นักรีวิวร้านอาหาร

ร้านที่จะพาไปชิมวันนี้ยังอยู่แถวจุฬา แต่คราวนี้เป็นของคาวบ้าง เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนรสเด็ด ที่เปิดแต่ตอนกลางคืนเท่านั้น ร้านนี้เป็นสาขาที่ 9 (อีก 8 สาขาอยู่ไหนไม่รู้ … ไม่ได้ถาม )ร้านก๋วยเตี๋ยวเอี่ยมน้อย สาขา 9 ซอยจุฬา 32

ร้านอยู่บริเวณริมถนนปากซอยจุฬา 32 ด้านซ้ายมือ หาง่ายมากกกกก
มีโต๊ะอยู่ไม่มาก ประมาณ 5-10 โต๊ะเท่านั้น บางทีก็ต้องรอโต๊ะหน่อย เพราะคนเยอะ แต่รอไม่นานค่ะ

เจ้าของร้านมีสองคนเป็นพี่น้องกัน ใจดี น่ารักทั้งคู่
ร้านนี้ใช้เตาถ่านด้วย ถึงว่าน้ำซุปกลมกล่อม ส่วนหมูก็นุ๊ม นุ่มเมนูก็มีหลากหลาย ราคาก็บอกเอาไว้ชัดเจน ไม่ต้องกังวลพอไปถึง อยากกินอะไรก็เขียนใส่กระดาษเลย เอาทีเดียว ไม่งั้นรอนาน เพราะเค้าทำให้ทีละโต๊ะ ไปสั่งเพิ่มทีหลัง ก็ต้องรอคิวไป แล้วถ้าไปหลายคนก็รอนานหน่อย แนะนำให้สั่งของกินเล่น มากินก่อนระหว่างรอ
อย่างพวกอิฉันไปกันห้าึคน รอนานอยู่เลยสั่งของกินเล่นไปเพียบ หนังปลาทอด 3 ชาม, ต้มหมู 2 ชาม คือเค้าไม่ได้ทำช้าขนาดนั้น แต่ไปด้วยความหิวจัด เลยโฮกกันซะไม่ยั้ง
ของกินเล่นมาก่อนหนังปลาเค็มนิดๆ ทอดได้กรอบมาก แถมไม่อมน้ำมันด้วย หมูที่ต้มด้วยน้ำซุปมานาน ทำให้หมูนุ่ม และรสชาตกลมกล่อมมากๆ เส้นเล็กแห้งบะหมี่แห้งต้มยำเส้นเล็กน้ำ

ไปกันทั้งหมด 5 คน ค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ 400 กว่าบาท
ตกคนละประมาณ 80 บาท

ร้านอร่อยๆ ราคาไม่แพงอย่างนี้อย่าลืมไปอุดหนุนกันนะคะ

นานๆ กลับเมืองไทยทีนี่ก็ดีไปอย่าง อยากกินอะไร เพื่อนสุดเลิฟก็พาไปกิน

วันนี้หลังจากไปกินของคาวมาเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาหาน้ำตาลเข้ากระแสเลือด

ร้านขนมหวาน ร้านกาแฟในกรุงเทพตอนนี้ยิ่งกว่าดอกเห็ด แต่พอดึกๆ กลับหายากซะงั้น

ปกติก็จะไปนมนมต์ ซึ่งคนก็ล้านแปด หรือก็ไปเยาวราช ที่ก็ปิดทุกวันจันทร์

วันนี้เพื่อนเลิฟเลยพามาลองร้านใหม่ แต่ก็ไม่ได้ใหม่อย่างที่คิด
เพราะร้านต้นตำรับคือ ร้านชูจิตบัวลอยน้ำขิงเยาวราช เป็นร้านที่เปิดมากว่า 20 ปี

ร้านกระจกใส ติดแอร์ ขนาดสองห้อง อยู่ติดริมถนน หาง่าย
ด้านในโล่ง กว้าง จัดแบ่งเป็นสัดส่วน

เดินจากประตูด้านหน้าเข้าไป จะเจอเคาเตอร์สั่งขนมด้านขวามือ
ส่วนด้านซ้ายมือ เป็นบริเวณโต๊ะนั่ง

มีเคาเตอร์ติดกระจก สำหรับผู้ที่อยากชมวิว และมีโต๊ะด้านใน แบบธรรมดาและโซฟาอากาศร้อนๆ ด้านนอก เข้าไปเจออากาศเย็นๆ ในร้านก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้น

ไปถึงร้านก็สี่ทุ่มกว่า ร้านจะปิดแล้ว แต่เจ้าของร้านยังใจดีให้เข้าไปนั่ง

เมนูอันมโหฬารก็มาวางตรงหน้า พร้อมลิสต์รายการขนมเต็มหน้า อ่านไป มึนไป

ใครมาครั้งแรก แนะนำให้ดูเมนูแบบรูปภาพแล้วจิ้มเอานะคะ หรือถ้าอยากกินอันนั้นผสมอันนี้ ก็ลองถามที่ร้านดู ถ้าไม่ยากเกินไป ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะเจ้าของร้านน่าัรัก และใจดีมากๆหลังจากจิ้มนู่น ผสมนี่เป็นที่เรียบร้อย ... แต่ละเมนูก็ทยอยมา(Azuki - Red Bean, Black Sesame, Taro)ไปกันห้าคน ค่าเสียหายตกคนละ 111 บาท

ร้านขนมหวานยามดึกว่าหายากแล้ว ร้านที่เปิดดึกแล้วอร่อยด้วยยิ่งหายากกว่า

แต่วันนี้อิฉันเจอแล้ว ร้านโปรดอีกร้าน

ใครชอบขนมหวาน หรือบัวลอยน้ำขิง ไม่ควรพลาดร้านนี้ เมนูแปลกๆ เยอะ

กินแล้วก็อย่าลืมไปออกกำลังกายนะคะ อ้วนแล้วอย่ามาโทษกันน้า

สวัีสดีปีใหม่ค่า

วันนี้พาไปชิมอาหารประจำชาติ ... ส้มตำนั่นเอง

ร้านนี้ตั้งใจจะไปกินหลายครั้งมากๆ เพราะคุณเพื่อนชอบ ฮีว่าส้มตำปลาร้าเค้าเด็ด แต่พลาดทุกที เพราะไปไม่เคยทัน ร้านปิดสี่ทุ่มจริง แต่ครัวปิดตั้งแต่สามทุ่มครึ่ง

วันนี้ได้ฤกษ์ ไปเร็ว เลยขอไปลองซะหน่อย ว่าจะสมคำล่ำลือไหม

ร้านนี้คนเยอะตลอด จะมากี่โมงก็คนเยอะ รอคิวนานคือถ้าหิวมาก ไม่แนะนำให้มา เพราะไม่มีเบอร์คิวหรือพนักงานมาเรียกนะคะ ใช้สามัญสำนึกของคนที่มารอ จำหน้ากันเองว่าใครมาก่อนมาหลัง โต๊ะว่างปุ๊บ พนักงานก็จะมาบอกว่าโต๊ะว่าง คิวใคร กี่คน ก็เดินตามพนักงานไป

ของอิฉันโชคดีหน่อย ไปถึงเป็นคิวที่สาม เลยรอประมาณ 15 นาทีก็ได้โต๊ะบรรยากาศร้านวุ่นวาย เสียงดัง เหมาะมากันกับกลุ่มเพื่อนฝูงและครอบครัวมากๆ แต่ถ้าจีบกันใหม่ๆ จะมาเดท ไม่แนะนำนะคะ เพราะคงต้องตะโกนจีบกัน

ได้โต๊ะปุ๊บก็รีบสั่งอาหารเลย ที่ร้านเค้ามีกระดาษเป็นลิสต์รายการอาหารทั้งหมดที่เค้ามีให้แยกเป็นหมวดหมู่ หน้าที่เราก็เลือกว่าจะกินไร แล้วเขียนจำนวนที่ต้องการ ส่งให้พนักงาน แล้วก็รอ

คนเยอะเต็มร้าน แต่อาหารที่มาเสิร์ฟกลับไม่นานอย่างที่คิด ... อาหารค่อยๆ ทยอยมาทีละอย่าง สองอย่าง ... แล้วก็เต็มโต๊ะจริงๆ สั่งอาหารมาเยอะกว่านี้ แต่อัพรูปได้แค่ 8 รูป

ไปทั้งหมด 5 คน ค่าเสียหายทั้งหมด 1,740 บาท ตกคนละ 348 บาท

สมชื่อร้านจริงๆ เพราะส้มตำแต่ละอย่างที่สั่งมา อร่อยเด็ด แต่ที่ชอบที่สุดเป็น

ตำหลวงพระบาง ... มะละกอฝานเป็นเส้นบางๆ ยาวๆ คิ้วเพลินนนนนน

อีกเมนูก็

ปีกไก่ทอด ... หนังไก่กรอบๆ เนื้อนุ่มๆ รสชาตกลมกล่อม คิดแล้วน้ำลายไหล

ส่วนราคาก็ไม่ได้แพงเวอร์ ถ้าเทียบกับรสชาต ถือว่าโอเคเลย

ใครเป็นคอส้มตำ ไม่ควรพลาดร้านนี้นะคะ

วันนี้พาไปชิมกันที่เชียงใหม่คะ ไปมาตั้งแต่เดือนมกราคม ไก่ย่างเชิงดอย @ เชียงใหม่

ที่อยู่ : ถนนนิมมานเหมินท์ ระหว่างซอย 2 และซอย 4 อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เบอร์โทรศัพท์ : 084 040 6464
เปิดบริการ : 11.30am - 7.30pm (ปิดวันจันทร์)
พิกัด GPS : 18° 47' 57.27" N 98° 57' 59.27" E
Facebook : ไก่ย่างเชิงดอย Kai Yang Cherg Doi
ที่จอดรถ : บริเวณหน้าร้าน

ร้านส้มตำ - ไก่ย่าง เจ้าอร่อยบนถนนนิมมานเหมินทร์

เดินเข้าซอยมาเล็กน้อย ก็จะเจอป้ายชื่อร้านพร้อมรูปอาหารหลากหลาย วันนั้นอิฉันกับเพื่อนไปกันตั้งแต่เค้าร้านยังไม่เปิด

ร้านเป็นแบบเปิดโล่ง โต๊ะจะมีให้นั่งเป็นแบบเก้าอี้ และนั่งกับพื้น

เลือกนั่งกับพื้น โต๊ะแรกหน้าร้านเลย มากับคุณนายเพื่อนเลิฟ

ด้วยความที่ไปเป็นโต๊ะแรก อาหารก็มาเสิร์ฟอย่างรวดเร็วอาหารขึ้นชื่อและแนะนำว่า ต้องสั่ง!

ไก่ย่างหนังกรอบ ราคา 55 บาท

อร่อยมากกกก หนังกรอบๆ เนื้อไก่นุ่มๆ กับน้ำจิ้มหวานนิดๆ สเต็กแจ่ว ราคา 55 บาท

เนื้อหมูนุ่มๆ กับน้ำจิ้มแจ่วเข้ากั๊น เข้ากันตำซั่ว ราคา 35 บาท

เมนูโปรดของอิฉัน เพราะเป็นคนชอบกินเส้น จะสั่งเส้นขนมจีนแยกก็ดูจะเยอะไป เลยสั่งตำซั่วนี่หล่ะง่ายที่สุดส้มตำทอด ราคา 45 บาท

เส้นมะละกอทอดกรอบๆ กับน้ำส้มตำรสเด็ด ถ้าได้น้ำส้มตำเยอะกว่านี้จะเริ่ดมากกกกลาบเห็ด ราคา 45 บาท

เมนูเพื่อสุขภาพ ลาบเห็ดรวม ... จานนี้เผ็ดมาก ใครไม่กินเผ็ดอย่าลืมบอกทางร้านนะจ๊ะตับหวาน ราคา 45 บาท

เมนูโปรดอีกหนึ่งเมนู แต่ตับลวกสุกจนแข็งไปหน่อยกระดูกอ่อนต้มมะขาม ราคา 55 บาท

เมนูนี้แซ่บสะใจ ... น้ำซุปร้อนๆ รสจัดจ้านกับเนื้อหมูนิ่มๆ

ค่าเสียหายทั้งหมด 355 บาท

ตกคนละ 167.50 บาท

ใครชอบกินส้มตำ - ไก่ย่างไม่ควรพลาดร้านนี้ อาหารราคาไม่แพง แถมอร่อยด้วย

หมายเหตุ : ทางร้านจะปิดปรับปรุงเป็นเวลา 1 อาทิตย์ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2555 ... ใครจะไปก็อย่าลืมโทรไปถามกันก่อนนะจ๊ะ

วันนี้มาพาชิมอาหารอิตาเลียนกันค่ะ หลังจากที่ไปร้านนี้มาแล้วสองรอบ เลิฟมากๆ แต่ดั๊นลืมอัพซะงั้นCASA Antonio Ristorante Italiano

CASA Antonio เป็นร้านสาขาของ Giorgio Italian Restaurant
เป็นร้านอิตาเลียนแท้ๆ ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2001 โดยตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม The Empress

เป็นร้านอาหารที่ดัดแปลงมาจากบ้าน มีที่นั่งทั้งด้านนอก ด้านใน และมีชั้นสองด้วย ด้านในร้านตกแต่งได้กิ๊บเก๋มากๆ เหมือนอยู่อิตาลีเลย

ระหว่างรออาหารทางร้านนำขนมปังพร้อมเนยหอมๆ มาให้เรียกน้ำย่อย ขนมปังหน้าเห็ด

อีกเมนูที่ทางร้านนำมาให้ฟรีๆ ระหว่างรอ

ไม่นานอาหารที่สั่งก็มาChef's Salad ราคา 230 บาท

สลัดทูน่า ผักสดๆ พร้อมน้ำสลัดสูตรเฉพาะของทางร้าน Grilled Vegetables ราคา 120 บาท

ผักทั้งหมดคือ Zucchini, Eggplant, Pepper นำมาหั่น แล้วย่างเป็นชิ้นๆ อร่อย ชอบ ชอบ

มาที่อาหารจานหลักกันบ้างChicken Red Wine Sauce ราคา 280 บาท

อกไก่ราดซอสมะเขือเทศ พร้อมผักสดๆ ... Spaghetti Egg Shrimp ราคา 280 บาท

อีกเมนูที่พลาดไม่ได้ สปาเก็ตตี้ไข่กุ้ง ... เส้นสปาเก็ตตี้หนึบๆ พร้อมกุ้งสดๆ และไข่กุ้ง

ค่าเสียหายทั้งหมด 1,023 บาท ไปกันสองคนตกคนละ 512 บาท

ใครไปเชียงใหม่แล้วอยากลองอาหารอิตาเลียนรสชาติดี ก็อย่าลืมไปลองที่ร้านนี้นะค่ะถึงราคาจะแพงไปนิด แต่บรรยากาศร้านและอาหารดีเลยค่ะ