4
0
0
เดิน 7-นาที จาก สถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ทางออก 1 อ่านต่อ
เบอร์โทร.
02-217-0777
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ อเมริกันเอ๊กเพรส เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
ที่จอดรถ
สำรองโต๊ะ
ใบกำกับภาษี
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.huachangheritagehotel.com/
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รีวิว (4)
เอนทรี่นี้จะพาไปกินยังห้องอาหารที่เราเล็งไว้นานมากกกกกกกกกแต่ก็ไม่มีโอกาสไปกินสักที พอเพื่อนชวนปุ๊บ ไปปั๊บเลยค่ะ แล้วพอได้ไปสัมผัสก็ค้นพบว่า...ควรพาแม่มากินที่นี่ แม่น่าจะชอบ เพราะเป็นห้องอาหารที่เน้นเรื่องของอาหารไทย และหลายเมนูก็หากินยากมากๆ ค่ะ กับห้องอาหาร Miss Siam โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ (Huanchang Heritage Hotel) นั่นเองหละค่าาสำหรับพิกัดของโรงแรมแห่งนี้นะคะ จะอยู่ตีนสะพานหัวช้าง ตรงข้ามกับสยามดิสคัฟเวอร์รี่ตามภาพเลยค่าาวันนั้นเราเอารถไปค่ะ ไปจอดที่ชั้นใต้ดินแล้วก็กดลิฟท์มาที่ชั้น 1 ชั้นเดียวกับล็อบบี้รร.นะคะ ห้องอาหาร Miss Siam จะอยู่ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำของโรงแรมค่ะ แต่คนละฝั่งกับล็อบบี้แค่นั้นเองสำหรับห้องอาหารมิสสยาม มื้อกลางวันบุฟเฟต์แบบที่เราไปกิน จะเปิดเวลา 11.30-14.30 น.ทุกวันเสาร์-อาทิตย์นะคะ ราคา 650 บาทเน็ต และมีโปรโมชั่นมา 5 จ่าย 4 ค่ะ แนะนำให้จองล่วงหน้า เพราะอย่างวันที่เราไป (กลางวันวันอาทิตย์) เต็มทุกโต๊ะนะคะ คณะเรายังต้องนั่งแยกคนละโต๊ะหละนอกจากนั้นในวันแม่ก็มีราคา 799 บาทสำหรับมื้อกลางวัน (เปิดเที่ยงถึงบ่ายสาม) และมื้อเย็น 999 บาท (หกโมงเย็นถึงสี่ทุ่ม) โดยมาสี่คนต่อโต๊ะและมีแม่มาด้วย แม่ทานฟรีค่ะ (ราคาต่อหัวสูงกว่าวันอื่น แต่เห็นว่าจะมีเมนูพิเศษเพิ่มด้วยนะคะ)เบอร์โทรศัพท์022170777เฟซบุ๊คร้านhttps://www.facebook.com/HuaChangHeritageHotelBangkokเว็บไซต์http://www.huachangheritagehotel.comจากล็อบบี้เปิดออกไปเดินเลาะสระว่ายน้ำ ผ่านห้อง The Ivory (ที่มีอาฟเตอร์นูนทีขายด้วยค่ะ น่าสนใจเช่นกัน) จนสุดทางก็จะเจอห้องอาหารมิสสยามนะคะที่นั่งจะมีทั้งเอาท์ดอร์และข้างในที่เป็นห้องแอร์นะคะไลน์อาหารจะมีทั้งจัดวางตรงใกล้ๆ ที่นั่ง กับที่แยกไปติดครัวที่ด้านในนะคะ เราจะพาไปดูที่ด้านในซึ่งติดกับครัวก่อนนะคะฝั่งที่ด้านชิดครัวโซนแรกจะเป็นพวกบรรดาของกินเล่นทั้งหลายค่ะ ประกอบไปด้วยอะไรบ้างนั้น มาฟังเชฟบอมเบย - ไพโรจน์ ประไพรักษ์ บรรยายกันค่ะเผื่อใครขี้เกียจคลิกดูคลิปนะคะ ของเรียกน้ำย่อยก็จะมีแตงโมปลาแห้ง (ตัวนี้หมดเร็วมากนะคะ) เมี่ยงผลไม้ หมูทอดน้ำปลากินกับพริกขี้กา ลูกชิ้นปิ้งกะทิ กินกับน้ำจิ้มสามรส ข้าวตัง ข้าวสวยห่อในใบตองค่ะต่อไปเป็นส่วนของ Hot Dish ทั้งหลายนะคะ ไปฟังเชฟเล่าให้ฟังก่อนเนาะไลน์นี้ก็ประกอบด้วยข้าวผัดหมูแดดเดียวกินกับไข่เจียวไทย ผัดเห็ดสามอย่าง หมูนึ่งปลาอินทรีย์เค็ม กระเพราะไส้อั่ว หมูทอดขมิ้นกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ งบไก่ ไก่ทอดเครื่องเทศ ปลาทับทิมกระเทียมพริกไทย เขียวหวานเนื้อตุ๋น และแกงเผ็ดเป็ดย่างค่ะส่วนอีกฝั่งจะเป็นน้ำพริก ซึ่งวันนี้มีน้ำพริกอ่อง น้ำพริกมะขามอ่อน น้ำพริกกะปิ และน้ำพริกระกำค่ะ จากนั้นก็จะเป็นผักสด ผักลวกกะทิ (วันนั้นเป็นหัวปลีกับกะเพราค่ะ) และบรรดายำต่างๆ ค่ะ ได้แก่ ลาบ ยำหัวปลี ยำดอกขจร (มีเฉพาะฤดูฝน) ยำแหนมสดกับส้มซ่า ยำขมิ้นขาว และยำไข่ต้มทรงเครื่องต่อไปจะเป็นโซนด้านนอกที่ติดกับที่นั่งรับประทานแล้วนะคะ เริ่มด้วยสเตชั่นต่างๆ ได้แก่ ขนมจีนซาวน้ำ ส้มตำ ผัดไทย แกงเลียง และต้มส้มค่ะถัดไปจะเป็นผลไม้และของหวานค่ะของหวานก็เริ่มด้วยส้มฉุน ทับทิมกรอบ ขนมไทยต่างๆ เช่น ขนมมัน ขนมเผือก สังขยาฟักทอง ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก ข้าวหนุกงา และซุ้มทำขนมเกสรดอกลำเจียกนะคะขนมหวานที่เป็นชิ้นเล็กๆ ในจานนี่ บางอย่างหมดเร็วมากนะคะ (แต่ก็จะสลับเอาขนมอย่างอื่นมาวางแทน) เพราะฉะนั้นอยากกินอะไร แนะนำให้ตักตั้งแต่ต้นๆ ค่ะ ไม่งั้นอาจอดกินได้ส่วนน้ำดื่มที่รวมในบุฟเฟต์ จะเป็นน้ำใบเตยและน้ำกระเจี๊ยบนะคะ (นอกจากชากาแฟอะนะ)มาดูกันค่ะว่าวันนั้นเรากินอะไรกันบ้างน้ำพริก เราชอบตัวน้ำพริกระกำ (หอมระกำ) กับน้ำพริกกะปิค่ะ เผ็ดดีงามมาก / หมูทอดขมิ้นกินกับน้ำจิ้มช่วยส่งรสดีค่ะ อร่อย / ลูกชิ้นกะทิกับน้ำจิ้มก็อร่อยค่ะ มีความมันของกะทิเสริมมาหน่อยด้วย / หมูทอดน้ำปลาเราเฉยๆ / เตงโมปลาแห้งลำไย มีรสและกลิ่นลำไยเสริมมาทำให้รสหวานนวลขึ้นค่ะ เราชอบนะ / กระเพราไส้อั่วคือที่สุดค่ะ อร่อยมาก ห้ามพลาด / แกงเลียง รสดีนะคะ แต่แม่เราทำแซ่บกว่า (นั่น!) / ต้มส้ม ชามที่เรากินรสชาติโอนา แต่เห็นอีกโต๊ะบอกว่ารสไม่โอ น่าจะเป็นที่คนทำอะค่ะ / เขียวหวานเนื้อตุ๋นเราชอบมาก เขียวหวานนี่มันต้องเนื้อวัวจริงๆ ค่ะ / ทอดมันเราเฉยๆ นะคะ ไม่เด่น / งบไก่หอมใบตองมากๆ เลย รสไม่เผ็ดเท่าห่อหมก แต่กลิ่นเด่นค่ะตัวยำ รสชาติจะค่อนข้างกลางๆ นะคะ เราชอบยำที่แซ่บกว่านี้แฮะ ยำขมิ้นขาว หอมขมิ้นดี แต่รสไม่เผ็ด / แหนมส้มซ่า รสดีค่ะ เปรี้ยวแหนม หอมส้มซ่าและเครื่องดีค่ะ / ยำไข่ต้มทรงเครื่อง รสไม่เผ็ดเช่นกัน แต่รสอื่นโอเคนะคะ / ลาบเป็ด เราว่าควรจัดกว่านี้ค่ะ หรือเชฟทำแบบทางเหนือก็ไม่ทราบ (ลาบทางเหนือส่วนมากจะไม่จัดเผ็ดแซ่บแบบอิสานน่ะนะคะ) / ยำหัวปลี รสมาตรฐานค่ะ อร่อย / ยำดอกขจร เราชอบดอกขจรหละ รสชาติมันและมีเทกซเจอร์ของดอกขจรถูกจริตเราค่ะ แต่รสชาติยำไม่เผ็ด ไม่จัดค่ะสำหรับในส่วนของของหวานนั้นตัวเกสรดอกลำเจียกทำให้เรานึกถึงบุหงาบุดะ ณ สตูลหละ (ถ้าต้องการดูวิธีการทำทั้งสองเมนู คลิกที่นี่) แต่เกสรดอกลำเจียกจะแห้งเฉพาะภายนอก เพราะไส้ในยังเป็นมะพร้าวชุ่มๆ อยู่ ทำให้บาลานซ์กันพอดี และมีความหวานที่ไม่แห้งค่ะ อร่อยดี เป็นการกินเกสรดอกลำเจียกครั้งแรกของเราเลย (เชยเนาะ) / ขนมมัน เทกซเจอร์ดีค่ะ หนึบกำลังดี รสปกติ / ขนมเผือก เผือกแบบผสมแป้งหน่อยๆ แต่ยังหอมเผือกอยู่นะคะ / ข้าวเหนียวสังขยา เราชอบสังขยาที่เทกซเจอร์นุ่มนวลกว่านี้ค่ะ / กล้วยปิ้ง เราชินกับการกินคู่กับน้ำกะทิที่หอมกว่านี้น่ะนะคะ / ข้าวหนุกงา หอมงา มีรสหวานอ่อนๆ ของข้าว กินโดยไม่ต้องพร้อมลูกชุบก็โอเคนะคะ ตัวลูกชุบกลิ่นชัดดีค่ะ แต่ตัวเนื้อถั่ว เราชอบเนียนกว่านี้เช่นกัน / กล้วยเชื่อม เราได้ตัวกล้วยนิ่มหละ อร้อย อร่อย ชอบค่ะ / หยกมณี หนึบและหอมค่ะ ไม่หวานจัด / ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก เราชอบมากกว่าหน้าสังขยาเยอะเลย รสและกลิ่นกำลังดีค่ะ / ปลากริมไข่เต่า (ที่นี่ทำแบบไข่เต่าจริงๆ นะคะ คือทำแป้งตัวกลมๆ ด้วย) แป้งข้างในมันแข็งไปนิดค่ะ เหมือนนวดยังไม่ค่อยเนียนหรือเปล่าน้อสรุปสำหรับที่นี่นะคะเราว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากหาอาหารไทยกิน แล้วหลายๆ เมนูก็หากินยากมากแล้วน่ะค่ะ เสน่ห์อีกอย่างคือ ที่นี่เค้ามีเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาลด้วย (ซึ่งที่จริงเป็นขนบการกินของไทยแต่ไหนแต่ไรมานะคะ มีรุ่นหลังๆ นี่แหละ ที่กินมันซะทุกฤดูกาล เหอๆ) อาหารมีทั้งอร่อยมาก อร่อย และมีแค่บางอย่างยังไม่ค่อยโดนค่ะ (คิดว่าฝีมือผู้ช่วยเชฟ (เชฟไม่น่าจะทำเองหมดนะคะ ถ้าเอาจากรสที่ได้กินนะ) ฝีมือยังไม่สม่ำเสมอค่ะ อาจจะต้องเทรนเพิ่มน่อ)แต่โดยรวมสำหรับราคา 650 บาทเน็ต เราถือว่าคุ้มมากค่ะ (ถูกกว่าที่พาแม่ไปกินร้านบางร้านอีก 555) เราเองยังคิดเลยว่า เอาไว้จะพาแม่ไปกินที่นี่ค่ะ แม่น่าจะชอบแหละ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ห้องอาหารมิสสยาม โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ เป็นห้องอาหารบุฟเฟต์ขนาดเล็กกระทัดรัดรองรับลูกค้าได้ราว ๆ 50-60 ที่นั่ง ให้บริการบุฟเฟต์อาหารไทยทุกวันเสาร์และอาทิตย์มื้อเที่ยงตั้งแต่เวลา 11.30 - 14.30 น.พิกัดโรงแรมอยู่บริเวณเชิงสะพานหัวช้าง ฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางราชเทวีจุดสังเกตคือโรงแรมจะอยู่เลยหอศิลปวัฒนธรรมตรงแยก MBK มาก่อนขึ้นสะพานหัวช้างโรงแรมจะอยู่ทางซ้ายมือใครมา BTS ก็ลงได้ทั้งสถานีสนามกีฬาแห่งชาติและราชเทวีลงแล้วเดินต่ออีกนิดก็ถึงโรงแรม เข้ามาในโรงแรมผ่านล็อบบี้ออกมายังสวนด้านนอกเดินผ่านสระน้ำตรงไปจนสุดทางก็จะเจอห้องอาหารมิสสยามโปรโมชั่นของห้องอาหารตอนนี้คือ บุฟเฟต์อาหารไทยประจำฤดูฝน Rainy Season Specialจัดขึ้นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่ 1 ก.ค.- 31 ต.ค.2559 ราคาท่านละ 650 บ.เน็ต มีโปรมา 5 จ่าย 4 ด้วยนะคะ เบ็ดเสร็จแล้วก็จะเหลือคนละ 520 บ.เท่านั้นเองส่วนใครที่อยากพาคุณแม่และครอบครัวมาทานอาหารไทยในวันพิเศษ ๆ 12 สิงหานี้ทางห้องอาหารก็จัดบุฟเฟต์อาหารไทย Mother's Day Buffetทั้งมื้อเที่ยงและมื้อค่ำในราคาท่านละ 799 บ.เน็ต (12.00 - 15.00 น.) และมื้อค่ำ 999 บ.เน็ต (18.00 - 22.00 น.)มีโปรมา 4 จ่าย 3 คุณแม่ทานฟรีค่า ใช้โปรนี้ได้ทั้งมื้อเที่ยงและมื้อค่ำไลน์อาหารไทยปรุงสำเร็จมีตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย ไปจนถึงจานหลักและขนมหวานภายใต้การดูแลของเชฟไพโรจน์ ประไพรักษ์ (เชฟบอมเบย์) ซึ่งเล่าให้ฟังถึงอาหารไทยของที่นี่ว่าเป็นอาหารไทยแบบโบราณไม่เน้นสไตล์ฟิวชั่นใช้พืชผักสมุนไพร และวัตถุดิบตามฤดูกาล หน้าฝนอากาศก็จะออกแนวเย็นชื้น เมนูอาหารก็จะเน้นไปที่การทำให้ร่างกายอบอุ่นเริ่มจากมุมอาหารทานเล่น เคยได้ยินชื่อแตงโมปลาแห้งมานานละแต่ไม่เคยกินมาที่นี่เค้าทำน่ารักเชียวเป็นเมนู ลำไยแตงโมปลาแห้งเมี่ยงผลไม้ เป็นเมี่ยงที่ใช้น้ำตาลจากเกสรมะพร้าว ซึ่งตัดในตอนเช้ามีความหอมสูง ไม่ผสมแบะแซ รสชาติไม่หวานแหลมแถมยังมีความหอมของมะพร้าวคั่ว ทานคู่กับมะเฟือง มะม่วงและสัปปะรดเข้ากันมากๆข้าวตังหน้าตั้ง น้ำจิ้มใช้กุ้งแม่น้ำแท้ ๆ มาทำลูกชิ้นกะทิปิ้ง เป็นลูกชิ้นหมูผสมกับกะทิก็จะมีความหอมมันหมูทอดน้ำปลา เห็นเชฟบอกว่าเมนูนี้ใส่ขมิ้นลงไปด้วยจะทานเปล่า ๆ หรือทานกับน้ำจิ้มก็ได้น้ำจิ้มที่นี่ก็ทำเองทั้งหมดไม่ได้เปิดขวดแล้วเทน้ำจิ้ม 3 รส นี่ใช้สัปปะรดเป็นตัวเพิ่มรสเปรี้ยวไว้ทานคู่กับลูกชิ้นปิ้งส่วนน้ำจิ้มที่คล้าย ๆ ซีฟู๊ดเรียกว่าน้ำพริกขี้กา มีความจี๊ดจ๊าดดีน้ำจิ้มอีกถ้วยนึงสำหรับทานคู่กับหมูทอดน้ำปลาข้าวหอมมะลิของที่นี่เก๋ไก๋มาก นึ่งข้าวในใบตอง(ใบกล้วยน้ำว้า)ข้อดีของการนึ่งในใบตองคือมีความหอม และอุณหภูมิคงที่มุมถัดมาเป็นมุมสารพัดน้ำพริกหน้าฝนพวกผักต่าง ๆ มีมาก คนไทยสมัยก่อนก็นิยมน้ำผักต่าง ๆ มากินคู่กับน้ำพริกวันที่ไปมีน้ำพริก 4 ชนิด- น้ำพริกอ่อง- น้ำพริกกะปิ- น้ำพริกมะขามอ่อน- น้ำพริกระกำพร้อมเครื่องเคียงมากมาย มีทั้งไข่ต้ม ชะอมไข่ และปลาทูผักสด ผักลวกนานาชนิดมีหัวปลีต้มกะทิกับใบกะเพราต้มกะทิด้วยค่ะพึ่งเคยกินเลยเนี่ย (อาหารโบราณ) ทานคู่กับน้ำพริกก็เข้ากันดีนะคะมาถึงมุมยำ ๆ กันบ้างลาบเป็ดยำหัวปลียำดอกขจรยำแหนมสดกับส้มซ่ายำไข่ต้มทรงเครื่องยำขมิ้นขาวไลน์อาหารปรุงสำเร็จพร้อมทานแกงเขียวหวานเนื้อตุ๋น กับ แกงเผ็ดเป็ดย่างได้ลองชิมแกงเขียวหวานเนื้อตุ๋นไป เนื้อตุ๋นเข้ากับแกงเขียวหวานมาก ๆ ชอบเลยค่ะไก่ทอดเครื่องเทศอย่างไทย และปลาทับทิมทอดกระเทียมพริกไทยงบไก่หัวปลีเผา เมนูนี้จะคล้าย ๆ ห่อหมกย่างค่ะรสกลาง ๆ เครื่องแกงไม่จัดมากผัดกระเพราไส้อั่วและหมูทอดขมิ้น2 เมนูนี้แนะนำค่ะ ผัดกระเพราไส้อั่วผัดแบบแห้ง ๆ รสจัดจ้านดีส่วนหมูทอดขมิ้นนี่ก็อร่อยนะ เป็นหมูสามชั้นทอดติดมันนิด ๆเห็ดผัดน้ำมันหอย และหมูนึ่งปลาอินทรีย์เค็มข้าวผัดหมูแดดเดียว และไข่ดาวมีแตงกวา มะนาว พริกน้ำปลา ให้ครบค่ะขนมจีนซาวน้ำนี่ก็เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับหน้าฝนเพราะมีขิงเป็นหลัก ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย , ขับเสลดส้มตำไทย-ไก่ย่างก็มีค่ะมุมผัดไทย และน้ำแกงร้อน ๆ สำหรับฤดูฝนมาถึงมุมขนมไทยบ้าง ที่นี่ไม่ได้มีแค่ขนมไทยทั่ว ๆ ไปแต่ยังมีขนมไทยที่หาทานได้ยากด้วยอย่างเมนูเกสรลำเจียกนี่ก็พึ่งเคยเห็นเคยได้ชิมเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิ ร่อนลงบนกระทะให้เป็นแผ่นใส่ไส้มะพร้าวขูดกวนกับน้ำตาลแล้วม้วนขนมไทยนานาชนิด มีทั้งที่หาทานได้ทั่วไปและหาทานได้ยากไม่ว่าจะเป็นขนมมัน , ข้าวเหนียวหน้าสังขยา , ขนมเผือก ,สังขยาฟักทอง , ขนมไข่ , ข้าวเหนียวหนุกงา , ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก ,ขนมฟักทอง , หยกมณี , และกล้วยไข่เชื่อมราดกะทิผลไม้และขนมไทยจำพวกลอยแก้วก็มีค่ะเครื่องดื่มรวมในบุฟเฟต์แล้ว มีทั้งน้ำเปล่าและน้ำสมุนไพรวันที่ไปเป็นน้ำกระเจี๊ยบและน้ำใบเตยทำมาแบบหวานอ่อน ๆ ไม่หวานจัด เน้นกลิ่นและรสของกระเจี๊ยบและใบเตยถึงเวลาชิม เริ่มจากอาหารทานเล่น- ลำไยแตงโมปลาแห้ง มีความกลมกล่อมของปลาแห้งกับน้ำตาล แถมมีลำไยกับแตงโมช่วยเสริมรส อร่อยดีค่ะ- ข้าวตังก็อร่อยดี ข้าวตังกรอบ น้ำจิ้มกลมกล่อม- เมี่ยงทำมาแบบแห้ง ๆ หอมมะพร้าวคั่ว รสไม่หวานแหลม- ลูกชิ้นเฉย ๆ ชอบแบบติดเอ็นมากกว่า- หมูทอดน้ำปลาอร่อยดี หอมน้ำปลาพวกยำนี่รสกลาง ๆ ไม่จัดมากมีลาบเป็ดที่พวกเครื่องนี่จัดเต็มเห็นว่ามีน้พริกลาบและใส่ข่าลงไปดับคาวด้วยแต่เราว่าขาดรสเค็มไปหน่อยออกแนวจืด ๆที่เหลือกลาง ๆ ค่ะ แต่ชอบยำขมิ้นขาวนะ เคยกินแต่ขมิ้นจิ้มน้ำพริกพอทำเป็นยำรู้สึกทานง่ายดี อร่อยดีมีประโยชน์ด้วยน้ำพริกที่นี่ทำรสจัดแบบไทย ๆ ดีค่ะ จัดมาชิมทุกอย่างน้ำพริกกะปิรสจัดดี รสกลมกล่อมน้ำพริกระกำเป็นน้ำพริกสำหรับฤดูฝนเพราะเมื่อก่อนหน้าฝนจะมีระกำเยอะและเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงด้วย รสคล้าย ๆ น้ำพริกกะปิแต่มีกลิ่นระกำเบา ๆน้ำพริกอ่องก็ดีไม่แฉะ ไม่หวานนำเหมือนที่เคยกินมาน้ำพริกมะขามอ่อนก็ไม่ได้เปรี้ยวโดด น้ำพริก 4 แบบเราชอบหมดเลยค่ะส้มตำไทย ไก่ย่าง ละขนมจีนซาวน้ำไก่ย่างอันนี้ธรรมดาทั่วไป ส้มตำไทยเผ็ดดีเพราะใช้พริกขี้หนู ชอบที่ไม่ทำมาหวานมากขนมจีนซาวน้ำเคยชิมตอนที่แม่ซื้อมากินครั้งนึงไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่แบบว่าหนักกะทิมาก แต่มาทานของที่นี่เค้าจัดเครื่องไว้ให้เราปรุงเองได้เลยชิมแล้วก็อร่อยดีนะปลาทับทิมทอดกระเทียมพริกไทย กับ แกงเผ็ดเป็ดย่างนี่ก็น่าทาน แต่ไม่ได้ชิม แหะๆ- ต้มส้มปลาเห็ดโคน มีความร้อนจากพริกไทยช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและขิงช่วยชับเสมหะ- แกงเลียง ที่ใส่สารพัดผัก ช่วยบำรุงร่างกายอาหารไทยไม่มีผัดไทยได้อย่างไรจัดมาชิมซัก 1 จาน เส้นมีความเหนียวนุ่มดี ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยค่ะเรื่องขนมนี่ไม่พลาด มีกี่อย่างจัดมาชิมหมด- เกสรลำเจียกควรจะทานตอนร้อน ๆ ถ้าตั้งทิ้งไว้แป้งจะมีความแห้งชิมแล้วมีความคล้ายคลึงกับบุหงาบุดะของจ.สตูลเหมือนกันแต่ไส้ของบุหงาบุดะจะแห้งกว่าเกสรลำเจียก- "ส้มฉุน" ขนมหวานโบราณที่ไม่ค่อยได้พบเจอเป็นผลไม้ลอยแก้ว นิยมใช้ผลไม้ตามฤดูกาลที่มีรสเปรี้ยว/หวานโดยมากก็จะใช้ลิ้นจี่หรือลำไยแช่ในน้ำเชื่อมน้ำใบเตยและดอกมะลิพิเศษตรงที่ใส่ส้มซ่าลงไปด้วย จะมีความหอมและสดชื่นของส้มซ่าแฝงอยู่ถ้ากินแบบครบเครื่องต้องโรยหน้าด้วยขิงสับ มะม่วง และกระเทียมเจียวด้วยนะคะแต่วันที่ไปไม่เห็นกระเทียมเจียวแฮะ เลยไม่ได้ลองแบบเต็ม ๆขนมฟักทองหมดก็เปลี่ยนเป็นกล้วยปิ้งราดน้ำเชื่อมขนมไข่หมดก็ได้ขนมปลากริมไข่เต่ามาแทนที่เคยเจอจะทำเป็นเส้นรี ๆ ทั้งรสเค็มและรสหวานแต่ของที่นี่จะทำแบบโบราณเลยแบบหวานเป็นเส้นรี ๆ เรียกว่าปลากริม ส่วนแบบเค็มเป็นก้อนกลม ๆ เรียกว่าไข่เต่าเท่าที่ชิมไปทั้งหมด ขนมไทยเค้าทำแบบไม่หวานจัด ตัวแป้งมีความนุ่มเหนียวดีข้าวเหนียวหน้ากระฉีกใช้มะพร้าวทึนทึกผัดกับน้ำตาลปี๊บสีสวยและนุ่มนิ่ม อร่อยกว่าที่เคยกินมาทับทิมกรอบก็อร่อยดีปิดท้ายด้วยชา , กาแฟร้อน/เย็น รวมอยู่ในบุฟเฟต์แล้วเช่นเดียวกันสำหรับบุฟเฟต์อาหารไทยห้องมิสสยามเป็นอาหารไทยแบบโบราณละเมียดละไมในการคัดสรรวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างหาทานได้ยากแล้ว หลาย ๆ อย่างทานได้เฉพาะฤดูกาลเมนูอาหารของที่นี่จึงมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครสนใจอาหารไทยสไตล์นี้ ลองแวะไปชิมดูค่ะ อย่าลืมโทรจองที่ก่อนด้วยนะคะเพราะห้องอาหารเค้าไม่ใหญ่มาก วอล์คอินอาจกินแห้วค่า อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ระดับ4 2016-04-04
147 วิว
รีวิวนี้ ผมจะพาไปพบกับอาหารไทยโบรารแท้ ๆ ใจกลางเมืองในสไตล์แบบบุฟเฟ่ต์ในโรงแรมหรูย่านปทุมวัน แต่ราคาไม่แรงอย่างที่คิดกับห้องอาหาร Miss Siam ณ โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ Hua Chang Heritageการเดินทางสามารถมาได้ทั้งการขับรถมุ่งหน้ามายังสะพานหัวช้างฝั่งตรงกันข้ามกับห้างสรรพสินค้าสยาม ดิสคัฟเวอรี่ก็คือจากสยามเมื่อมาถึงแยกมาบุญครอง ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อมุ่งหน้าไปยังถนนเพชรบุรีตัดใหม่(ตามเส้นรถไฟฟ้าบีทีเอส) ก่อนขึ้นสะพานหัวช้างตัวโรงแรมจะตั้งอยู่ริมถนน หากขับรถมาให้เลี้ยวเข้าซอยเพื่อลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินครับ สำหรับคนขึ้นบีทีเอสมา ก็ลงสถานีสนามกีฬาฯแล้วออกมาทางออกที่ หอศิลป์ฯ กรุงเทพฯ แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงยังที่หมายครับห้องอาหาร Miss Siam ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรมหัวช้างเฮอริเทจเดินผ่านล็อบบี้ออกมายังสวนด้านนอก ตรงมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอสระว่ายน้ำห้องอาหารจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับบาร์น้ำของสระว่ายน้ำครับห้องอาหารมีความจุที่รองรับได้ประมาณ 50-60 ที่นั่งไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ไม่ได้จัดโต๊ะให้ชิดกันจนอึดอัดเพื่อที่จะได้มีที่นั่งมาก ๆ แต่อย่างใด เว้นช่องว่างระหว่างโต๊ะได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวรายละเอียดการตกแต่งห้องอาหาร ก็ให้ความเป็นไทยแต่เป็นไปในสไตล์โมเดิร์น ดูทันสมัย รวมถึงการใช้โทนสีดำ ทอง น้ำตาล ทำให้อารมณ์ดูจริงจังน่าค้นหาไปกับอาหารไทยในเมนูต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นไลน์อาหารไทยปรุงสำเร็จ ที่รังสรรค์ความอร่อยอย่างไทยแท้ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงที่ทำมาจากวัตถุดิบแบบไทยโบราณแต่ให้รสที่ทานได้ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่นิยมอาหารไทยจากฝีมือของ เชฟไพโรจน์ ประไพรักษ์ หรือเชฟบอมเบย์ (ชุดดำ)ที่สามารถมองผ่านไลน์ปรุงสำเร็จเข้าไปยังครัวเพื่อดูเชฟและทีมงานปรุงอาหารได้อย่างเพลิดเพลินทอดมันปลาและข้าวตังหน้าตั้ง อาหารกินเล่นที่ขายดี กุ้งห่มสไบ ที่ลงไลน์ไม่ทันไรก็หายวับหมดไวไปทุกทีผัดฉ่ารวมมิตรทะเล และ ไก่ย่าง ขนมจีนน้ำพริก และ เมี่ยงคำ เป็นอะไรที่ชาวต่างชาติร้องว๊าวววววน้ำพริกมีให้เลือกกินถึง 4 แบบ พร้อมผักสดคัดมาอย่างดีข้าวเกรียบปากหม้อ เครื่องแกงเขียวและแดง พร้อมกับวัตถุดิบให้เราเลือกใส่แกงได้ตามใจชอบ เป็นสเตชั่นอยู่ใกล้กับที่นั่งกินอาหาร ไม่ต้องเดินไกล ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ และ ต้มยำกุ้งน้ำข้น ทำใหม่ชามต่อชาม ต้มยำกุ้งน้ำข้น ขายดีสุด ๆ สำหรับชาวต่างชาติที่มากินกันครับของหวานแบบไทย ๆ เริ่มตั้งแต่ตัวยอดนิยม ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำแข็งใส และขนมอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้ลิ้มลองเครื่องดื่มสมุนไพร รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ให้ได้สดชื่นได้อย่างมีคุณค่าน้ำอัญชัน หวานไม่มาก ได้กลิ่นหอมของตะไคร้เจือมาเล็ก ๆ ให้ความสดชื่นข้าวเกรียบปากหม้อ แป้งละมุนไปกับไส้ได้ดี ทอดมันปลา ทอดมันกุ้ง หมูสับปลาเค็มทอด ก็กินง่ายอร่อยดี ข้าวตังหน้าตั้งกับลูกกะปิ ลองแล้วจะติดใจเมี่ยงคำ เป็นอาหารที่ผมชอบมาก ๆ อีกอย่างในวันนั้นกุ้งห่มสไบ ด้วยความสวยงามและกินง่าย เลยหมดเร็วน้ำพริกทั้ง 4 ชนิด พร้อมผักแกล้มเพิ่มความอร่อย ข้าวสวยหุงด้วยการห่อใบตอง กินกับน้ำพริกกะปิไข่ชะอมทอดแกงเขียวหวานหมู และ ต้มยำกุ้ง แกงแดงใส่เนื้อปลาอินทรีย์และหอยเชลล์ขนมจีนน้ำพริก กับเครื่องเคราต่าง ๆ ที่บางคนอาจจะไม่เคยเห็นแต่เชฟบอมเบย์ จัดการเนรมิตรออกมาด้วยความอร่อยแบบไทย ๆหมี่กะทิ รสชาติอร่อย เหยาะมะนาวหน่อย กระชับรสชาติได้มากมาย ผัดไทกุ้งสด อีก 1 เมนูขึ้นชื่อของอาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ ข้าวผัดลิ้นจี่ หากินไม่ได้ง่าย ๆ ตามร้านทั่วไป อร่อยมาก ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ รสชาติดีอีก 1 เมนู บรรดายำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ยำส้มโอ ยำปลาทู ยำเห็ดและยำผลไม้รสชาติการยำ ได้ความเป็นไทยจากสมุนไพรต่าง ๆ แต่ปรับรสลดความเผ็ดลงมาเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มทานได้ อย่างไม่ขัดเขิน น้ำเก็กฮวย ข้าวเหนียวมะม่วง และก็มีหน้าสังขยา กลอยและปลาป่นกินอร่อยได้ทุกอย่างเลยขนมหวานไทยปิดท้าย ครบถ้วนบริบูรณ์สำหรับราคาและโปรโมชั่นของเดือนมีนาคม - มิถุนายน นี้นั้นจะเป็น เทศกาลข้าวแช่มิสสยาม คนละ 650 บาท สุทธิให้บริการทุกวัน เวลา 11:30 - 14:30 น.พิเศษ โปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3 สำหรับวันธรรมดา จันทร์ - ศุกร์ก็จะได้กินอาหารไทยโบราณพร้อมกับเมนูข้าวแช่พร้อมเครื่องเคียงหลากหลายซึ่งสามารถดูเมนูข้าวแช่เมื่อปีที่แล้วได้ที่นี่ครับ ข้าวแช่มิสสยาม(ขอขอบคุณ เว็บไซต์ทรูไลฟ์.คอม)สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่โทร : 0-2217-0777 e-mail : info@huachanghotel.comwww.huachangheritagehotel.comwww.facebook.com/HuaChangHeritageHotelBangkokขอให้อิ่มอร่อยกับความเป็นไทยผ่านทางอาหารไทยในรีวิวนี้นะครับ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
Miss Siam Restaurant ห้องอาหารไทยที่มีจุดเด่นตรงจัดอาหารไทยมาเป็นสำรับสวยงามน่าทาน แต่ยังคงรสชาติอาหารไทยดั้งเดิมได้อย่างลงตัวมีเมนูไทยที่หาทานยากเช่น หมูย่างใบชะพลู, หมี่ขยุ้มเครื่องแกงที่ใช้ภายในร้านเป็นเครื่องแกงที่ใช้ครกตำ รสจะเข้มข้นกว่าเครื่องแกงสำเร็จ , แกงกะทืของที่นี่จะนำกะทิมาตีด้วยมือจนเนื้อกะทิแตกมันห้องอาหาร Miss Siam Restaurant ตกแต่งสไตล์คลาสสิคโทนสีหลักคือสีครีมและสีเทา เป็นห้องอาหารแบบ All Day Diningรายการอาหาร1. ของว่างรวมสาวสยาม 290++ THBของทานเล่นที่มีทั้งสะเต๊ะหมู, ปอเปี๊ยะและกุ้งโสร่ง เป็นออเดิร์ฟทานง่ายและถูกปาก2. น้ำพริกกะปิกับปลาททูอด-หลนเนื้อปูกับปลาฟู 280++ THBน้ำพริกกะปิ รสเข้มข้นถึงเครื่อง แต่ไม่เผ็ดจัดจนทานไม่ได้หลนเนื้อปูกับปลาฟู เข้มข้นไปด้วยกะทิและเนื้อปู ทานกับข้าวสวยแกล้มด้วยผักลวกอร่อยมากครับ3. แกงเผ็ดปูใบชะพลู 280++ THBตัวแกงรสเข้มข้นและมัน เผ็ดไม่มากลองชิมคำแรกปุ๊ปต้องขอข้าวสวยเลยมีไข่เค็ม, ปลาหมึกทอดเป็นของแกล้ม ช่วยตัดกับรสเผ็ดได้เป็นอย่างดี4. กุ้งสะดิ้ง 220++ THBเมนูนี้ คล้ายๆกับกุ้งลวกทานด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด รสไม่จัดมากนัก5. หมูย่างใบชะพลู 140++ THBหมูสับย่างแล้วนำไปห่อด้วยใบชะพลู ทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน6. หมี่ขยุ้ม 220++ THBน้ำยำจะมีรสเปรี้ยวนำ ทานคู่กับหนังหมูและไข่ต้ม7.    ไอศครีมกะทิราคาอาหารยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและเซอร์วิสชาร์จ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)