดีสุภาพ แถมสามารถลงบิลได้ด้วย แอบแปลกใจตรงนี้นิดนึง 5555 พนักงานทุกคนดูเป็นกันเอง พร้อมให้บริการมากเลยครับ แถมยังเอาเครื่องดื่มกับขนมมาเสิร์ฟถึงโต๊ะเลย พวกผมทานกันไปจนได้บัตรสมาชิกฟรีเลยทีเดียว

พิกัดสาขานี้ตั้งอยู่ระหว่าฃงคณะนิติศาสตร์ และ คณะนิเทศศาสตร์ ของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เลยลานจอดรถของคณะเข้ามาหน่อยนึงใต้ต้นไม้ หน้าอาคารพินิตประชานาถตรงลานไทรครับผม
ภายในร้านไม่ได้ใหญ่มากนัก เข้ามาฝั่งขวาจะเป็นเคาเตอร์สั่งของ และตู้โชว์พวกขนมต่างๆ ด้านซ้ายเป็นกระจกสองมุม ติดกระจกจะเป็นที่นั่งแบบ Counter Bar และมีโต๊ะสำหรับ 3 คนสองตัวกลางร้าน แอร์เย็นดีทีเดียวครับ
เรียนเสร็จแบบไม่ไหวแล้วต้องการน้ำตาลด่วน เดินลงมาเห็นเมนูนี้หน้าร้านพอดีเลยเข้าไปจัดมา 1 แก้ว ถ้าจ่ายผ่านแอพ True Coffee ลดทันที ฿30.- 


• Lynchee Lemon Smoothie (฿145.-)
รสชาติหวานอมเปรี้ยว จากเมนูทั้งหมดอันนี้ดูตรงกับผมสุดแล้ว ในแก้วจะมีวุ้นอะไรซักอย่างหนึบๆ มันเหนียวกว่าวุ้นมะพร้าว แต่ไม่เหนียวเท่าไข่มุกอ่ะครับ ใส่มาให้แถมเยอะด้วย รสชาติเครื่องดื่มก็อร่อยตามคาด เป็นเมนูที่ช่วยชีวิตผมไว้เลย ดื่มเข้าไปแล้วร่างกาย Fresh มากเลย

พนักงานก็บริการดีมากเลยครับ น้องที่รับออเดอร์ผมน่าจะเป็น Trainee เห็นมี Manager มายืนสอนการใช้แอพอยู่ 5555 แต่โดยรวมแล้วก็พูดจาสุภาพ บริการดีทีเดียวเลยครับ

พิกัดของร้านนี้จะอยู่ริมถนนพหลโยธินเลยครับ โดยจะตั้งอยู่ทางฝั่งขาออกเลยสถานี BTS อารีย์มาหน่อยนึง ทางร้านไม่มีที่จอดรถให้ แต่สามารถจอดรถได้ริมถนนนะครับ

บรรยกาศในร้านตอนที่ผมไปค่อนข้างดึกแล้ว เรียกได้ว่าเค้าจะปิดแล้วล่ะครับ ความสะอาดโดยรวมก็พอรับได้ครับ ที่นั่งก็ค่อนข้างสบายแอร์เย็นดี มีสองโซนใครอยากนั่ง Outdoor หรือ Indoor ก็สามารถเลือกได้เลย แถมยังมีของสดมาโชว์ให้เลือกกันได้แบบจริงๆตัวเป็นๆ

เนื่องจากหิวกลางดึกก็เลยขอหาอะไรทานหน่อยดีกว่า สิ่งที่ผมสั่งมาก็จะมีประมาณนี้เลยครับ
- กุ้งแม่น้ำเผา 450G. (฿785.- / ตัว)
เห็นราคาแล้วแอบตกใจเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไรครับอยากทาน 555 ซึ่งพอเห็นตัวกุ้งแล้ว อู้วว ราคากับสิ่งที่ได้ก็สมกันอยู๋ กุ้งตัวค่อนข้างใหญ่แถมไข่กุ้งเยอะมากก แต่กลิ่นคาวของกุ้งค่อนข้างแรงไปนิด เนื้อกุ้งสดหวานได้ที่เลยครับ เอาเป็นว่ารอบหน้ามาก็จะสั่งอีก
- หอยหวานเผา 500G. (฿400.-)
อันนี้ผมไม่ได้ทานครับผม แต่ก็เห็นคุณแม่ถูกใจในระดับนึงเลยทีเดียว
- ปลาสำลีแดดเดียวยำมะม่วง (฿390.-)
เนื้อปลามีความนุ่มและแน่นดีครับ มีน้ำราดเปรี้ยวๆเค็มๆหวานๆ อร่อยดีทีเดียวเลยครับ ใครที่ชอบเมนูปลาไม่ควรพลาด ทอดออกมาได้กรอบนอกนุ่มในดีทีเดียว
- หอยแครงลวก (฿140.-)
อันนี้ผมไม่ได้ทานครับผม แต่ก็เห็นคุณแม่ถูกใจในระดับนึงเลยทีเดียว
- เป็ด/ไส้ พะโล้ (฿120.-)
อันนี้ไม่ได้ชิมนะครับเพราะผมไม่ทานเครื่องใน
- ขาหมูพะโล้ (฿120.-)
เป็นหมูพะโล้ที่มีแต่หนัง อันนี้แอบผิดหวังนิดหน่อยเพราะได้เนื้อหมูน้อยมาก ทั้งจานเรียกได้ว่ามีประมาณไม่ถึง 10 ชิ้นเอง รสชาติใช้ได้เลยนะครับเข้มข้นนิดๆ
- หมูแดดเดียว (฿120.-)
เป็นเมนู Most Common ของร้านข้าวต้มเลยก็ว่าได้ ทานกับข้าวสวยก็ได้ ทานกับข้าวต้มก็ดี รสชาติก็จะออกแนวเค็มๆ หมูของที่นี่ก็อร่อยใช้ได้ไม่ได้เหนียวจนเกินไป
- หมูสับผัดปลาเค็ม (฿100.-)
เป็นเมนูที่เหมาะกับข้าวต้มจริงๆ รสชาติจะออกเค็มหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เค็มแบบไตพังขนาดนั้น ผมถึงกับสั่งกลับบ้านอีกที่เลยอันนี้
- หอยนางรมสดตัวใหญ่ (฿70.- / ตัว)
หอยนางรมของที่นี่ค่อนข้างตัวใหญเลยทีเดียวครับ ทานเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่าค่อนข้างสด ใช้ได้เลยทีเดียวแถมมีใบ Horse tamarind มาให้ด้วยแต่ผมก็ไม่ได้ลองทานนะครับ
การบริการรอบนี้ที่ผมไปพนักงานบริการดีมากเลยครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาสุภาพ ดูให้ความสดใจลูกค้าดี บริการด้วยความรวดเร็วว่องไว อาหารรอไม่นาน โดยรวมแล้วเรียกว่าเยี่ยมไปเลยก็ได้ ค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว