นักรีวิวร้านอาหาร

ร้อนๆแบบนี้ต้องดับร้อนด้วยไอศครีมเย็นๆจะได้สดชื่นค่ะ กลับมาเจ้าเก่าเจ้าเดิม ร้านไอศครีมในดวงใจเลย เมนูสุดโปรด มาทีไรต้องสั่งทุกที “บราวนี่ คาราเมล” ค่ะ
รสชาต : เราชอบรสชาตเนื้อไอศครีมของที่นี่ค่ะ มันจะละเอียดมาก ความรู้สึกมันจะนิ่มๆนมๆ เอาไปผัดกับบราวนี่ ราดด้วยซอสคาราเมลหวานๆ ทานไอศครีมจนหมดก็อร่อยกับถ้วนวัฟเฟิลต่อค่ะ ถ้าชอบช็อคโกแลตก็สามารถสั่งให้เค้าเคลือบช็อตโลแลตที่วัฟเฟิลได้ค่ะ อร่อยกรุบๆมากค่ะ
พนักงาน : เห็นแต่ละครั้งก็จะมีพนักงานหน้าใหม่เปลี่ยนมาตลอด พนักงานน่ารักดีค่ะ พอมีลูกค้ามายืนเยี่ยมๆมองๆอยู่หน้าร้านเค้าก็จะคอยส่งเสียงออกมาเชื้อเชิญให้ลูกค้าเข้ามาดูเมนูใกล้ๆเค้าก่อนค่ะ อิอิ
บรรยากาศ : โล่ง โปร่ง เหมาะกับการเป็นที่นั่งพักขาเวลาเดินมาเมื่อยๆมากค่ะ แวะทานไอศครีมก่อนแล้วค่อยไปช้อปปิ้งต่อ ฟินฝุดๆเลยค่ะ

ร้านนี้มีสูตรเด็ดอยู่ที่น้ำซอสที่ใช้ราดไก่ค่ะ เวลาเราสั่งเราชอบสั่งซอสการ์ลิคค่ะ มันจะเค็มๆอร่อยดีค่ะ ถ้าเป็นซอสเผ็ดมันเผ็ดเกินไปสำหรับเราค่ะ เลยจะเลือกสั่งเป็นการ์ลิคดีกว่า เค้าจะมีให้เลือกว่าจะเอาส่วนไหนของไก่ เช่น ปีกไก่บน ส่วนน่อง ปีกและน่องสองแบบผสมกัน หรือจะเลือกเป็นไก่ไม่มีกระดูกเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นไก่ไม่มีกระดูกจะเป็นเนื้อทั้งชิ้นมา เราคิดว่าน่าจะเป็นเนื้อส่วนอกค่ะ เพราะมันจะกระด้างและแข็งกว่านิดนึง บางครั้งเราขี้เกียจ ก็จะสั่งเป็นไก่เนื้อๆแบบนี้ค่ะ ประหยัดเวลาดี แต่เราว่าราคามันสูงไปนิดนึงค่ะ ไก่ไม่กี่ชิ้น 200 กว่าบาทแหน่ะ
บรรยากาศร้านจะตกแต่งเหมือนๆกับสาขาอื่นค่ะ จะเน้นโทนดำกับสีไม้ ร้านจะดูมืดๆนิดนึง เค้าเลยมีไฟโคมส่องสว่างให้แต่ละโต๊ะค่ะ สาขานี้ค่อนข้างกว้าง โต๊ะเยอะและใหญ่ดีค่ะ แต่ถ้ามาตอนพีคๆ เช่น ช่วงหลังเลิกงานก็มีคิวยาวเหมือนกันนะคะ

วันนี้แวะเติมพลังด้วยกาแฟหอมๆผสมกล้วยหอมให้อิ่มท้องช่วงบ่ายค่ะ สั่งแบบ take out มานั่งถ่ายรูปเล่นข้างนอกก่อนเอาเดินไปกินต่อที่อื่นค่ะ ชอบกาแฟของที่นี่ตรงที่กลิ่นมันค่อนข้างหอม แต่รสชาตไม่ได้เข้มมากจนถึงขั้นตาค้างนอนไม่หลับ ยิ่งราดคาราเมลหวานๆ ผสมกับกลิ่นกล้วยหอม โอ้ยย ฟินค่ะ พนักงานก็บริการดี พูดจาสุภาพ บางเมนูเราสงสัยว่ามันรสชาตยังไง มีส่วนประกอบอะไรบ้าง เค้าก็ตั้งใจตอบ ตั้งใจอธิบายอย่างดีค่ะ บรรยากาศภายในร้านของสาขานี้ไม่ใหญ่เท่าที่สาทร แต่ก็ให้อารมณ์โปร่งๆ ไม่คับแคบอึดอัดค่ะ

กลับมาเดินที่ Rainhill อีกครั้ง พอเดินผ่านหน้าร้านจำต้องโดนดึงดูดเข้าไปเพราะพนักงานที่ยืนอยู่หน้าร้าน คอยมาเชิญชวนและแนะนำลูกค้าให้เข้าไปลองชิมอูด้งอันแสนอร่อย ชอบพนักงานแบบนี้ค่ะ เลยเข้าไปอุดหนุนเค้าซักหน่อย
รสชาต : วันนี้ตั้งใจจะลองเทมปุระล้วนๆค่ะ เลยเลือกที่จะสั่งอูด้งให้ธรรมดาที่สุด และจัดหนักที่เทปุระค่ะ ไปเข้าคิวสั่งเส้น รับชาม ตั้งหน้าตั้งตาให้ถึงเค้าเตอร์เทปุระซักที อิอิ ถ้าเราเลือกเทมปุระหลายอย่าง เค้าจะใส่ชามแยกมาให้เรานะคะ ตอนที่ไปถึงเค้ากำลังจะทอดเทมปุระผักรวมอยู่พอดีเลยค่ะ เลยรอให้เค้าทอดใหม่ๆดีกว่า จะได้กรอบๆร้อนๆค่ะ เพราะตอนที่ไปถึงเทมปุระหมดเกือบทุกอย่างเลย ชอบเทมปุระที่นี่เพราะเค้าทอดกันใหม่ๆ ชิ้นไหนแห้งๆเหี่ยวๆแล้วเค้าจะเก็บออกไปค่ะ ทำให้ตัวเทมปุระกรอบและสด ไม่เหม็นหืนค่ะ
พนักงาน : ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานกัน ขยันขันแข็งมากค่ะ คอยแนะนำลูกค้าใหม่ทุกจุดให้บริการ ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนสอบถามพนักงานได้ทุกคนนะคะ
บรรยากาศ : ด้วยความที่พนักงานขยันขันแข็งและมีจำนวนเยอะมากกกก ทำให้เวลาลูกค้าเข้าร้านหรือเดินออกแต่ละครั้ง จะมีเสียงทักทายและขอบคุณดังคึกคักมากค่ะ ได้บรรยากาศญี่ปุ่นสุดๆ

เมนูใหม่ อยากให้ได้ลองกันค่ะ เพราะจากปกติที่ร้านนี้จะเน้นข้าวและเนื้อสัตว์ ตอนนี้เค้าเพิ่มเมนูผักเข้ามาในชามแล้วค่ะ ผักที่ว่าเป็นผักต้มผัดกันซอสอะไรซักอย่างให้รสชาตเค็มๆนิดๆ เหนียวๆข้นๆ เอาไว้ทานคู่กับเนื้อแก้เลี่ยนได้ดีค่ะ ในผักจะให้มา 3 อย่าง คือ แครอท บร็คเคอรี่และข้าวโพดอ่อนค่ะ ส่วนข้าวที่ใช้ เค้าจะใช้ข้าวหอมมะลิญี่ปุ่นค่ะ นุ่มๆหนึบๆ ทานกับเนื้อต้มซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษของสุคิยะ (ในเมนูเค้าว่ามาแบบนี้ค่ะ) อร่อย อิ่มท้องได้ในเวลาสั้นๆค่ะ
บรรยากาศ : ร้านนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากมาเดินเล่นเอเชียทีคชิลๆ แต่ไม่ต้องการมื้อที่แพงมากกกกก แบบร้านที่อยู่ติดแม่น้ำ (เก็บสตางค์ไว้ไปช้อปปิ้งดีกว่าค่ะ อิอิ) ตัวร้านอยู่ติดริมถนนเจริญกรุงนะคะ ข้างหน้าร้านจะมีน้ำพุ ใช้เป็นโลเกชั่นเก๋ๆถ่ายรูปกันได้ค่ะ
พนักงาน : มาตราฐานเดียวกันทุกสาขาค่ะ คือ จำนวนพนักงานจะไม่เยอะ แต่จะใช้วิธีกดปุ่มเรียกเอา ทำให้พนักงานมาบริการไวมาก ประทับใจร้านนี้ก็ตรงจุดนี้แหล่ะค่ะ