นักรีวิวร้านอาหาร

ขอเกริ่นก่อนว่าที่รู้จักร้านนี้ได้เพราะขับรถเล่นไปถึงลาดกระบัง ไปจนถึงตลาดสุวรรณภูมิ ตลาดน้ำมหานคร
เค้าเรียกถนนเส้นนี้ว่าอ่อนนุช-ลาดกระบังกันค่ะ (ส่วนตัวเรียกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะเลยแยกอ่อนนุชไปไกลโข)
ระหว่างขากลับตอนเย็นค่ำก็มองซ้ายมองขวาหาร้านอาหารไปเรื่อย ๆ ค่ะ จนมาเจอร้านนี้เข้าค่ะ
"แอบแซ่บสาขา 2" เป็นร้านริมถนนเลยค่ะ จอดรถชิดฟุตบาท แต่ถ้ามาดึก ๆ จะไม่มีที่จอด และโต๊ะเต็ม!!

การเดินทางแบบคร่าว ๆ ฮี่ๆๆ จากถนนอ่อนนุชมาจนถึงแยกอ่อนนุช-ลาดกระบัง (จะเป็น 3 แยกไฟแดง
มีป้อมตำรวจอยู่ซ้ายมือ) ตรงมาเรื่อย ๆ ให้ชิดขวาไว้นะคะ กลับรถแรกค่ะ ร้านอยู่ขวามือ หรือถ้ามาจากถนนกิ่งแก้ว
ตรงมาสุดถนนแยกซ้ายไปอ่อนนุช สังเกตป้อมตำรวจอยู่ด้านหน้า แต่เราเลี้ยวขวาค่ะ ตรงมาเรื่อย กลับรถแรกจุดเดิม
สังเกตไม่ยากค่ะ เพราะร้านจะถึงก่อนจุดกลับรถ มาช่วงประมาณทุ่มนิดส์ๆ ยังมีโต๊ะเหลืออยู่ค่ะ ตามป้ายก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้านจิ้มจุ่ม ซึ่งไม่ได้มีแค่นั้นค่ะ ตามเมนูยังมีส้มตำ ต้มแซ่บ ลาบ ลวดจิ้ม หรือแม้แต่ข้าวผัด ราคาจะอยู่ประมาณ 50-200 บาทค่ะ ไม่แพงๆ
พนักงานพูดไทยไม่ชัดนะคะ เราต้องสั่งเค้าให้ชัดๆหน่อย แหะๆ แต่ยิ้มแย้ม บริการรวดเร็วดีค่ะ
ระหว่างรออาหารเสิร์ฟเราก็จัดการถ่ายบรรยากาศให้ฝาก ที่ร้านจะเป็นโต๊ะหินค่ะ รองรับลูกค้าได้พอสมควร มีทั้งมาแบบครอบครัว ก๊งเหล้า เอ้ย!! สังสรรค์หมู่คณะ
มีจอผ้าใบใหญ่ให้ดูละครตอนเย็น (ทีวีจอเล็กก็มี เปิดคนละช่องกัน) หากมีฟุตบอลแข่งก็เปิดให้ดูค่ะ
แต่ข้อเสียของร้านนี้จะอยู่ที่เป็นทางที่เครื่องบินลงพอดี!! เวลาคุยกันหรือจะดูละคร เสียงจะขาด ๆ หาย ๆ ไปเล็กน้อย
หรือต้องเพิ่มเสียงในการคุยทุก ๆ 5 นาที คาดว่าคนแถวนี้คงหููตึงไปโดยปริยาย เหอๆ

มาที่อาหารบ้างดีกว่า มากันแค่ 2 คน ขอจัดเบา ๆ ก่อน คริคริ เริ่มที่จานแรก ส้มตำปูไม่ปลาร้าค่ะ สั่งไปว่าเปรี้ยว เผ็ดปานกลาง ได้ตามคำขอเลยค่ะ แซ่บอร่อยถูกใจปากจริง ๆ แต่ปูไม่เค็มอ่ะค่ะ
เลยไม่ค่อยได้แตะปูเท่าไหร่ ต่อด้วยต้มแซ่บกระดูกอ่อนหมู สั่งมาเป็นชามค่ะ ถ้ามากันเยอะหน่อยก็เป็นหม้อไฟ ก็มีให้นะคะ ชามนี้ชอบมากค่ะ
เปรี้ยว เผ็ด เค็ม ครบรสมาก ๆ (แต่ถ้าใครที่ชอบรสจัด ๆ อาจจะคิดว่าควรเผ็ดกว่านี้ก็ได้ค่ะ ) เนื้อหมูกระดูกอ่อนสมชื่อค่ะ
เคี้ยวกรุบ ๆ เลยล่ะ แถมซดน้ำกันจนแห้งเลย 555+ มาถึงจานสุดท้ายที่เรียกว่าไม่อยากให้พลาดเลยค่ะ คอหมูย่างค่ะ เห็นว่าเป็นจานธรรมดาแบบนี้ื แต่รสชาติดีกว่าบางร้านที่เคยกินอีกค่ะ ฮาๆๆ แบบว่าเนื้อนุ่ม ไม่เหนียว
มันเยอะนิดนึง (เป็นคนชอบมันๆอยู่แล้วค่ะ) หั่นมาชิ้นไม่บางมากกำลังดีค่ะ แต่น้ำจิ้มแจ่วจะหวานเค็มไปนิด
ถ้าเพิ่มเปรี้ยวนี่อร่อยเริ่ดเลย!! ถ้าใครมาแถวลาดกระบังแล้วไม่รู้จะแวะร้านไหน ร้านแอบแซ่บ
ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่แพงร้านนึงเลยค่ะ

สเต็กมื้อนี้ไปกินมานานแล้วค่ะ ตั้งแต่เงินเดือนออกใหม่ ๆ ได้ จนตอนนี้เงินเืดือนหมดซะละ 55
ช่วงต้นเดือนก็จะเป็นอะไรที่อู้ฟู่มั่ก ๆ ก็เลยขอจัดเต็มก่อนที่เงินจะร่อยหรอละลายหายไป
และด้วยความเป็นเพื่อนที่ดีมั่ก ๆ อีกนั่นแหละ เพื่อนคนนี้ทำงานวันเสาร์ ตัวเรากะเพื่อนอีกคนหยุด
ก็ยังดั้นด้นออกมาเจอ กินและเม้า่ท์กันจนได้ (ถึงจะบ่นกระปอดกระแปด เป็นระยะๆก็เถอะนะ อิอิ)
จริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะกินสเต็กแต่แรกค่ะ แต่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่จะกินรอคิวนานมาก ๆ ก็เลยเปลี่ยนใจ
Sizzler สาขานี้อยู่ชั้น 6 ฝั่ง Isetan ของห้าง Central World ค่ะ ขึ้นบันไดเลื่อนมาเห็น Zen Buffet ด้านขวามือ
หันหลังกลับก็จะเจอร้านเลย ตกแต่งร้านโปร่งโล่งดีค่ะ ทำให้ดูไม่อึดอัดแม้ลูกค้าจะเต็มทุกโต๊ะก็ตาม
พอดีเห็นโปรโมชั่นที่ร่วมกับ SCB เป็นเซท Combination+ชามะนาว แบบรีฟิว 329 บาท (มันคุ้มตรงนี้!!) แต่เพื่อนอีกคนไม่เอาด้วย
ก็ดูเมนูที่เป็นโปรฯเดือนแทนไป 555+ หลังจากตกลงกันได้เส็ดสรรพชุดคอมไบเนชั่น 2 ชุด คือ สเต็กไก่พริกไทยดำ+กุ้งเล็กชุบแป้งคลุกงาทอด+ชามะนาวรีฟิว แต่ละจานยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นมันบด หรือเฟร้นฟรายเหมือนเดิมค่ะ ไม่มีบังคับแต่อย่างใด
จานนี้ของเพื่อนค่ะ จริง ๆ สั่งเป็นมันบด ได้มาเป็นเฟร้นช์ฟรายอ่ะ จานนี้ของข้าพเจ้าเอง สเต็กไก่พริกไทยดำ+ปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด+ชามะนาวรีฟิว
(ปลาโดนไก่ทับ มองไม่ค่อยเห็นเลย >///<) แต่จานนี้สั่งเป็นเฟร้นช์ฟรายไปได้มาเป็นมันบด สรุปได้ว่า
พนง.จดสลับกันค่ะ แต่พนง.คนนี้ให้บริการดีมั่ก ๆ สุภาพ ยิ้มแย้มแบบน่ารัก >///< เราให้อภัยได้ค่ะ 555+
ของเพื่อนอีกจานเป็นสเต็กปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด 209 บาทค่ะ (ราคาขึ้นเนอะ) ไม่ได้ถ่ายรูปมา แหะๆ ขนมปังทาเนยชิ้นหนา รสชาติเค็ม ๆ หวาน ๆ แต่ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ รู้สึกกินไปตัดกำลัง
แถมเลี่ยนเนยนิด ๆ ด้วยอ่ะ หลังจากได้สเต็กมาวางบนโต๊ะ เรายังไม่สนใจก่อนค่ะ เพราะเราจะเริ่มที่สลัด จานบนเป็นสลัดของเพื่อนค่ะ มีทั้งผักกาด มะเขือเทศลูกโต ไข่นกกระทา ปูอัด ฯลฯ สารพัดจริง ๆ
ส่วนรูปด้านล่างเป็นของข้าพเจ้าเอง (เป็นคนเลือกกินผักบางชนิดเท่านั้น) ตักมาแค่ไข่นกกระทาของโปรด
ผักกาดแก้ว กะหล่ำปลี ข้าวโพด ราดด้วยน้ำสลัดเหนียวข้น รสหวานนนค่ะ มื้อนี้กินสลัดกันไปคนละ 3 จานได้ค่ะ
ก็เค้าให้ตักได้ไม่อั้น นั่งกินกันเป็นชม. ๆ เพราะเม้าท์กันไปสนุกปาก พนักงานก็ดีนะคะ ไม่มีวุ่นวาย
หรือจ้องมองว่าไม่ลุกซักที (อาจเพราะไม่มีคิวต่อก็ได้ค่ะ) ต่อจากสลัดผักแล้ว ก็มาที่ซุปเห็ดค่ะ ตอนแรกซุปเห็ดหมด รอพนักงานมาเติมแปปเดียว ก็ได้ซุปร้อน ๆ
ควันลอยออกจากหม้อมาเลย เห็ดเยอะมาก ๆ ค่ะ (ก็แน่แหละ พึ่งเติมปุ๊บ เราก็ตักคนแรกปั๊บ ยังไม่มีคนแย่งตักเห็ด )
ซดซุปกันไปถ้วย 2 ถ้วยจนพอใจ ก็เริ่มอิ่มแล้วค่ะ สเต็กยังคงไม่เป็นที่สนใจของข้าพเจ้าอย่างเดิม คุยกันไปเม้าท์กันไป
ปิดท้ายของหวานเลยละกัน ฮาาา มูสช็อกโกแลต กับมูสวานิลลาค่ะ อันนี้แล้วแต่คนชอบนะคะ โดยส่วนตัวชอบมูสชอคโกแลตมากกว่า
ตัวมูสจะไม่เหนียวเท่ามูสวานิลลาค่ะ ละลายในปากง่ายกว่า ที่สำคัญมูสชอคฯหวานน้อยกว่าด้วยค่ะ
กินได้เรื่อย ๆ ไม่เลี่ยน หยิบมารวมแล้วประมาณ 4 ถ้วยได้ แฮ่!! (ไปอดอยากกันมาจากไหน )
สรุปมื้อนี้สเต็กเอากลับบ้านค่ะ 555 พนักงานก็นำไปห่อให้เป็นอย่างดี แถมสลับเฟร้นช์ฟรายกับมันบด
มาให้ด้วย ดีมากเลย

*เบื้องหลัง* นำกลับบ้านเข้าตู้เย็นแล้วนำมาลองอุ่นตอนเช้าค่ะ ปรากดว่ายังอร่อยเหมือนเดิมเลยค่ะ
เนื้อไก่กับปลายังไม่เหนียวจนเสียรสชาติค่ะ ถึงแม้ปลาทอดจะไม่ค่อยกรอบเหมือนทอดใหม่ ๆ
แต่ก็ยังรสชาติและเนื้อปลาที่นุ่มอยู่ค่ะ กินกับคุณแม่กลายเป็นอาหารมื้อเช้าไปเลย

อ้อ!! โปร SCB นี้มีจนถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ!! ใครที่ชื่นชอบ Sizzler เป็นชีวิตจิตใจ เมนูคุ้ม ๆ แบบนี้
ต้องรีบหน่อยนะ >___<

เดินเล่นอยู่พารากอนกับเพื่อนแบบเพลิน ๆ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ ลงมาถึงชั้นฟู้ดคอร์ทจนได้ ฮาา
ขาและสมองจ้องแต่จะหาของกินอ่ะ สายตาก็ไปหยุดตรงซุ้มอาหารญี่ปุ่นค่ะ เป็นโต๊ะตั้งติด ๆ กัน
สี่เหลี่ยม 4-5 ร้านได้ค่ะ เพื่อนก็สายตาดีค่ะ เห็นป้ายตัวเล็ก ๆ ว่า Gindaco ไม่ได้กินกันนานมาก ๆ
แล้วด้วยค่ะ ก็เลยจัดมาชุดเล็ก 1 ชุด 6 ลูกค่ะ 120 บาท (จำไม่ได้แล้วว่าถ้าเป็นที่ร้านราคาเท่าไหร่) แต่ลูกทาโกะยังใหญ่เหมือนเดิม
หลังจากได้ของกินสมใจ ก็หาโต๊ะนั่งกันทันที แหะๆ กินร้อน ๆ จะได้อร่อยไง และมันก็ร้อนจริง ๆ ค่ะ
กินแบบหมดลูกทีเดียวไม่ไหว ก็หั่นทีละครึ่ง ๆ ถ่ายแบบเน้น ๆ ปลาหมึกมาให้ดูเลย ชิ้นใหญ่จริงอะไรจริงค่ะ ทาโกะยากิของเจ้าอื่น ๆ สู้ไม่ได้ก็ตรงนี้ล่ะค่ะ
แถมรสชาติทาโกะก็กลมกล่อมด้วยล่ะ กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอจริง ๆ ค่ะ กะว่าวันไหนว่าง ๆ
จะนัดรวมกลุ่มไปกินกันที่ร้านเลย สำหรับที่พารากอนนี่น่าเสียดายค่ะ มีถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่
ไปเดินเท่านั้นเอง หวังว่าจะมีมาเปิดขายกันอีกค่ะ

ร้านอาหาร 13 เหรียญรีสอร์ทนี้เคยไปกินกับครอบครัวนานแล้วค่ะ แต่กว่าจะได้เอามารีวิวกันก็ดอง
ซะเกือบเค็มเชียว ฮาาา เพราะช่วงนี้มัวแต่ห่วงๆน้องน้ำ กลัวจะตามหากันจนเจอน่ะค่ะ สาขาที่ไปนี่
เป็นสาขาบางนาค่ะ อยู่ช่วง ๆ กม.2 หรือ 3 นี่ล่ะค่ะ ใกล้ ๆ กับร้านอาหารมังกรหลวง ป้าย 13 เหรียญ
เด่นชัดอยู่ค่ะ ไม่หลงแน่นอน ที่จอดของที่นี่กว้างค่ะ รองรับลูกค้าได้เยอะทั้งที่มากินอาหารอย่างเดียว
หรือที่มาพักด้วยค่ะ หลังจากเดินเข้าร้าน เจอสัญลักษณ์ของร้านก่อนเลยค่ะ (รูปแรก) นับได้ 13 เหรียญตามชื่อร้านเลย
รูปที่ 2 จะเป็นตู้เก็บไวน์ค่ะ เรียงเป็นแถว ๆ แต่ไม่ได้ดูปีของไวน์มา รูปที่ 3 โต๊ะอาหารที่นั่งครั้งนี้ค่ะ
เป็นโซฟาแนววินเทจดอกไม้หน่อย ๆ เบาะโซฟานุ่มมั่ก ๆ อิอิ ส่วนรูปสุดท้ายเป็นโซฟารับแขก
ด้านนอกห้องอาหารค่ะ (ไม่รู้ใครจะนั่งรึเปล่านะคะ) มาต่อกันที่เมนูอาหารดีกว่า หิวแล้ว อาหารมีปะปนกันไปทั้งฝรั่ง และไทยค่ะ บางเมนูก็มีภาพประกอบให้ดูน่ากิน
หน้าสุดท้ายก็จะเป็นของหวานตบท้าย น่ากินทุกอย่างเลยจริง ๆ ครั้งนี้ไปกัน 8 คนได้ค่ะ อาหารก็เลยเยอะเป็นพิเศษ ออร์เดิร์ฟก่อนเลย หอยลายอบกระเทียม (ด้านซ้าย) รสชาติกลมกล่อม กลิ่นกระเทียมฉุนขึ้นจมูกเลยค่ะ
ขนมปังจะน้อยกว่าหอยลายนะคะ 555+ ได้เนื้อเยอะดีค่ะ กินไปไม่ค่อยเลี่ยนอย่างที่นึกกลัว หอมทอด (ด้านขวา)
จานนี้ไม่ปลื้มค่ะ อาจเพราะกินตอนมันเย็นแล้วก็ได้ค่ะ รสชาติเลยจืดชืดสนิทเลย แถมอมน้ำมันหน่อย ๆ ด้วยค่ะ ชิ้นเดียวพอ ซุปหอยลายค่ะ เมนูนี้เห็นอยู่ในเมนูแนะนำราคาพิเศษ 15 บาท อยากรู้ว่าอร่อยรึเปล่า เพราะจริง ๆ ที่นี่ราคา 15 บาท
ไม่เคยมีค่ะ หอยลายตัวใหญ่ดีค่ะ หนึบ ๆ เหมือนหอยลายที่เอามาทำผัดหอยลายน่ะแหละ แต่รสชาติซุปจืดมากค่ะ
เหมือนแป้งข้น ๆ ไม่ปรุงรสอ่ะ มาที่ของคาวเมนูหลักกัน เริ่มจากด้านซ้าย ข้าวผัดปูค่ะ ปูเป็นปูจริง ๆ เนื้อเยอะมาก ๆ กินไปคำไหนก็เจออ่ะ
เนื้อปูขาว ๆ สดด้วยค่ะ อร่อยเลยจานนี้ ไม่เลี่ยนน้ำมันด้วยล่ะ ส่วนจานขวาเป็นหอยตลัดผัดฉ่าค่ะ
จานนี้ถือว่าพอผ่านค่ะ ได้หอยตัวใหญ่สมราคาดี ได้กลิ่นหอมฉุนของพริกไทยกับใบโหระพา
แต่รสชาติไม่เผ็ดมากนะคะ (น่าจะเป็นรสชาติให้ฝรั่งกินได้อ่ะค่ะ) ส้มตำ่ทะเล จานนี้แนะนำเพื่อน ๆ เลยค่ะ ถึงรสชาติจะไม่เผ็ดมาก คล้ายๆส้มตำไทยซะมากกว่า
แต่เนื้อที่ได้มาในส้มตำนี่สด อร่อย และเยอะมากค่ะ ทะเลจานนี้ก็ประกอบด้วยหอยแมลงภู่ตัวโต
(ดูจากรูปที่ 2 ได้) ปลาหมึก ฯลฯ (จำไม่ได้แล้วอ่า) แต่จานนี้กินกันเกลี้ยงจริง ๆ ค่ะ มาเป็นอาหารฝรั่งกันบ้าง สั่งมาแบบคอมไบเนชั่นค่ะ จานแรกด้านซ้ายเป็นสเต็กปลาย่าง+ไก่ เนื้อไก่นุ่มเนียนกำลังดี
หากเลี่ยนก็กินปลาแก้กันค่ะ ปลาก็ย่างพอดีๆ กลิ่นหอม เนื้อนุ่ม อร่อยมาก จานนี้กินคนเดียวอิ่มไปหลายชม.อยู่ค่ะ 555+
จานที่ 2 ด้านขวาเป็นสปาเก็ตตี้ไก่+สเต็กปลาชีสค่ะ (มีแผ่นชีสโปะมาบนปลาทอด) จานนี้ชิมมาแค่ปลาทอดค่ะ
กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมันนะคะ ถือว่าผ่านค่ะ ใช้ได้ๆ สรุปแล้วสำหรับที่นี่อร่อยปะปนกันไปแล้วแต่เมนูค่ะ 555+
ตอนเย็น ๆ คนจะเยอะหน่อยนะคะ อาหารบางอย่างก็เลยได้ช้าไปนิด การบริการยังถือว่าพอใช้ค่ะ เพราะพนักงานน้อย
บริการไม่ค่อยทั่วถึงซะเท่าไหร่ค่ะ ปิดท้ายด้วยสาขาและเบอร์โทรศัพท์ของ 13 เหรียญละกันนะคะ หากใครที่ต้องการหาที่สังสรรค์ก็ลองแวะกันที่ 13 เหรียญได้ค่ะ ใกล้ที่ไหนไปสาขานั้นได้เลย มีที่พักผ่อนไว้บริการคุณด้วย

ชื่อร้านก็บ่งบอกอยู่แล้วค่ะว่า "ไม่แวะไม่ได้" (อันนี้ก็คงแล้วแต่คนด้วยค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 555+)
เอาเป็นว่าร้านนี้เป็นร้านสเต็ก "ประจำ" ของสุเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะสะอาด สะดวก ของกิน"เยอะ"
แถมอร่อยกว่าสเต็กลุงหนวดนะ (คหสต.)

ที่บอกว่าเยอะเนี่ยเพราะว่าที่นี่มีอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากสเต็กหมู เนื้อ ไก่ และปลาค่ะ อาทิ ขนมจีน
แกงเขียวหวานไก่ ข้าวแกงส้มชะอม ข้าวผัดอเมริกัน สลัด ของกินเล่นอย่างกุ้งระเบิด ไส้กรอกพันเบคอน
ถ้าจำไม่ผิดส้มตำก็ยังมีค่ะ เมนูประจำ ๆ ของสุเลยก็จะเป็นสเต็กหมู เนื้อหมูนุ่ม มีติดมันนิดหน่อย (ของโปรดเลยล่ะ 555+) ราคาแอบขึ้นเป็น 50 บาทด้วยล่ะ ของกินเล่นที่ไม่
เคยจะขาดก็คือเฟร้นช์ฟราย กับกุ้งระเบิดค่ะ (เฟร้นช์ฟรายหมดก่อนลืมถ่ายรูป TT_TT) ราคาก็ 50 บาทเท่ากันค่ะ ได้กุ้งเต็ม ๆ คำ กรอบนอกนุ่มใน

การบริการของที่นี่อาจจะมีช้าไปบ้าง เพราะลูกค้าเยอะจริง ๆ ค่ะ แต่ก็ไม่ทำให้เสียอารมณ์อะไรมากนัก
การเดินทางมาร้านนี้ไม่ยากเลย เข้าซอยอ่อนนุช 46 ขับตามทางมาเรื่อย ๆ เจอวงเวียนหมู่บ้านมิตรภาพ
ให้จอดรถด้านซ้ายริมฟุตบาทได้เลยค่ะ ที่จอดรถจำกัดหน่อยนะคะ จะซื้อกลับหรือนั่งทางที่ร้านเลย
ก็ได้ค่ะ แถมถ้าไปตรงกับวันที่มีตลาดนัดยังได้เดินเล่นก่อนกลับด้วยนะ