27
6
0
เดิน 7-นาที จาก สถานี BTS ศาลาแดง ทางออก 1 อ่านต่อ
เบอร์โทร.
02-232-8888
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
ครอบครัว ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
06:00 - 23:00
จันทร์ - อาทิตย์
06:00 - 23:00
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ อเมริกันเอ๊กเพรส เงินสด อื่นๆ
ข้อมูลอื่นๆ
Online Reservation
ที่จอดรถ
Service Charge
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ค่าเปิดขวด
สำรองโต๊ะ
ใบกำกับภาษี
บริการจอดรถ
มีแอร์
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.marriott.com/en-us/hotels/bkkdm-le-meridien-bangkok/dining/
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
เมนูแนะนำ
Grilled Australian Lamb Rack Lamb Fillet Kebab Ronefelf Tea
รีวิว (37)
"TASTE OF KOREA" คือเทศกาลอาหารเกาหลีโปรโมชั่นล่าสุดของห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ Latest Recipe ที่โรงแรม Le Méridien Bangkok  สำหรับอาหารของเทศกาลอาหารเกาหลีนี้ทางโรงแรมไม่ได้ทำกันเองแต่ได้เชิญเชฟรับเชิญ Chef Bae Jong-Hun และ Chef Nam Hunจาก Sheraton Seoul D Cube City Hotel ประเทศเกาหลีกันเลยทีเดียวชมคลิปรีวิวตัวเต็ม : โด้สรุปจากในคลิปให้สำหรับเมนูอาหารเกาหลีจะมีพวกเครื่องเคียงกิมจิต่างๆ ผัดวุ้นเส้น ข้าวห่อมีเมนูปรุงร้อนประมาณ 5-7 อย่าง มีเนื้อย่างเกาหลีแบบลูกเต๋ารสชาติรู้สึกได้ว่าไม่เหมือนในเมืองไทยแค่พอใกล้เคียงเท่านั้นนั้นก็หมายความว่าเราจะได้ทานรสชาติเกาหลีจริงๆที่ไม่ปรับสูตรซึ่งทำออกมาได้ดีมีกลิ่นรสที่โดดเด่นชัดเจน มีเผ็ดเรียกเหงื่อโด้อีกด้วยและที่พลาดไม่ได้แต่ไม่มีในคลิป (โด้จะใส่ภาพนิ่งในคห. ให้ครับ)ก็คือซี่โครงเนื้อ หอมอร่อยฉ่ำไม่เหนียว ซัดไปเกือบสิบชิ้นเพราะตามร้านเกาหลีข้างนอกทั่วไป 2-3 ชิ้นก็ 300-500 บาทแล้ว สุดมากหายากที่จะมีบุฟเฟ่ต์อาหารเกาหลีที่มีเมนูเนื้อวัวให้ด้วย ได้ใจสุดๆไปเลยและเมนูนานาชาติก็ยังคงให้บริการเพียบเหมือนเดิมน๊า....รายละเอียดโปร. TASTE OF KOREA- บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน 12:00-14:30 จ.-ส. ราคา 1,295 บาทสุทธิ- บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำ 18:00-21:30 อา.-พฤ. ราคา 1,530 บาทสุทธิ- บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดมื้อค่ำ 18:00-21:30 ศ.-ส. ราคา 1,884 บาทสุทธิ- บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน 12:00-14:30 อาทิตย์ + ฟรีสอนทำกิมจิโดยเชฟเกาหลี 14:00 ราคา 2,119 บาทสุทธิ- วันนี้- 9 ก.ค. 60ชมคลิปรีวิวตัวเต็ม : https://youtu.be/Pqz4cGTtSMc อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ระดับ4 2016-06-17
291 วิว
วันนี้เรามาลองชิมบุฟเฟต์มื้อกลางวันของห้องอาหาร Latest Recipe ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมเลอเมอริเดียน สุรวงศ์ โรงแรมในเครือ Starwood กันค่ะบุฟเฟต์มื้อกลางวัน ช่วงวันจันทร์ - เสาร์ และ มื้อเย็นวันอังคาร - พฤหัส เรทราคาเดียวกัน อยู่ที่หัวละ 995 บาท ++ รวม vat กับ service charge อยู่ที่ 1172 บาท ช่วงนี้มีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต กรุงศรี เคทีซี scb ลด 30% แถม soft drink ให้ เหลือประมาณหัวละ 850 บาทวิธีเดินทางสามารถลงบีทีเอสศาลาแดงแล้วเดินทะลุซอยพัฒน์พงษ์มาออกเส้นสุรวงศ์ได้ เดินพอสมควรค่ะ หรือหากขับรถมาโรงแรมอยู่บนถนนสุรวงศ์ ถ้าวิ่งมาจากเส้นพระราม 4 โรงแรมจะอยู่ด้านขวามือ สังเกตตึกกระจกสูง ๆ ไว้ อยู่ระหว่างโรงแรมมณเทียร กับโรงแรมตะวันนารามดา สามารถจอดรถได้ที่ชั้นใต้ดินของโรงแรม มี 4 ชั้น (B1-B4) จอดได้กว่า 180 คัน วันที่ไปมีแค่งานประชุม 1 งาน ที่จอดโล่งสะดวกสบายมาก ๆ ห้องอาหารอยู่ชั้น 2 สามารถขึ้นจากลิฟท์ตรงลานจอด แล้วออกชั้น 2 ได้เลยค่ะ หรืออยากเดินผ่านบันได้เก๋ ๆ สามารถขึ้นจากชั้น G ชั้นลอบบี้ได้เหมือนกันค่ะ เมื่อเดินขึ้นบันไดไป จะพบกับชั้นลอยก่อน ซึ่งตรงนี้เป็นเคาน์เตอร์สำหรับปรุงเครื่องดื่ม พอขึ้นไปอีกนิดจะเจอห้องอาหารชั้น 2 ซึ่งจะจัดแบบโปร่ง ๆ โล่ง ๆ โต๊ะเก้าอี้สไตล์โมเดิรน์ แต่เราติว่าหลังคาห้องดูเตี้ยไปนิดค่ะ เลยดูธรรมดาไปสักนิดอาหารที่นี่เป็นอาหารนานาชาติแบ่งเป็นซุ้ม ๆ ตามประเภท เริ่มจากโซนชีส และถั่ว พาร์มาแฮม ซาลามี่ ตกแต่งด้วยชั้นไม้น่ารัก ๆถัดมาเป็นพิซซ่าแบบบางกรอบค่ะ มีด้วยกัน 2 หน้า คือหน้าเห็ด และหน้ากุ้ง ตัวแป้งพิซซ่าบางดีค่ะ แต่ไม่ค่อยร้อนและกรอบเท่าไร ตัดออกมาแล้วดูแป้งร่อน ๆ ส่วนหน้ากุ้งมีเปลือกกุ้งติดมาด้วย แปลกดีค่ะ ที่จริงรสชาติดีนะคะ แต่รู้สึกว่าเชฟยังไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าไรโซนของทอด มีเป๊าเปี๊ยะไส้ผัก ทอดมาร้อนกรอบไส้อร่อยดีค่ะ ทอดมันกุ้งกรอบทำจากกุ้งเน้นๆ คุณภาพดี เกี๊ยวซ่าออกกลาง ๆ ค่ะ ไม่โดดเด่นเท่าไร ที่สำคัญไม่มีน้ำจิ้มให้ด้วย วนหาอยู่นานก็ไม่เจอ กินเปล่า ๆ เลยไปกันใหญ่ค่ะ ตอนถ่ายรูปสังเกตว่าเค้าวางป้ายชื่ออาหารสลับกัน เราเลยแอบวางสลับที่ให้ถูกต้องค่ะ เรื่องแบบนี้โรงแรมไม่น่าพลาดได้เลยนะคะถัดมาเป็นโซนเทปันยากิ มีหมู ไก่ ผัก แซลมอน ให้เลือกตักเอง แล้วให้พ่อครัวปรุงให้ พร้อมหนีบเบอร์โต๊ะไว้ จะมีบริการมาเสิร์ฟที่โต๊ะค่ะ เทปันยากิตัวหมู ไก่รสชาติดีนะคะ แต่เรารู้สึกว่าหั่นมาชิ้นดูไม่ค่อยน่ากินเท่าไร เป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกค่ะ หากเปลี่ยนวิธีการหั่นอาจทำให้ดูน่ากินขึ้น ตัวซอสเทปันยากิ ไม่ค่อยโดนใจเราเท่าไรคะ ด้วยรสชาติและกลิ่นคล้าย ๆ ผสมเหล้า กินเปล่า ๆ หรือจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดดูจะฟินกว่า ส่วนตัวเรายังไม่ประทับใจโซนนี้เท่าไรค่ะ เพราะทางโรงแรมเคลมว่าเป็นซุ้มยอดนิยมของที่นี่เลยผิดหวังไปนิดค่ะต่อไปเป็นโซนพาสต้าค่ะ เลือกสั่งให้เชฟปรุงได้ เราเลือกสั่งสปาเกตตี้ผัดพริกแห้งกระเทียมเบค่อนค่ะ ได้มาไม่ปลื้มเท่าไรค่ะ เส้นลวกมาเกินสภาพ Al dente ไปซะแล้วออกไปทางเละ ๆ แฉะ ๆ ผัดมาแบบเยิ้ม ๆ เนื้อเบค่อนเหมือนไม่ค่อยสุกดีค่ะถัดมาเป็นโซนก๋วยเตี๋ยว เป็นเย็นตาโฟลูกชิ้นปลา เส้นเล็กลวกมาได้แข็งมากค่ะ เหมือนลวกตอนน้ำยังไม่เดือดทั้งที่ใช้เวลาลวกนาน ลูกชิ้นปลาคัดคุณภาพมาอย่างดี น่าเสียดายนะคะ ดีเกือบหมดไม่น่าตายน้ำตื้นแค่ตอนลวกเส้นเลยถัดมาเป็น เนื้อย่าง เนื้อแกะย่าง เนื้อนุ่มมากค่ะ ย่างมาได้หอมดี ไม่เหนียวเลย อันนี้ผ่านค่ะถัดมาเป็นมุมสลัดค่ะ ผักสดดี มีขนมปังกรอบ เบคอนทอด โรยเพิ่มรสชาติใช้ได้ค่ะถัดมาเป็น seafood on ice ค่ะ มีกุ้ง หอย ปู มีไม่หลากหลายเท่าไรค่ะ น้ำจิ้มซีฟู๊ดสีแดง ดูแว้บแรกคิดว่ารสชาติไม่ผ่าน แต่พอชิมแล้วแซ่บใช้ได้เลยค่ะ กุ้งก็สดดี เสียดายน่ามีปลาหมึกเพิ่มบ้าง ของโปรดเรา อิอิมุมซูชิ เราไม่ได้ชิมนะคะ แต่สมาชิกว่าสดดี ใช้ได้ ติดว่าวาซาบิแทบไม่มีความเผ็ดร้อนเลยค่ะซุปเห็ด หอมและเข้มข้นมากค่ะ รสชาติเกือบดีแล้วถ้ารสความเค็มออกไปสักนิดนึงค่ะถัดมามีข้าวผัดกุนเชียง ไก่ซอสบาร์บีคิวอร่อยใช้ได้ ปลาอบซอสครีมไวน์ขาว ผัดผักโขม ผัดผักรวม ปลาผัดคื่นฉ่าย แพนงหมู ไก่อบซอสเห็ดเนื้อนุ่มซอสกลมกล่อมดีถัดมามุมของหวานค่ะ มีไอศกรีมซึ่งที่นี่มีชื่อนะคะ หวานมันอร่อยดี ส่วนของหวานที่เราตักมาลองทั้ง 3 อย่างผ่านหมดเลยหล่ะ ทั้งเครมบูเล่ ทีรามิสุ บานอฟฟี่ อร่อยจนอยากจะเบิ้ลต่อ นอกจากนี้มีผลไม้ตามฤดูกาลด้วยโดยรวมเราว่าที่นี่ของหวานเด่นกว่านะคะ ส่วนของคาวอร่อยเป็นบางอย่าง หลาย ๆ ซุ้มใช้ของคุณภาพดีนะคะ แต่มีข้อด้อยแตกต่างกันไปตามเมนู หลายอย่างที่ไม่ควรพลาดทำให้เสียคะแนนไปอย่างง่ายดาย เช่น การลวกเส้น รูปลักษณ์ภายนอก ความหลากหลาย รสชาติ กลิ่น เป็นต้น คิดว่าถ้าโรงแรมปรับอีกสักนิดคงจะดีเรื่องบริการที่นี่เต็มที่มากค่ะ พนักงานคอยบริการตลอด มีบริการเสิร์ฟ soft drink ให้ตลอดเวลา กลังจากอิ่มปิดท้ายด้วยชา หรือ กาแฟอีกคนละแก้วด้วยบุฟเฟต์ราคานี้ถือว่าสูงค่ะ หากเทียบในระดับเดียวกันสามารถเลือกโรงแรมอื่นที่รสชาติดีกว่าได้ไม่ยากค่ะ ยังงัยอาจต้องฝากโรงแรมรับไปพิจารณานะคะ  อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ระดับ4 2016-05-31
319 วิว
รีวิวนี้ จะพาไปห้องอาหาร Latest Recipe อีกครั้งครับแต่เป็นสาขาในเมืองบ้างครับ หลังจากที่เคยไปยังสาขาชานเมืองบรรยากาศรีสอร์ทกันมาแล้ว ครั้งนี้เลยมาแบบบรรยากาศธุรกิจสักนิดณ โรงแรม Le Meridien สุรวงศ์ ครับกับมื้อค่ำ ธีมอาหารทะเล ทุกวันศุกร์และเสาร์ในราคา 1,350++ บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม)จะได้อิ่มเอมไปกับอาหารทะเลสด ๆ ทั้งแบบครัวเย็น On Iceและครัวร้อน Grill กันหอม ๆ กันแบบไม่อั้น พร้อมอาหารเด็ด ๆชนิดอื่น ๆ อีกมากมายกันเลยทีเดียวครับห้องอาหาร Latest Recipe ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรมLe Meridien สุรวงศ์ ไม่ไกลจากแยก ถ.พระราม 4อังรีดูนังต์สักเท่าไหร่ครับ ถ้าเดินมาจากแยกก็ผ่าน ซ.ธนิยะและพัฒน์พงศ์มาสักนิด เดินพอเพลิน ๆ โรงแรมก็จะอยู่ทางซ้ายมือแล้วครับบรรยากาศห้องอาหาร จะออกสไตล์โถงใหญ่ ๆ เพดานสูงนั่งสบายไม่อึดอัด และการแบ่งโต๊ะที่นั่งก็แทบจะไม่มีพาทิชั่นมากั้นให้รกสายตา ทำให้มองเห็นห้องอาหารได้ทั่วถึงดีครับจุดแรกของไลน์อาหาร เป็นไลน์อาหารปรุงสำเร็จแบบนานาชาติ โดยวัตถุดิบหลักก็จะเป็นไฮไลท์ประจำวันนั่นก็คืออาหารทะเลนั่นเอง แต่มีให้เลือกไม่มากเพราะทางห้องอาหารคงเล็งเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่เลือกมากินอะไรเป็นพิเศษครับถัดมาเป็นไลน์อาหารญี่ปุ่นครับ มีทั้งซาซิมิและซูชิให้เลือกต่อมาเป็น 1 ในไฮไลท์ของธีมวันศุกร์และเสาร์ก็คือ Seafood on Ice ครับของหลักมากันครบครัน ทั้ง ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์กุ้ง ขาปูอลาสก้า และหอยนางรมฟินเดอร์แครล์เห็นแล้วหิวเลยไลน์สลัดแบบปรุงไว้แล้วและแบบที่เลือกผักและน้ำสลัดได้เองเป็นเคาท์เตอร์ค่อนข้างใหญ่และหลากหลายเลยครับพิซซ่ามี 2 หน้าครับ มาการิต้ากับมะเขือเทศและซีฟู๊ดมุมพิเศษ หย่อนเบอร์โต๊ะไว้ จะได้กั้งกระดานจาน Signatureเป็นอะไรนั้นเดี๋ยวรอดูกันครับมุมนี้เป็น Cooking & Grill Station หรือครัวร้อนนั่นเองครับเราเลือกอาหารทะเลตามต้องการได้เลย ทั้งกุ้งลายเสือกั้งกระดาน หอยแมลงภู่ ปลาแซลมอน ฯ ให้เชฟปรุงแบบย่าง ทอด ทอดกรอบ ต้ม หรือลองถามเชฟได้ครับว่าอะไรเหมาะกับการปรุงแบบไหนครับพาสต้ามีเส้น 6 แบบเลยก๋วยเตี๋ยวก็มีซุปมี 2 แบบครับ ซุปฟักทองกับแกงเลียงกุ้งไลน์ Carving มีปลาแซลมอนอบทั้งตัวด้วยไข่ขาวกินกับซอสแนวมารินาร่าครับและเนื้อวัวห่อผักโขมอบ และเนื้อแกะอบมุม Cold Cut และชีส ก็จัดแบบอลังการเลย สวยงามครับด้านหลังเป็นขนมปังหลากหลายชนิดมุมสุดท้ายครับ กับไลน์ของหวานไอศกรีมโฮมเมด 8 รสชาติ กับท็อปปิ้งต่าง ๆเค้ก ขนมฝรั่งนานาชนิดผลไม้สดเก็บไว้ในตู้รักษาความเย็นขนมไทยก็มีครับ ทั้งขนมต้ม ลูกชุบ ทองหยิบ กล้วยเชื่อมและสลิ่ม เป็นต้นเบอร์โต๊ะเป็นตัวหนีบไว้ใช้กับครัวร้อนเสียดายที่ราคาอาหารดังกล่าวข้างต้นนั้นยังไม่รวมเครื่องดื่มนะครับ ก็เลยมี package เครื่องดื่มมาให้เลือกกันครับสำหรับคอแอลกอฮอล์โดยเฉพาะ- Free Flow เบียร์สดช้าง เพิ่ม 289 บาท net - Free Flow Wine+Beer เพิ่ม 495++ บาทซึ่งผมเลือกตัว Free Flow Wine+Beer ครับไวน์แดงแบรด์ Bandicoot จากประเทศอาร์เจนตินารสชาติใช้ได้เลยครับ เหมาะสำหรับดื่มคู่กับเนื้อแดงทั้งหลายรวมถึงชีสต่าง ๆ และอาหารรสจัดก็ยังได้ครับไวน์ขาวแบรนด์เดียวกัน เหมาะกับซีฟู๊ดดีทีเดียวรวมถึงอาหารญี่ปุ่นและอาหารเบา ๆ หรือจะดื่มกับของหวานก็ดีจัดซาซิมิรวมปลา 3 ชนิดมาก่อนเลย ความสดอร่อยของเนื้อปลา ทั้งแซลมอน มากุโร่(ทูน่า) และฮามาจินั้นดีเลยครับ แต่ผมค่อนข้างประหลาดใจนิดหน่อยกับสไตล์การแล่ปลาของที่นี่จะออกเป็นแนว 4 เหลี่ยมจัตุรัส แปลก ๆ ดีครับถัดมา จัดเต็มกับไฮไลท์ Seafood on Ice ครับซึ่งผมขอเรียกว่าเป็นนางเอกของมื้อนี้เลยละกันเพราะสด อร่อยดีงามมากครับอุปกรณ์ก็พร้อม ทั้งคีมและส้อมแงะเนื้อปูอลาสก้า หอยนารม กุัง ทุกคำที่กินรู้สึกดีได้ถึงทะเลจริง ๆ ครับ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดหรือค็อกเทลก็เข้ากัน เหมาะเจาะดีจับถ่ายภาพคู่กันสักหน่อยกับไวน์ขาวเบรคอาหารสักนิด หันมาสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลที่ห้องอาหารแนะนำStrawberry Daiquiri 270++ บาทรสชาติสตอเบอร์รี่ชัดเจน สวยงาม มีความแรงในความอ่อนหวานครับ หันมากินต่อกับก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นใช้ของดีเลยครับจานนี้รวม Carving มาเลย ทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะและเนื้อปลาปลาแซลมอนนุ่ม อร่อยมากเนื้อวัวอบ ราดด้วยซอสเกรวี่ เนื้อชุ่มฉ่ำดีสีแดงสวยเนื้อแกะอบ ราดด้วยซอสไวน์แดง กินกับมิ้นท์ซอสก็อร่อยแบบต้องมีเบิ้ลครับเซ็ตนี้ต้องคู่กับไวน์แดง แต่ปลากินกับไวน์ขาวดีกว่าครับต่อกันที่พาสต้าคาโบนาร่าเส้นผักโขม เข้มข้นมาก ๆอย่าเพิ่งหยุด เพราะเราได้สั่งไฮไลท์อีกอย่างไปแล้วนั่นก็คือพระเอกของมื้อนี้ กับ รวมซีฟู๊ดเผา (มีเนื้อวัวมาแจม)ทั้งกั้งกระดาน กุ้งลายเสือ ปลาแซลมอน ปลากะพงหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยหวาน ปลากะพงห่อใบตองและเนื้อวัว อร่อยทุกอย่างอีกแล้วครับ เพราะด้วยวัตถุดิบดีกับฝีมือการปรุง ควบคุมการย่าง เผา ด้วย ทำให้ออกมาเยี่ยมครับเอากุ้งลายเสือเผา ลงเล่นกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด เด็ดมากต่อกันที่จาน Signature ครับRock Lobsters baked with Herbs and BreadsWhite Wine sauce, Pairing with White Wineเป็น กั้งกระดานอบกับสมุนไพรและเกล็ดขนมปังและซอสไวน์ขาวจับคู่กับไวน์ขาว อร่อยมาก ๆ ครับชิมอาหารไลน์สำเร็จกันบ้างครับซึ่งบอกตรง ๆ ว่าผมแพ้ทางจริง ๆเพราะความรู้สึกส่วนตัว มันทำเสร็จไว้นานแล้วก็อุ่นไว้ตลอดเวลา ความอร่อย และจุดอร่อยที่สุดของอาหารได้ผ่านไปหมดแล้วครับในส่วนของวัตถุดิบก็เลยเหลือแต่เรื่องรสชาติที่ต้องทำให้อร่อยซึ่ง Latest Recipe ก็ทำได้ใช้ได้เลยครับ ทั้ง ข้าวผัดเป็ด หมูอบซอสไวน์แดงปลาสำลีอบซัลซ่า ปลาสามรสและหอยแมลงภู่อบหลังจากอิ่มของคาวแล้ว ก็ปรับลิ้นด้วยค็อกเทลแนะนำตัวแรงอีกตัวครับ Chic 270++ บาทไวท์รัม ว๊อดก้า มากันพร้อมเพียงครับ อร่อยเด็ดเลย ในส่วนของของหวาน โดยรวมทำได้อร่อยใช้ได้เลยครับชอบไอศกรีมเป็นการส่วนตัว เข้มข้นถึงรสชาติมาก ๆปิดท้ายจริง ๆ แล้วครับ ด้วยเบียร์Weihenstephaner 240++ บาท อีกสักขวดแฮปปี้กับมื้อนี้สุด ๆ ทั้งอาหารและเครื่องดื่มครับสำหรับ Latest Recipe ห้องอาหารที่เปิดให้บริการทั้งวันลักษณะ All day dining นั้น ต้องชมที่เรื่องของวัตถุดิบที่นำมาให้บริการกับลูกค้า โดยเฉพาะในไลน์บุฟเฟ่ต์นั้นเลือกใช้ของเกรดดีจริง ๆ มาทำครับ ถือเป็นจุดเด่นเลยส่วนในเรื่องรสชาติ ฝีมือการปรุงนั้น ก็จัดได้ว่าดีไม่แพ้โรงแรมอื่น ๆ ในย่านเดียวกันเลยครับ เหมาะสำหรับพาเพื่อนฝูง คนสนิทมากินหรือจะเลี้ยงรับรองลูกค้าก็ได้ตอนนี้มีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตดังนี้บัตรเครดิต SCB, AEON, KTB, KBANK ลด 30% แถม Free Flow Soft drink น้ำเปล่า ชา กาแฟ บัตรสมาชิก SPG ลด 15%(สอบถามทางห้องอาหารอีกทีก่อนชำระเงิน) สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร : 0-2232-8888 e-mail : fbadmin.lmbkk@lemeridien.comขอให้มีความสุขอิ่มอร่อยกับอาหารทะเลในรีวิวนี้นะครับ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปซีฟู้ดบุฟเฟท์ที่ห้องอาหารเลทเทสต์เรซิพี โรงแรมเลอเมอริเดียน กรุงเทพฯ ถนนสุรวงศ์กันบ้างนะคะ โดยเป็นการชวนไปของน้องเหมียว nanareview เช่นเคยค่ะ สำหรับห้องอาหาร Latest Recipe' นั้น เราเองเคยไปกินที่นี่มาก่อนแล้วสองหนในระยะเวลาที่ห่างกัน (ท่านใดอยากอ่านเชิญคลิกที่ลิงก์นะคะ ครั้งที่หนึ่งปี 2009ครั้งที่สองปี 2014) ซึ่งสองครั้งนั้นเมื่อเทียบกับครั้งนี้แล้ว ขอบอกว่า ครั้งนี้อาหารอร่อยที่สุดในบรรดาการกินทั้งสามครั้งเลยค่ะ (ซึ่งทราบจากพีอาร์ว่า เอกเซ็กคิวทีฟเชฟเพิ่งมาได้ไม่ถึงปีแล้วก็เพิ่งได้เชฟของหวานมาใหม่หนึ่งเดือนค่ะ)ห้องอาหารนี้ก็จะอยู่บนชั้นสองของโรงแรมเลอเมอริเดียนแบงค็อคค่ะ จะขึ้นลิฟท์ไปหรือว่าจะเดินขึ้นบันไดไปจากล็อบบี้ก็ได้ค่ะ อย่างเราวันนั้นจอดรถไป ก็สามารถขึ้นลิฟท์จากลานจอดรถไปที่ห้องอาหารได้โดยตรงเลยนะฮับหันหน้าเข้าห้องอาหาร ฝั่งซ้ายจะเป็นไลน์อาหาร ส่วนฝั่งขวาจะเป็นโซนของที่นั่ง ซึ่งถ้าขึ้นลิฟท์มาก็จะมาเจอโซนที่นั่งฝั่งขวานี้ก่อนนะคะเซ็ตอุปกรณ์บนโต๊ะ และจะมีตัวหนีบๆ กรณีไปสั่งให้เชฟทำอาหารให้ค่ะ ต้องเอาไปด้วยนะคะ แล้วก็มีไวไฟให้ฟรีค่ะ ติดต่อขอที่เจ้าหน้าที่ค่ะส่วนราคาอาหารบุฟเฟท์ที่เราไปกินวันนั้นเป็นบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด ซึ่งจะมีทุกวันศุกร์-เสาร์ นะคะ ราคา 1,350++ บาทต่อท่าน (หรือ 1589 บาทเน็ต) โดยมีตั้งแต่เวลา 18.00 - 21.30 น. (เริ่มมีวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมานี่แหละค่ะ) ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ ต้องสั่งต่างหาก โดยจะเป็นเมนูรวมแล้วเปิดไปที่หน้าเครื่องดื่มค่ะ ส่วนไวน์จะมีเมนูแยกมาให้ต่างหากตามภาพนะฮับซึ่งถ้าใครเป็นนักดื่ม เราแนะนำให้ซื้อโปรฯ เครื่องดื่มเพิ่มค่ะ ซึ่งมีด้วยกันสองโปรฯ คือ 289 บาทเน็ตสำหรับเบียร์อย่างเดียว (เป็นเบียร์สดยี่ห้อช้าง) หรือถ้าใครชอบไวน์จะเป็น 495++ (583 บาทเน็ต) ซึ่งจะมีเป็นไวน์แดง ไวน์ขาวเป็นเวลา 2 ชั่วโมงให้นะคะสำหรับในส่วนของบุฟเฟท์ซีฟู้ดที่นี่มีอะไรเป็นไฮไลท์บ้างนั้น...ของที่นี่ก็จะเป็นก้ามปูอลาสก้า หอยนางรมฝรั่งเศส หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งทะเล ปูม้า หรือจะเลือกปลาสดๆทั้งตัวไปให้เชฟปรุงได้ด้วยนะคะ รวมทั้งมุมอาหารทะเลปรุงร้อนจากทีมเชฟ ไม่ว่าจะเป็น กั้งทะเลทอดกรอบ ปลากระพงนึ่งในใบตอง ปลาแซลมอน และปลาแมคคาเรลรมควัน ทูน่าทาร์ทาค่ะลองไปดูไลน์อาหารกันดีกว่าเนาะ เริ่มกันที่ไลน์ Hot Dish กันค่ะไลน์ฮ็อตดิชวันนั้นมีบ๊อคฉ่อยผัดน้ำมันหอย หมูอบซอสไวน์แดง ปลาสำลีอบซอสข้าวโพดซัลซ่า หอยแมลงภู่อบ ปลาสามรส และข้าวผัดเป็ดค่ะไปต่อกันที่ไลน์ยาวนะคะ จะเริ่มต้นด้วยพิซซ่า ซึ่งมีเตาอบร้อนให้เลยตามภาพนะฮับ วันนั้นก็มีสองหน้าค่ะ แต่ไม่ได้แตะเลย เพราะกินอย่างอื่นก็อิ่มแปล้แล้วค่ะต่อไปเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ กับโซนซีฟู้ด ซึ่งจะมีซิกเนเจอร์คือ กั้งอบเกล็ดขนมปังผสมสมุนไพรแบบกรอบ หรือจะเลือกวัตถุดิบอื่นให้เชฟทำได้ตามภาพนะคะ (นึ่ง ย่าง ทอดในน้ำมัน) หรือถ้าใครไม่ถนัดซีฟู้ดก็มีเมนูเนื้อให้เลือกด้วยเช่นกันฮับซีฟู้ดดดดดดดดดดดดด เต็มไปหมดเลยค่ะ เลือกได้เลยค่ะ อยากกินอะไร อยากให้ทำแบบไหนนะคะ(กระซิบ อย่างปูม้า กุ้ง หอยแมลงภู่นี่ปกติเค้ามีอยู่แล้วค่ะ เน้นไปกินที่มีเฉพาะศุกร์เสาร์ดีกว่า 555)และอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่นะคะ กับพาสต้าเส้น Homemade ค่ะ ซึ่งเราก็สามารถเลือกวัตถุดิบซีฟู้ดไปให้ทำกับพาสต้าได้ด้วยนะคะ โดยจะมีทั้งหมดให้หกเส้นตามภาพค่ะ (วันนั้นที่ได้ลองจะมีทั้งหมดสามเส้น สามสไตล์ เดี๋ยวจะรีวิวต่อไปนะคะ)นอกจากนั้นยังมีหม้อชีสให้กับชีสเลิฟเวอร์ตามภาพเลยค่ะ ถ้าไม่พอใจอยากจะใส่ชีสแบบท่วมๆ ก็เชิญตามสบายเลยนะคะ อิอิแต่ถ้าใครชอบแนวเส้นๆ แบบเอเชียหน่อย ก็มีก๋วยเตี๋ยวด้วยค่ะ อันนี้เราไม่ได้ชิมเลย แต่อีกสองคนที่ไปด้วยกันได้ชิมค่ะ เดี๋ยวจะให้ดูหน้าตานะฮับ รวมทั้งเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวตามประสาคนไทยด้วยค่ะ อิอิต่อไปเป็นโซนของปลาทั้งตัวที่เอามาปรุง และเนื้อแกะค่ะ รวมทั้งซอสต่างๆ และซุปซึ่งวันนั้นมีด้วยกันสองซุปนะคะ คือ ซุปฟักทองและแกงเลียงกุ้งค่ะทั้งหมดนี้คือไลน์ในส่วนของไลน์เคาน์เตอร์ยาวนะคะต่อไปเป็นอีกโซนที่ตอนกินครั้งแรกเราประทับใจมากกับขนมปังและเนยค่ะ นอกจากนั้นก็มีพวกซาลามี พาร์มาร์แฮม ฯลฯ ด้วยนะคะ ตามภาพเลยค่ะอีกหนึ่งไลน์ที่หลายคนชอบเวลาไปกินบุฟเฟท์รร.นะคะ กับไลน์อาหารญี่ปุ่นนั่นเองซึ่งสำหรับบุฟเฟท์ซีฟู้ด จะมีเมนูที่เพิ่มมาในไลน์นอกเหนือไปจากวันปกติ คือ ฮามาจิ กับเยลโลว์เทลค่ะมาซูมๆ ให้ดูว่าในตู้มีอะไรให้กินบ้างนะคะ ชอบที่โซบะมีขวดน้ำซอสให้ต่างางหากด้วยนี่แหละค่ะสุดปลายของไลน์อาหารญี่ปุ่น จะมีน้ำจิ้มซีฟู้ด (ที่ที่นี่ใช้แบบพริกแดงนะคะ ซึ่งโดยปกติเราชอบน้ำจิ้มซีฟู้ด (หรือน้ำจิ้มสามรสนั่นแหละนะ) แบบพริกเขียวมากกว่าค่ะ แหะๆ)รวมทั้งพวกเครื่องปรุงเพิ่มเติมสำหรับอาหารญี่ปุ่นด้วยนะคะ งงหละสิ ว่าทำไมน้ำจิ้มซีฟู้มาอยู่ตรงนี้ นั่นก็เพราะว่า...แท่นแท้....ไลน์ถัดไปคือซีฟู้ดออนไอซ์นั่นเองงงงงงงงงจะเป็นซีฟู้ดที่ทำสุกแล้วนะคะ ตรงไลน์นี้จะมีหอยนางรมฝรั่งเศสและก้ามปูอลาสก้าอย่างที่บอกค่ะ เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของบุฟเฟท์ซีฟู้ดของที่นี่ค่ะไลน์ถัดไปค่าา มีสลัดแซลมอนรมควัน สลัดซีฟู้ดเทอร์รีน และยำวุ้นเส้นกุ้งนะคะต่อไปค่ะกับอีกหนึ่ง Signature ของที่นี่ ทูน่าทาร์ทาค่ะ ซึ่งเครื่องปรุงในการทำก็ตามภาพเลยนะคะรอบนี้เห็นป้ายตัวนี้เลยแปลกใจเล็กน้อย คือท่อนล่างที่บอกเรื่องแพ้อาหารไม่น่าแปลกใจนะคะแต่ท่อนบนนี่คือ...มีคนเอาภาชนะอื่นมาใส่ด้วยหรือว่าไงน้อ (อ้อๆ หรือเป็นได้ว่า เค้าแพ้บางอย่างเลยเอาภาชนะมาใส่เอง ทางรร.เลยแจ้งไว้กระมังคะนี่ว่า แพ้อะไรให้แจ้งพนักงาน แต่ภาชนะ ขอให้ใช้ที่เราจัดหาไว้ให้นะ)หมดคาวแล้ววววว ไปดูของหวานกันบ้างงงง เย้ๆๆๆ (ไม่ค่อยออกหน้าออกตาเลยนะเจ๊)แน่นอนค่ะมานี่ก็ต้องไอศกรีมโฮมเมด ซึ่งยังคงมีบริการไอศกรีมผัดให้นะคะ พร้อมท็อปปิ้งนานาชนิดตามภาพเลยฮ้าบบบบถัดจากไลน์ไอศกรีมก็จะเป็นไลน์เค้กซึ่งจะอยู่ติดกับตู้ผลไม้ตามภาพเลยค่ะตัวเค้กนี่พีอาร์เชียร์บอกว่า เชฟใหม่ที่ได้มาหนึ่งเดือนทำเค้กอร่อยมากนะคะ เดี๋ยวเราจะรีวิวกันค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง อิอิโดยไลน์นี้ก็จะประกอบไปด้วย เค้กช็อกโกแลต มูสโยเกิร์ต มะม่วงมูสเค้ก (แหม้..ถอดจากชื่ออังกฤษเลย ที่จริงต้องมูสเค้กมะม่วงนะคะ) ชูครีม และมูสเค้กชาเขียวค่ะต่อไปสำหรับผู้ที่รักสุขภาพนะคะ (ซึ่งวันนั้นอิชั้นไม่ได้แตะเลย เดี๋ยวดูว่ากินอะไรบ้างแล้วจะเข้าใจค่ะ แหะๆ)มีผลไม้ทั้งหมดหกชนิดนะคะ ไม่ว่าจะเป็น แตงโม สับปะรด แคนตาลูป มะละกอ ฯลฯ และยังมีพริกเกลือให้จิ้มเหมือนเดิมค่ะและสุดท้ายค่ะ กับขนมหวานแบบไทยๆ และมีฝรั่งๆ ด้วยเล็กน้อย อิอิขนมไทยก็มีกล้วยเชื่อม ที่หน้าตาเหมือนขนมเหนียวนั่นที่จริงคือถั่วแปบนะคะ ทองหยิบ ลูกชุบและสลิ่มค่ะส่วนขนมฝรั่งก็มีอยู่ในโหลตามภาพนะคะ เยลลี่ มาร์ชเมลโล่ และคุ้กกี้ค่ะเก็บภาพไลน์อาหารครบหมดแล้วววววววววววววว กินกันเถอะเราสำหรับเครื่องดื่ม พนักงานแจ้งว่าถ้าเป็นม็อคเทล จะมีซิกเนเจอร์คือ Power Up กับ Ginger Lime Crush ค่ะ เราเลือกสั่งอย่างหลัง ส่วนน้องเหมียวสั่งซิกเนเจอร์อีกตัวคือ โมจิโต้สไปซี่ค่ะ ของเราขิงค่อนข้างชัดนะคะ กินแล้วสดชื่นกระตุ้นเชียว แต่ไม่เหมาะดื่มยืนนานๆ ค่ะ แหะๆต่อไปกับอีกหนึ่งเมนู Signature ที่นี่นะคะ กับการนำกั้งไปชุบกับเกล็ดขนมปังผสมสมุนไพร โปะแล้วอบให้กรอบๆ crispy ค่ะขอบอกว่าเป็นหนึ่งในเมนูห้ามพลาดจริงๆ ค่ะ อร่อยมากๆ ไม่ได้อร่อยแบบจัดจ้าน แต่มีรสชาติดีค่ะ อร่อยแบบละมุนแต่มีรสชาติอ้ะ ชอบค่ะ ตัวที่เป็นเกล็ดขนมปังผสมสมุนไพรนี่ทำมาได้กรอบนิดๆ ดีค่ะ รสชาติก็จะอยู่ทั้งตัวกรอบๆ และเนื้อกั้งด้วยนะคะต่อกันด้วยอีก Signature ของที่นี่ค่ะกับทูน่าทาร์ทาซึ่งเค้าจะทำให้สดๆ เลยนะคะ กินแล้วรู้สึกถึงการใช้วัตถุดิบที่ดีค่ะ อร่อยเช่นกัน เราชอบที่เค้าทำสดๆ แหละ (ทาร์ทามันควรเป็นงั้นนะ ไม่งั้นชืดแย่)ต่อไปค่ะ กับการนำซีฟู้ดให้ทางเชฟทำมาให้นะคะ ขอรีวิวอันที่เราได้กินแล้วกันเนาะคะตัววัตถุดิบโอเคค่ะ สดไม่เสียชื่อ หอยแมลงภู่รสชาติดี กั้งเค็มไปนิดหนึ่ง หอยหวานปกติค่ะ กุ้งลายเสือหอมมากๆ และเนื้อแน่นเด้งดีค่ะและอีกหนึ่งเมนูไม่ควรพลาดค่ะ พาสต้าเส้นโฮมเมด ซึ่งวันนั้นสามคนสั่งกันมาสามแบบสามเส้น ปรุงสามรสเลยนะคะตัวเส้นหมึกดำ สั่งแบบผัดพริกกระเทียมซีฟู้ดค่ะ รสชาติดีเชียว ขนาดกินตอนเย็นแล้วนะคะ (เพราะมัวแต่ถ่ายรุปอยู่) เส้นกำลังดี ผัดมาได้รสชาติทั่วถึงทั้งเส้น อร่อยค่ะส่วนเส้นบีทรูท น้องสั่งเป็นคาโบนารา (พนักงานบอกแล้วว่าอาจจะไม่เข้ากันเท่าไหร่) ก็รสชาติดีนะคะ ไม่เลี่ยนเกิน รสชาติกำลังพอดิบพอดีเลย แต่พี่อีกคนบอกว่า มันแฉะไปนิด แต่เราว่าเป็นเพราะลักษณะเส้นด้วยค่ะที่เป็นเฟตตูชินี่ มันเลยค่อนข้างอุ้มซอสน่ะนะและสุดท้ายของเราเองค่ะคาเปลลินี่ผัดขี้เมา ตัวเส้นมีกลิ่นนิดหน่อยนะคะ แต่รสชาติแซ่บถูกใจมาก (พนักงานถามกินเผ็ดไหม เราบอกเต็มที่ได้เลย จัดเต็มจริงๆ ค่ะ) อร่อยมาก รสชาติดี เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เชียร์ให้ลองกันนะคะต่อไปค่ะกับอีกหนึ่งเมนูที่เราและเพื่อนร่วมโต๊ะชอบกันทุกคนค่ะ กับปลากระพงนึ่งใบตอง มีกลิ่นหอมของเครื่องสมุนไพรชัดเจนมากๆ ค่ะ ตัวนี้กลิ่นเด่น รสชาติดี ให้รสชาติแบบไทยพื้นบ้านเลยค่ะ อร่อยแหละ ปลาก็สด มีคนเบิ้ลด้วยแล้วกัน อิอิซีฟู้ดออนไอซ์ เป็นภาพเพื่อการโฆษณานะคะ (ต้องบอกไว้ก่อน กลัวดราม่าเหลือเกินนนนน) แต่คือที่เห็นนี่มีให้กินหมดหละค่ะ เพียงแต่จะไม่ได้จัดเรียงสวยงามแบบนี้อะนะคะ ตักจากไลน์ได้เลยฮับ ตัวนี้เราไม่ได้ชิมเลยค่ะ แต่เอาคอมเม้นท์ของคนอื่นมาบอกแล้วกันนะคะหอยนางรมสดหวานดี ขาปูอลาสก้าดี สด เนื้อแน่น และไม่เค็มเหมือนบางที่ค่ะมาดูกันว่า กรณีที่ซื้อไวน์ฟรีโฟลว์สองชั่วโมงนั้นคือไวน์อะไรนะคะ หน้าตาก็ตามภาพเลยค่ะ มีให้เลือกทั้งไวน์ขาวและแดง ซึ่งแน่นอนว่าไปงานชิมก็ต้องชิมทั้งสองอย่างนะคะwine ทั้งสองตัวโอเคเลยนะคะ กับราคาที่ขายมาเราว่าสมเหตุสมผลค่ะ บอดี้ก็ใช้ได้ ไม่เลวร้าย (ดูจากขาไวน์ด้านล่าง...ที่ฝีมือการถ่ายภาพห่วยๆ ของข้าพเจ้าอาจจะเห็นไม่ชัดนักนะคะ)ส่วนภาพชุดนี้นั้นไซร้...เป็นภาพที่คนอื่นๆ ตักกันค่ะ (เราเองนี่ของคาวนอกจากตัวพาสต้าแล้วไม่ได้ตักอะไรเพิ่มเลยค่ะ แค่นี้ก็สุดกำลังแล้วววว) แต่ได้ชิมเนื้อแกะกับเนื้อวัวด้วยนะคะ แกะโอเคเลยค่ะ อร่อย ส่วนตัวเนื้อเราว่าแข็งไปนิดหนึ่งค่ะ ซอสเยอะไปด้วยแหละ แหะๆ อ้อๆ อีกตัวที่ได้ชิมแล้วอร่อยดีคือ ปลาสำลีข้าวโพดค่ะแล้วจู่ๆ พนักงานก็เอาชามะนาวมาเสิร์ฟค่ะ (ไม่ใช่แระป้า กลับมาๆ )เป็นชามใส่ชาและมะนาวให้ล้างมือแก้คาวค่ะ โดยพนักงานแจ้งว่า มีบริการให้ลูกค้าทุกท่านที่มารับประทานบุฟเฟท์ซีฟู้ดนี้นะคะ ซึ่งพนักงานเค้าจะสังเกตว่าพอเหมือนจะใกล้ๆ อิ่มคาวแล้วเค้าจะเอามาให้ค่ะ ตัวนี้ช่วยล้างคาวที่มือได้ดีนะคะ ซึ่งถือว่าพนักงานสังเกตได้ดีเลยค่ะ เพราะตอนที่เค้าเอามาให้นี่ อิชั้นกำลังจะไปตักของหวานคร่าาาสำหรับของหวานนั้นเราตักมาตามภาพนะคะ ไล่เรียงเลยแล้วกันเนาะทองหยิบ โอเคเลยนะคะ ไม่หวานแหลมเหมือนหลายๆ ที่และหอมใช้ได้ค่ะ ลูกชุบเราเฉยๆ ขนมเหนียว (ที่จริงคือถั่วแปบแบบไม่มีถั่วหุ้ม) ควรโรยน้ำตาลมาเยอะๆ ค่ะ ถึงจะดีงาม รสค่อนข้างอ่อน กล้วยเชื่อม เราชอบนะคะ ไม่หวานจัด กำลังดี ยิ่งตอนพี่เค้าไปตักแบบนิ่มกว่าของเรามานี่...ฟินมาก (ตอนแรกอิชั้นหากล้วยนิ่มๆ ไม่เจอไง ตักมาแต่กล้วยแข็งปานกลางน่ะค่ะ)ส่วนเยลลี่ รสชาติไม่โอค่ะ สู้ที่เราเคยกินของอีกที่ไม่ได้หละ ตัวมาชเมลโลไส้ช็อกโกแลตโอนะคะ ชอบหละ ตัวสีชมพูนั่นก็อร่อยค่ะ หอมๆ คุ้กกี้ก็โอค่ะ ชอบเทกซเจอร์และมีช็อคชิพด้วย สรุปมีตัวเยลลี่ค่ะที่ไม่ค่อยโอเท่าไหร่ส่วนเค้กที่พีอาร์เชียร์นะคะ เค้กที่นี่อร่อยจริงค่ะ โดยเฉพาะมูสเค้กมะม่วงกับกรีนทีนี่เราว้าวหละ ซึ่งเราชอบมากกว่าช็อกโกแลตที่ปกติเรากินหวานกว่านี้อีกนิด แหะๆ เนื้อเค้กโอมากค่ะ แล้วได้รสชาติที่ละมุนและอร่อยแหละ เชฟคนนี้โอเคเลยค่ะและอีกหนึ่งเมนูของหวานของเราค่ะ กับไอศกรีมผัด ซึ่งเราเลือกวานิลากับช็อกโกแลตผัดเข้าด้วยกันกับเอ็มแอนด์เอ็ม มะพร้าวอบแห้ง ไวท์ช็อคฯ และช็อคชิพนะคะ เอาคลิปตอนพนักงานทำให้มาให้ดูก่อนค่ะส่วนนี่คือหน้าตาไอศครีมผัดค่าา อร่อยแบบอ้วนๆ น่ะ (ลืมไป ที่จริงควรเลือกรสเปรี้ยวๆ เนาะ แง้ววว) กินแบบก็ขอโทษการเผาผลาญในร่างกายไป ขออภัยที่ใส่แคลอรี่ไปเยอะขนาดนี้ 555ต่อไปเป็นของคนอื่นค่ะ เอามาให้ดูหน้าตา ก๋วยเตี๋ยวนี่น้องและพี่ชมว่าน้ำซุปอร่อยทั้งคู่นะคะ แต่เราน่ะไม่ไหวแล้วค่ะจานนี้ก็ของน้องอ้นเช่นกันค่ะ (มาไม่ทันจานแรกที่สามสาวฟาดซะเรียบแล้วไงคะ ฮาา) เลยถือโอกาสชิมเนื้อของอ้นที่ดูน่ากิน (อันนี้ให้เชฟทำสด ไม่ได้ตักมาจากไลน์เหมือนอันแรกนะคะ) ทำมากำลังดีเลยค่ะ ใช้ได้อยู่ค่ะปิดท้ายกันด้วย Executive Chef คุณ Markus Rotard ชาวเยอรมันค่ะ ตอนแรกไม่แน่ใจเพราะเชฟดูหนุ่มมากๆ (แหนะป้าคิดอะไรอยู่คะป้า) แต่ใช่จริงๆ ด้วยค่ะ เชฟมาตอนเรากำลังจะกลับแล้ว เพราะวันนั้นมีอีกงานซึ่งเชฟไปร่วมงานด้วย เลยเพิ่งกลับมาค่ะ ยังบอกเชฟเลยว่า ครั้งนี้อร่อยสุดจากการกินสามครั้ง เชฟถึงกับถามว่าล่าสุดเมื่อไหร่ พอบอกไป เชฟก็โอเค เพราะก่อนเค้ามา 555สรุปสำหรับที่นี่นะคะเราประทับใจกว่าสองครั้งแรกที่ได้ไปกินมาเยอะเลยค่ะ อาหารรอบนี้อร่อยกว่ามากๆ แม้ว่าในส่วนของวัตถุดิบเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากรร.อื่นๆ ที่จัดในธีมเดียวกัน แต่ที่ทำมาก็อร่อยมากค่ะ เราแนะนำ - ซีฟู้ดที่ให้เชฟทำให้นะคะ ตัวนี้อร่อยมากคือกุ้งลายเสือ และซิกเนเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นทูน่าทาร์ทาร์และกั้งคริสปี้ (ขอเรียกสั้นๆ งี้นะคะ) ก็ดีงามมากค่ะ ส่วนของหวาน แนะนำคือ มูสเค้กมะม่วงกับเค้กชาเขียวค่ะ อร่อยทั้งสองตัวเลยส่วนการบริการ เนื่องจากไปงานเชิญ ก็เลยได้รับการดูแลที่ดีน่ะนะคะ น้องเปาซึ่งเป็นคนให้ข้อมูลอาหารต่างๆ ก็ละเอียดดีมาก (ชอบๆ) อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
มาทานบุฟเฟ่ต์ที่นี่อีกแล้วเดินมาใกล้อยู่ ธีมอาหารกลางวันนานาชาติ ฝรั่งเศสและอาหารจีน จากด้านหน้าก็จะมีขนมปังฝรั่งเศสพร้อมชีสและเครื่องเคราต่างๆค่ะ มีมุมเครปสไตล์ฝรั่งเศสให้สั่งทานกันด้วยค่ะชอบท้อปปิ้งอะไรสั่งเลย  ไปที่อาหารจีนบ้างไม่น้อยหน้ากันค่ะ เริ่มด้วยทะเลผัดพริกอร่อย ปูสดดี ซาลาเปาไส้ครีม ซาลาเปาไส้หมูสับ ไก่ผัดพริก ซี่โครงหมูนึ่งเต้าซี่ ข้าวผัดหยางโจว ป่อเปี๊ยะทอด และขนมจีบกุ้งหมูหน้าเห็ดทรัฟเฟิลหอมอร่อยจ้า ค่ะ ไปต่อกันที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ปกติก็มีก๋วยเตี๋ยวไก่ ต่อด้วยอาหารที่ย่างไว้แล้วพร้อมทาน  ซุปวันนี้มีซุปฟักทอง กับกระเพาะปลาน้ำแดง  มุมเตาพิซซ่าอบใหม่ร้อนๆ และเนื้อสัตว์ที่เราสามารถสั่งให้ย่าง ผัด หรือผัดกับสปาเก็ตตี้ สั่งได้เลยค่ะ ซอสต่างๆของจุดนี้  สลัดผักออแกนิคส์สวยๆของที่นี่ชอบมากค่ะ สลัดแบบพร้อมทานมี สลัดอโวคาโด้ สลัดปูกับเมล่อน สลัดเห็ดย่าง และสลัดฟักทองย่างกับเฟต้าชีส น่าทานทุกอย่างเลย ซีฟู้ดออนไอซ์ มีปูม้าและกุ้งทะเลสดๆ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดค่ะ และอาหารญี่ปุ่น บะหมี่เย็น ซูชิและซาชิมิค่ะ ตักมาชิมกันเลย เชฟจัดมาให้ ขนมปังฝรั่งเศสแบบกรอบมากทานกับอะไรก็อร่อยค่ะ เครปที่สั่งไว้มาเสิร์ฟแล้ว ทานอุ่นๆชอบเลยค่ะ มาแล้วค่ะเมนูพิเศษอาหารฝรั่งเศสที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก มันคือ En Papillote (ออง ปาปิลอต) เป็นอาหารฝรั่งเศสที่ใช้กระดาษห่ออาหารที่หมักเครื่องปรุงแล้วเอาไปอบ เพื่อให้อาหารยังคงรสชาติของวัตถุดิบและเครื่องปรุงเอาไว้ วันนี้เราได้ชิมเป็นซีฟู้ดผสมเครื่องเทศ Seafood En Papillote ค่ะ เสิร์ฟมาคู่กับน้ำมันมะกอก แกะห่อแล้วชิมกัน รสชาติเครื่องเทศที่หมักมาหอมกลมกล่อมมีกลิ่นหอมขึ้นๆคล้ายสะระแหน่ อร่อยดีค่ะ สลัดและชีสอีกสักจาน ซีฟู้ดอีกหน่อย อิ่มแล้วไปดูของหวานกันค่ะ  เค้กต่างๆ ได้แก่ เค้กลูกแพร์ ชีสเค้ก ช็อคโกแลตเค้ก บลูเบอร์รี่ทาร์ต พายสัปปะรด คัสตาร์ดช็อคโกแลตแน่นๆ อร่อยดี เมอแรง มาการอง เชอร์รี่ในน้ำเชื่อม และผลไม้ ที่สำคัญขาดไม่ได้ ไอศกรีมที่นี่ทานเลยหรือสั่งไปผัดอร่อยทุกรสจ้า อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)