5
0
0
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม
เวลาเปิด-ปิด
จันทร์ - อาทิตย์
10:00 - 22:30
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
บทความเกี่ยวกับร้านนี้
(((ทำความรู้จักอาหารเนปาลกันหน่อยน้าาา)))ประเทศเนปาลเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและลักษณะภูมิประเทศที่ค่อนข้าง diverse ซึ่งก็เลยส่งผลให้อาหารเนปาลค่อนข้างหลากหลายด้วยเหมือนกันค่ะ ซึ่งอาหารประจำชาติของเนปาล มีชื่อว่า Dal-Bhat-Tarkari ค่ะ โดย Dal หลายๆ คนที่คุ้นชินกับอาหารอินเดียน่าจะรู้จักกันนะคะ เพราะ Dal ก็คือน้ำแกงที่ทำจากถั่วที่เรียกว่า lentils และเครื่องเทศเฉพาะต่างๆ ของเนปาล ส่วน Bhat ก็คือข้าวค่ะ ซึ่งจะเสิร์ฟพร้อมกับแกงผัก หรือ Tarkari นั่นเอง และอาหารเนปาลมักเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงหลายๆ ชนิดค่ะ ซึ่งอาจจะเป็นชัทนีย์รสเผ็ดร้อน ผักดอง หรือผักดองค่ะอาหารเนปาลได้รับอิทธิพลจากหลายๆ ประเทศในเอเชียค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฑิเทต อินเดีย และแม้แต่ประเทศไทยเองด้วย ซึ่งอาหารที่เป็นที่นิยมมากๆ รายการนึงของเนปาล คือ โมโม่ (momo) ซึ่งเป็นอาหารจานเกี๊ยวยัดไส้ที่ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากประเทศฑิเบต และนอกจากอิทธิพลจากประเทศในเอเชียแล้ว อาหารเนปาลก็ได้อิทธิพลจากประเทศตะวันตกเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้จากอาหารจำพวกพิซซ่า หรือขนมอบต่างๆ และไอศครีมค่ะ(((Himalaya Restaurant)))ร้านอาหารหิมาลายานี้ นับได้ว่าเป็นร้านอาหารเนปาลแท้ๆ ที่ (น่าจะ) เหลืออยู่เพียงร้านเดียวในกรุงเทพฯ ค่ะ ((การเดินทาง))ร้านตั้งอยู่ในซอยสวัสดี หรือ ซ.สุขุมวิท 31 การเดินทางก็ไม่ลำบากค่ะ ถ้ามาทางเส้นสุขุมวิท ให้เลี้ยวเข้าซอยสวัสดี หรือ ซ.สุขุมวิท 31 ขับตรงไปเรื่อยๆ เลยค่ะ พอถึงแยกพร้อมจิตร ให้เบี่ยงซ้ายและขวาไปตาม ซ.สวัสดี จากนั้นจะเจอเวิ้งทางขวามือ จะเห็นป้ายร้านหิมาลายา ซึ่งจะต้ั้งอยู่ตรงข้ามร้าน Tiny Tree Garden ค่ะ ร้านเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม Himalaya Residence ด้วยค่ะ รู้สึกว่ามีบริการอาหารเช้าให้แขกที่มาพักด้วย มีที่จอดรถหน้าร้าน 2 คันค่ะ ((บรรยากาศ - บริการ))ร้านบรรยากาศดีมากเลยค่ะ หน้าร้านมีการตกแต่งด้วย prayer flags หลากสี ซึ่งการมี prayer flags นั้นก็เพื่อการ blessing แก่สถานที่รอบๆ ค่ะ แค่บรรยากาศหน้าร้านก็เหมือนหลุดไปอยู่ประเทศเนปาลเลยค่ะ พอเข้าไปในร้านก็เห็นถึงความสดใส ผนังสีส้ม มีของประดับตกแต่งแบบพื้นเมือง โต๊ะนั่งก็จะเป็นเก้าอี้เตี้ยๆ คุณพ่อแอบมีปัญหาในการลุกการนั่งเล็กน้อยตามประสาผู้สูงอายุค่ะ การบริการดีเลยค่ะ น้องๆ ยิ้มแย้ม บริการดี พูดไทยไม่ชัด หรือ อาจจะพูดไม่ค่อยได้เลยนะคะ ถ้าจะให้ดี สปีกอิงลิชกับน้องๆ เค้าเลยค่ะ สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ((อาหาร))จริงๆ ส่วนตัวเคยกินอาหารเนปาลแล้วค่ะ สมัยอยู่อเมริกา เคยไปกินร้านเนปาลในเมืองที่อยู่ ซึ่งติดใจโมโม่ และแกงสไตล์เนปาลมาตั้งแต่ตอนนั้น และเมื่อสองปีก่อน ได้ไป trek ที่เนปาล ก็กินโมโม่หลายมื้อ กลับมา กทม. ก็ยังคงคิดถึงโมโม่อยู่เรื่อยๆ จริงๆ อาหารเนปาลก็คล้ายๆ อาหารอินเดียนะคะ แกง เครื่องเทศ คล้ายๆ กัน อาหารที่สั่งนะคะ>>> goat thali set (265) 4/5เป็นอาหารชุด มีข้าว แกงแพะ แกงถั่ว และ ผัดผักอร่อยทุกอย่างค่ะ แพะไม่เปื่อยมาก แต่ก็ไม่เหนียวค่ะ น้ำแกงรสเครื่องเทศหอมค่ะ แกงถั่วหอมอร่อยค่ะ แต่ที่ติดใจคือผัดผักอะ ผัดแบบเผ็ดนิดๆ เค็มๆ หวานๆ กินกับข้าว อร่อยมากอะ>>> veg momo (85) 4/5นี่แหละค่ะ คือ โมโม่ เกี๊ยวสอดไส้ที่ได้รับอิทธิพลมาจากฑิเบต สามารถสั่งไส้ไก่ หรือ ไส้ผักค่ะ สำหรับคราวนี้ขอลองไส้ผักกันอันนี้แอบเสียดาย แป้งโมโม่แข็งไปหน่อย แต่ไส้อร่อยมากๆ ค่ะ ทีเด็ดเค้าคือน้ำจิ้มอะ เปรี้ยวๆ เค็มๆ เผ็ดๆ อร่อยเข้ากันดีค่ะ>>> paneer paratha (95) 3/5เป็นแผ่นแป้งใส่ไส้ paneer หรือ ก็คือ cottage cheese แบบอินเดียค่ะไส้ชีสไม่โดเด่นเท่าไหร่ แต่กินกับแกงแพะแล้วเข้ากันดีมาก>>> iced masala tea (50) 5/5ชาเย็นแบบเนปาล จริงๆ ก็คล้ายๆ Chai Tea ของอินเดียนะคะ ส่วนตัวชอบ Chai Tea ของอินเดียมากๆ อยู่แล้วค่ะ แก้วนี้มาแบบหอมเครื่องเทศ อร่อยอะ ชอบมากๆ เลยค่ะ>>> masala tea (45) 5/5เป็นแบบชาร้อนนะคะ รสชาติแบบเดียวกับ iced masala แค่เป็นแบบร้อน หอมเครื่องเทศอ่อนๆ รสชาติดีมากๆ ค่ะ >>> rosso golla (30) 2/5คือเคยกินของหวานอินเดีย คือ กุหลาบ จามุน แล้วค่อนข้างเข็ดนะคะ เพราะมันหวานแสบทรวงมากๆ พอเห็นเจ้านี่ในเมนู เลยลองสั่งมา เผื่อว่ามันจะไม่หวานมาก ปรากฏว่าแม่นางหวานแสบทรวงพอๆ กันน้องพนักงานบอกว่ามันคือ paneer ที่เอาไปแช่น้ำเชื่อมนะคะ คงต้องลาขาดกับของหวานของประเทศแถบนี้ค่ะ (((สรุป)))ชอบเลยนะคะ อาหารรสชาติอร่อย ราคาไม่แพงมาก การบริการดีงาม ร้านก็ตกแต่งสวยงาม เสียดายที่ว่าร้านอยู่ไกลบ้านไปหน่อยค่ะ ไม่งั้นคงได้ไปบ่อยๆ
อ่านต่อ
วันนี้ฤกษ์ยามงามดีได้ Voucher มาจาก Openrice ก่อนมาก็แอบลังเลกับร้านนี้ เนื่องจากเป็นอาหารเนปาลซึ่งวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทานอาหารเนปาลร้านนี้ชื่อว่า Himalaya ฮิมาลายาที่ตั้ง : ร้านตั้งอยู่ซอย สุขุมวิท 31 ค่ะ ตั้งอยู่ด้านในซอย หากมาจากปากซอยเข้ามาประมาณ 800 เมตรจะงงนิดนึงคะ แต่ให้มาตามทาง เมื่อเจอทางแยกให้เลี้ยวขวา จะพบ ฮิมาลายา อยู่ขวามือคะ ซึ่งในโซนนี้จะมีหลายอย่างเลยทั้งห้องพัก ร้านกาแฟ รวมถึงร้านอาหาร เดินเข้าไปร้านอยู่ขวามือ ลักษณะจะคล้ายบ้านคะบรรยากาศร้าน :ร้านตกแต่งสไตล์เนปาล มีของประดับตกแต่งทั้งร้าน ทางร้านเน้นนั่งพื้น ให้อารมณ์เหมือนแบบทานข้าวอยู่บ้าน มีโต๊ะประมาณ 7-8 โต๊ะเมนูของทางร้าน :เป็นเมนูสไตล์อาหารเนปาล อินเดีย มีให้เลือกเยอะเลยวันนี้เอิร์นเลือกทาน- Chicken Thukpaก๋วยเตี๋ยวน้ำทิเบตใส่ไก่ ราคา 140 บาทเมนูนี้โปรดมากคะ ตอนมาเสริฟนี่ไอร้อนขึ้นเลย กลิ่นไม่แรงมาก ในชามมีผัก บล๊อกคลอรี่ แครอท เส้นเป็นแบนๆ คล้ายเส้นผัดไท ลวกมานิ่มๆ รสชาติของน้ำซุปไม่เข้มจัดเกิน น้ำใสๆ แต่กลมกล่อมสุดๆเสริฟมาร้อนๆ ในถ้วยสีขาวน่าทาน- Veg Momoติ่มซำต้มนึ่งไส้ผัก ราคา 90 บาทเสริฟมาในเข่งติ่มซำ มา 6 ลูก แป้งหอมดูน่ากิน เสริฟมาร้อนๆ ตัวแป้งขาวนวล มีจุดเขียวๆ ตรงกลางน่าจะเป็นสัญลักษณ์ว่าคือไส้ผัก แป้งนุ่มหอม ไส้บดมาหยาบๆ มีกลิ่นเครื่องเทศหอมดี- Fish thali ราคา 200 บาทเซทนี้เสริฟมา เป็นเซททองเหลือง ดูเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของเนปาลเลย โดยในถาดจะมีข้าว ผัดคะน้าน้ำมันหอย ผัดปลามากับเครื่องเทศ และซุปถั่วโดยรวมรสชาติโอเคคะ เครื่องเทศไม่แรงเกินไป- โรตีข้าวบาร์เล่ย์ 40 บาทอันนี้หอมอร่อย แป้งหนากำลังดี ทำมาหอมมาก ชอบคะการบริการ : พนักงานเป็นพนักงานประจำชาติของร้านนี้คะ หากต้องการเรียกพนักงานก็สั่นกระดิ่งได้เลยคะโดยรวมคิดว่าเป็นการทานอาหารเนปาลครั้งแรกที่ประทับใจมาก เพราะตอนแรกคิดว่าต้องเครื่องแรง กลิ่นจัดจนทานไม่ได้ แต่ผิดคาดมากคะวันนี้ไปทานคนเดียว หมดไป 485 บาทเพราะฉะนั้นวอชเชอร์ที่ได้จากทางพี่ๆทีมงานทำให้มื้อนี้อิ่มสบายเลยคะ อร่อยมากๆ ขอบคุณมากนะค่ะ
อ่านต่อ
เหตุ เพราะคิดถึงเนปาล พวกเราก็เลยดันด้นหาร้านเนปาล กินกันคะ เพิ่งรู้ว่าร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากทัี่ทำงานเลย อยู่หลังซอยเรานี่เองร้านเป็นร้านเนปาลแท้ๆ เจ้าของเป็นคนเนปาล ที่น่าจะมาอยู่เมืองไทยนานแล้ว เพราะพูดภาษาไทยชัดเป๊ะ เจ้าของน่ารักมาก เข้ามาถามเรื่องอาหาร มาถามนู่นนี่ พอรู้ว่าเราเคยไปเนปาลกัน ยิ่งคุยยาวใหญ่ร้าน Himalaya Residenceร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ถ้ามาจากปากซอย 31 ก็ตรงมาเรื่อยๆจนเจอ 4 แยก ก็ตรงไปอีก ตรงไปตามทางเลยคะ จะมีป้ายร้ายบอกเด่นชัดคะบรรยากาศร้านเนปาลมากกก มีกงล้อให้หมุนหน้าร้านด้วย ธงเนปาล อะไรมากันเต็ม คิดถึงคิดถึงโต๊ะก็น่ารักๆๆ คะ เป็นโต๊ะเตี้ยๆๆ คนขายาวอาจมีปัญหาหน่อยแต่เราขาสั้นสบาย เมนู ม่ต้องกลัว งง เพราะเค้ามี รูปประกอบการตัดสินใจเกือบทุกเมนูคะ ของกินเล่น ที่พอนั่งปุ๊ปก็ จะเอามาให้เลย Papada เป็นข้าวเกรียบ แบบเนปาล อันนี้ไม่กรอบมากเท่าไหร่อาหารแนะนำที่เรามาอยากกินเพราะเมนูนี้ Chicken Momo(95 บาท) เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เหมือนติ่มซ่ำ ข้างในเป็นไส้ไก่ที่ใส่เครื่องเทศนิดนิด น้ำจิ้มจะเป็นออกแนวแกงกระหรี่มากอร่อยนะคะ แป้งไม่หนามากอาหารแนะนำต่อไป คือ Princess Harry chicken Curry( 220 B) ที่ชื่อนี้เพราะเค้าบอกว่าเจ้าชายแฮรรี่ชอบเมนูนี้มากเป็นแกงไก่ ใส่เครื่องเทศคะ แต่เป็นน้ำใส น้ำแกงอร่อย เค้าใส่หอมใหญ่แบบอัดเต็มเลยเราจะกินกับข้าวก็ได้ หรือจะกินกับ นาน แบบพวกเรา นานคือแป้งโรตี กรอบๆ มีแบบธรรมดา กับแบบ กระเทียม สั่งมาสองอย่าเลยThali Set (220 บาท)เป็นเซตข้าวคะ ในเซตก็จะมีข้าว แกงไก่ ซุปถั่ว แล้วก็ผัดผัด มาอีกจานเป็น Thukpa เป็นเหมือนก๋วยเตี๋ยวเนปาล แต่น้ำแกงยังเป็นเครื่องแกงอยู่คะมาถึงนี่ต้องกินชา ของเขา masala tea (45 บาท) เป็นชาใส่เครื่องเทศหอม หอม เราชอบมาก แต่ที่นี่จะออกหวานหน่อย แต่กินแล้วคล่องคอดีคะอีกเมนู คือ Lassi เป็นโยเกริตปั่น อันนี้อาจจะไม่เนียบเท่าต้นตำรับที่นู่น แต่กินแล้วสดชื่นดีคะมื้อนี้ 1,064 บาท สำหรับ 4 คน อิ่มอกอิ่มใจกับมื้อนี้มากคะ 555 ร้านน่ารัก อาหารอร่อย บริการดีคะ
อ่านต่อ
กลับไปซ้ำร้านเดิมร้านนี้เป็นครั้งที่ ๒ ห่างจากครั้งแรกเกือบ ๓ ปี ร้านชื่อ Himalaya restaurant ร้านอาหารเนปาลแท้ๆ ที่น่าจะมีร้านเดียวในกรุงเทพฯ (สัก ๒ ปีก่อนมีอีกร้านอยู่บนถนนตานี ตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว) เจ้าของเป็นคนเนปาล เคยทำงานหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ลาออกมาทำร้านอาหารร้านนี้ นอกจากเป็นร้านอาหารยังแบ่งส่วนหนึ่เป็นโรงแรมราคาย่อมเยาในบรรยากาศแบบเนปาล สำหรับบรรยากาศขอบอกว่า ได้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินที่เนปาล มองออกไปเห็นเมฆน้อยลอยอ้อยอิ่งละเลียดจุมพิตยอดเขาหิมาลัยอยู่ลิบๆ ครั้งแรกที่ไปสั่ง ยำเนื้อความมากินคู่ดกกับเบียร์ไทยของเรา เป็นเมนูที่ลงตัวอย่างเทพ กลับมาครั้งที่ ๒ ตอนแรกว่าจะลองเมนูที่เจ้าชายแฮรี่แห่งราชวงศ์วินเซอร์ ประเทศอังกฤษทรงโปรด แต่เปลี่ยนใจลองสั่ง Chiken Momo (95 บาท) เป็นเมนู “เริ่มต้น” ตามด้วยชุด menu set dish : fish (190 บาท) เครื่องดามย่อมหนีไม่พ้น Lazzy นมเปรี้ยวปั่น ปิดท้ายด้วย กุหลาบ จามู (30บาท) มากินกันที่เมนูแรก Chiken Momo ในเมนูเขียนว่า ซาลาเปาไส้ไก่นึ่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม ในแบบธิเบต หน้าตาจานนี้เป็นลูกครึ่งซาลาเปา+ขนมจีบ กัดคำแรกเข้าไป รสชาติไม่เลวเลย เนื้อแป้งหนา จนคิดว่าน่าจะเป็นขนมจีบมากกว่าซาลาเปา จานหลักต่อมา menu set dish : fish เมนูนี้จะเสร์ฟมาในถาดทองเหลือง มีข้าว ๑ ถ้วย ผัดผัก ๑ ถ้วย ซุปถั่วเหลือง ๑ ถ้วย และ ผัดปลา ๑ ถ้วย จานนี้ขอบอกว่า “จัดเต็ม อิ่มจริง” ใครไม่เคยกินอาหารเนปาล ไม่รู้จะเลือกเมนูไหนดี แนะนำ เมนูเซ็ต เลย นอกจาก ปลา ทางร้านยังมีไก่.แพะ และผัดรวมให้เลือก เป็นจาน “แนะนำ” จริงๆ ครบทุกรสชาติ แต่ติดนิดเดียว ไม่รู้ว่าเป็นรสลิ้นของคนเนปาลหรือเปล่า คือ ทุกเมนูจะออกเค็ม แต่รวมๆแล้ว รสชาติอร่อย อยากให้มาลองกินเปิดโลกกัน ปิดท้ายของหวานด้วย กุหลาบจามู เคยกินกุหลาบจามูในร้านแถวพาหุรัด หวานจี๊ดมาก ต้องกินพร้อมกับน้ำชาที่จะช่วยเสริมรสกัน กินเปล่าๆ ไม่ไหว หวานมาก สำหรับกุหลาบจามูร้านนี้ จัดว่า “กำลังดี” ไม่หวานมาก มีกลิ่นหอมของนม,เนย,แป้ง ช่วยทำให้น่ากินยิ่งขึ้น ใครไม่เคยกินอาหารเนปาล อยากเชิญชวนมาลองกิน จะได้เปิดโลกในการกินของลิ้นตัวเอง ร้านอยู่สุดซอย สุขุมวิท 31 มีป้ายบอกทางชัดเจน Dhanyabad แปลว่า ขอบคุณ อิ่มหมีพีมันทั่วหน้านะครับ
อ่านต่อ
ร้านอาหาร Himalaya เป็นร้านอาหารเนปาล อยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ร้านขนาดไม่ใหญ่มาก ที่จอดรถค่อนข้างจำกัด ต้องจอดตามซอยเอา ที่นั่งเป็นแบบนั่งพื้น ร้านจะบริการแบบกันเอง เจ้าของจะมาดูแลเอง เนื่องจากมีโต๊ะนั่งไม่เยอะมาก ร้านยังมีบริการให้ใส่ชุดส่าหรี แต่งหน้า ถ่ายรูปอีกด้วย แต่ทางร้านคิดค่าบริการเช่าชุด สถานที่ แต่งหน้า คนละ 300 บาท ไม่รวมกับราคาอาหาร วันนี้นัดเพื่อนๆ มารวมตัวกัน ทั้งทานอาหาร พูดคุย ถ่ายรูปกัน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เนื่องจากร้านเป็นสไตล์แบบส่วนตัวดี เมนูที่สั่ง มี - Chicken MoMo (ราคา 95 บาท) คล้ายๆ เสี่ยวหลงเปา แต่ข้างในจะเป็นไส้รสชาติเผ็ดๆ แปลกๆดี - Chicken Choyala (ราคา 135 บาท) ยำไก่ย่าง ตัวไก่จะย่างหอมกลิ่นเตาถ่าน ยำรสชาติไม่จัดเหมือนอาหารไทย แต่ก็รสชาติถูกปากดี- Butter Nan dip with Chicken Curry and Chili Chicken Nan เป็นแป้งทาเนยหอม คล้ายๆโรตี ทานคู่กับแกงกระหรี่ไก่- Prawn Pokoda เป็นคล้ายๆกุ้งชุปแป้งทอดกลิ่นเครื่องเทศ ทอดมาร้อนๆ อร่อยดีราคาอาหารถือว่าไม่ถูกมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณอาหาร แต่ได้ในเรืองของความแปลกใหม่
อ่านต่อ