Thai | English
Por_af
ฉันชื่อPor_af อาศัยอยู่ในบางโคล่. I am a Product Development, ทำงานอยู่ที่ช่องนนทรี. อาหารอีสาน, อาหารญี่ปุ่น, อาหารฟิวชั่น are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านผับแอนด์เรสเทอรองต์, ร้านสวนอาหารและปิ้งย่าง บาร์บีคิว, ซูชิ ซาซิมิ, จิ้มจุ่ม.
สมาชิก 3 รีวิวแรก
รีวิว17 รีวิว
編輯推介數目16 Editor's Choice
Recommended1 แนะนำ
ความนิยม3459 เข้าชม
Replies in Forum0 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ120 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews2 รีวิวแนะนำ
My Restaurant0 ร้านโปรด
Follow24 Following
粉絲89 Follower(s)
Por_af  Level 2
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 5 จาก 17 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารฟิวชั่น | ร้านเค้กและเบเกอรี่ | ร้านอาหารทั่วไป | คาเฟ่ | ลำลอง

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว หลังจากทำงานเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ กับการเลิกงานวันศุกร์หลังวันแรงงาน ชนชั้นแรงงานอย่างเราๆก็เลยนัดรวมพลกันไปหาอะไรกินกันซักหน่อย แต่วันศุกร์ต้นเดือนอย่างงี้ ไปที่ไหนๆคนก็เต็มไปหมด ก็เลยแวะไปที่ร้านที่พึ่งเปิดได้ไม่นานนัก เพื่อลดการปะทะของฝูงชนจำนวนมหาศาล

103+ Factory เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในซอยอารีย์ 4 อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟฟ้าอารีย์ หลังจากเลี้ยวเข้าไปในซอยอารีย์แล้ว ก็นับ หนึ่ง สอง สาม สี่ ซอยทางซ้าย เดินเข้าไปประมาณครึ่งซอย แอบลึกนิดนึงครับ แต่พอดีนัดกับเพื่อนที่ออฟฟิศเก่าอยู่แถวนั้น ก็เลยไปกินกันที่นี่

ตัวร้านจัดแบบง่ายๆสบายๆ เหมาะกับการมานั่งเล่นๆคุยกันเรื่อยๆ เน้นโทนสีเป็นสีดำตัดกับขาว ดู Cozy ดีครับ

 

 
ที่นี่เน้นขายอาหารไทย-ฝรั่งแบบฟิวชั่น แต่ด้วยความที่ร้านยังเปิดมาได้ไม่นานนัก เลยมีเมนูให้เลือกไม่มาก แต่ก็มีของชูโรงอีกอย่างคือเบเกอรี่ ที่นำมาเรียงรายให้เลือกสรรกันได้อย่างลายตา แต่ก่อนที่จะลุยกับของหวาน ก็สั่งของคาวมากินกันก่อน

เปิดรายการมาด้วยนี่เลยครับ ออเดิร์ฟเป็นปอเปี๊ยะแฮมชีสราดซอสไข่กุ้ง ราคา 120 บาท แค่ชื่อก็น่าทานแล้ว รสชาติออกเค็มๆแต่ไม่ได้จัดจนเกินไป แต่ทอดออกมาได้อมน้ำมันนิดหน่อย ยิ่งราดด้วยซอสไข่กุ้งที่เป็นครีมซอสแล้ว รสชาติเลยแอบเลี่ยนเล็กน้อย

 
ต่อไปเป็นลาบแซลมอนครับ เป็นแซลมอนดิบราดด้วยน้ำลาบ จานนี้ราคา 140 บาท ที่จริงแซลมอนไม่ได้สดแบบจี๊ดๆ แต่เอามาทำเป็นลาบ ก็เลยไม่ขี้เหร่นัก พอใช้ได้ โดยส่วนตัวชอบกินยำแซลมอนมากกว่าครับ

 
สปาเกตตี้เบคอนผัดแห้ง ราคา 150 บาท อันที่จริงก็คือสปาเกตตี้ผัดขี้เมานั่นเองครับ เส้นเป็นเส้นแบบเกรดปานกลาง จึงไม่หนึบนัก ออกไปทางร่วนนิดหน่อย แต่ก็ไม่แย่เกินไป รสชาติเน้นออกเค็มและค่อนข้างหนักพริกไทยดำพอสมควร แต่ก็ไม่ขอบ่นอะไรมากนัก เพราะกับราคา 150 บาทแล้ว ถ้าใช้ของดีทั้งหมดคงขาดทุนแน่ครับ

 
มาที่ของหวานกันบ้างดีกว่า มีให้เลือกเต็มตู้เลย จะกินอะไรดีน๊า

 
มาดูกันให้ชัดๆ

 
แต่ดูๆแล้วเป็นเค้กที่กินแบบจริงจังมากมาย หลังอาหารก็เลยขอแค่เค้กเนื้อเบาๆกินง่ายๆมา และเลือกรสช็อคโกแลตมาเพื่อลดระดับความเลี่ยน เป็นเครปเค้กช็อคโกแลต ที่เสิร์ฟมาได้น่ารักมากครับ เป็นเขียงไม้ และมีช้อนส้อมไม้ และมีซอสช็อคโกแลตเสิร์ฟมาให้ราดเพิ่มด้วย ทำให้ดูน่ากินขึ้นมากเลยทีเดียว

 
และแล้วก็จบมื้อนี้ไปแบบเบาๆ กับราคาอาหารประมาณ 250 บาทต่อหัว โดยรวมรสชาติอาหารก็กลางๆครับ แต่เอาไว้นั่งพักผ่อนทานข้าวเย็นแบบมื้อเบาๆก็ถือว่าโอเคทีเดียว
 
วันที่ไปกิน: May 04, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿250(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารฟิวชั่น | ร้านเค้กและเบเกอรี่ | ร้านอาหารฝรั่ง | ร้านกาแฟ / ร้านชา | ลำลอง

ในซอยเล็กๆของย่านธุรกิจที่สับสนวุ่นวายใจลางเมืองกรุงเทพมหานคร ไม่ไกลไปจากแยกนราธิวาส ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนที่ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแหล่งที่มีการจราจรหนาแน่นที่สุดในประเทศไทย คือถนนสาทรและถนนนราธิวาส ใครจะสามารถจินตนาการได้ ว่าจะมีร้านอาหาร ที่ตกแต่งด้วยไสตล์ยุโรปตอนกลาง ในบรรยากาศของชนบทยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกสูงระฟ้า รายล้อมไปด้วยนักธุรกิจและพนักงานบริษัททั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ตัวอาคารเป็นตึกที่ได้รับการตกแต่งใหม่ ให้ขับกลิ่นอายของวัฒนธรรมตะวันตกออกมาได้อย่างเต็มที่ การใช้กระจกแทนผนัง และการปรับโครงเพดานให้สูง สร้างความรู้สึกโปร่ง พร้อมกับความใส่ใจในรายละเอียดของการประดับตกแต่งอย่างมีรสนิยม และเพลงประกอบในไสตล์ classical jazz ทำให้ร้าน Colonial Bistro เป็นร้านอาหารที่สร้างความแตกต่างและโดดเด่นออกมาจากอาคารและสิ่งปลูกสร้างโดยรอบได้อย่างชัดเจน

 
ภายในร้าน หลังบานประตูกระจก ที่เปิดเข้าไป เป็นเคาน์เตอร์ พร้อมกับเครื่องทำกาแฟ พร้อมมุมนั่งสบายๆ ที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันออกไป แต่ก็เข้ากันได้อย่างประหลาด ชวนให้รู้สึกน่านั่งจิบชาหรือกาแฟ เพื่อหลบหนีจากความวุ่นวาย และคลายความเครียดจากการทำงานลงไปได้อย่างดี

บนชั้นสอง เป็นโซนที่จัดเอาไว้เพื่อบริการลูกค้าที่ต้องการรับประทานอาหาร ถูกตกแต่งไว้อย่างขาวสะอาด ด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นโทนสีขาวสไตล์วินเทจ พร้อมโซนเก้าอี้หวายริมหน้าต่าง และโซนโซฟาในช่วงกลางร้าน

 
ความใส่ใจในรายละเอียดของร้าน ยังครอบคลุมไปถึงระดับของการบริการ ที่เน้นความสุภาพ เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายหรือกระทั่งการพูดจา

สำหรับอาหาร ร้าน Colonial Bistro ก็ได้เตรียมรายการเอาไว้เพื่อรองรับความหลากหลายทางด้านรสนิยม ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อิตาลี หรือแม้แต่อาหารสไตล์ฟิวชั่น ที่เป็นการผสมผสานวัตถุดิบปนแบบไทย นำมาปรุงด้วยวิธีการแบบตะวันตก เพื่อสร้างความแตกต่างและแปลกใหม่ให้กับแมนูของร้านได้อย่างมีศิลปะ

เมนูที่เสิร์ฟมาในวันนี้ แบ่งเป็น main course คือ ลาวิโอลีครีมต้มยำ และเฟตตูชินีครีมเพสโต แซลมอน พิทาชิโอ พร้อมกับ side dish อันประกอบด้วยปลาหมึกชุบแป้งทอดเคลือบชีส

สำหรับเรื่องรสชาติ ทางร้านเน้นทำโดยเน้นรสชาติที่ละมุน ไม่เน้นไปทางเค็ม หวาน หรือเผ็ด แต่ค่อนข้างบกพร่องไปในทางรสสัมผัส และวิธีการปรุง โดยลาวิโอลีครีมต้มยำ มีการใช้ครีมค่อนข้างเยอะ ทำให้กลบกลิ่นและสัมผัสของเครื่องต้มยำ และการต้มลาวิโอลี ทำได้ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้บางชิ้นแข็ง ในขณะที่บางชิ้นก็นิ่มเกินไป

 
สำหรับเฟตตูชินีครีมเพสโต แซลมอน พิทาชิโอ เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่นำเสนอออกมาได้อย่างเข้าท่า หากแต่ความเข้มข้นของเนื้อพิทาชิโอ ที่ปรุงเข้ากับเนื้อครีม โดยทานคู่กับเส้นเฟตตูชินี มีรสสัมผัสที่หนักไปทางแป้ง แ่ต่ก็ไม่ได้หนักจนเกินไป และความโดดเด่นด้วยรสชาติและกลิ่น ที่ทำให้จานนี้ กลายเป็นจานแนะนำประจำร้านได้

 
และสำหรับ side dish ปลาหมึกชุบแป้งทอดเคลือบชีส ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับครีมซอส เป็นจานที่ทำออกมาได้่ค่อนข้างดี เนื้อปลาหมึกไม่เหนียว และทอดออกมาไม่ชุ่มน้ำมัน ทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยนเมื่อจิ้มครีมซอสที่เสิรฟมาพร้อมกัน

 
ส่วนเรื่องราคาอาหาร มื้อนี้จบลงด้วยค่าใช้จ่ายประมาณ 600 บาท ซึ่งประกอบด้วยน้ำเปล่า อาหารจานหลักสองจาน เครื่องเคียงหนึ่งจาน และ service charge อีก 10% เรียกว่าเป็นมื้อที่ไม่แพงจนเกินไปสำหรับคุยธุรกิจ หรือแม้กระทั่งพาคนรักมาเปลี่ยนบรรยากาศในการรับประทานอาหาร
 
เมนูแนะนำ:  เฟตตูชินีครีมเพสโต แซลมอน พิทาชิโอ
 
วันที่ไปกิน: Apr 05, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿300

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | อาหารอิตาเลียน | ลำลอง

พอดีวันนี้เดินๆซื้อของที่พันธุ์ทิพย์อยู่ดีๆก็มีคนมาชวนไปเดินจตุจักร หลังจากเดินจตุจักรก็เลยไปกินข้าวต่อที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ถึงแล้วก็เดินหาของกิน เข้ามาปุ๊บ ตรงทางเข้าที่ชั้น 1เลย ก็เจอร้านๆนึงที่บรรยากาศน่านั่งดี เคยได้ยินชื่อมานาน ก็เลยลองซะหน่อย ( -*- เกี่ยวกันไม๊เนี่ย )

เข้ามาถึงแล้วนึกว่าอยู่ญี่ปุ่นครับ เพราะภายในร้าน เน้นการตกแต่งแบบ minimal คือเป็นแนวคิดการตกแต่งแบบคลีนๆ ธีมสีหลักคือขาว เทา และสีน้ำตาลอ่อนของไม้แบบโอ๊ค เป็นแนวคิดที่สร้างความรู้สึกเป็นกันเอง เบาๆ สบายๆ และสร้างความรู้สึกอบอุ่นด้วยการใช้วัสดุที่เป็นผ้าสี earth tone เข้ากับเฟอร์นิเจอร์สีโอ๊คได้เป็นอย่างดี และทำให้ soft ลงไปอีกด้วยแสงไฟสี warm light

 

 
ถ้าอยากเห็นภาพความเป็น minimal ให้ชัดยิ่งขึ้น ลองเดินเข้าไปดูในร้าน muji ก็ได้ครับ เป็นแนวการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายของดีไซน์ ใช้เส้นน้อยๆ สีน้อยๆ

 
ฝั่งนึงของกำแพง ใช้เส้นสีดำมาตัดกับผนังสีขาวครีม วาดออกมาเป็นกราฟฟิกรูปแบบ imagination friend มีสัตว์ประหลาดในจินตนาการออกมาเล่นกับเครื่องครัวและเครื่องปรุงอย่างสนุกสนาน ภายใต้คอนเซปต์ที่ว่า บนโต๊ะอาหาร ไม่มีใครแก่ (ที่จริงเขียนเป็นภาษาอังกฤษครับ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเขียนว่าอะไร) คือเน้นที่ความสนุกร่วมกันบนโต๊ะอาหารนั่นเอง

 

 
เห็นไม๊ครับ แม้แต่การเลือกใช้เครื่องประกอบอาหารหรือของตกแต่งบนโต๊ะ หรือแม้แต่ขวดน้ำ ที่ใส่ช้อน หรือที่รองแก้ว ก็ยังดูน่ารักในแบบ minimal เลยครับ lol

แม้แต่พนักงานก็ยังแต่งตัวแบบ minimal คือเป็นอารมณ์แบบแม่บ้านญี่ปุ่นเลย บริการค่อนข้างสุภาพทีเดียว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา อยากเห็นลองไปดูที่ร้านก็แล้วกันนะครับ mad

สิ่งเดียวที่รู้สึกขัดใจบ้างก็คงเป็นเรื่องของเพลงประกอบบรรยากาศ ที่ไม่ได้เจาะจงไปในแนวใดแนวหนึ่ง เดี๋ยวก็คลาสสิก เดี๋ยวก็ป๊อป เดี๋ยวก็บอสซ่า เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามธีมไม่ทัน หรือเพราะว่าเน้นความสนุกและหลากหลายก็ไม่รู้ แต่ผมว่าไม่น่าใช่ -*-

มาถึงเรื่องอาหารกันบ้าง ร้าน On the table เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำอาหารแบบฟิวชั่น เป็นร้านที่รวมเมนูลูกผสม ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นอิตาลี ญี่ปุ่นฝรั่งเศส ญี่ปุ่นไทย หรือแม้แต่ไทยอิตาลี สรุปก็คือเป็นร้านรวมเมนูลูกครึ่งมาให้เลือกกันอย่างหลากหลาย สำหรับวันนี้ ผมเลือกขึ้นมาเป็นทูน่าสลัดครับ ไม่เหมือนทูน่าสลัดแบบฝรั่งเศสนะครับ หน้าตาเป็นแบบนี้

 
ดูดีทีเดียวครับ ราคาประมาณ 170 บาท ประกอบด้วยผักสลัด มะเขือเทศ และใช้น้ำสลัดใสแบบญี่ปุ่น ที่เน้นกลิ่นหอมของงาดำและงาขาว พร้อมกับความเปรี้ยวแบบบาลซามิกแบบอิตาลี ให้รสหวานจากน้ำตาล และความเค็มเบาๆจากเกลือ นั่นทำให้เกิดความแตกต่างจากทูน่าสลัด มีรสครบแบบหวานนำ เปรี้ยวตาม และตบท้ายด้วยเค็มเบาๆ โดยที่กลิ่นงาไม่ได้ทำให้รสชาติของจานเสียไป และไม่ได้กลบรสชาติของทูน่าและพริกไทยดำเลยครับ

 
พระเอกของจาน เป็นทูน่าหมักพริกไทยดำ แล้วจี่ให้สุกแต่ผิว โดยที่ข้างในยังคงดิบอยู่ ทูน่าสดใช้ได้ทีเดียว กินเข้ากับผักสลัดและน้ำสลัดเป็นอย่างดี :chopstickbowllol

อีกเมนูนึงที่สั่งเป็นเมนูที่คงคุ้นเคยกันดี สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาครับ

 
รสชาติค่อนข้างจัดจ้านทีเดียว เน้นความเผ็ดแบบพริกแห้ง แต่เค็มนำค่อนข้างโดด กลิ่นโหระพา กระเทียม ค่อนข้างครบ ใช้เส้นอย่างดี ลวกออกมาได้กำลังดี ไม่เละไป ไม่แข็งไป เบคอนทอดกรอบและไม่เค็มไป ไม่ไหม้ คิดว่าไม่ได้โดดเด่นไปกว่าร้านอาหารดีๆทั่วๆไป ไม่ผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ประทับใจ โดยรวมก็เรียกว่าอร่อยดีครับ

หลังจากนั่งกิน นั่งคุย นั่งพักผ่อนเพลินๆไปกับบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง เช็คบิลออกมาสี่ร้อยกว่าบาท ตกคนละสองร้อยนิดๆ ก็เป็นราคาที่เรียกว่าเกือบจะกลายเป็นมาตรฐานไปแล้วสำหรับทุกวันนี้ ก็ไม่แย่นัก เช็คบิลเสร็จก็กินน้ำแล้วก็กลับบ้านกัน lol
 
เมนูแนะนำ:  ทูน่าสลัด
 
วันที่ไปกิน: May 12, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿230(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

GO GO USA! ยิ้ม Apr 20, 2012   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารนานาชาติ | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | บุฟเฟ่ต์ | ครอบครัว ลำลอง | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม | โอกาสพิเศษ

พอดีวันนี้เพื่อนที่ออฟฟิสจะเดินทางไปอเมริกาครับ เลยพากันไปเลี้ยงมื้อใหญ่ที่ร้าน The Rain Tree Cafe กันครับ

The Rain Tree Cafe เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม Plaza Athenee Bangkok ครับ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ อยู่ใ้กล้ๆทางออกเพลินจิต ระวังขับเลยนะครับ ถ้ามาจากพระรามสี่ จะต้องกลับรถ โรงแรมจะอยู่ด้านขวา ส่วนถ้ามาจากเพลินจิตจะอยู่ด้านซ้าย เข้ามาไม่นานก็ถึงแล้ว ป้ายหน้าโรงแรมจะสังเกตยากหน่อย

ส่วนร้าน Rain Tree นั้น อยู่ในตึกโรงแรม หรือตึกที่อยู่ติดกับถนนใหญ่นั่นเอง จอดรถแล้วก็เดินออกมาหน่อยครับ ร้านอยู่ใกล้ๆกับ Lobby

การตกแต่งร้าน เป้นบรรยากาศแบบร้านในดรงแรมเลย คือเน้นหรู และดู modern ตาม concept ของโรงแรม เปิดเพลงแนว Lounge เข้ากับบรรยากาศสลัวๆ เหมาะกับการนั่งจิบไวน์ หรือจัดปาร์ตี้เล็กๆ ข้อดีคือเสียงดังก็ไม่มาว่าครับ (แต่ต้องดังแบบไม่น่าเกลียด) คือเรียกว่าเป็นร้านที่เน้นความสนุกสนานนั่นเอง

 
ส่วนอาหารที่นี่ เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ที่เน้นความ chic แบบยุโรป ไม่ว่าจะเป็น cold dish พวก ปาร์มาแฮม, ฟองดู หรือกระทั้งขาแกะย่าง แต่ก็ไม่ลืมกลิ่นอายอาหารยอดนิยมอย่างปลาดิบ อาหารจีน อาหารไทย ซีฟู้ด หรือแม้กระทั่งก๋วยเตี่ยว เมนูเยอะมาก จนลองชิมได้ไม่หมดเลยทีเดียวครับ chopstickchopstickbowlbowl

 
เมนูแรกที่ไม่เคยพลาด ปลาดิบครับ แซลมอนที่เสิร์ฟเป็นปลาฟาร์มที่มีมันปานกลาง เกรดใช้ได้ ค่อนข้างสดทีเดียวครับ ส่วนปลาโอก็ค่อนข้างดี เนื้อไม่ยุ่ยครับ ปลาหมึกสดปานกลาง หวานและหนึบนุ่มดีครับ lol

 
ต่อไปตามมาด้วย cold dish เป็นปาร์มาแฮมกับแซลมอนรมควันครับ แฮมค่อนข้างเค็ม แต่กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป ส่วนแซลมอนเ็ค็มมาก เวลาหมักไม่ได้ใส่ผักชีลาว เลยมีกลิ่นคาวเล็กๆ sad

 
ต่อไปเป็นซีฟู้ดครับ ปูอลาสก้าเสิร์ฟแบบไม่อั้น หวานหอมทีเดียว และหอยแมงภู่สดๆพร้อมหอยนางรมสด กินกับหอมแดงทอดราดน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่เผ็ดมากครับ กินกับใบกระถิน อร่อยดีครับ แ่ต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าน่าจะสดมากกว่านี้อีกหน่อย mad

 
ต่อไปเป็นขาแกะย่างครับ จานนี้ตอนแรกตั้งความหวังไว้สูงมาก เป็นเนื้อแกะแบบ raw เลยครับ แดงแจ๊ด แต่ก็แอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะย่างทิ้งไว้ค่อนข้างนาน เนื้อแกะเลยเหนียวมาก sad

 
อาหารคาวจานสุดท้ายครับ ด้วยความที่รู้สึกว่ามันน่าจะดีได้มากกว่านี้ เลยจัดปาร์มาแฮมใหม่ แต่คราวนี้พลิกแพลงอีกนิดตามไสตล์อิตาเลียน คือเอามาพันแคนตาลูป และกินกับ blue cheese อร่อยเหาะไปเลยครับ ความเค็มของแฮมและความหวานของแคนตาลูป และกลิ่นเฉพาะตัวของอาหารทั้งสองอย่าง เข้ากันได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในเมนู cold dish ที่เรียกว่าเป็นของโปรดของผมเลยทีเดียว chopstickchopstickbowlbowl

 
ตบท้ายด้วยของหวานครับ พยายามขจัดความธรรมดาโดยตกแต่งจานเข้าหน่อย เพิ่มความน่ากินขึ้นอีกเยอะเลยครับ ไม่งั้นคงเป็นของหวานธรรมดาๆ ไม่เด่นอะไรมาก จานนี้ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนเลยนะครับtongue

 
สรุปครับ มื้อนี้อิ่มมากๆ โดยรวมแล้วอร่อยทีเดียว ก็สมกับราคา (น่าจะประมาณ 1,500 บาท แต่จริงๆก็ไม่รู้หรอกครับว่าเท่าไหร่ เพราะมีคนจ่ายให้ mad) ลองไปทานกันดูนะครับ ไปกับคู่เดทก็เข้าท่า ไปกับแก๊งเพื่อนก็เข้าที และที่สำคัญ เดินทางไม่ยากด้วยครับ
 
เมนูแนะนำ:  ปาร์มาแฮมพันแคนาลูป,ซีฟู้ดบุฟเฟ่ต์
 
วันที่ไปกิน: Apr 11, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1500

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | ร้านอาหารทั่วไป

วันที่ไปกินเป็นวันที่อากาศร้อนมากๆๆๆๆๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม หัวหน้าแก๊งที่ออฟฟิศเกิดเบื่อร้านระแวกที่กินกันเป็นประจำ ก็เลยพากันไปเดินตระเวนหาร้านใหม่ๆแถวออฟฟิศกินซะอย่างนั้น เดินไปเรื่อยๆท่ามกลางตึกสูง แดดเปรี้ยงๆ ขึ้นสะพานลอย ลงสะพานลอย เดินเข้าตรอก ออกซอย จนมาถึงร้านนี้ ร้านที่มีชื่อเบาๆและให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ว่า "อิ่มอุ่น"

อิ่มอุ่นเป็นร้านที่เปิดขึ้นมาในปี 2011 ครับ อยู่ในซอยสีลม 9 แต่เข้าจากทางสาทร หรือนราธิวาสจะง่ายกว่า อยู่ใกล้ๆกับตึก metropolitan ที่กำลังก่อสร้างอยู่ครับ แต่ก็รายล้อมไปด้วยต้นไม้ เลยทำให้การก่อสร้างไม่ทำลายบรรยากาศร้านเท่าไหร่

 
บรรยากาศของร้านนี้ เห็นแค่หน้าร้านก็พอจะเดาได้เลย ว่าเจ้าของต้องเคยอยู่เมืองนอกมา และกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นแน่ๆ เพราะเป็นไสตล์การจัดร้านแบบในสวน มี terrace ให้นั่ง outdoor โดยมีหลังคาบังแดด และมีส่วนด้านในทาผนังสีส้ม เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้สีโอ๊ค และอุปกรณ์ตกแต่งที่ให้ความรู้สึกแบบเป็น contemporary และที่สำคัญ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ในห้องรายล้อมไปด้วยกระจก ที่มองออกไปด้านนอกแล้วเห็นสวนหย่อม ทำให้ได้ความร่มรื่น และรุ้สึกผ่อนคลายเหมิือนนั่งอยู่กลางสวนข้างนอกยังไงอย่างงั้น พร้อมเปิดเพลงบรรเลงเปียโนเพลงไทยยุค 90 เบาๆ เคล้าไปกับบรรยากาศตอนกลางวัน ทำให้รู้สึกไม่เหมือนกับว่านั่งอยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจที่วุ่นวาย ใจกลางเมืองกรุงเทพเลยครับ

 

 
เวิ่นเว้อเรื่องบรรยากาศมานาน เรามาเข้าเรื่องอาหารกันบ้างครับ ร้านนี้มีเมนูที่สั่งกินเป็นชุด ประกอบด้วยข้าว และกับที่เสิร์ฟมาแบบแยกจาน ชุดละ 2 อย่าง ทำให้กินคนเดียวก็ได้ หรือจะสั่งเป็นชุดๆมาแชร์กันหลายๆคนก็ยังได้ สนน ราคาเมนูแบบเซ็ตเฉลี่ยอยู่ที่เมนูละ 100 บาทครับ

เมนูแรกที่สั่ง อาหารอีสานบ้านเฮา ไก่ทอด ส้มตำ ข้าวเหนียวครับ รสชาติกลางๆ ส้มตำรสครบแต่ไม่จัด เค็มปานกลาง หวานปานกลาง เปรี้ยวปานกลาง ไม่เผ็ด ไม่ใส่ปลาร้า ไม่หนักกลิ่นน้ำปลา ส่วนไก่ทอดทอดออกมาได้ดี ไม่อุ้มน้ำมัน จากกลิ่นแล้วน่าจะหมักด้วยน้ำปลานิดหน่อย ซีอิีวขาว กระเทียม แล้วก็พริกไทยขาว แต่น่าจะหมักไม่นาน ทำให้เครื่องปรงที่หมักไม่ได้ฝังลงไปในเนื้อไก่ แต่รสชาติกลางๆครับ ทานได้เรื่อยๆ

 
เมนูที่สองครับ ข้าวไข่เจียวกับแกงเขียวหวานไก่ เป็น combination ของเมนู่ที่เข้ากัน และให้กลิ่นอายของอาหารภายกลางได้มากที่สุดเมนูหนึ่ง ไข่เจียวไม่อุ้มน้ำมันครับ ส่วนแกงเขียวหวานหนักกะทิ และเครื่องแกงเคี่ยวออกมาได้ค่อนข้างดี เป็นชุดที่รสชาติไม่จัดจ้าน รสกลางๆครับ กินพร้อมกับไข่เจียวแล้วเข้ากันสุดๆ chopstickchopstickchopstick

 
และเมนูสุดท้ายครับ เป้นเมนูมังสะวิรัต ข้าวกับยำเห็ดทอด เป็นเห็ดสารพัดอย่างครับ เอามาทอด พอทอดก็เลยแยกไม่ค่อยออกว่าเป็นเห็ดอะไรบ้าง แต่น่าจะมีเห็นนางฟ้า เห็นเข็มทอง และเห็ดหูหนู เป็นจานยำที่รสชาติไม่จัดอีกเช่นกัน แต่เห็ดทอดไม่ชุ่มน้ำมัน กินแล้วเลยไม่เลี่ยนครับ

 
หลังจากลองเล็มๆแทะๆไปสามชุด มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าเป็นรสชาติที่ทำมาให้ฝรั่งกินกันชัดๆ เพราะรสชาติไม่จัดมาก แต่รสชาติและส่วนประสมทำออกมาได้กลิ่นอายของความเป็นไทยอย่างครบถ้วน และหลังจากที่ได้คุยกบเจ้าของร้านแล้ว ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ กลุ่มเป้าหมายของร้านเค้าคือฝรั่งที่อยู่ในระแวกนั้น ถึงได้ปรุงออกมาให้รสไม่จัดนัก แต่ก็สื่อถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจนที่สุด

อ่อ ร้านนี้มีเสิร์ฟน้ำสมุนไพรและกาแฟด้วยครับ กาแฟรสชาติกลมกล่อม ถ้าไม่ทานอาหาร มานั่งจิบกาแฟผ่อนคลายไปกับบรรยากาศร่มรื่นท่ามกลางเมืองกรุงก็ไม่เลวเลยทีเดียว

สรุปว่า วันนี้จ่ายไปทั้งหมดประมาณ 400 กว่าบาท เป็นราคากลางๆครับ ก็ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ได้แพง นั่งชิลๆเย็นๆ จ่าตังเสร็จ ก็เดินออกมาฝ่าอาหาศร้านกลับออฟฟิสไปนั่งทำงานตามเดิม
 
เมนูแนะนำ:  ชุดข้าวไข่เจียวแกงเขียวหวานไก่
 
วันที่ไปกิน: Mar 22, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿120(มื้อเที่ยง)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 3  |  
Environment
 4  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0