3
1
0
เดิน 3-นาที จาก สถานี BTS สยาม ทางออก 6
อ่านต่อ
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
จันทร์ - อาทิตย์
10:00 - 22:00
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
นัดเพื่อนมาทานบุฟเฟห์ เนื่องจากทุกคนบอกว่า ชั้นหิว ก็เลยเข้าร้านนี้กันดีกว่า เพราะสามารถเลือกทุกอย่างได้ตามใจชอบ อยากกินอะไร ก็ใส่หม้อได้ทันที แต่อย่าใส่ด้วยอารมณ์หิวนะคะ เพราะถ้าทานไม่หมดอาจโดนปรับได้จ้าร้านนี้เดินทางมาสะดวกค่ะ ถ้าใครมาบีทีเอส ลงสถานีสยาม เดินเข้าห้าง Siam Square One ขึ้นมาชั้น 5 เลยจ้า พอเข้าร้าน พนักงานก็จะเสริฟหม้อเกาหลี ซึ่งใส่บางส่วน (ที่เราไม่ได้เลือกไว้ >.<) ในหม้อเรียบร้อยแล้ว พร้อมน้ำซุปสีแดงรสชาติแนวกิมจิ โดยมีเส้นมาม่าโปะด้านบนด้วยค่ะ หลังจากนั้น ที่เหลือก็เป็นหน้าที่เรา ที่จะเพิ่มเติมทุกสิ่งตามที่กระเพาะเรียกร้องค่ะ ซึ่งที่นี่จะมีจำกัดเวลาด้วย จะทานได้ 90 นาที ราคาต่อหัว 348 บาท net แล้วค่ะร้านนี้จะมีทั้งของดิบให้เราลงหม้อตามใจชอบ ซึ่งจะตั้งโซนด้านนอก และในตู้เย็นค่ะ นอกจากนี้ ยังมี ของทานเล่น ไอศกรีม ของหวานแบบไทยๆ และเครื่องดื่มค่ะตู้เย็นที่เราสามารถจัดลงหม้อได้ไม่อั้น จะมี เต้าหู้ขาว, เต้าหู้ปลา, ปูอัดทอด, มีทโลป, แฮมหมู, บาโลน่า(ไม่มีพริก), ไส้กรอกไก่(ชิคเก้นแฟรงค์), สันคอหมูสไลด์(สันคอก้อน), เนื้อวัวสันใน, หมูสามชั้นต้มหั่น, อกไก่สไลด์, กุ้งขาว, เบคอน, เห็ดชิเมจิ และ เห็ดออรินจิเริ่มเลย เราก็ปรุงน้ำจิ้มด้วยตัวเอง อยากทานรสแบบไหนก็ใส่ปรุงได้เลยค่ะ จะพริกเขียว พริกแดง พริกสับ กระเทียม มะนาว น้ำจิ้มแนวซีอิ๊ว น้ำจิ้มสีแดง ส่วนเครื่องดื่มจะมีทั้ง ชามะนาว พันซ์ ชาเขียว และน้ำอัดลมค่ะส่วนตัวชอบที่จะเติมบ่อยๆแบบว่า ถ้าไม่แน่นพุง ก็จะไปหยิบอีก คือ กุ้งขาว (ดูจากซาก เพื่อนๆคิดว่าเราควรแผ่เมตตากี่จบดีคะ ), เบคอน (บอกเลยว่ารวมๆเกินสิบถาดค่ะ), แฮมหมู, บาโลน่า(ไม่มีพริก), ไส้กรอกไก่(ชิคเก้นแฟรงค์), เห็ดออรินจิ, เห็ดเข็มทอง (แอบตบท้ายว่าเติมผักด้วยนะคะ เดี๋ยวจะบอกว่าเรารับสารโปรตีนมากไปค่ะ แทรกวิตามินหน่อยก็ดี อิอิ)หลังจากหมดของคาวและของทานเล่นแล้ว เราก็ไปทานของหวานแบบไทยๆกันค่ะ ซึ่งจะเป็น เฉาก๊วย แห้ว วุ้นมะพร้าว นมข้นและน้ำแดงให้เพิ่มความอร่อยตามใจชอบค่ะสำหรับโซนไอศกรีม จะเป็นยี่ห้อ วอลล์ ค่ะ วันที่ไปมีรส กะทิ ช็อคโกแลต มะนาว วนิลาชิพ สตอเบอรี่ กาแฟ วนิลา และลอดช่องค่ะ และเพราะเราคือสาวขนมหวานที่ทานไอติมแทนข้าวได้ ก็เลยจัดไปเกือบทุกรส (เว้นรสกาแฟ เพราะไม่ทานกาแฟ) แม้จะอิ่มของคาว แต่ของหวานเราต้องสู้ตายเสมอค่ะ ใครสนใจอยากทานบุฟเฟห์สไตล์เกาหลี ก็มาลองร้านนี้ได้นะจ้า
อ่านต่อ
วันนี้มาสยามกันจ้าาา เพื่อมากินปิ้งๆย่างๆ ที่ kim Ju เพิ่งลองมาครั้งแรกกันเลย อยู่สยามทางฝั่งอังรีดูนังต์ และที่สำคัญราคา บุฟเฟ่ต์ที่นี้ก็ไม่แพงด้วย เริ่มต้นที่ประมาณ 300 บาท แต่หากใครอยากทาน sea food ด้วย ก็บวกราคาเพิ่มกันไปนะจ๊ะ แต่ครั้งแรกนี้ ขอแบบธรรมดา พอ มี หมู เบคอน ไก่ ไส้กรอก เห็ด และเครื่องเคียงอื่นๆ ที่มาเสริฟ์ตลอดเลยจ้า น้ำจิ้มมี 3 แบบ ส่วนตัวชอบแบบ น้ำจิ้ม sed food ที่สุดล่ะ น้ำที่นี้ไม่รวมกับค่าบุฟเฟ่ต์นะ เราสั่งแบบรีฟิลไป ก็มีทั้งชาเขียว พันช์ และก็ชามะนาว สามารถเปลี่ยนได้ทั้ง 3 รสชาติเลยค่ะ น้ำซุปก็มีมาเสริฟ์ให้น๋าาา ผัดสดๆ พร้อมพริก กระเทียม พนง.จะนำมาเสริฟ์ทั้งหมด ใน set แรกค่ะ จากนั้นอยากได้ไรเพิ่มก็บอกเอาเองได้เลย งานนี้สั่งเห็ดเข้มทองมาเยอะมากก เตาของที่นี้ปิ้งทุกอย่างมาลงเตาซะ บริเวณโต๊ะ ของร้านนะค่ะ ขอบอกว่าไส้กรอก กะเบคอน ที่ kim ju อร่อยๆๆๆค่ะ ทานไปเยอะเลย แล้วถ้าเอาผัดสดๆ มาผัดในกะทะ จะยิ่งอร่อยเลยค่ะ ระยะเวลาในการทาน 90 นาที นะค่ะ ถือว่า ok เลย บริการไวทันใจ สะอาด ราคาไม่แพงจ้า
อ่านต่อ
หากจะซึมซับความเป็นเกาหลี ต้องมาลองที่นี่อีกครั้ง กับเมนูที่คราวก่อนไม่ได้สั่ง นั่นคือ"บู แด จิแก" ที่ผสมผสานความเป็นเกาหลี+อเมริกา ซึ่งประวัติของอาหารชุดนี้น่าสนใจมากครับ (แต่ก็ขอข้ามไปนะ เยอะ)น้ำซุปกิมจิที่ได้ จะรสชาตหอมมากๆ แถมประโยชน์จากอาหารชุดนี้มีมากด้วยนะครับ เพราะจะประกอบไปด้วยผักมากมายต่อมาเป็นพิซซ่ากิมจิครับผม ชีสเยอะมาก อร่อยในแบบเกาหลีๆ และที่ผมไปทานกิจจูทุกครั้งแล้วต้องสั่งมาทานก่อนเลยนั่นก็คือ "ทักคันฮยอน (สะกดถูกรึปล่าวไม่รู้แฮะ)" ที่ดูภายนอก จะคล้ายๆกับไก่ป๊อปล่ะ แต่คลุกกับซอสหวานๆในแบบโสมขาวรสชาตเลยเข้ากันได้มากครับชุดของ บูแด จะประมาณ 300กว่าบาทครับขออภัยที่ตั้งหน้าตั้งตาทานจนไม่ได้จำราคามาแต่ที่แน่ๆ อิ่มแน่นอนครับ (สารภาพเลยว่าผมทานไม่หมด - -")
อ่านต่อ
ถือเป็นครั้งแรก (อีกแล้ว) สำหรับไอ้นู๋พุดที่มาทาน Kimju Plus Budae Jigae ที่นี่ค่ะ ร้านตั้งอยู่ชั้น 2 ของอาคารพลาซ่าแห่งใหม่ของสยามสแควร์ ติดกับถนนอังรีดูนังต์ มาง่าย ๆ เลยค่ะ แต่อาจจะหาที่จอดรถใกล้ ๆ ร้านยากหน่อย ถ้าตรงมาจากถนนอังรีดูนังต์ แนะนำว่าอย่าพลาดเลี้ยวซ้ายเ้ข้าสยามสแควร์นะคะ เพราะไม่อย่างนั้นต้องไปเลี้ยวซ้ายหน้าสยามพารากอน ซึ่งรถติดกว่า และทางเข้าสยามสแควร์ก็หาที่จอดรถยากกว่าด้วยค่ะ เอาหล่ะเมื่อไอ้นู๋พุดหาที่จอดรถได้แล้วก็เดินดุ่ย ๆ ไปที่ร้านเลย ซึ่งวันที่ไอ้นู๋พุดมาเนี่ยเป็นช่วงบ่ายโมงนิด ๆ ของวันอาทิตย์ คนโล่งมากเลยค่ะ เริ่ดเป็นที่สุด มาถึงหน้าร้านก็ลอง ๆ ดูเมนูกันก่อน จากนั้นคุณพนักงานจะมาต้อนรับที่หน้าร้าน แนะนำรายการอาหารคร่าว ๆ เมื่อเราตกลงใจจะทานแล้ว คุณพนักงานจะเชิญเข้ามาพร้อมกับส่งต่อให้พนักงานภายในร้านพาเดินไปส่งที่โต๊ะ จากนั้นจะถามว่าจะรับประทานแบบปิ้งย่าง หรือว่าเป็นแบบชาบูดี ซึ่งไอ้นู๋พุดกับเพื่อนคิดว่ากินชาบูดีกว่า กินปิ้งย่างมาเยอะแล้วเปลี่ยนบรรยากาศบ้างบอกก่อนว่าที่นี่เป็นชาบูสไตล์เกาหลีนะคะ และก็เป็นแบบบุฟเฟต์ด้วย ซึ่งเมื่อเราเลือกชาบูแล้ว คุณพนักงานจะไปเตรียมหม้อกับของมาให้ ส่วนเราก็สามารถไปตักอาหารมารอได้เลย ซึ่งจะมีบาร์ให้ตักของอยู่ด้านหน้าร้าน มีป้ายแนะนำว่าเนื้อสัตว์ส่วนนี้ ๆ ใช้ปิ้ง ย่างหรือใช้กินกับชาบู ซึ่งเอาเข้าจริง เราอยากจะตักอันไหนก็ได้ทั้งนั้นค่ะของในไลน์บุฟเฟต์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเนื้อสัตว์มีทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา ของซีฟู้ด ซึ่งซีฟู้ดของที่นี่ ไอ้นู๋พุดแนะนำหอยแมลงภู่เลยค่ะ หย่ายยยได้ใจมาก ๆ จากนั้นก็จะมีผักสด ไข่ไก่สด แล้วก็บะหมี่เกาหลีที่มาเป็นซอง ๆ เลยทีเดียว น้ำจิ้มก็จะมีน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว แล้วก็น้ำจิ้มอีกแบบหนึ่งซึ่งไอ้นู๋พุดไม่ได้เลือกมาค่ะ ก็เลยลืมชื่อไปแล้ว แหะ แหะ แหะนอกจากไลน์เนื้อสัตว์แล้วก็จะมีพวก ข้าวผัดกระเทียม ผัดต็อคปกกี (แป้งต็อคเอาไปผัดกับโคชูจัง) ซูชิ และของทานเล่นอื่น ๆ ที่สลับกันไปในแต่ละวัน จากนั้นจะมีมุมของหวานแล้วน้ำดื่มซึ่งที่นี่จะมีน้ำพันช์ ชาเขียว ชามะนาว และน้ำเปล่าให้เลือกค่ะ ส่วนขนมเท่าที่ไอ้นู๋พุดเห็นจะมีลูกตาลนมสดอย่างเดียวนะคะ ซึ่งไอ้นู๋พุดไม่กินลูกตาล เลยไม่ได้เอามาฝาก แล้วก็มีผลไม้คือสับปะรดกับแตงโมให้ทานค่ะและนี่ก็คือหน้าตาของบรรดาส่วนหนึ่งในไลน์บุฟเฟต์ค่ะหลังจากที่ตักอาหารมาได้ไว้แป๊บนึง คุณพนักงานจะเอาหม้อชาบูแบบเกาหลีมาให้ในนั้นจะใส่เครื่องมาให้ด้วย ซึ่งมีหมูสามชั้น กิมจิ นัตโตะ แฮม พริกหั่น โคชูจัง (น้ำพริกเกาหลี) เต้าหู้ แครอท หอมใหญ่ ต้นหอม และชีส จากนั้นเติมน้ำซุป แล้วปล่อยให้เราได้เพลิดเพลินกับการทานค่ะ ต้องบอกว่าตอนแรกคุณเพื่อนของไอ้นู๋พุดสงสัยว่าทำไมต้องมีชีสด้วย ไอ้นู๋พุดเองก็ไม่รู้เหมือนกัน และไม่ได้ถามคุณพนักงานด้วย ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว แต่พอทาน ๆ ไปจะรู้เลยว่า เจ้าชีสแผ่นเนี่ยทำให้ชาบูเข้มข้นขึ้น แล้วก็ทำให้หอม ๆ กลิ่นชีสเล็ก ๆ ด้วยค่ะหลังจากที่ใส่เครื่องนั่น นู่น นี่ไปแล้วจะเป็นแบบนี้ค่ะงานนี้สรุปได้ใจความว่า การไปเยือน Kimju Plus Budae Jigae ครั้งแรกของไอ้นู๋พุดประทับใจค่ะ เพราะว่าอาหารอร่อย มีของให้เลือกกำลังดี ไม่เยอะไป ไม่น้อยไป ระยะเวลาในการทานก็ถือว่าพอดีกับเวลาที่เราจะอิ่ม คุณพนักงานก็บริการดีค่ะ แนะนำนั่น นู่น นี่ตลอดเลย ใครที่ชอบกินชาบูสไตล์เกาหลีห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะคุณเพื่อนของไอ้นู๋พุดปกติชอบกินปิ้งย่าง มาเจอที่นี่เข้า ติดใจชวนไปใหม่อีกแล้ว อิอิอิ
อ่านต่อ