Thai | English
Phung
ฉันชื่อPhung . อาหารไทยทั่วไป, อาหารญี่ปุ่น, อาหารอิตาเลียน are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านผับแอนด์เรสเทอรองต์และปิ้งย่าง บาร์บีคิว, อาหารทะเล, ซูชิ ซาซิมิ.
สมาชิก 37 รีวิวแรก
รีวิว224 รีวิว
編輯推介數目110 Editor's Choice
Recommended10 แนะนำ
ความนิยม14135 เข้าชม
Replies in Forum1 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ1331 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews0 รีวิวแนะนำ
My Restaurant9 ร้านโปรด
Follow8 Following
粉絲1577 Follower(s)
Phung  Level 4
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 5 จาก 224 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | ร้านอาหารทั่วไป | สุกี้ ชาบู | ลำลอง

กิจกรรมดีๆจาก Openrice “ก๊วนชวนกิน” ครั้งที่ 18 อ๊ะๆ ใครที่แวะมาอ่านอาจยังงงๆ Openrice เป็นเว็บไซด์รวบรวมข้อมูลและแนะนำร้านอาหารค่ะ ซึ่งก็มีกิจกรรมชวนเพื่อนๆนักรีวิวมาเจอะเจอและเฮฮาปาร์ตี้กันเป็นระยะๆ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 18 แล้ว พวกเรามากันที่ร้าน “ชาบู ชาบู นางใน” สาขา เอกมัย 12 ค่ะ

ผึ้งน้อยเดินทางโดย BTS มาลงที่สถานีเอกมัย ออกทางออกที่ 1 จากนั้นต้องต่อแท๊กซี่อีกทีค่ะเพราะร้านเป้าหมายอยู่ในซอย 12 ซึ่งค่อนข้างไกลจากปากทางพอสมควร เดินไม่ไหวค่ะ

เลี้ยวขวาเข้าซอย 12 มาเรื่อยๆ (จุดสังเกตุคือ ซอย 12 จะอยู่ตรงแยกไฟแดงพอดีค่ะ) เข้าซอยมาช่วงแรกๆอาจยังไม่ค่อยเห็นร้านอะไรเท่าไหร่ จนมาผ่านร้าน Coffee Bean ตามด้วย Vanilla Garden ที่อยู่ทางซ้ายมือแล้วให้มองทางขวาเลยค่ะ จะเห็นป้ายไฟของร้าน “ชาบู ชาบู นางใน” บอกทางอยู่หน้าซอยเล็กๆลักษณะเป็นบ้านที่ดัดแปลงมาเป็นร้าน ดูเหมือนจะมี 2 ชั้น แต่ผึ้งน้อยและชาวก๊วนทานกันที่ชั้นล่างไม่ได้ขึ้นไปดูค่ะ
วันนี้มากันกลุ่มสิบกว่าคน พาลเอาร้านเค้าแออัดไปเลย หม้อชาบู....พร้อม 4 คนต่อ 1 หม้อ ลงตัว
วันนี้ทานกันแบบบุฟเฟต์ หัวละ 349 บาท (ไม่รวมของหวานและเครื่องดื่ม) ค่ะ
มีซุปแบบเดียวนะคะ เป็นน้ำซุปใสๆ

 
น้ำจิ้ม....พร้อม เห็นมีน้ำจิ้มและเครื่องเติมมากมายหลายอย่างเลยค่ะ แต่ผึ้งน้อยขอแบบง่ายๆก็พอ
เติมกระเทียมกับต้นหอมซอย แค่นี้ก็ฟินแล้วสำหรับผึ้งน้อยโอมจงลง ...อาหารมาลงแล้วค่ะ

เริ่มจากผักๆๆๆ เพื่อสุขภาพ
แต่ดูเหมือนไปๆมาๆพวกเราจะเน้นเนื้อๆกันซะมากกว่าตามมาด้วย
เนื้อหมูสันนอก
เนื้อหมูสันคอ
เนื้อหมูสามชั้น จากบนลงล่างตามลำดับเลยแต่ละอย่างจุ่มมาแล้วนุ่มไม่แพ้กัน
แต่ถ้าจะเอาแบบที่ทานแล้วรู้สึกว่าลงตัวที่สุดก็ขอยกให้ เนื้อหมูสันคอ ชนะเลิศ
เพราะปริมาณมันและเนื้อใน 1 คำสมดุลที่สุดค่ะ

ถัดมาที่เนื้อ (ผึ้งน้อยชอบเนื้อมากกว่าหมู แต่เนื้อมีแบบเดียวค่ะ)
เนื้อวัว
เป็นเนื้อล้วนๆที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีมันเลย
ดูเผินๆเหมือนน่าจะเหนียว แต่แท้จริงแล้ว....นุ่มซะจนทานเพลินเลย ตับหมู
ผึ้งน้อยชอบตรงที่เค้าหั่นมาเป็นชิ้นหนาๆ ลวกแล้วอยู่ในความสุกระดับกลางๆ
ได้เนื้อสัมผัสนุ่มๆ และคงรสหวานไว้ได้อย่างครบถ้วน กุ้ง
จากหน้าตาแล้ว ไม่ใช่กุ้งเด้งๆกรอบๆ แต่เป็นกุ้งสดที่ดูดีที่เดียวเชียวค่ะ
เสียดายที่โยนลงน้ำนานไปหน่อยเลยสุกเกิน แหะๆๆเกี๊ยวกุ้ง และสารพัดลูกชิ้น
จานนี้ยกให้เกี๊ยวกุ้งกับลูกชิ้นกุ้งเป็นพระเอกค่ะ อร่อยมากๆ จัดเป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดหากมาเยือนค่ะเกี๊ยวกุ้งมาตัวใหญ่ๆเลย ข้างในเป็นกุ้งสับ ใส้เยอะสะใจ
ลูกชิ้นกุ้ง ไม่แป้ง หนึบๆได้รสชาด
ลูกชิ้นปลา เกี๊ยวปลา และอื่นๆ...ว่ากันตามตรงคือสู้เกี๊ยวกุ้งกับลูกชิ้นกุ้งไม่ได้ เลยแอบเฉยๆค่ะ

แอบเบนเข็มไปทานของหวานซักหน่อย (ไม่รวมในบุฟเฟต์)
เต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อน
สละลอยแก้ว
ไอศครีมเชอร์เบทในลูกสับปะรดเต้าฮวยนมสดมะพร้าวอ่อน
จัดใส่ถ้วยมาได้อย่างสวยน่ารักน่าทาน
โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าแช่มาเย็นๆจะอร่อยมากเลย ^^

สละลอยแก้ว
หวานๆเย็นๆ ถ้วยนี้ทานแล้วชื่นใจ มีแรงกลับไปทานชาบูต่อได้อีก ^^

ไอศครีมเชอร์เบทในลูกสับปะรด
ใส่มาในลูกสับปะรดจริงๆ ดูทรอปิคอลมากๆ
มีเนื้อสับปะรดในเนื้อไอศครีมด้วย แอบเสียดายเชอร์เบทละลายเร็วไปนิด
โดยรวมแล้วก็เป็นของหวานที่เวิร์คทั้ง 3 อย่างค่ะ

ว่ากันที่บทสรุปซักเล็กน้อย
บรรยากาศ – ด้วยเป็นร้านเล็กๆ แง่ดีคือดูอบอุ่นเหมือนบ้าน แต่ถ้าลูกค้าเยอะก็จะกลายเป็นแออัดไปได้เหมือนกัน ในร้านดูโล่งๆ ไฟสว่าง เหมาะนั่งทานกันเป็นครอบครัว ที่สำคัญคือเป็นบุฟเฟต์แบบไม่จำกัดเวลา ดังนั้นก็นั่งทานนั่งคุยได้อย่างสบายๆ
การบริการ – เรื่องเติมน้ำดื่มเติมน้ำซุปนี่ไม่มีขาดตกบกพร่อง อาหารก็รวดเร็ว เสียดายลูกชิ้นกุ้งหมดเร็วไปหน่อย (เหมือนจะไม่เกี่ยวกับประเด็นการบริการ) เจ้าของร้านก็มาดูแลลูกค้าเอง ดูเป็นกันเองดีค่ะ
รสชาดอาหารและความคุ้มค่า – แม้เนื้อสัตว์จะไม่หลายหลายเท่าหลายๆร้าน แต่ก็นุ่มนวลทั้งเนื้อหมูและเนื้อว้ว วัตถุดิบสดใหม่ มีน้ำจิ้มและเครื่องให้เลือกหลากหลายตามชอบ และด้วยจุดเด่นของทางร้านคือการทานไม่จำกัดเวลานั้น ก็เป็นอะไรที่ดึงดูดมากจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 3  |  
Environment
 3  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
   2 Vote(s)   View Results
แนะนำ

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านเค้กและเบเกอรี่ | ร้านกาแฟ / ร้านชา | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

 
หลังจากที่อิ่มแซ่บๆมาจากร้าน ‘Somtamนัว’ แล้ว ก็ไม่ต้องไปไหนไกลค่ะ ผึ้งน้อยเคลื่อนมวลไปยังร้านเค้กโฮมเมดเล็กๆน่ารักๆที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันนั่นเลย

 
การตกแต่งร้านผิดไปจากแต่ก่อน ถ้าจะว่ากันตรงๆคือน่ารักน้อยกว่าแต่ก่อน เพราะพอรวมพื้นที่ร้านกับ Somtamนัว กำแพงก็ย่อมหายไป เลยตกแต่งได้น้อยลงนั่นเอง บวกกับบรรยากาศที่ดูขัดแย้งไปซักหน่อยกับบรรยากาศฝั่งร้านส้มตำ โดยรวมแล้วผึ้งน้อยชอบแบบตอนแยกร้านกันมากกว่าค่ะ

 
ทีนี้มาลองชิมขนมกัน
เมนูแรกที่เลือกมา แน่นอนว่าต้องไม่พลาดเมนูสุดโปรด
Hot Chocolate Pudding (Serve warm with ice cream)…(145 บาท)
…..Warm chocolate pudding filled in homemade raspberry jam…..

 
ปกติแล้วเมนูนื้ทางร้านจะเสิร์ฟกับไอศครีมคุ้กกี้แอนด์ครีม แต่ผึ้งน้อยและเพื่อนไม่ชอบรสนี้ซักเท่าไหร่เลยขอเลือกเปลี่ยนเป็น Pineapple-passion fruit ice cream แทน

สิ่งแรกที่พอใจจากการเปลี่ยนรสไอศรีมคือ สีสันบนจานขนมดูสดใสขึ้นมาทันทีค่ะ จากกนั้นพอลองทาน รสชาดของไอศครีมที่เป็นเชอร์เบตก็สดชื่นแบบหวานอมเปรี้ยว
ตัวเค้กเป็นแบบพุดดิ้งนะคะ จะต่างกับแบบที่เป็น Chocolate Lava ตรงที่พุดดิ้งจะไม่อยู่ทรงค่ะ ต้องอยู่ในถ้วย
รสชาดพุดดิ้งช็อคโกแลตก็เข้มข้นดีทีเดียว แต่ก็ออกเป็นช็อคโกแบบหวานนะคะ อย่างไรก็ตาม ในความหวานก็ยังซ่อนเปรี้ยวด้วยราสเบอร์รี่ซอสที่ก้นถ้วย พอทานกับไอศครีมเชอร์เบตแล้วก็เป็นอะไรที่เข้ากันมากๆค่ะ

ดื่มชาอุ่นๆให้สบายท้องด้วยชาผลไม้
Pot of Twining…(65 บาท)
….Strawberry and Mango…..

 
ปกติผึ้งน้อยจะดื่มชาพีช แต่คราวนี้เห็นว่ากลิ่นนี้น่าสนใจเลยต้องขอลองซะหน่อย

โดยรวมแล้วก็เป็นชาที่หอมดีค่ะ แต่กลิ่นหอมก็ยังไม่ปลื้มเท่าชาพีชอยู่ดี อาจเป็นเพราะกลิ่นมันงงๆนั่นแหละค่ะ เหมือนจะได้แค่กลิ่นเดียว ทั้งๆที่เป็นสองกลิ่นผสมกัน

Chocolate ice cream…(65 บาท)

 
ออร์เดอร์มาทานเล็นขำๆ คู่กับของหวานอีกจานนึงค่ะ
ไอศรีมสีเข้มมากเลย น่าทานมากๆ และรสชาดก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ เข้มข้นดี
ราคาแพงกว่าแบบเชอร์เบต และมีการแต่งองค์ทรงเครื่องมาเล็กน้อย

แต่น แต้นนนนน ของหวานจานสุดท้ายของมื้อนี้ค่ะ
Strawberry Cheese Cake…(100 บาท)
…..Topped with strawberry sauce…..

 
แอบเล็งไว้ตั้งแต่ยินดูตู้เค้กหน้าร้านแล้ว ลายริ้วสตรอเบอร์รี่ซอสในเนื้อเค้กน่าทานมากเลยนี่นา ^^

เค้กชิ้นนี้เบาๆค่ะ ยังมีความเป็นชีสเค้กไม่มากเท่าไหร่ (ยังไม่ถึงใจผึ้งน้อยค่ะ) ถ้าพูดถึงชีสเค้กที่ราคาไล่เลี่ยกันแล้ว ผึ้งน้อยชอบ Blue Berry Cheese Cake ของร้าน The Fabulous มากกว่าเพราะชีสซี่มากๆ
...มองในแง่ดี ชีสเค้กเบาๆแบบนี้ก็ไม่เลี่ยนดีนะคะ

สรุปมื้อนี้กันหน่อยค่ะ
บรรยากาศ – มีการตกแต่งที่ทำให้ตัวร้านดูแตกต่างจากภายในร้าน Somtamนัว แต่ถึงอย่างนั้น กลิ่นไก่ทอด กลิ่นส้มตำก็ยังวนเวียนมาบ้างเป็นระยะๆ เลยกลายเป็นว่ามองเข้ามาดูดีแต่มองออกไปไม่ค่อยเวิร์ค (บรรยากาศในร้านส้มตำมันดูไม่เข้ากันกะร้านเค้กที่จัดแต่งน่ารักๆอะ)
การบริการ – ช่วงรับออร์เดอร์ไม่มีปัญหา แต่ช่วงเรียกร้องความสนใจจากพนักงานนั้นแสนยาก แอบแปลกใจเล็กๆเลยเพราะว่าร้านก็เล็กๆแต่พนักงานชอบหันหลังให้หรือไม่ก็มองออกไปไหนก็ไม่รู้
รสชาด – โดยรวมแล้วพอใจในระดับนึงเลย ถึงจะไม่มีรสชาดที่หวือหวาแต่ก็จัดว่าอร่อยและอยากกลับมาทานอีก ทั้งราคาก็ยังไม่โหดร้ายอีกด้วย ^^
 
คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 3  |  
Service
 3  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารอีสาน | ร้านอาหารทั่วไป | ส้มตำ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม | จัดเลี้ยง ปาร์ตี้


คราวนี้ผึ้งน้อยมาเลือกทานมื้อกลางวันกับคุณเพื่อนสองคนที่ร้านแซ่บสไตล์อีสานย่านใจกลางเมืองอย่างสยามแสควร์
ว่ากันตามตรงแล้ว ทีแรกก็ไม่อยากมาทานเท่าไหร่เพราะขี้เกียจรอคิวนานนั่นเอง แต่คุณเพื่อนชอบร้านนี้ก็เลยตามใจ (โอ้ ผึ้งน้อยแมนสุดๆค่ะ)

 
ร้าน “Somtam นัว” อยู่ในสยามสแควร์ซอย 5 เดินเข้าซอยมาแล้วเห็นคนออๆกันตรงไหนก็ตรงนั้นเลยค่ะ หาง่ายสุดๆ
ระหว่างรอคิวโต๊ะ คุณพนักงานก็จะเอาเมนูมาให้เราออร์เดอร์กันก่อนเลย

อย่างไม่น่าเชื่อ รอโต๊ะไม่นานอย่างที่คิด (อาจเป็นเพราะเริ่มบ่ายแล้วก็เป็นได้)
ผึ้งน้อยและคุณเพื่อนได้ที่นั่งหลบมุมติดหน้าร้าน ในร้านค่อนข้างแออัด โต๊ะเรียงกันเต็มร้านเลย

 

 
ซักพัก เมนูแรกของพวกเราก็มาค่ะ
“ไก่ทอด” (98 บาท)

 
เป็นส่วนปีกไก่ทั้งปีก ตั้งแต่ต้นแขน ปีกกลาง และปลายปีก ทอดมาเกรียมๆจัดวางมาในภาชนะน่ารักๆ
มีน้ำจิ้มให้เลือกจิ้มตามชอบสองแบบ คือ น้ำจิ้มไก่ และ น้ำจิ้มแจ่ว
ตัวไก่ทอดที่รสชาดกลมกล่อม ทอดมาได้ไม่อมน้ำมัน มีกลิ่นหอมแตะจมูกยั่วน้ำลาย
แต่ก็มีรอยไหม้นิดหน่อยก็พยายามเลี่ยงๆกันไปค่ะ ...ถ้าทอดมาเหลืองทองไม่ไหม้ผึ้งน้อยจะให้คะแนนเต็มซะหน่อย

ถัดมาเป็นของคู่กันที่ขาดไม่ได้
“ตำไทย” (65 บาท) และ “ขนมจีน” (25 บาท)

 

 
รสส้มตำไม่จัดจ้านอย่างที่คาดหวังไว้ (เอ๊ะ..หรือหน้าเราอินเตอร์จนแม่ครัวคิดว่าทานเผ็ดไม่ได้กันนะ)
ทานคู่กันกับขนมจีนแทนข้าวเหนียวจะได้ไม่จุกมาก

ตบท้ายด้วยเมนูเพิ่มความฉลาด (ยังทันมั้ย??)
“ยำปลาทอด” (105 บาท)

 

ร้านนี้เค้าใช้ปลานิลไซส์กลางๆ ที่มีเนื้อหนานุ่ม จานนี้ถูกใจที่สุดในแง่ของรสชาดจัดจ้าน
ตัวปลาก็ทอดมาได้กำลังดีค่ะ ไม่ไหม้เลย

สรุปภาพรวมกันซักหน่อย
บรรยากาศ – ค่องข้างจะแออัด แต่พอลูกค้าเริ่มซาแล้วก็จะสบายตาขึ้นหน่อย เท่าที่เห็นคือไม่เน้นการตกแต่งแต่เน้นพื้นที่ใช้สอยมากกว่า ใช้โต๊ะสีแดงแปร๊ดแบบธีมร้านอาหารจานด่วน แต่ทางร้านอาจจะสื่อว่าเผ็ดแซ่บก็เป็นได้
การบริการ – เน้นความรวดเร็วเป็นหลัก
รสชาดอาหาร – อร่อยแบบกลางๆ ครบรสแต่ไม่จัด อาจเป็นเพราะมีชาวต่างชาติมาเป็นลูกค้าอยู่เยอะพอสมควร ราคาหากเทียบกับร้านส้มตำที่พบเห็นได้ทั่วกทม.แล้วก็แพงกว่าประมาณ 2-3 เท่าตัว แต่วัตถุดิบก็จะดูดีมีคุณภาพมากกว่าค่ะ
 
คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 3  |  
Environment
 2  |  
Service
 3  |  
Clean
 3  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านกาแฟ / ร้านชา | ลำลอง

ผึ้งน้อยเดินเล่นในโลตัสบางปะกอกตามปกติ วันนั้นด้านหน้าทางเข้าข้าง Swensens ดูจอแจกว่าทุกวัน
พอลองไปชะเง้อดูกับเค้าบ้างก็เลยถึงบางอ้อว่า จากพื้นที่ว่าง (เนื่องจากร้าน Coffee World ปิดตัวไป) ได้ก่อกำเนิดใหม่โดยแบ่งเป็น 2 ร้านคือ Dakasi ร้านชานมที่หลายๆคนคุ้นเคยดี กับร้าน Amazon ร้านกาแฟที่เห็นได้บ่อยๆตามปั๊ม

Dakasi อาศัยความเล็ก สร้างเสร็จก่อน เปิดก่อน รับทรัพย์ก่อน
เรียกลูกค้าเขตชานเมืองอย่างเราๆได้มาอยู่ พร้อมเทโปรโมชั่นเปิดร้าน คนถือบัตร Club Card ของ Lotus รับส่วนลด 10 บาททุกเมนู (ปัจจุบันเหลือลด 5 บาททุกเมนูและมีโปรกับ AIS ด้วย)

 
ว่าแล้วจะช้าอยู่ไย ผึ้งน้อยควักบัตร Club Card ตรงเข้าไปจัดมา 1 แก้วทันที
Jasmine Milk Tea w Milk Pudding (ราคาปกติ 45 บาท)

 
โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ารสชานมมันอ่อนไปหน่อย แอบคาดหวังว่าจะหอมมะลิและรสเข้มกว่านี้ (เพราะเคยชิมชาเขียวปั่นร้านนี้ที่สาขา The Mall ท่าพระ ตอนนั้นเข้มข้นดีทีเดียว)
ส่วนพุดดิ้งนมก็โอเคผ่าน เนื้อพุดดิ้งนุ่มๆไม่เละ ทานเพลินๆดีค่ะ

 
มีโซนโต๊ะเก้าอี้เล็กให้นั่งทานได้ด้วยนะคะ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะถือไปกันมากกว่า
ดูๆแล้ว ร้านนี้ก็นับได้ว่าเป็นทางเลือกใหม่ของชาวชานเมืองละแวกบ้านผึ้งน้อยได้ทางนึงค่ะ
 
คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 3  |  
Environment
 3  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | ร้านผับ/บาร์ | ลำลอง

ที่โซน Lobby ของโรงแรม Amari Boulevard มีบาร์นั่งดื่มชิลล์ๆในชื่อที่สื่อความหมายตรงๆว่า Lobby Bar
เนื่องจากเคารพระเบียบ “เมาไม่ขับ” ผึ้งน้อยเลยนั่นรถ BTS มาลงที่สถานี นานา จากนั้นเดินต่อมาอีกแค่นิดหน่อยก็จะถึงสุขุมวิทซอย 5 เข้าซอยมาแล้วโรงแรมจะอยู่ทางด้านขวามือ ตรงข้ามกับ Foodland ซุเปอร์มาร์เก๊ตเลยค่ะ

ปกติแล้วที่นี่จะไม่มี Cocktail Buffet นะคะ แต่วันนี้ผึ้งน้อยมาดื่มแบบ Buffet ด้วย Promotion Deal ของทางร้านในราคาเพียงแค่ 444 บาทเท่านั้น (แบบนี้ไม่โดนไม่ได้แล้ว)
ราคานี้นอกจากจะสำหรับ Cocktail Buffet แล้ว ยังรวมกลับแกล้มเป็นถั่วและข้าวโพดคั่วแบบไม่อั้นอีกด้วยค่ะ

ผึ้งน้อยสอบถามจากทางพนักงานมาว่าราคาปกติของ Cocktail ที่ร้านนี้จะอยู่ที่ประมาณ 200 บาทต่อแก้ว
(จากคำพูดนี้ก็คิดว่าน่าจะแก้วละ 200 กว่าๆ นะคะ ราคามาตรฐาน ...ผึ้งน้อยไม่ได้เห็นเมนูที่ระบุราคาซะด้วยสิ)

พื้นที่ของร้านจะไม่ได้กั้นแยกด้วยผนังแต่จะเสมือนเป็น Lobby ไปในตัวเลย ไฟจะสลัวกว่าโซนหลักเล็กน้อยตามสไตล์บาร์
ชุดโซฟาและของแต่ร้านสไตล์ไทยๆดูเข้ากันดี โซฟานุ่มน่านอนกลิ้งมาก

 
กับแกล้มมาในจานแบบไทยๆ ไม่เฉพาะฝรั่งที่ชอบการตกแต่งแบบนี้ ผึ้งน้อยก็ชอบค่ะ
ถั่วกับข้าวโพดคั่ว มาพูนจานเลย

 
อ้อ ลืมบอกไป วันนี้ผึ้งน้อยและเดอะก๊วนมาด้วยกัน 3 กระเพาะค่ะ
มานับแก้วไปพร้อมๆกันนะคะ

 
แก้วที่ 1
Blue Kamikazelollol
(Vodka, Triple sec, Blue curacao, Lime juice, Sugar syrup)
หลังๆมานี่ผึ้งน้อยไม่ค่อยดื่ม Blue Kamikaze ซักเท่าไหร่ เพราะกี่ร้านกี่ร้านก็หวานเจี๊ยบไร้รสเหล้าจนน่าเศร้าใจ...แต่ไม่ใช่กับที่นี่ค่ะ
รสเหล้าแรงแต่กลมกล่อมมากเลย ทำเอากลับมาชอบ Cocktail ตัวนี้ได้อีกครั้ง

 
แก้วที่ 2
Margarita lollol
(Tequila, Cointreau, Lemon juice)
แก้วใหญ่สะใจมาก รสเหล้ายังเข้มข้นรุนแรงเช่นเดียวกัน (จนทุกคนตกลงกันว่าแก้วถัดไปต้องขอเบาเหล้าลงบ้างซะแล้ว)
หอมหวานตรบเครื่องตามสไตล์ของ Magarita ค่ะ

 
แก้วที่ 3
Sex on the beach
(Vodka, Peach schnapps, Crème de cassis, Orange juice, Cranberry)
ตกแต่งเก๋ๆด้วยแอ๊บเปิ้ล
แก้วนี้รีเควสแบบเบาๆ (ยังไม่อยากเปิดห้องพักเพราะกลับบ้านไม่ไหวค่ะ)
ด้วยความที่น้ำผลไม้จะเยอะซักหน่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แก้วนี้เลยอ่อนๆดื่มง่ายค่ะ
ดูแก้วเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับที่เคยดื่มๆมา (ส่วนมากเป็นแก้วกระบอกทรงสูง)

 
แก้วที่ 4
B52 lollol
(Bailey’s Irish cream, Coffee liqueur, Grand marnier)
แก้วนี้ต้องรีบดื่มเพราะจุดไฟมาด้วย (ต้องดื่มให้ทันก่อนหลอดละลายค่ะ)
แก้วเป๊กเล็กๆแต่แรงและอร่อย รสชาดเข้มข้นมาก ช็อคโกแลตเหล้าก็ว่าอร่อยแล้ว กาแฟผสมเหล้าก็อร่อยไม่แพ้กัน
...แอบงงเล็กๆตอนอ่านเมนู เพราะเท่าที่ผึ้งน้อยรู้มา ปกติ B52 ต้องผสม Kahlua ด้วย แต่ในเมนูไม่เขียนค่ะ

 
แก้วที่ 5
Mojito
(Light rum, Fresh lime, Brown sugar, Mint leaves, Soda)
Cocktail ที่ผึ้งน้อยไม่เคยพลาดซักร้าน เพราะเป็นอะไรที่ชอบมากจริงจัง
เสิร์ฟมาในแก้วทรงเตี้ย (โดยสถิติการดื่มของผึ้งน้อยแล้ว แก้วทรงเตี้ยมักจะชงมาเข้ม ดีที่รีเควสแบบไม่เข้มมากไป)
แก้วนี้ไม่ปลื้มเท่าที่ควร เพราะรสและกลิ่นของใบสะระแหน่ (ใบมินต์) แรงเกินไปจนกลบรสเหล้ารัมเลย

 
แก้วที่ 6
Manhattan
(Bourbon, Sweet vermouth, Dry vermouth, Angostura Bitter)
เสิร์ฟมาในแก้วก้านสูงทรงสวยแปลกตา
เล็กแต่แรง เหมือนดื่มเหล้าเพียวๆเลยค่ะ แค่นึกถึงก็แทบจะเมาแล้ว
แก้วนี้เลยต้องยกให้คุณเพื่อน (ที่คอแข็งกว่า) เป็นผู้จัดการให้เรียบค่ะ

 
แก้วที่ 7
Bloody Mary
(Vodka, Tomato juice, Lime juice)
ตกแต่งมาน่ารักอีกแล้ว
แต่แก้วนี้พลาดอย่างแรงค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าน้ำมะเขือเทศกับเหล้ามันไม่เข้ากันเลยซักนิด

 
แก้วที่ 8
Daiquiri lollollol
(White rum, Sugar syrup, Lime juice)
บราโว่ !!!! แก้วนี้อร่อยที่สุดของวันนี้เลยค่ะ
รสชาดกลมกล่อมหอมหวาน ไม่แรงไม่อ่อน กำลังดีจริงๆ
แนะนำเลยค่ะ ถ้าจะมาลองดื่มกัน แก้วนี้สุดยอด

 
แก้วที่ 9
Pink Lady
(Gin, Triple sec, Fresh milk, Sugar syrup)
ปกติก็ดื่ม Pink Lady อยู่แล้ว แต่แก้วนี้ไม่ปลื้มรองจาก Bloody Mary ค่ะ มีน้ำแข็งเล็กๆลอยมาเต็มเลยดูไม่ค่อยน่าดื่มเท่าไหร่...นั่นเป็นส่วนนึงค่ะ ประเด็นหลักอยู่ที่รสชาดที่ดันดื่มแล้วเหมือนนมเย็นใส่เหล้าซะงั้น >_<

 
แก้วที่ 10 (แก้วสุดท้ายค่ะ ไม่ไหวแล้วววว >_<)
Dry Martini
(Gin, Dry vermouth, Olive)
ไม่โดนใจเท่าไหร่ (อาจเป็นเพราะ Daiquiri อร่อยเกินไปจนแก้วไหนๆก็ไม่อร่อยไปเลยก็เป็นได้ค่ะ)
แต่แก้วนี้ถ่ายรูปขึ้นมากค่ะ

สุดท้ายก็ดื่มไปทั้งหมด 10 แก้ว (3 คน)
กับกับแกล้มที่เน้นข้าวโพดคั่ว เติมหลายรอบมาก ทานเพลินเกินห้ามใจ
สุดท้ายนี้ “เมาไม่ขับ” นะคะ ^^

สรุปความประทับใจ
บรรยากาศ – สวยหรู ตกแต่งดูดีมีระดับ บาร์แม้จะเล็กแต่ก็ครบครัน แต่ร้านนี้จะเงียบๆอาจไม่เหมาะกับคนชอบเฮฮา แต่เหมาะแก่การนั่งดื่มชิลล์ๆค่ะ
การบริการ – พนักงานดูแลดีมาก สมเป็นระดับโรงแรม ดูเป็นกันเองแต่ยังคงความสุภาพไว้ได้เป็นอย่างดี
รสชาด – โดยรวมแล้วมีทั้ง Cocktail ที่ปลื้มและไม่ปลื้ม แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล แต่ด้วยราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพ (ความกลมกล่อมในการชง) และปริมาณแล้ว ถือว่าเป็นอีกร้านนึงที่น่านั่งมากๆ
 
เมนูแนะนำ:  Daiquiri,Margarita
 
คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0