นักรีวิวร้านอาหาร

หลังจากที่ผมเคยได้มาเบิกร้องร้านซูชิร้านนี้เมื่อหลายเดือนก่อน จริงๆแล้วผมยังมีตามมาซ้ำอีกหลายๆครั้ง เดี่ยวบ้าง กลุ่มบ้าง แต่ผมขอเลือกครั้งที่ถือว่าเป็นการยกทัพมาถล่มกันเลยดีกว่า โดยครั้งที่ผมเลือกมานี้กองทัพหมีและเพื่อนยกพลมา 8 คน จนต้องต่อโต๊ะเลยทีเดียว จนตอนนี้ร้าน SHOTEN กลายเป็นร้านยอดนิยมของเหล่าเพื่อนฝูงในออฟฟิสไปซะแล้ว

ใครยังไม่เคยมาร้านนี้นะครับ เดินทางมากินกันได้สะดวกมากๆ โดยร้านอยู่ที่ BTS สนามเป้าครับ ลงมาทางฝั่งพหลโยธินขาเข้า โดยลงมาทางทางออก 2 หรือ 4 ก็ได้ครับ ร้านอยู่ใต้ตึกแถวระหว่างทางออกทั้งสองทางครับ โดยหน้าร้านสามารถเอารถมาจอดได้ประมาณ 4-5 คัน

วันนี้เรามาเริ่มที่เมนูของทางร้าน อย่าที่เคยแนะนำไปแล้วว่าที่นี่เป็นร้านซูชิพรีเมี่ยม ที่จะขายซูชิเป็นคำๆแต่ก็ยังมีแบบที่จัดเซทไว้แล้วด้วย ราคาก็จะโหดแปรผันไปตามวัตถุดิบในเซทนั้นๆ อย่างเซทที่ผมเลือกมานั้น มี ซูชิ Set B (ราคา 450 บาท) ที่ประกอบไปด้วย ไข่หวาน ทาโกะ อากามิ ฮามาจิ แซลมอน ซาบะ และ ไข่ปลาแฮริ่ง ซึ่งเป็นเซททีมีซูชิพื้นฐานเป็นหลักของจานนี้

อันต่อมาเป็น Unagi cheezy roll (ราคา 380 บาท) จานนี้เป็นโรลปลาไหล โดยมีชีส อโวคาโด ไข่หวาน และ สาหร่าย เป็นไส้ใน จานนี้ขอแนะนำเลยครับ ผมให้ทั้งความคุ้มค่า และ ความอร่อยเลย วันนั้นขนาดคนที่ไม่ชอบปลาไหลกินเข้าไปถึงกับเปลี่ยนใจเลยครับ

อีกอันนึงเป็น Salmon cheezy roll (ราคา 380 บาท) จานนี้คล้ายๆกับจานที่แล้วแต่เปลี่ยนจากปลาไหลเป็น ปลาแซลมอนครับ ซึ่งแซลมอนที่นี่สดมากๆ เมื่อเอามาเผาไฟนิดๆยังได้ความมันเพิ่มขึ้นมาด้วย อร่อยมากๆครับต่อมาเป็นกลุ่มซูชิเดี่ยวๆที่ทีมงานสั่งมากินกันอย่างจุใจครับ ตามรูปนั้นมี
- Awabi ซูชิเป๋าฮื้อ นั่นเอง ชิ้นนี้ราคาแค่ 40 บาทเท่านั้นนะครับ ไม่นึกว่าเป๋าฮื้อจะราคาคุ้มอย่างนี้ ซอสที่ราดมารสชาติดีมากๆเหมาะกับเป๋าฮื้อจริงๆ
- Tamago จานนี้เคยรีวิวไปทีนึงแล้วนะครับ และคราวนี้ยังไงก็ต้องกินให้ได้ครับ ไข่หวานรสชาติคล้ายขนมหม้อแกงเลยครับ แต่ใครไม่ชอบหวานๆอาจจะไม่ชอบก็ได้นะครับ
- Kani miso ซูชิไข่ปูกับมิโซะ ชิ้นนี้ออกคาวๆนิดๆแปลกดีครับ จานนี้ยังไม่เคยกินมาก่อนเลย
- Tuna spicy ชิ้นนี้ทีเด็ดครับ อร่อยมากๆ เนื้อทูน่าเต็มๆดีคลุกกับน้ำสลัดของทางร้านบวกรสเผ็ดนิดๆ กำลังดีเลย
- Ducku อันนี้ซูชิเป็ดย่างครับ ชิ้นนี้ไม่ได้กินเอง แต่จากที่สัมภาษณ์มาบอกว่าเฉยๆกันนะครับ
- Harring Ebiko ชิ้นนี้อร่อยตรงไข่ปลาในส่วนปลายๆชิ้นครับ ส่วนเนื้อปลาธรรมดาๆส่วนต่อมาที่อยากแนะนำมากๆก็คือ Engkawa เมนูโปรดของหมียักษ์นี่แหละครับ ทั้งขนาด ความสด ความอร่อย มาเต็มครับกินกับซอสเปรี้ยวของทางร้านนี่ทีเด็ดมากๆ โดยเฉพาฟิลลิ่งตอนที่กินครับ มันเยิ้มนิดๆ กลิ่นทะเลอ่อนๆ และความสดที่อบอวลอยู่ในปากนี่แหละครับที่ผมติดใจเอามากๆ อีกรายการนึงก็คือ Hotate หรือหอยเซลล์ ซึ่งยังรักษาคอนเซปต์ความใหญ่อยู่นะครับจานต่อมาคือ Unagi don (480 บาท) จานนี้เราได้รับประสบการณ์ปลาไหลเต็มๆเลยครับ กินปลาไหลย่างอย่างจุใจเลยทีเดียว ครบทุกอย่างทั้งความคุ้มค่า ความอร่อย เลยครับจานต่อมาเป็นยำแซลมอน ที่วันนั้นจัดหนักกันไปสองจานเลยทีเดียว (จานละ 260 บาท) รสชาติของการยำนั้นจิ๊ดจ๊าดในระดับนึงไม่ได้เผ็ดจัดๆ แต่คีย์แมนนี่คือแซลมอนนั่นแหละครับที่สดและนุ่มมากๆสุดท้ายที่อยากนำเสนอเป็นแก้มปลาชิโอะครับ เสียดายที่จานนี้ออกจะแห้งๆไปหน่อย แต่เนื้อหวานดีครับ กินลำบากนิดๆ แต่อร่อยครับ
จานนี้ราคา 300 บาทไทยครับสุดท้ายมาดูราคาค่าเสียหายกันครับ 8 คน ประมาณ 5600 ตกคนละประมาณ 700 บาทไทยเหมือนเดิม อันนี้อย่าเอาไปเป็นบรรทัดฐานนะครับ เพราะวันนี้ทีมงานจัดหนักเหมือนถูกหวยครับ ถ้าที่เคยมากินปกติก็จะอยู่ประมาณคนละ 500 แหละครับ ผมยังยกให้ร้านนี้เป็นร้านในดวงใจอยู่ดีนะครับ เพราะความใหญ่คุ้มค่ากับราคาและความอร่อยที่สุดยอดจริงๆ

อย่าลืมแวะมาอุดหนุนกันนะครับV-Bear Eating Hunter รายงาน

วันนี้หมียักษ์ลองเปลี่ยนแนวจากการกินแหลกไปเป็นการกินแบบชิวๆ สวยๆงามๆ บ้างนะครับ โดยเป้าหมายของเราวันนี้เราจะไปกินแมวกันที่ Café แมว แฮร่.... วันนี้เรายกทัพกันไปที่ Purr Cat Café Club ที่ซอยสุขุมวิท 53 ครับ คาเฟ่แมวนั้นเปิดบริการให้กับ ทาสแมวทั้งหลายที่หลงไหลในลีลาของนักล่าตัวน้อยขนปุย โดยมีบรรยากาศน่ารักๆ เหมือนเป็นสววรค์ของแมวทั้งหลาย รวมไปถึงเหล่าทาสแมวด้ว นอกจากนี้ทางร้านก็มีบริการ Cat salon ด้วยนะครับ พาเจ้านายตัวน้อยที่บ้านมาตัดแต่งขนกันได้ตามสบายเลยการเดินทางสำหรับผู้ที่ไม่มีรถส่วนตัว หมีขอแนะนำให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีทองหล่อครับ หันหน้าไปทางเอกมัยและลงมาทางฝั่งซ้ายของถนน เดินย้อนกลับมานิดนึงจะเจอซอยสุขุมวิท 53 และเดินตรงเข้าซอยไปเลยครับ ประมาณ 800 เมตรได้อยู่ แต่ถ้าใครนำรถเข้าไปทางร้านมีที่จอดประมาณ 3-4 คันเท่านั้นนะครับ

บรรกากาศภายในร้านนั้นแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ๆครับ เป็นส่วนของ Reception โดยส่วนนี้จะแจ้งข้อกำหนดและกติกาให้กับลูกค้าทุกท่าน และลูกค้าทุกท่านต้องใส่รองเท้าที่ทางร้านจัดให้ และแน่นอนว่าทุกคนต้องล้างมือก่อนเข้าส่วนถัดไปด้วยนะครับ ส่วนถัดมาเป็นโต๊ะนั่งจิบกาแฟบรรยากาศหรูๆนิดนึง ตอนที่ผมไปนั้นบรรยากาศส่วนนี้ออกจะมืดๆนะครับ ส่วนสุดท้ายนั้นเป็นสววรค์ของแมวเลยครับ โดยจะมีที่นั่งทั้งนั่งพื้นและนั่งโซฟา มีพื้นที่ให้เจ้านักล่าทั้งหลายได้วิ่งเล่น และที่สำคัญมีที่นอนสบายๆตากแดดอ่อนได้ทุกที่เลยครับ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนหลักๆของร้านเลย เพราะส่วนของ คาเฟ่ ของกินจะอยู่ที่นี่แหละครับระหว่างที่เรานั่งอยู่นั้นอาจจะมีน้องแมวมานั่งอยู่กับเราด้วยก้เป็นได้นะครับ แต่ขอให้เป็นไปตามสมัครใจของแมวดีกว่าดีกว่าอย่าไปดึงไปอุ้มมันมานั่งกะเราเลยครับ ส่วนโต๊ะผมนั่งนั้นมีเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยอีกสองท่านครับ น่ารักและตัวอ้วนน่ากินมากๆๆ เอ๊ย... ไม่ใช่และ และก็มาถึงส่วนสำคัณของการรีวิวครับ นั่นคือของกินนั่นเองที่ผ่านมาเอะอะจะกินแมวอย่างเดียวเลย ที่ร้านนั้นมีเค้กและเครื่องดื่มบริการด้วยนะครับ ในส่วนของราคาผมว่าพอๆกันกับราคาของเค้กตามร้านหรูๆในห้างเลยครับ โดยเค้กที่ผมสั่งมาเป็นเค้กมะพร้าว กาแฟลาเต้ และ ชาเขียวลาเต้ ครับกินกันสองคน ในส่วนของเค้กที่กินไปนั้นทางร้านทำเค้กไม่ค่อยหวานเท่าไรครับ ซึ่งตรงกับที่ผมอยากได้เลย ส่วนจุดเด่นของเค้กมะพร้าวที่ต้องมีความหอมนำนั้นทางร้านก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ เนื้อเค้กก็ทำมานุ่มใช้ได้เลยทีเดียว กินอยู่เพลินๆระวังน้องแมวแย่งเรากินด้วยนะครับ 555ส่วนเครื่องดื่มนั้นก็สามารถกินได้เรื่อยๆ รสชาติไม่ได้โดดเด่นมากมายเท่าไรครับ แต่ตกแต่งได้สวยน่ารัก จนแทบไม่อยากกินเลยทีเดียว แหม่... ยิ่งใครชอบเล่นกับแมวด้วยนั้นจะยิ่งรู้สึกมีความสุขมากๆเวลากิน ไม่อยากกินให้หมดเร็วๆเลยด้วยซ้ำ แถมอยากเล่นกับน้องๆทั้งหลายด้วย ส่วนสุดท้ายคือเรื่องของราคานั้นอย่างที่บอกว่าราคาที่นี่ก็ไม่ใช่ร้านที่ถูกมากมายถ้านับแค่ตัวของหวานหรือน้ำ แต่ถ้ารวมบรรยากาศเข้าไปส่วนตัวผมว่าคนละ 150-200 บาทก็คุ้มค่าที่ได้มาที่นี่นะครับ นอกจากพวกของวหานที่ผมสั่งมากินแล้ว ยังมีอาหารทานเล่นอย่างพวกสลัดด้วยนะครับ ส่วนของหวานอื่นๆก็มีแซนวิช สโคน ขนมอบอื่นๆนอกจากนี้ใครที่รักแมวชอบแมว เราก็อย่าลืมนะครับว่าที่นี่แมวคือเจ้าของบ้านถ้าเรารักเค้าจริงเราก็ต้องทำให้เค้ามีความสุข อย่าไปดึงเล่น อุ้มมานั่งด้วย หรือรบกวนเวลานอนของเจ้านายทั้งหลายเลย ง่ายที่สุดก็แค่ขอให้ทุกๆคนปฏิบัติตามกติกาของทางร้านนี่แหละครับดีที่สุดเลย

วัยรุ่นหนุ่มสาวหลายๆท่านคงรู้จักร้าน "บ้านหญิง" กันเป็นอย่างดีนะครับ แน่นอนว่าทั้งบรรยากาศ รสชาติ ราคา และคุณภาพอาหารนั้นเลื่องชื่อกันมาสักพักแล้วหล่ะครับ สำหรับหมียักษ์นั้นได้ลองมาแล้วทั้ง สาขาสยามกิตติ์ และ บ้านหญิงคาเฟ่ รวมไปถึงสาขาสีลมนี้ที่ได้ฝากท้องยามหิวมาแล้วหลายๆครั้ง

ร้านบ้านหญิงสาขาสีลมนั้นเดินทางสะดวกมากครับ ตัวร้านอยู่ที่ชั้น 2 ของ Silom Complex ติดกับทางเข้าออก BTS สถานีศาลาแดงเลยครับ เข้ามาในตัวห้างร้านอยู่ซ้ายมือร้านแรกเลยครับ ป้ายร้านเด่นชัด รวมไปถึงบรรยากาศแบบร้านบ้านหญิงที่ดูสบายๆครับ บางทีร้านนี้ลูกค้าจะเยอะมาก อาจจะต้องรอในบางครั้งครับในวันที่ผมไปก็ได้สังเกตเห็นว่ามีโปรโมชั่นร่วมกับ AIS และ IG ของทางร้านด้วยก็เลยไม่พลาดกับโปรแบบนี้ครับ ส่วนของ AIS นี่วันนี้ผมไม่ได้ใช้ครับ เพราะคิดว่าไม่ถึงพันบาทแน่ๆ ส่วนด้านเมนูที่หมียักษ์มาถล่มได้แก่ เมนูใหม่ของทางร้าน "ข้าวอบหอยลายพริกกระเทียม ไข่ออนเซน" จานนี้ราคาดุดันพอควร 180 บาทไทยเลยนะครับ แลกกับการได้ลองของใหม่ของทางร้าน และหอยลายแบบเต็มๆ ซึ่งรสชาติออกเผ็ดนิดๆ รสชาติหอยลายนั้นเด่นชัดมาก ยิ่งกินกับไข่ออนเซนและข้าวหมกร้อนๆนี่เข้ากันได้ดีเลยครับ แต่ต้องระวังนะครับใครไม่กินเผ็ดอาจจะแสบปากเอาง่ายๆถัดมาเป็นเมนูของผู้ท้าชิงที่มาด้วยกันครับ สั่งเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ทีเด็ดของร้านมาชนกับหมียักษ์ครับวัดกันเลยครับใครน่ากินกว่า จานนี้ได้จุดเด่นเรื่องกลิ่นหอมๆของก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่ปกติตามร้านดังๆข้างทางอย่างที่เยาวราชนัั้นจะมีกลิ่นที่มาจากกะทะซึ่งให้ความรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาอีกระดับนึงครับ แต่นี่เราสามารถรับรู้ได้ในร้านขึ้นห้างอย่างบ้านหญิงนะครับ ส่วนรสชาติไม่ขอวิจารณ์มากเพราะแอบกินไปสองสามคำเอง แต่แค่นั้นก็รู้สึกว่าอร่อยแล้วครับถัดมาเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้านคือ "มันเบรคแตก" ไม่รู้ว่าทำไมเบรคแตกเหมือนกัน จานนี้มันคือเฟร้นช์ฟรายนั่นแหละครับ แต่ไม่ใช่แบบเหี่ยวๆของร้านฟาสท์ฟู้ดนะครับ ที่นี่ทอดมาแบบกรอบๆพร้อมปรุงรสมาแล้วนิดๆ ต่อให้ไม่จิ้มก็กินเปล่าๆได้เลย แต่ทางร้านก็มีมายองเนสและซอสมะเขือมาให้จิ้มกันตามใจชอบเลยครับ จะปนๆกันก่อนแล้วค่อยจิ้มก็ได้รสชาติไปอีกแบบนะครับส่วนเมนูสุดท้ายที่มาโดนครับ "ไก่ทอดครีมสลัดลาบ" งงๆกับชื่อนี้มาก แล้วเราก็งงๆสั่งมันออกไป ออกมาเป็นสลัดไก่ทอดครับ แล้วไหนลาบครับ.... เรานึกว่ามันต้องอยู่ในไก่แน่ๆ ทำเป็นไก่ทอดรสลาบแนวๆนั้น.... จนกินเข้าไปเราก็ไม่รู้สึกถึงรสลาบอยู่ดีครับ งงครับ งงตั้งแต่เห็น สั่ง กิน จนหมดยัง งง อยู่เลยครับ แต่โดยรวมแล้วก็อร่อยพอถูไถไปได้แบบงงๆครับ
คิดค่าเสียหายออกมาตามสลิปเลยครับ
ข้าวหมกหอย 180
คั่วไก่ 95
มันเบรคแตก 75
ไก่ทอดสลัดงงๆ 140
ดูรวมๆแล้วราคาสูงพอควรสำหรับสองคน แต่คุณภาพระดับบ้านหญิงแล้วก็โอเคครับ ราคาอาหารตามห้างเลยครับ นอกจากเมนูที่ผมสั่งๆไปแล้วจริงๆมีอีกหลายๆเมนูที่น่าลองอีกนะครับ โดยเฉพาะ

ข้าวไข่ข้น + ทอปปิ้ง ต่างๆ
ราเมงผัดน้ำพริกหนุ่ม
ข้าวผัดสเปน
ฯลฯ

และอีกหลากหลายเมนูที่ผมยังลองไม่ครบ ยังไงคงต้องตามมาเก็บอีกเรื่อยๆครับ

V-Bear Eating Hunter รายงาน

ใครเคยอ่าน 50 ร้านอร่อยที่ต้องลองใน กทม มาแล้วอาจจะคุ้นๆชื่อร้านข้าวหมูแดงเจ้านึงย่านวัดไตรมิตรได้นะครับ ร้านนี้ชื่อร้าน "สีมรกต" โดยเป็นร้านที่มีลักษณะเด่นในการทำหมูแดงแบบโบราณ โดยใช้เตาย่างถ่าน ทำให้มีกลิ่นหอมๆจากเตาถ่านด้วยนั่นเอง....

ร้านสีมรกต ตั้งอยู่ในซอย สุกร1หรือ ตรอกโรงหมูนั่นเอง โดยการเดินทางสามารถมาด้วยรถไฟใต้ดิน MRT ลงที่สถานีหัวลำโพง ออกมาทางออกโรงแรมบางกอกเซนเตอร์ (ตรงข้ามหัวลำโพง) เดินข้ามสะพานคลองผดุง เลาะมาทางวัดไตรมิตรฯ ซอยนี้อยู่ด้านซ้ายมือเยื้องกับวัดไตรมิตรฯครับ เมนูหลักของทางร้านนี้ก็คือ ข้าวหมูแดง หมูกรอบ ครับ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าหมูแดงร้านนี้ไม่ธรรมดาตรงวิธีการทำนี่แหละครับ บอกตรงๆว่าตอนนี้หายากมากแล้วครับสำหรับร้านที่ยังใช้เตาย่างถ่านอยู่แพราะความร้อนสู้เตาอบไม่ได้ แต่ก็มีข้อดีตรงความหอมของการย่างแบบถ่านที่เป็นเอกลักษณ์นี่แหละครับ นอกจากมีสั่งเป็นแบบราดข้าวแล้วยังสามารถสั่งหมูเปล่าได้ด้วยนะครับ เผื่อช่วงไหว้เจ้าหรือมีปาร์ตี้ที่ไหนก็สั่งไปเป็นกิโลเลยครับเมนูที่หมีมาลุยวันนี้เป็น "ข้าวหมูแดงหมูกรอบ กุนเชียง เพิ่มไข่ ไซส์ธรรมดา" ครับ จากที่ได้ลองกินครับหมุแดงรสชาติอร่อยครับไม่ใช่หมูแดงแบบแห้งๆแบบบางร้าน ส่วนหมูกรอบนั้นผมกลับรู้สึกเฉยๆอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้กรอบแบบคริสปี้เหมือนของพวกอาหารฮ่องกง ส่วนกุนเชียงนั้นขอเดาว่าผ่านเตาถ่านมาด้วยเหมือนกันแน่ๆ กลิ่นนี่ใช่เลย ส่วนน้ำหมูแดงที่นี่จะยืดๆหวาน รสชาติพอดีแบบไม่ต้องใส่ซีอิ๊วเพิ่มครับ (จานนี้ 50 บาทไทย)
ส่วนไข่ต้มที่ใส่มานั้นไม่ได้เป็นแบบยางมะตูมที่ทุกคนชื่นชอบกันนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้ารีเควสไปทางร้านจะมีรึเปล่านอกจากนี้เมนูที่ทุกคนอาจจะไม่รู้กันก็คือน้ำแกงตุ๋นนี่แหละครับ มองไปรอบๆร้านไม่เห็นมีป้ายเลย จนเห็นโต๊ะข้างๆกินกัน และเหลือบไปเห็นหม้อตุ๋นก็เลยสั่งบ้างครับ เป็นเป็ดตุ๋นฟักมะนาวดอง รสเปรี้ยวๆโดนใจ ครับ มะนาวดองได้รสชาติดีมากครับ ไม่จัดเกินไป เป็ดตุ๋นมาได้เนื้อกำลังดีครับ มาลองแล้วอย่าลืมสั่งกันนะครับปิดท้ายด้วยน้ำเย็นชื่นใจครับ ตามภาพเป็นชาดำนะครับ ที่นี่จะขายเป็นขวดๆมาพร้อมน้ำแข็งแก้วนึงตามภาพเลยครับสรุปสำหรับร้านข้าวหมูแดงระดับตำนานอย่าง สีมรกต ผมถือว่าสมคำร่ำลือครับ หลังจากลองโดนมาหลายครั้งยังถือเป็นร้านหมูแดงในดวงใจครับ ทั้งความเป็นอกลักษณ์ รสชาติ ปริมาณ ถึงราคาจะเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจแต่ยังคงรักษาคุณภาพไว้ไม่มีตกครับ ถึงหน้าร้านจะเขียนว่า ขาย 11.00-19.00 แต่ถ้ามาเย็นๆระวังของหมดก่อนนะครับ

ส่วนใครที่อยากลองโดนเยอะๆต้องลองสั่งแบบพิเศษดูนะครับ เพราะดูจากราคาที่ต่างกันเท่าตัวแล้วผมว่าปริมาณมาแบบโหดๆแน่ๆครับ ขอกั๊กไว้ก่อนแล้วไปคราวหน้าจะถ่ายรูปมาฝากครับ

V-Bear Eating Hunter รายงาน

โครงการสำรวจร้านอาหารย่านร่มเกล้าของหมียักษ์ยังดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องครับ โดยวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย หน้าหมู่บ้านปรีชา(ร่มเกล้า) ครับ ตามพิกัดแล้วที่นี่ก็คือร่มเกล้าซอย 1 นั่นเอง จากแยกร่มเกล้าวิ่งมาตามถนนร่มเกล้าขาออกไปประมาณ 1กม. ครับ ร้านอยู่หน้าหมู่บ้านเลยครับ สามารถจอดหน้าร้านได้เลยครับในร้านจะมีโต๊ะอยู่ประมาณ 10 ที่ครับ ถ้าช่วงกลางวันคนเยอะๆก็จะมีเปิดเพิ่มในตัวบ้านครับ อาหารจานหลักที่นี่จะเป็นก๋วยเตี๋ยวทุกเส้น มีทั้งแบบน้ำใส และ ต้มยำ ให้เลือกทำทั้งแบบแห้งหรือน้ำตามปกติครับจุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยหรือที่เรียกกันว่าก๋วยเตี๋ยวไทยก็คือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำใสนั้นจะใส่ น้ำตาลปีป ถั่วฝักยาว มะนาวหั่นซีก(ในแบบแห้ง) บางทีก็จะใส่หมูแดงไปด้วย แต่ที่ร้านนี้ใส่เป็นหมูชิ้นธรรมดา แต่มีหมูกรอบ และ ตับหมูครับ นอกจากนี้ทีเด็ดของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยนั่้นต้องมีน้ำซุปที่กลมกล่อม มีความหวานของกระดูกหมูด้วยครับ

เมนูที่ผมสั่งมานั้นมีก๋วยเตี๋ยวแห้ง และ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ซึ่งส่วนตัวผมนั้นชอบแบบต้่มยำมากกว่าเพราะชอบกินแบบแซบๆ ส่วนแบบแห้งที่ผมกินนั้นรสชาติก่อนปรุงนั้นจะหวานไปหน่อยครับ ต้องปรุงก่อนถึงจะพอเข้าที่เข้าทาง ส่วนเรื่องของปริมาณก็ถือว่าพอประมาณครับ ตามราคาชามละ 35 บาท

นอกจากนี้ทางร้านยังมีของกินเล่น อย่างเกี๊ยวทอดและลูกชิ้นทอดด้วยนะครับ ทั้งสองอย่างนี้จานละ 20 บาทไทย ปริมาณตามภาพเลยครับส่วนใครอยากหาของหวานติดไม้ติดมือฝากคนที่บ้าน อย่าลืมข้าวเหนียวมูลหน้าต่างๆ 4 หน้านะครับ ส่วนรูปข้างๆเมนูนั้นคือลักษณะการกลัดไม้แบบต่างๆของแต่ละหน้านะครับ เมนูนี้ชิ้นละ 12 บาทไทยครับ

สรุปสำหรับร้านนี้ รสชาติผมถือว่าธรรมดาๆนะครับ ผมอาจจะไม่ชอบความหวานแบบนี้ก็ได้ เพราะทั้งซุปกระดูกหมูและน้ำตาลปีปพอรวมกันแล้วมันหวานเกินไปครับ แต่ถ้ามีโอกาสผมก็อยากไปลองที่สุโขทัยเมืองหลวงเก่าสักทีเหมือนกันนะครับ

ส่วนราคาถือว่าเป็นปกติของร้านก๋วยเตี๋ยวยุคนี้ละกัน 35 บาทไทย ให้ปริมาณที่เหมาะสมเครื่องพอสมควรก็โอเคครับ ส่วนของกินเล่นอื่นๆรสชาติตามปกติเลยครับไว้เรียกน้ย่อยก็ดี หรือ จะซื้อข้าวเหนียวไปฝากคนที่บ้านก็โอเค

V-Bear Eating Hunter รายงาน