พิกัดร้านนี้จะตั้งอยู่ใน Siam Discovery บริเวณชั้น 2 โดยสามารถเดินทะลุมาจาก Siam Center ได้เลย ร้านจะอยู่ฝั่งที่ติดกับสี่แยก หาไม่ค่อยยากเท่าไหร่ครับ

บรรยากาศในร้านก็มีลูกค้าทุกเพศทุกวัย ที่นั่งก็มีจำนวนเยอะพอประมาณ อต่เจอปริมาณลูกค้าเข้าไปแล้วดูไม่ค่อยพอเลย ด้านนอกมีกระจกบานใหญ่วิวรถไฟฟ้าให้ดูด้วย ผมเห็นคนชอบมาถ่ายรูปกัน โดยรวมแล้วในร้านก็ค่อนข้างแออัดระดับนึงครับ
เมนูของที่นี่มีเครื่องดื่มเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่มีชีวเป็นท็อปปิ้ง วันนี้ผมก็ได้จัดมาลองสองตัวคือ signature และ best seller ของร้านครับ

• Heekcaa Cheese (฿90.-)
เมนูนี้เห็นเค้าว่าเป็นตัวเด่นของร้านเลย ตอนดมผมไม่ได้กลิ่นชานะครับ แต่ตอนดื่มเข้าไปกลิ่นค่อนข้างชัดเจน ชาจะมีกลิ่นหอมบางๆ เข้ากันได้ดีกับตัวชีสที่มีรสชาติเค็มๆ เป็นเครื่องดื่มที่ส่วนผสมไม่น่าเข้ากันได้ แต่อร่อยดีทีเดียว


• Cheese Mango (฿120.-)
อันนี้เห็นหน้าร้านบอกว่าเป็น best seller ไม่แน่ใจว่ามีเฉพาะช่วงนี้หรือเปล่า เทศกาลมะม่วงทุกร้านก็มีเมนูมะม่วงออกมากันเต็ม หลังจากชิมเข้าไปแล้วก็อร่อยดีครับ น้ำมะม่วงมี texture ของเกล็ดน้ำแข็งนิดๆ ชีสที่มีความมันและรสชาติเค็มๆ เป็นการผสมผสานกันที่ไม่น่าลงตัว แต่รสชาติออกมาสมแล้วที่เป็นสินค้าขายดี

การบริการของร้านนี้ พนักงานก็บริการดีพูดจาสุภาพ สามารถอธิบายข้อสงสัยลูกค้าได้ดี แต่ออเดอร์ที่สั่งไปรอค่อนข้างนาน โดยรวมแล้วก็ใช้ได้เลยนะครับ

ร้านนี้จะอยู่ใน Siam Center โดยจะอยู่บริเวณชั้น 4 บริเวณทางเชื่อมไป Siam Discover ตรงข้ามกับ Sizzler ที่เคยเป็น Coco Ichibanya อ่ะครับ


บรรยากาศในร้านค่อนข้างดูหรูเลยแหละ ร้านก็จะตกแต่งด้วยไม้โทนสีต่างๆ บนผนังจะมีตราประจำตระกูลต่างๆติดเต็มเลย ซึ่งบางอันก็ไม่คุ้นตาผมเลย การจัดการกลิ่นค่อนข้างดี ภายในร้านสะอาดมากเลยครับ

แน่นอนร้านนี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องทงคัตสึ มาแบบนี้ก็ต้องลองกันหน่อย มาดูกันว่าจะเป็นยังไง โดยราคานี้ยังไม่รวม SC 10% กับ Vat 7% นะครับ อาหารรอนานหน่อยแต่เข็นใส่ cart มาส่งเลยครับ
• Cyawanmushi (฿50.-)
คนไทยจะคุ้นชื่อกันว่าไข่ตุ๋น รสชาติก็ธรรมดาทั่วไป เค็มๆอร่อยพอทานได้ มีพวกกุ้งกับเครื่องใส่มาให้นิดๆหน่อยๆ โดยรวมก็พอใช้ได้เลย

• Hire-Sarusuberi (฿320.-)
ชุดนี้จะเป็นเนื้อวัวผสมเนื้อหมูบดนำไปทอดนะครับ ซึ่งด้านในได้สอดไส้ชีสไว้ด้วย โดยที่ร้านเอาขนมปังทั้งแผ่นมาบด เพื่อทำเกล็ดขนมปัง ทำให้ทงคัตสึของที่นี่จะกรอบนอกนุ่มในมาก เพื่อนผมบอกว่าค่อนข้างถูกใจเลยครับ


• Rosukatsu Gohan (฿320.-)
อันนี้จะเป็นทงคัตสึเนื้อหมูสันนอก ตอนแรกงงว่าเหมือน Lunch Set ของที่ร้านเป๊ะ เลยสงสัยว่ามันต่างกันยังไง ถามพนักงานเลยรู้ว่าชุดวาโกน้ำหนักเนื้อเพียง 80 กรัม แต่ชุดนี้ได้ถึง 120 กรัม เนื้อหมูกรอบนอกนุ่มใน แต่สำหรับผมว่ามันชิ้นเล็กไปหน่อย ซอสรสชาติก็ทั่วไปครับ มาพร้อมผักกะหล่ำฝอย ซึ่งก็สดเข้ากันได้ดีกับน้ำสลัด

การบริการของพนักงานที่นี่ก็บริการดีนะครับ มีบ้างที่น้ำเสียงอาจไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนเสมอไป แอบเห็นเชฟคอยเดินออกมามองลูกค้าด้วย เอาเป็นว่าโดยรวมทุกอย่างก็ค่อนข้างน่าพอใจ

เห็นร้านนี้มีแต่คนบอกว่าอร่อย วันหยุดเลยขับรถมาทานถึงที่เลย พิกัดร้านนี้จะอยู่ตรง Town in town แถวๆเลียบด่วนครับ มาตาม GPS ได้เลย ร้านหาง่ายที่จอดรถพร้อม แต่จะมีที่จอดไหมอันนี้ต้องลุ้นเอา
บรรยากาศในร้านตอนที่ผมไปประมาณ 4 โมงเย็น คนก็ค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ ในร้านเป็นเหมือนเรือนไทยครับ ที่นั่งก็จะเป็นโต๊ะพลาสติกขาวๆ ผมว่าโต๊ะมันเบียดกันไปหน่อย เข้าออกค่อนข้างลำบากถ้าคนตัวใหญ่ แต่โดยรวมก็นั่งสบายดีครับ
• ส้มตำมั่ว (฿70.-)
เมนูนี้เป็นของคุณแม่ครับผมไม่ทานเผ็ด ก็เห็นบอกว่าอร่อยดี ถือว่าน่าจะรสชาติใช้ได้เลยแหละครับ
• หอยนางรมสด (฿140.-)
ตัวหอยเองก็ดูสดใช้ได้ดีเลยหล่ะครับ แต่ตัวไม่ค่อยอลังมากนัก มีซอสมาให้จิ้มเยอะดีครับ

• หอยเชลล์เผาอบเนย (฿140.-)
เป็นเมนูปราบเซียนของผมเลย ซึ่งร้านนี้ก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้น หอยเชลล์เผามาแห้งเกินไป เนื้อแตกเลยครับ แบบนี้ไม่โอเคเลย
• ข้าวผัดปูใหญ่ (฿180.-)
อันนี้รสชาติอร่อยกลมกล่อมอยู่ครับ แต่เปลือกปูเยอะไปหน่อย ทานไปต้องระวังเปลือกปูไป ถ้าแกะดีๆนี่ถือว่าเป็นอีกเมนูที่อร่อยมากเลย
• หอยแครงลวก (฿190.-)
หอยแครงสีส้มสดใส เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้ม รสชาติก็ทั่วๆไปครับ วัตถุดิบคุณภาพก็ค่อนข้างดีครับ

• กุ้งอบวุ้นเส้น (฿260.-)
ได้กุ้งตัวใหญ่มาสามตัว กุ้งเนื้อแน่นเด้งมากเลยครับ วุ้นเส้นก็ให้มาเยอะระดับนึง โดยรวมรสชาติก็ใช้ได้เลย เป็นอีกเมนูที่ค่อนข้างถูกใจ
• พุดดิ้งมะพร้าวน้ำหอม (฿45.-)
ปิดท้ายด้วยของหวาน ถึงหน้าตาจะไม่ได้สวยหรู แต่ก็อร่อยใช้ได้เลยครับ มีรสชาติของมะพร้าวบางๆ ไม่หวานจนเกินไป
น้ำส้มคั้น (฿55.-)
จากที่ชมน่าจะเป็นน้ำส้มแท้เลยครับ มีเนื้อส้มมาให้นิดๆหน่อยๆ รสชาติมันหวานไปหน่อย แต่ก็อร่อยถูกปากเลยทีเดียว

การบริการของพนักงานที่นี่แรกๆก็บริการดีครับ แต่พอสั่งอาหารไปแล้วนี่เรียกยากมาก จะขออะไรเพิ่ม หรือ สั่งอาหารเพิ่มนี่นานมาก ร้านนี้พนักงานเยอะมากเลยนะครับ แต่ไม่รู้เวลาผมจะเรียกไปไหนกันหมด แต่บริการดีพูดจาสุภาพดีครับ เอาจริงๆก็โอเคเลยราคาไม่ค่อยแรงด้วย

ก็อย่างที่บอกไปรอบก่อนว่า ร้านตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์บริเวณชั้นเจ็ด ติดกับทางที่เป็นทางเชื่อมกะบ Zen ร้านจะอยู่ข้างๆ Ootoya และตรงข้าม Tudari หาไม่ยากเท่าไหร่ครับ คนเริ่มรู้จักกันมาขึ้นละ

บรรยากาศในร้านเหมือนเดิมเป๊ะ การตกแต่งด้วยไม้สีอ่อนที่ช่วยผ่อนคลาย แถมไฟในร้านนี้ส่องสว่างแรงใช้ได้ ไม่มีปัญหากับการถ่ายรูปเลย บริเวณโดยรอบก็สะอาดดีครับ โซฟานุ่มนั่งสบายมากเลย
• Tofu Salad (฿190.-)
เปิดตัวกับอะไรเบาๆก่อน เริ่มกับที่สลัดเต้าหู้ครับ ผักของร้านนี้ค่อนข้างสดใช้ได้เลย แถมเต้าหู้เองก็มีความเหนียวนุ่ม คีบแล้วไม่แตกละเอียดเป็นเม็ดทรายครับ
• Tebasaki (Shio) (฿150.-)
เร่งเครื่องกันด้วยปีกไก่ทอดเกลือกันหน่อย อย่างนึงที่ต้องยอมรับคือปีกไก่ร้านนี้หนักเค็ม ซึ่งความเค็มนี้แหละครับทำให้ทานจนหยุดไม่ได้ แต่ใครเป็นความดันก็ไม่ความทานคนเดียวหมดจานนะครับ
• Yamamori Fried Potato (฿120.-)
มาถึงจุดนี้บางทีผมก็คิดว่าจะทานบุฟเฟต์คุ้มไหม ถ้ากลัวว่าปีกไก่ทอดยังไม่สะใจ จัดมันฝรั่งทอดมาอีกจาน ซึ่งพอเป็นปริมาณแล้วแอบช็อค จานใหญ่มากเลย ตัวเฟรนฟรายเองก็กรอบนอกนุ่มในมาก เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีทีเดียว


• Misoka Soba (฿350.-)
มาถึงจานหลักซะที กลับมาอีกรอบกับการลองทานบุฟเฟต์โซบะ ครั้งก่อนโดนคุณแม่เบรคหัวทิ่ม รอบนี้...ก็ไม่ต่างกันครับ 5555 ตัวโซบะรสชาติยังดีเหมือนเดิม มีแป้งติดกับเส้นที่ต้มมาทำให้ตัวเส้นมี texture เฉพาะตัว สามารถขอน้ำจิ้มกับเครื่องเคียงเพิ่มกันได้ไม่อั้นเช่นเคย รอบหน้าผมว่าจะลองสั่งเทมปุระแยกมาทานด้วยละ น่าจะอร่อยไม่เบาเลย ถึงเค้าจะบอกว่าโซบะทานแล้วไม่อ้วน แต่ล่อแป้งเข้าไปแบบผมนี่มันก็ต้องมีน้ำหนักขึ้นบ้างแหละ
การบริการยังคงมาตรฐานเดิมเลย บริการดียิ้มแย้มพูดจาสุภาพ พนักงานดูบริการด้วยความเต็มใจ เอาเป็นว่ามาทานแล้วสบายใจเรื่อง service ได้เลย คุ้มค่า 10% ที่จ่ายไปแน่นอนครับ

วันหยุดก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ยังคงมาทำงานที่มหาลัยตามเคย แน่นอนว่าทำงานที่ตึกทีไร Uber Eats พร้อมมาส่งข้าวส่งน้ำให้ตลอด วันนี้เห็นเค้าบอกร้านนี้รอไม่นาน (ในแอพ Est. 20-30 นาที) แต่เอาจริงๆเวลาที่ทำรวมมาส่งคือ 47 นาที แบบว่าโอ้ยหิวจนกรดกัดกระเพาะแล้ว

หลังจากที่ใช้เวลาทำไปนานมากไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง (เอาให้เป๊ะคือ 29 นาที) พี่คนขับก็มาส่งให้อย่างไว ตอนได้รับของก็เปิดดู พ่าม~!! ไม่มีช้อนจ้า แล้วข้าวนี่มาเป็นห่องี้เลย? ถ้วยกระดาษอะไรไม่จำเป็น ซุปก็มาเป็นถุงๆเลย 

ความรู้สึกแรกเลยคือกินไงอ่ะ? พี่คนขับวิ่งกลับไปเอาช้อนจากร้านมาให้ผมอีกรอบ #กราบ ในเมื่อไม่มีจานก็กางกินมันบนโต๊ะเนี่ยแหละ เอาล่ะออเจ้าเราจะมาบรรยายรสชาติให้ฟัง
• ข้าวมันไก่ตอน (฿55.-)
คือเปิดมาปุ๊บฟิลลิ่งแรกที่กระแทกคือ ห้าสิบกว่าบาทได้แค่เนี้ยหรอ หลักจากกางออกมาก็ทำการชิมไปหนึ่งคำเน้นๆ อืม..เนื้อไก่เค้าก็นุ่มดีแฮะ แต่ข้าวไม่ค่อนมีกลิ่นหอมเท่าไหร่ น้ำจิ้มเห็นมีให้มาถุงนึงแต่ผมไม่ได้ชิมนะครับ ส่วนแตงกวาก็นะ ไม่ค่อยสดเท่าที่ควร
• ข้าวมันไก่อบสมุนไพร (฿60.-)
ลองมาชิมอีกห่อ เปิดมาก็พอจะทราบเลยว่าเป็นญาติกับอันแรก ไซส์ไม่ได้ต่างกันเลย แต่พอชิมเข้าไปแล้วผมรู้สึกชอบนะครับ อย่างแรกเลยคือมันมีกลิ่นสมุนไพรจางๆเวลาทาน สองคือข้าวของห่อนี้ค่อนข้างมันแต่ไม่ถึงกับเยิ้ม ส่วนซุปรสชาติจะออกเปรี้ยวๆ คล้ายๆพวกซุปมะระครับ อันนี้ผมก็อธิบายไม่ค่อยถูก

การบริการของทางร้านคือผมแทบ Report แค่ข้าวมันไก่สองห่อใช้เวลาทำไปร่วมครึ่งชั่วโมง แถมช้อนส้อมอะไรก็ไม่เอามาให้เล้ยยย สร้างความลำบากต่อการทานของผมมาก ขอบคุณพี่คนส่งที่ยอมวิ่งกลับไปเอาช่อนให้ผมด้วยครับ (วันเสาร์สหกรณ์ปิดนะครับเผื่อใครสงสัยว่าทำไมผมไม่เดินไปซื้อเอง)