Rabbit in the kitchen เป็นร้านน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานค่ะ ที่มาที่ไปของชื่อได้มาจาก “กระต่ายขูดมะพร้าว” ซึ่งเมื่อก่อนนั้นครัวไทยบ้านไหนก็ต้องมีทั้งนั้น นำมาปรับชื่อให้ดูทันสมัยไฉไลหน่อยๆ คนจะได้จำง่ายเลยกลายมาเป็น “แรบบิท อิน เดอะ คิทเช่น” นั่นเองค่ า โดยครั้งนี้ออฟได้รับเชิญให้ไปลิ้มลองรสชาติอาหารไทยแบบสูตรดั้งเดิม บางเมนูเป็นแบบสูตรชาววัง ที่มาประยุกต์เข้ากับร้านอาหารตกแต่งแนวทันสมัย แถมทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางสยาม ความน่าสนใจของร้านนี้ล้นปรี่เลยคะ ไปดูกันเลยว่าร้านนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้าง
ตัวร้านอยู่ใกล้กับ Hard Rock Cafe หาไม่ยากเลย ตัวร้านใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน หาร้านไม่ยาก เพราะป้ายขนาดใหญ่ทั้งด้านบน และด้านหน้าร้านค่ะ โดยเมื่อเข้ามาแล้วจะพบกับร้านดูโปร่งนิดๆ มีการใช้โครงเสาต่างๆ มาทำให้เหมือนกับใต้ถุนบ้านสมัยก่อน และเมื่อสังเกตที่พิ้นที่จะมีอาณาเขตของชานบ้านที่เป็นไม้ด้วยค่ะ
สำหรับเมนูของร้านนี้ออฟว่าแตกต่างจากร้านอาหารไทยอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ เพราะอ่านเมนูแล้วเหมือนกับเปิดโลกใหม่ แบบว่าชื่อนี้คืออะไร อันนั้นคืออะไร ทำไมมีแต่ชื่อเมนูที่ไม่คุ้นเคยเต็มไปหมด หลังจากสอบถามก็ได้ความว่า เค้าได้มีความพยายามในการทำเมนูอาหารไทยที่มีอยู่เดิมในสมัยก่อน แต่เนื่องด้วยอาจจะเป็นอาหารในรั้วชาววัง และหลายๆ เมนูมีส่วนผสมเยอะ ทำให้หลายๆ ร้านไม่ทำขายกันเพราะยุ่งยาก แต่ร้านแรบบิทเค้าจะเอากลับมาให้เราทานกันค่า โดยมีเมนูแนะนำเป็นอาหารไทยที่มีเรื่องเล่าจากตำนานโบราณ ซึ่งปัจจุบันหาทานได้ยาก ไม่ว่าจะเป็น แกงรัญจวน, แกงปู,เส้นใหญ่ต้มยำกุ้งแม่น้ำย่าง, ข้าวคลุกสูตรโบราณ, แกงส้มแก่นคูน – ไข่เจียวกากหมู ข้าวมันไก่หุง
มาถึงอีกเมนูที่หน้าตากับรสชาติไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไหร่ โดยหน้าตาที่ดูจะจืดๆ ไปหน่อยในรูปแบบของเส้นเล็ก ส่วนครีมเข้มข้นที่คลุกเคล้าก็มีส้มอ่อนๆ ส่วนผสมหลักอย่างปูก็ดันไม่มี แล้วยังตกแต่งด้วยแตงกวาด้านบนเรียกได้ว่าจานนี้แทบจะกลืนสีกันไปหมดกับจานเลยค่ะ แต่เมื่อได้ลองทานแล้วรู้สึกได้เลยว่าเมนู “ก๋วยเตี๋ยวปู” มันไม่ใช่รสชาติของก๋วยเตี๋ยวผัดอย่างที่เคยทานซะแล้ว เพราะครีมส้มๆ ที่เห็นอยู่นั่นรสชาติจัดจ้านเผ็ดใช้ได้เลยค่ะ ความคิดที่นึกว่าจานนี้จะเลี่ยนหายไปเลยตั้งแต่คำแรกที่ทาน เนื้อปูล้วนๆ ก็ทำให้ทานได้ง่ายดีไม่ต้องเสียเวลาแกะเองด้วยค่า
ยำเนื้อย่างเสด็จ 180 บาท เมนูนี้เป็นเมนูที่เค้าปรับรูปแบบการทานของเราค่ะ โดยตอนนี้เมนูยำ หรือน้ำตกนั้นจะถูกคลุกเคล้ามาให้เข้ากันแล้ว เรียกได้ว่าเสิร์ฟถึงโต๊ะก็ทานได้เลย แต่สำหรับจานนี้นั้นมีการดึงรูปแบบการทานแบบสมัยก่อนออกมาค่ะ โดยทางร้านแยกส่วนของเนื้อและส่วนผสม จัดจานเรียงสวย แยกน้ำยำเอาไว้ให้เราได้มาผสมเองค่ะ ก็ถือว่ามีกิมมิคของจานกำลังดีค่ะ
ไก่ซูสี เป็นเมนูไก่ทอดที่หน้าตาดูแสนจะธรรมดา เป็นไก่ทอดใส่มาในกระป๋องสังกะสีที่ดูตัดกันมีกระดาษรองซับมันและมีสีสันจากพริกแห้งสีแดง และกระเพราะกรอบสีเขียวมาตัด แต่เมื่อได้ลิ้มลองแล้วพบว่าเมนูแตกต่างจากที่อื่นเลยค่ะ ตัวเนื้อไก่นั้นมีข้าวอยู่ข้างในด้วยค่ะ เวลาทานเลยจะได้รสชาติความกรอบของหนังไก่ และความเหนียวนุ่มของข้าวและเนื้อไก่ที่อยู่ด้านใน เมนูนี้อร่อยเข้มข้นแล้วแบบไม่ต้อมจิ้มอะไรเพิ่มเลยค่า
ขนมจีนกุ้งสด-ทอดมันปลากราย 160 บาท รสชาติของจานนี้จะต่างจากรสชาติที่คิดไว้มากๆค่ะ เพราะน้ำราดนี่รสชาติเหมือนน้ำยำมากๆ คือออกแนวมีรสชาติเปรี้ยวนำ หวานตาม มาตัดด้วยรสชาติเผ็ดเครื่องแกงนิดๆของทอดมันทำให้จานนี้ดูเป็นเมนูขนมจีนที่แปลกใหม่และไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนเลยค่า
ข้าวขยำปูเมนูนี้ถ้าดูหน้าตาอาจจะรู้สึกว่าส่วนผสมน้อยจังมีแค่ ข้าว ปู และผักตกแต่งเท่านั้นหรอ แล้วจะอร่อยไหม ขอบอกว่าอร่อยค่า รสชาติเหมือนข้าวผัดน้ำจิ้มซีฟู๊ดค่ะ ยิ่งทานกับปูด้วยก็ยิ่งเข้ากัน แล้วเค้าก็มีน้ำจิ้มมาให้เพิ่มด้วย ใส่เพิ่มได้ตามระดับความเผ็ดที่ต้องการเลยค่า
ข้าวคลุก CYO (Create Your Own) เลือกตามความอยากทานเลยค่ะ เน้นของอร่อยล้นๆ เต็มจานไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ไข่เค็ม ไข่ฝอย กากหมู ชะอมทอดไข่ ปลาทู ผักทอด เรียกว่าจัดมาเต็มจาน แคลอรี่ล้นไปเลยค่า ก็แต่ละอย่างเค้าน่าทานทั้งนั้น ออฟก็รักพี่เสียดายน้อง อยากลองไปหมด เลยได้จานอย่างที่เห็นเลยค่า
ส้มฉุน 90 บาท จุดเด่นของของหวานถ้วยนี้ก็คือลิ้นจี่นั่นเองค่า เป็นการนำลิ้นจี่ไปคว้านเมล็ดออก อบอวลด้วยกลิ่นพิเศษจาก “ส้มซ่า” ผลไม้ตระกูลส้มที่หาได้ยากในสมัยนี้ แล้วใส่ผลไม้ประจำฤดูลงไป ทานคู่กับน้ำเชื่อม เพิ่มความสดชื่น เหมาะกับการเป็นเมนูของหวานในหน้าร้อนมากๆค่า
“ขนมสี่ถ้วย” เป็นขนมไทยที่เมื่อได้ยินชื่อจากร้านนี้ครั้งแรก ก็ติดใจจนกลับมาหาความรู้เพิ่มเติม เลยทำให้รู้ว่าขนมชนิดนี้มีที่มาย้อนไปตั้งแต่สมัยสุโขทัยกันเลยทีเดียวค่า โดย”ขนมสี่ถ้วย” หมายถึง ไข่กบ (เม็ดแมงลัก) นกปล่อย (ลอดช่อง) บัวลอย (ข้าวตอก) และอ้ายตื้อ (ข้าวเหนียว) ซึ่งเวลาทานก็จะทานคู่กับน้ำกะทิค่ะ โดยทางร้านจะแยกมาให้ ใส่ตามความหวานที่ต้องการเลย
แรบบิทเมซ 120 บาท “Rabbit Mess” ช่างเป็นเมนูกระต่ายน้อยที่วุ่นวาย แต่ก็หลากไปด้วยผลไม้หลายอย่างผสมกันไม่ว่าจะเป็นเมอแรงค์, ผลไม้สดหลายอย่าง ครีมสด และซอสเสาวรสที่มาเพิ่มความเปรี้ยวตัดเลี่ยนจากครีมสดได้เป็นอย่างดีค่ะ เมนูนี้แนะนำให้ทานตอนกำลังเย็นๆ จะได้ความอร่อยสดชื่นเต็มที่ค่า
บทสรุปจากการทานที่ร้านRabbit in the kitchen
- เป็นร้านอาหารไทยที่มีเมนูที่ไม่คุ้นหูอยู่เยอะมากๆค่ะ และแต่ละเมนูก็น่าลองทั้งนั้นเลย
- รสชาติอาหารโดยรวมโอเคนะคะ ชอบแกงกะหรี่ไก่เป็นพิเศษ เข้มข้นได้ใจมากๆ
- สำหรับของหวานก็ได้ลิ้มลองเมนูดั้งเดิมหลายเมนูด้วยกัน ใครได้ไปลองสั่ง “ส้มฉุน” มาลองทานดูนะคะ
- บรรยากาศของร้านก็สบาย ใหญ่ และมีหลายโซนให้เลือกดีค่ะ
- ตัวร้านเดินทางสะดวกเพราะอยู่กลางสยามเลย หาไม่ยาก เพราะใกล้กับ Hard Rock Cafe ด้วยค่ะ
- ตอนนี้มีโปรโมชั่น Check in ผ่าน Facebook รับส่วนลดกันไปเลย 10% ด้วยนะคะ
ข้อมูลทั่วไปของร้านRabbit in the kitchen
- ที่อยู่ สยามสแควร์ซอย 11 ใกล้ Hardrock Cafe, ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม 10330
- เบอร์ติดต่อ 02-658-4200
- ทุกวัน : 10:00 – 22:00
- Website : http://www.rabbitinthekitchen.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/RabbitInTheKitchen
เมนูแนะนำ:
ส้มฉุน,ข้าวขยำปู
ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿300(มื้อเย็น)
คะแนนด้านอื่นๆ:Taste
4 |
Environment
4 |
Service
4 |
Clean
4 |
Price
3แนะนำ