Thai | English
saoguide
ฉันชื่อsaoguide อาศัยอยู่ในดินแดง. I am a Traveller&Travelerชอบไปลั้นลาที่ดินแดง, ถนนพญาไท, รามอินทรา. อาหารไทยทั่วไป, อาหารใต้, อาหารอิตาเลียน are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านกาแฟ / ร้านชาและขนมหวาน ไอศครีม, ปิ้งย่าง บาร์บีคิว, อาหารทะเล.
สมาชิก 368 รีวิวแรก
รีวิว944 รีวิว
編輯推介數目286 Editor's Choice
Recommended85 แนะนำ
ความนิยม12550 เข้าชม
Replies in Forum6 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ16104 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ6 วิดีโอ
My Recommended Reviews0 รีวิวแนะนำ
My Restaurant507 ร้านโปรด
Follow606 Following
粉絲7485 Follower(s)
saoguide  Level 4
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 16 ถึง 20 จาก 944 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านอาหารทั่วไป | สุกี้ ชาบู

วันนี้จะพาไปกินบุฟเฟต์ (อีกแล้ววววว 555) ชาบูนะคะ ซึ่งเป็นการซื้อดีลช่วงปลายปีค่ะ แล้วก็ชวนเพื่อนไปอีกสามคน ซื้อดีลล้วนๆ กร๊ากกกก โดยร้านนี้จะเป็นเจ้าของเดียวกับร้าน Fillets นะคะ


 
พิกัดของร้านก็จะอยู่ที่ อาคาร The Portico ค่ะ อยู่ที่ชั้นสามชั้นเดียวกับ Filltets เลย แล้วต้องเอาบัตรจอดรถไปให้ทางร้านประทับตรา เพื่อจะได้ไม่เสียค่าจอดนะคะ  จอดฟรีสองชั่วโมงค่ะ


อ้ะ เอาเงื่อนไขค่าจอดรถทั้งกรณีมีตราประทับกับไม่มีมาให้ดูนะคะ

 



หน้าร้านและบรรยากาศภายในร้านค่าา อุปกรณ์ก็มีให้ตามนี้เลยนะคะ

 

 
เราไปกันสี่คน จะได้เป็นสองหม้อค่ะ ดีลจะเลือกน้ำซุปได้หม้อละสามอย่าง (จากที่มีให้เลือกสี่อย่าง) ซึ่งมีสองอย่างที่เลือกเหมือนกัน และไม่เหมือนกันหนึ่งอย่างค่ะ เพราะจะได้ชิมครบสี่น้ำซุป 5555 การไปกินกับเพื่อนที่ชอบลองอะไรหลากหลายก็มีข้อดีแบบนี้หละค่าา

ซุปสี่อย่างที่มีให้เลือกก็มีดังนี้นะคะ

-ซุปกระดูกหมูสไตล์กวางตุ้ง
-ซุปหมาล่า มีให้เลือกระดับ Mild / Normal / Hot
-ซุปปลาแห้งสไตล์ญี่ปุ่น
-ซุปโซยุใส่ไวน์แดง (ตัวสุดท้ายนี่พนักงานจะมาเทไวน์แดงเพิ่มให้นะคะ)

 


ส่วนดีลของเราก็จะมีเมนูให้เลือกได้ดังนี้ค่ะ

 



ซึ่งถ้าดูจากเมนูราคาปกติของทางร้านนี่ แค่สั่งตัวเนื้อนำเข้าก็คุ้มกับราคาที่ซื้อมาแล้วหละค่ะ 55555

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 
จากนั้นพนักงานก็ปรุงน้ำจิ้มมาให้ค่ะ มีทั้งหมดห้าแบบ เราก็จะชอบที่เหมือนน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้มากสุดหละค่ะ แต่คนอื่นๆ ก็มีชอบแบบน้ำจิ้มแบบงาขาว และอื่นๆ กันนะคะ อันนี้ดีค่ะ มีให้เลือกหลากหลายดีหละ

 

 


แต่พนักงานก็มาทำให้รอบเดียวตอนแรกอะค่ะ พอหมดก็เลยลุกไปทำเอง เค้าจะมีสเตชั่นอยู่ใกล้ๆ โต๊ะเรานะคะ เครื่องปรุงที่มีให้ก็ตามภาพเลยค่ะ


 
และนี่คือเมนูที่เราสั่งมากันค่ะ ทั้งสายเนื้อและสายผัก รวมทั้งเมนูที่ไม่ใช่ชาบูด้วยนะคะ แต่พอสั่งทั้งหมดนี้มาลองแล้ว ตอนสั่งเพิ่มก็สั่งแต่เนื้อนำเข้าที่เป็นออสเตรเลียวากิวล้วนๆ แล้วค่ะ เพราะนิ่มสุด ดีสุดเลยในบรรดาเนื้อทั้งหมด

 

 

 

 

 

แต่ที่หงุดหงิดคือเรื่องเนื้อแพะค่ะ เพราะมีให้สั่งในเมนู เราสั่งไปตั้งแต่รอบแรก แต่ก็ไม่มา ให้พนักงานไปตามรอบแรก ก็ไม่มา จนตามกับพนักงานผู้ชาย (ไม่แน่ใจว่าเป็นผจก.ไหมค่ะ) ก็หายไป จนสักพักก็ค่อยมาบอกว่า หมดแล้ว (ฮัลโหลลลล นี่มาตั้งแต่เพิ่งเปิดร้าน บอกหมดแล้ว คืออารัยยยยยยยยย กิฟท์ไม่เข้าจายยยยยย) เซ็งอารมณ์มากง่าาา

แต่เนื้ออร่อย กินเนื้อแก้เซ็งไปค่ะ 5555 แต่ที่จริงแล้วไม่ควรเกิดเหตุการณ์แบบนี้นะ มันเสียความรู้สึกง่ะนะ
 
ปิดท้ายด้วยขนมค่ะ นี่ก็ให้แค่คนละชุดอีกต่างหาก แบบ...โอเค (คือให้เลือกระหว่างไอศกรีมวานิลลา / ไอศกรีมช็อกโกแลต / พายลาวาไข่เค็มพร้อมไอศกรีมวานิลลา)

แต่ขอบอกค่ะที่นี่ใช้ของดีสำหรับของหวานทั้งสองอย่างเลย ไอศกรีมเป็นของกัสแดมกู๊ดที่เราชอบมว้ากกกกก ส่วนพายเป็นของ Holy Moly ซึ่งดีมากทั้งรสชาติและเทกซเจอร์ค่ะ ดีงามมมม ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย (ค่ะ ป้าคนนี้อาหารมีผลมากต่ออารมณ์ 5555)

 



สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ
 
ถามว่าราคาดีลคุ้มไหม คุ้มค่ะ เนื้อนำเข้านี่คือดีมาก ถ้าไม่ซื้อดีลไปนี่จ่ายกันบานตะไทแน่นอน 5555 ของหวานก็เลิศมากค่ะ แต่ที่ขัดใจก็เรื่องเนื้อแพะ (ป้ายังเคือง 5555) แต่ก็โอเคค่ะ โดยรวมถือว่าดีมากกว่าแย่ ใครชอบชาบู กินเนื้อวัวได้ ก็อยากให้ไปลองกินที่ร้านนี้ดูนะคะ
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารไทยทั่วไป | ร้านอาหารฝรั่ง | ร้านกาแฟ / ร้านชา | คาเฟ่ | ลำลอง

สำหรับวันนี้ก็จะมารีวิวร้านอาหารอีกร้านที่ได้ไปกินแล้วประทับใจนะคะกับร้านนี้ค่ะ Eureka Coffee Tap สาขา MeStyle ห้วยขวางค่ะ


สำหรับพิกัดของร้านนี้จะอยู่แถวห้วยขวางนะคะ สามารถเซิร์ชหาในกูเกิ้ลด้วยคีย์เวิร์ด Eureka Coffee Tap ได้เลยค่ะ

 

 
ยูเรก้าสาขานี้จะอยู่ที่ด้านหน้าของโรงแรม MeStyle นะคะ ซึ่งถ้าใครเอารถส่วนตัวมา ก็สามารถจอดที่ด้านข้างๆ ของร้านซึ่งจะมีพื้นที่จอด หรือว่าจะไปจอดที่ที่จอดรถของโรงแรมก็ได้ค่ะ

 

 

บรรยากาศภายในร้านค่ะ จะมีเคาน์เตอร์ที่มีแท็ปคอฟฟี่ไนโตรอยู่ทางขวามือ ตัวร้านกว้างขวางพอควรเลยนะคะ จัดเก้าอี้ไม่แน่นมากด้วย และค่อนข้างหลากหลายสไตล์อยู่ค่ะ

 

 

 

 

 
สำหรับร้าน ยูเรก้าคอฟฟี่แท็ป (Eureka Coffee Tap) เกิดจากการร่วมมือของ 2 หุ้นส่วนหลัก คือ คุณกิฟท์-จาทัตยา กิตติบัณฑร และ คุณกานต์-ภูมิรัตน์ รังคสิริ ที่ทำงานด้านโฆษณาและมาร์เก็ตติ้งมาก่อน ด้วยความหลงใหลในกาแฟและอาหารการกิน ทำให้ทั้งสองได้ศึกษาค้นคว้าวิธีการครีเอทเมนูกาแฟต่าง ๆ จนได้เจอเครื่อง Nitro Cold Brew ซึ่งทำให้เกิดไอเดียธุรกิจประกอบเครื่อง Nitro Cold Brew ขายให้กับผู้สนใจ และต่อยอดมาจนเป็นคาเฟ่แห่งนี้นั่นเองหละค่ะ

ซึ่งเราได้คุยกับคุณกิฟท์ ก็ได้เล่าให้ฟังว่าที่มีความคิดในการใช้แท็ปไนโตรเจน เพื่อคุมรสกาแฟให้นิ่ง แล้วด้วยความที่คนไทยจะติดกาแฟที่ต้องใส่นม ทางร้านก็ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ยังคงความเป็นกาแฟโคลด์บรูวได้อยู่ค่ะ คือเป็นโคลด์บรูวแบบเข้มแล้วใส่นมแล้วกาแฟต้องไม่พัง อย่างไซรัปเอง ทางร้านก็ไม่สามารถใช้ไซรัปตามท้องตลาดทั่วไปได้ ทางร้านจึงทำเองด้วยนะคะ
 
ซึ่งเมนูที่โด่งดังมาตั้งแต่ยูเรก้าสาขาแรกก็คือไข่เค็มลาเต้นั่นเองหละค่ะ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ร้านนี้ก็มีเมนูครีเอทๆ หลายเมนูเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นโฮจิฉะข้าวแต๋น ชาเย็นทุเรียน มัจฉะใบเตยลาเต้ และเมนูใหม่ล่าสุดอย่างเบคอนคาราเมลลาเต้นะคะ

 

 
แต่ที่สำคัญเลยก็คือ สาขานี้มีอาหารหลากหลายเมนูมากยิ่งกว่าสาขาอื่นๆ ค่ะ เรียกว่าเป็น Extraordinary Food กันเลยทีเดียวค่ะ ให้ดูเมนูแบบเป็นตัวอักษรพร้อมราคากันก่อนแล้วกันนะคะ

 

 

 


ขอประเดิมด้วยเมนูเครื่องดื่มใหม่เอี่ยมก่อนเลยแล้วกันค่ะกับ Bacon Caramel Latte 180 บาท
 

 


ตอนที่เห็นชื่อตอนแรกก็แบบว่า...เอิ่ม รสชาติจะเป็นไงเนี่ย แต่กลายเป็นว่าอร่อยเฉยเลยค่ะ มันมีความหอมหวานของคาราเมลแต่มีความเจือเค็มของเบคอน เข้ากันมากเลยค่ะและไม่คาวใดๆ เลยด้วยค่ะ ซึ่งคาราเมลของที่นี่ใช้น้ำตาลธรรมชาติ โดยในร้านจะมีน้ำตาลทั้งหมดหกแบบ เลือกมาจากสามแหล่งค่ะ ซึงตัวเมนูนี้เป็นเมนูที่ทางร้านทำในวาระครบรอบสองปีค่ะ มี element ทั้งหมด 7 อย่างมีทั้งเบคอนครัมเบิลและ tuile ค่ะ อารมณ์เหมือนกินแมคคิอาโตผสมโฟลตนะคะ


 
ต่อไปค่ะกับเมนูดังของร้านนี้ ไข่เค็มลาเต้ 140 บาท เมนูลาเต้ที่เพิ่มรสชาติแปลกใหม่ด้วยไซรัปไข่เค็มโฮมเมดรสเค็มนิด ๆ ผสมกับนมสดและกาแฟ Cold Brew ท็อปด้วยฟองนมและหยอดด้านบนสุดด้วยขนมทองหยอดกรอบ ทางร้านแนะนำให้ใช้หลอดดูดจากล่างสุดและค่อย ๆ ดึงหลอดพร้อมดูดทีละนิด เพื่อให้ได้รสชาติทั้งหมดนะคะ ซึ่งอร่อยอีกแล้วววว คือยอมรับว่าตอนแรกนี่ก็ชอบเรื่องของความครีเอทนะคะ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าครีเอทแล้วต้องอร่อยด้วย พอเจอว่าอร่อยด้วยนี่ทำให้ยิ่งปลื้มหนักเลยค่ะ

 


เมนูต่อไปค่ะ ชาเย็นทุเรียน 150 บาทค่ะ
 
แก้วอื่นเราชิม แต่แก้วนี่นี่ของเราเต็มๆ เลยค่ะ ตัวชาหอมมันไม่หวานจัดกำลังดี เพิ่มความมันเจือหวานนิดๆ และกรุบกรอบของทุเรียนทอดกรอบ ซึ่งตัวชาเองก็มีไซรัปหรืออะไรสักอย่างที่เป็นทุเรียนชัดๆ ด้วยค่ะ โดยทางร้านเลือกใช้ทุเรียนก้านยว เพราะต้องการให้กลิ่นชัดค่ะ เพราะฉะนั้นเมนูนี้เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบทั้งชาและทุเรียนอย่างเรา 555

 



มัจฉะใบเตยลาเต้ 160 บาท
 
เมนูนี้ตัวคุณกิฟท์เล่าให้ฟังว่า มีแรงบันดาลใจจากใบชาที่ไปได้ทั่วโลก เลยอยากยกใบเตยของไทยให้มีมูลค่ามากขึ้น อยากจะผลักดันของไทยให้ได้มาตรฐาน ข้างล่างเป็นพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน ข้างบนเป็นมะพร้าวกะทิ เป็นดีเสิร์ทดริ๊งค์ค่ะ ตัวนี้เราไม่ได้ชิมนะคะ แต่เอาข้อมูลและหน้าตามาฝากให้ชมกันค่ะ

 



และแน่นอนว่ามาที่นี่ไม่ชิมเครื่องดื่มไนโตรก็กระไรเลยนะคะ ซึ่งมีด้วยกันดังนี้

- ไนโตรโคลด์บรูว 100 บาท
- ไนโตรชาไทย 100 บาท
- ไนโตรคาสคาราน้ำผึ้ง 100 บาท
- ลาเต้โคลด์บรูวเย็น 80 บาท
- ชาไทยเย็น 80 บาท
 
แต่วันนั้นได้ลองสามตัวค่ะ ซึ่งดีไปคนละแบบนะคะ (แบ่งกันชิมคนละอย่างกับเพื่อนค่ะ) มันเหมือนมีความละมุนมากขึ้น แล้วก็ดึงกลิ่นและรสให้ออกมาชัดขึ้นค่ะ

 



อีกหนึ่งเครื่องดื่มค่ะ สำหรับใครที่อาจจะไม่ใช่สายนม ซากุระยูสุเลมอนเนด 150 บาท

ออกแนวหวานอมเปรี้ยวหอม เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกผู้ยิ้งผู้หญิงหละค่ะ ดื่มแล้วสดชื่นดีมากเลย ใครไม่ใช่สายนมก็แนะนำตัวนี้นะคะ
 

 


Chicken Waffle 280 บาท



วาฟเฟิลไก่ทอด มูสเห็ด ซอสมัสตาร์ดและสลัด โดยตัวซอสที่ใช้ราดนี่เคี่ยว 48 ชั่วโมงนะคะ เป็นซอสมัสตาร์ดกับกระดูกไก่เคี่ยว ส่วนตัวเนื้อไก่ก็มีการหมักกับนม ทำให้นุ่มค่ะ อร่อยค่ะจานนี้ ขนาดกินตอนเย็นแล้ว เพราะมัวแต่ถ่ายรูปกัน ก็ยังอร่อยอยู่ เป็นจานเริ่มต้นที่ดีนะคะ

 

 

Foie Gras Bite 380 บาท


จานนี้เป็นจานหนึ่งที่เราประทับใจมากๆ นะคะ กับการเอาฟัวร์กราส์มาทำเมี่ยง ตัวฟัวร์กราส์ทำมาแบบไม่แห้ง ยังมีความชุ่มฉ่ำ และความเลี่ยนจากมันจัดๆ ของความเป็นฟัวร์กราส์มีรสชาติจัดจ้านของเครื่องปรุงเมี่ยงมาช่วยตัดรส ทำให้มันอร่อยและกินได้เยอะเลยค่ะ เป็นอีกจานที่ครีเอทได้ดีนะ เราชอบมากเลยแหละ

 

 


ยำสลัดปูนิ่ม Soft Shell Crab Spicy Salad 320 บาท
 
เคยกินสลัดปูนิ่มที่อื่นมานะคะ แต่ที่นี่ทำได้ต่างคือ มีรสชาติเผ็ดแซมมาด้วยค่ะ ซึ่งดี๊ดีอ้ะ เพราะปูนิ่มทอดเนี่ย จริงๆ สำหรับเรามันเลี่ยนง่ะ พอได้รสชาติเผ็ดแซมเปรี้ยวมา ทำให้รสชาติมันพอดีหละ

 


เมนูต่อไปค่ะ โฮตาเตะเฟตตูชินี่ทรัฟเฟิล 360 บาท
 
ตัวเส้นเฟตตูชินี่นี่ผสมกับดอกคำฝอยนะคะ คุณกิฟท์บอกว่า เพื่อช่วยลดไขมันค่ะ 55555 (อร่อยปากแต่รักสุขภาพด้วยงี้) กลิ่นทรัฟเฟิลหอมชัดมากค่ะ และโฮตาเตะก็สดเด้งมาก อร่อยอีกแล้วค่ะ นี่กินมายังไม่มีจานไหนไม่ถูกปากเลยนะคะ

 


สปาเก็ตตี้หมูกรอบคั่วเกลือ 220 บาท


เส้นอัลดังเต้มากค่ะ หมูกรอบเป็นสโมคกี้พอร์คเบลลี่นะคะ โดยนำไปย่างบนเตาถ่านเพื่อรีดน้ำมันก่อน จากนั้นนำมาผัดเหมือนคั่วเกลือ ส่วนตัวไข่ดาวนี่ก็เป็นไข่เป็ดที่เอาไปดองให้เกือบเป็นไข่เค็มด้วยค่ะ

จานนี้อร่อยมากกกกกกก ชอบที่สุดในบรรดาพาสต้าทั้งหมดที่ได้ชิมเลยค่ะ หมูกรอบก็กร๊อบกรอบ รสชาติทั่วถึง รสจัด เข้ม อร่อยหละ ขนาดกินตอนเย็นๆ แล้วยังอร่อยง่ะ ถ้าได้กินตอนร้อนๆ นี่น่าจะยิ่งฟินเลยค่ะ ตัวไข่ก็ไม่เค็มนะคะ แต่ไข่แดงกลับมันกว่าไข่ปกติทั่วไป (น่าจะเป็นเพราะเอาไปดอง) ดีย์ค่ะจานนี้

 

 


ต่อไปค่าากับเมนูนี้

เสต็กปลาแซลมอนซอสเบอร์บลองค์ 420 บาท

 


แซลมอนคุ้กมาได้ดีมากเลยค่ะ หนังกรอบแต่เนื้อในไม่แห้ง ซอสจะมีทั้งความครีมมี่และอมเปรี้ยวนิดๆ เป็นการผสานรสที่ดีเลยค่ะ ใครที่ชอบแซลมอนน่าจะโปรดกับเมนูนี้นะคะ วันนั้นก็มีคนชอบเมนูนี้กันค่ะ



เสต็กแกะย่างเคลือบสมุนไพรและซอสแกะ 790 บาท

เป็นซี่โครงแกะ Mottainai ที่นำเข้าจากออสเตรเลียนะคะ ตัวสมุนไพรเฮิร์บครัชที่เคลือบนี่ทำจากใบสะระแหน่ค่ะ ใช้สีธรรมชาติ กินกับซอสเบอร์รี่คอมโพสแทนมินท์ซอสแบบที่ที่อื่นๆ ทำนะคะ ตัวซอสทำจากกระดูแกะและน้ำมันแกะค่ะ

เมนูนี้สายแลมบ์เลิฟเวอร์รักแน่ค่ะ แกะไม่มีกลิ่นสาบเลย นุ่ม อร่อยมากเลยค่ะ

 

 

ปิดท้ายกันด้วยเมนูนี้ฮ้าบบบบ

เซิร์ฟแอนด์เทิร์ฟ สเต็กล็อบสเตอร์และสเต็กเนื้อวากิวในจานเดียวกัน 1290 บาท

 


อันนี้มาแบบทูอินวันนะคะ ถูกใจทั้งสายเนื้อและสายล็อบสเตอร์เลย แต่อันนี้ไม่ได้ชิมนะฮับ เป็นของอีกโต๊ะหนึ่งที่ไปพร้อมกัน 5555 มีซอสมาให้สามแบบค่ะ รวมทั้งเลมอนที่เอามาบีบเพิ่มรสให้ลอบสเตอร์ได้ด้วย ถามคนกินบอกว่าเนื้อนิ่มดีและลอบสเตอร์ก็สดเด้งดีเช่นกันค่าา


 
จากนั้นทางร้านก็เลยเชิญเราเข้าไปดูในครัวไปดูการทำเส้นพาสต้าสดๆ ค่ะ เห็นชัดเลยว่าผสมดอกคำฝอยจริงๆ ด้วยนะเอ้า แล้วก็ต้องมีการนวด การรีดให้แผ่นบางก่อนแล้วค่อยทำเป็นเส้นค่ะ

 


ปิดท้ายด้วยโฉมหน้าผู้ปรุงอาหารและเครื่องดื่มที่สร้างความประทับใจครั้งนี้ค่ะ
 
เชฟต้น - เชฟหลักของทางร้านและน้องตั๊กค่ะ บาริสต้า ตัวเชฟต้นเราได้เห็นตอนทำอาหารนิดเดียวนะคะ แต่น้องตั๊กนี่ได้เห็นน้องทำเครื่องดื่มหลายเมนูเลย (เพราะเคาน์เตอร์อยู่ข้างนอก) เรารู้สึกว่าน้องละเมียดและละเอียดมากเลยค่ะ ที่ร้านนี้จะใช้คนรุ่นใหม่นะคะ แต่ฝีมือดีนะ ครีเอทและทำได้รสชาติดีสมกับคอนเซปต์ที่เจ้าของต้องการเลยค่ะ
 

 

 

สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ

 
วันนั้นเรียกว่าประทับใจหลายจานเลยค่ะ ครีเอทด้วย รสชาติดีด้วย ซึ่งเราว่าสำคัญเลยคือ ต้องไปวันที่เชฟอยู่หละ เพราะถ้าเป็นเชฟคนอื่น แม้ทางร้านจะบอกว่ามีครัวกลางแล้วก็ส่งมาก็ตาม แต่เรื่องของอาหาร เราว่ามีปัจจัยอะไรกระทบนิดหน่อยก็ส่งผลต่อรสชาติได้นะคะ แหะๆ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ถ้าอยากกินแบบทุกอย่างอร่อยอย่างที่วันนั้นเราได้กิน ควรเช็คว่าเชฟอยู่ไหมนะคะ รวมทั้งตัวเครื่องดื่มก็ควรไปวันที่คุณตั๊กอยู่หละ เพราะจะได้ความเป๊ะมากกว่าค่ะ แฮร่...
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารนานาชาติ | ร้านในคอมมูนิตี้มอลล์ | สเต็ก | อาหารทะเล | บุฟเฟ่ต์ | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง | โอกาสพิเศษ

สำหรับวันนี้ก็จะพาไปชมโฉมใหม่ของ Copper Buffet อินเตอร์บุฟเฟต์ราคาไม่ถึงพันที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ แล้วสำหรับเรานะคะ ซึ่งเพิ่งจะทำการขยายร้านเพื่อรองรับลูกค้าให้มากขึ้น และเพิ่มเมนูรวมทั้งการบริการใหม่ๆ ต่างๆ แบบ All New Copper หละ ทางเราก็เลยขอไปอัพเดทกันสักหน่อยว่ามีอะไรยังไงกันบ้างนะคะ



สำหรับพิกัดของคอปเปอร์ ยังคงตั้งอยู่ที่เดิมนะคะ ถ้าเรียกทั่วไปก็ชั้นสาม แต่เป็นชั้นสองของห้างค่ะ ถ้าขึ้นลิฟท์แก้วไป ก็จะไปอยู่ตรงหน้าร้านพอดีเลย

ณ ปัจจุบันหลังจากรีโนเวทและทำใหม่ All New Copper Buffet ก็สามารถองรับลูกค้าได้มากขึ้นและมีเมนูใหม่ๆ มาด้วยค่ะ ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปชมกันนะคะ
 
สำหรับราคาที่นี่ยังคงราคาไว้ที่ไม่ถึงพันเหมือนเดิม (999 บาทสำหรับผู้ใหญ่ 399 บาทสำหรับเด็ก) แล้วกรณีถ้าเป็นสมาชิก ก็สามารถเลือกได้ว่าจะรับเมนูพิเศษ หรือว่าจะรับเป็นส่วนลด 10 % (สำหรับเงินสด) หรือ 5% กรณีใช้บัตรเครดิตก็ได้นะคะ (คห.ส่วนตัว รับเมนูพิเศษคุ้มกว่าเยอะ) ซึ่งสำหรับเดือนเกิด จะลด 15% (เฉพาะเงินสด) ด้วยนะคะ (ค่าสมัครสมาชิก 899 บาทเน็ต มีอายุ 1 ปีค่ะ) ซึ่งที่นี่ยังไงก็แนะนำให้จองล่วงหน้านะคะ โดยจองผ่านแฟนเพจ copper buffet หรือไลน์แอด @copperbuffet ก็ได้ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุด เพราะเต็มตลอดเลย อย่างของปีนี้นี่ เต็มยาวทุกวันตั้งแต่กลางปีนะคะ จองช่วงนี้ก็ได้กินปีหน้าเท่านั้นค่ะ
 
โดยพอจองแล้ว เมื่อถึงร้านจะต้องไปติดต่อที่เคาน์เตอร์เพื่อแจ้งหมายเลขบุ๊คกิ้ง แล้วก็รับเบอร์โต๊ะของตัวเองว่าต้องไปนั่งที่โต๊ะไหนนะคะ

 


สำหรับรอบการเปิด วันจันทร์ อังคาร พุธ จะมีสามรอบ ส่วนพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีเป็นสี่รอบ ตามภาพนะคะ

 




 
อย่างที่บอกว่า คอปเปอร์ได้ทำการรีโนเวทขยายร้านให้รับลูกค้าได้มากขึ้น จาก 180 คนต่อรอบ เป็น 280 คนต่อรอบเลยหละค่ะ วันนั้นทางเราเองก็ได้นั่งที่โซนใหม่ค่ะ ซึ่งจะเป็นโซนที่อยู่ฝั่งเดียวกับไนโตรโคลด์บริว / ของหวาน / ซุ้มอาหารญี่ปุ่นนะคะ แถมด้วยวันนั้นเราได้นั่งโต๊ะที่ติดกับตู้ดรายเอจให้น้ำลายไหลเล่นๆ ด้วย 55555

 

 

 
ขอเปิดรีวิวเมนูใหม่ด้วยเครื่องดื่มก่อนเล้ยยย (เพราะอยู่ใกล้ที่สุดเด้อ 555) กับไนโตรโคลด์บริว เครื่องทำเครื่องดื่มที่ทำออกมาให้มีฟองนุ่มๆ ราวกับเบียร์ ซึ่งมีให้เลือกหลายเมนูเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชามะลิ ชานมไต้หวัน ชามะนาว พั้นช์และอื่นๆ

 

 

 



วันนั้นเรากับเพื่อนลองสามเมนูค่ะ ชามะลิ ชามะนาว และชานมไต้หวันนะคะ แนะนำให้รีบดื่มภายใน 5 นาทีแรก ถ้าต้องการสัมผัสของฟองนุ่มๆ ค่ะ หลังจากนั้นฟองจะหายไปเด้อ ก็ยังอร่อยอยู่ แต่ไม่มีฟองให้สัมผัสค่า



สำหรับสเตชั่นอาหารญี่ปุ่น ก็จะมีเมนูญี่ปุ่นใหม่ๆ รวมทั้งเมนูโปรฯ ด้วยนะคะ

ไม่ว่าจะเป็นซูชิปลาสุหงิ ซูชิกุ้งอาเจนตินา ซูชิปลาอะบุริ ส่วนโปรฯ ก็จะเป็นซูชิโอโทโร่ค่ะ

 

 

 




สำหรับมุมเสต็ก น้องจากเนื้อวากิว แซลมอน และหมูแล้ว ตอนนี้ก็มีเสต็กไก่บาร์บีคิวเพิ่มขึ้นมาด้วยนะคะ

 

 


 
อีกหนึ่งมุมเมนูใหม่ค่าาา กับหมูสามอย่าง อันประกอบไปด้วย ขาหมูทอดกรอบ ซี่โครงหมูบาร์บีคิว และหมูกรอบบบบบ อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ จะสั่งแบบมิกซ์สามอย่างก็ได้ หรือจะเลือกเฉพาะเมนูที่ตัวเองชอบก็ได้นะคะ ซึ่งซี่โครงหมูของที่นี่ทางร้านจะเลาะออกมาให้เลย เพราะฉะนั้นกินได้เลยโดยไม่ต้องเปื้อนมือหยิบแทะนะคะ

 

 

 
เมนูใหม่ลำดับต่อไปปปป กับต้มยำกุ้งงงงง ซึ่งทำให้ร้อนๆ ถ้วยต่อถ้วยเลยค่ะ และเราสามารถสั่งระดับความเผ็ด แซ่บ ซี้ดได้อย่างที่ต้องการเลยค่ะ อย่างวันนั้นเราขอเผ็ด แซ่บ รสจัด คนทำก็จัดมาได้อย่างใจเลยค่ะ ร้ากกกกกก

 


ซุ้มของทอด มีเมนูใหม่คือ กุ้งทอดครีมชีส กับปลาไข่ทอดค่ะ

 


เมนูใหม่สำหรับสายเส้นค่าา กับเส้นหมี่น้ำยาปูววววว

เนื้อปูเป็นก้อน รสชาติเข้มข้น แล้วก็มาพร้อมไข่เป็ดต้มยางมะตูมด้วยนะคะ

 


เมนูใหม่ต่อมาสำหรับสายเส้นค่าา สปาเก็ตตี้ซอสแกะฮับบบ

 

 


อีกหนึ่งเมนูใหม่ที่กรี๊ดมาก เรียกว่าเร้าหรือให้ร้านเอามาทำเป็นเมนูประจำมานานแล้วค่ะ 555 กับกะเพราวากิวพร้อมไข่ออนเซน เมนูนี้แนะนำให้คลุกกับข้าวนะคะ เพราะว่าถ้ากินเปล่าๆ รสของกะเพราจะเข้มไปค่ะ พอคลุกข้าวแล้วรสชาติจะพอดีมากเลยค่ะ

 


 
หอย scallop นึ่งซอสกะเพราค่ะ ตัวนี้จะเลือกนึ่งหรือย่างก็ได้นะคะ แต่แนะนำตัวนึ่งมากกว่าค่ะ เพราะถ้าย่างแล้วตัวน้ำในหอยจะระเหย ทำให้ตัวเล็กลงค่ะ ถ้าต้องการรักษาขนาดของหอยให้ใหญ่เต็มปากเต็มคำ แนะนำให้นึ่งแทนนะคะ

 

 


และเมนูใหม่สำหรับของหวานค่าา ซึ่งเมนูนี้เคยเป็นโปรฯ สำหรับการแอดไลน์คอปเปอร์นะคะ แต่ All New Copper ก็ได้เพิ่มเมนูนี้มาเป็นเมนูของหวานประจำไปแล้วค่า นั่นก็คือ ฮันนี่โทสต์ซอสไข่เค็มลาวานั่นเองงงงง

 

 
และอีกเมนูที่ตอนพนักงานเอามาเสิร์ฟนี่เรากรี๊ดและเซอร์ไพรซ์สุดๆ ค่ะ กับขนมโคของโปรดนั่นเอ๊งงงงง โวะ ใครจะคิดว่าจะได้กินเมนูนี้ที่กรุงเทพฯ (ปกติต้องกลับบ้านที่เพชรบุรีค่ะถึงจะได้กิน 55555) ขนมโคนั่นเอ๊งงงง ตัวแป้งนุ่มดี ไส้หวานกำลังดี น้ำกะทิหอมค่ะ แต่เมนูนี้เสิร์ฟเฉพาะเสาร์อาทิตย์นะคะ

 


นอกจากนั้นในส่วนของเมนูโปรโมชั่นสำหรับสมาชิก หรือสำหรับคนที่จองผ่านแอพจองบางเจ้า ก็ยังคงมีอยู่ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวากิวออนท็อปด้วยฟัวร์กราส์ ฟัวร์กราส์ซอสแพสชั่นฟรุต หอยนางรมจากมิยาหงิ ซูชิโอโทโร ซึ่งเดือนมกรา 2563 จะมีเมนูโปรให้เพิ่มคือ หอยสแกลลอปไวท์ไวน์ กับเสต็กแกะออสเตรเลียนะคะ

 

 
ส่วนเมนูอื่นๆ ที่เคยมีในไลน์บุฟเฟต์ต่างๆ ของคอปเปอร์ ก็ยังคงมีอยู่ครบถ้วนนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสเต็กวากิว แซลมอน หมู / หอยนางรม กุ้ง หอยแมลงภู่ / ซุปเห็ดทรัฟเฟิล / ซูชิและซาชิมิ / ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมูและเนื้อวากิวพร้อมไข่ออนเซน / ขนมหวานสไตล์คาเฟ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมนานาชนิด ช็อกโกแลตลาวา เครมบูเล่ โมจิลาวาไข่เค็ม / ส้มตำ / สปาเก็ตตี้ต่างๆ ฯลฯ

 

 

สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
 
ยังไงสำหรับบุฟเฟต์ราคาไม่ถึงพัน สำหรับเราแล้วที่นี่ก็คือดีย์ที่สุดแล้วค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่กินเนื้อ กินหอยนางรม เป็นร้านที่คุ้มมากๆ ค่ะ แล้วถ้าสมัครสมาชิกด้วยแล้ว เมนูโปรฯ สำหรับสมาชิกแต่ละเดือนนี่ก็ยิ่งคุ้มเข้าไปใหญ่ เป็นอีกร้านที่เชียร์เสมอเวลาใครถามว่ากินบุฟเฟต์ที่ไหนดีค่ะ แต่แนะนำอีกครั้งว่าต้องจองล่วงหน้านะคะ อย่างที่โปรยไว้ที่หัวข้อบล็อก ของเดือนธันวานี่เต็มตั้งแต่กลางเดือนค่ะ ใครจองก็ไปกินอีกทีปีหน้าเลยนะคะ แหะๆ
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารอิตาเลียน | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | สเต็ก | โอกาสพิเศษ

สำหรับวันนี้ก็จะพาไปรับประทานอาหารกันที่ห้องอาหารในโรงแรมที่มีชื่อเสียงดีมากๆ แห่งหนึ่งนะคะ นั่นก็คือ ห้องอาหาร Scalini โรงแรมฮิลตันสุขุมวิทนั่นเองค่าาาา
 

ซึ่งโดยปกติที่นี่ ก็มักจะเป็นการไปกิน/รีวิวบุฟเฟต์นะคะ แต่รอบนี้เราไปกินแบบอลาคาร์ทกันค่ะ ซึ่ง Chef Enrique Abilleira ชาวสเปนและทีมรังสรรค์ออกมาได้อร่อยทุกจานเลยค่ะ ซึ่งสไตล์ของที่นี่ก็จะเป็น Italian cuisine with modern twists นะคะ



สำหรับห้องอาหารสกาลินี่จะอยู่ที่ชั้นลอยของโรงแรมนะคะ ถ้ามาจากทางด้านหน้ารร. เดินตรงผ่านล็อบบี้มาจะเจอบันไดเดินขึ้นห้องอาหารตามรูปเลยค่า

 


บรรยากาศภายในห้องอาหารค่ะ ดูขรึมๆ คลาสสิคๆ นะคะ

 

 



เมนูของห้องอาหารนี้นะค้าาา

 

 

โดยในวันนั้นทางโรงแรมได้จัดเคาน์เตอร์สำหรับทำเครื่องดื่มให้โดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะช่วงที่เราไปมีโปรโมชั่นสั่งบิสเต็กก้า รับฟรีเนโกรนีคอกเทลพอดี

 



ราคาเครื่องดื่มนะฮ้าบบบ

 



เครื่องดื่มที่ชื่อเนโกรนีคืออะไร เนโกรนี (Negroni) คือหนึ่งในคลาสสิกค็อกเทลที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลกตัวหนึ่งเลยค่ะ เกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ในยุคปี 1920s ปีทองยอดฮิตที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Prohibition Era ซึ่งสกาลินีเองก็อยู่ในยุคนี้เช่นกันนะคะ

เนโกรนีเกิดจากท่านเคาท์ กามิลโล เนโกรนี (Count Camillo Negroni) จากการสั่งค็อกเทลคลาสสิกที่ชื่อว่า Americano ที่มีส่วนผสมของ คัมปารี-เวอร์มุธ-โซดา แต่วันนั้นไม่แน่ใจว่าท่านเคานท์ไปเจอเรื่องเศร้าอะไรมาถึงขอเหล้าเข้มๆ โดยขอให้บาร์เทนเดอร์เติมเหล้าจินลงไปแทนโซดา! จึงกลายเป็นสูตรของเนโกรนีทุกวันนี้ เมื่อส่วนผสมนั้นดันอร่อยคนทั่วไปพากันสั่งตาม จึงให้ชื่อค็อกเทลนี้ตามผู้คิดจะเปลี่ยนคนแรกก็คือท่านเคาท์นั่นเองหละค่าา (เครดิตจากเพจของห้องอาหารสกาลินี่นะคะ)

ซึ่งดูจากส่วนผสมแล้ว..ก็สมกับความเจอเรื่องเศร้าขอเหล้าเข้มๆ จริงๆ ค่ะ เพราะเข้มมว้ากกกกกกกกกกก เหล้าจัดเต็ม แม้จะมีกลิ่นหอมของส้มมาทำให้ชื่นใจ แต่อิชั้นดื่มไปอึกเดียวก็ล่าถอยเลยค่ะ ยอมแพ้ ทว่าคนที่เค้าดื่มจิบเรื่อยๆ จนหมดแก้วนี่เค้าบอกว่ายิ่งดื่มยิ่งอร่อยนะคะ ใครที่สายแอลฯ ก็ลองดูแล้วกันนะฮับ

 


มามา ไปดูกันว่าวันนั้นได้ลองกินอะไรบ้างค่ะ


ประเดิมด้วยเมนู Complementary ฟรี ขนมปังที่ขอได้ตลอดนั่นคือ ขนมปังฟองกาเซียน้ำมันมะกอก/ เพสโต/ ซัลซามะเขือเทศ

 

 
ขอบอกว่า เนื้อขนมปังคือดีย์ย์ย์มากกกกกก นุ่ม แน่น เหนียวนิดๆ มีรสชาติ บอกไม่ถูก ดีทั้งเทกซเจอร์และรสเลยค่ะ กินเพลินมาก แล้วก็ไม่ว่าจะหน้าอะไร (ตามรูป) ก็อร่อยหมดเลยค่ะ

กินแบบไม่ดิปอะไรเลยยังอร่อย แต่คนที่เค้าดิปกันเค้าก็ชอบนะคะ เป็นคอมพลิเมนทารีที่ดีมากเลยอ้ะ


Wilds Mushroom Soup 480 บาท

ครีมมี่กำลังดี ไม่เลี่ยนเกินไป กลิ่นเห็ดค่อนข้างหอมชัดดีค่ะ อร่อยนะคะ ชอบอ้ะ

 


Lobster Bisque 550 บาท

อีกหนึ่งซุปค่ะ ล็อบสเตอร์เนื้อเด้งมาก ตัวซุปก็รสชาติดี ทิ้งไว้ให้เย็นก็ไม่เค็มจัดแบบหลายๆ ที่นะคะ หอมด้วย อร่อยอีกแล้ว

 


Crispy Salmon and Black Quinoa 450 บาท

แซลมอนคุ้กมาดีค่ะ ไม่แห้งไป สุกกำลังดีเลย คีนัวก็อร่อยเช้ยยยยย คือ ยิ่งกินไปนี่ยิ่งแบบ เฮ้ยยย ทำไมมันอร่อยทุกจานเลยฟระ

 

Oven Baked Seafood Pasta 1,250 บาท

จะเสิร์ฟมาในภาชนะคล้ายกระทะและมีแป้งคลุมปิดหน้ามานะคะ เวลาจะรับประทาน ทางพนักงาน (วันนั้นเป็นเชฟเลยค่ะ ดูได้จากคลิปด้านล่างนะค้า) จะทำการเปิดแป้งให้ เห็นพาสต้าด้านในพร้อมซีฟู้ดค่ะ ซึ่งอันนี้แนะนำให้กินตั้งแต่เสิร์ฟใหม่ๆ นะคะ เพราะถ้าทิ้งไว้นาน ความร้อนภายในจะทำให้เส้นนิ่มเกินไปได้ค่ะ ถ้ากินตอนมาเสิร์ฟเลย เส้นจะอัลดังเต้ดีมว้ากกก ซอสก็อร่อย ซีฟู้ดก็สด แล้วเชฟก็แนะนำให้เอาตัวแป้งพาสต้าที่ปิดหน้ามาฉีกแล้วก็จุ่มน้ำซอสกินนะคะ ซึ่งก็อร่อย (อีกแล้ว) ค่ะ

 

 


menu ต่อไปฮ้าบบบบบ

Fresh Oyster > Fine de Claire 12 ตัว 1,450 บาท

 

แต่วันนั้นเชฟมิกซ์หอยนางรมจากสามแหล่งมาให้ค่ะ เพราะอยากให้ชิมกันได้หลากหลายหน่อย ก็จะมีฟินเดอร์แคลร์สี่ตัว อีกแปดตัวจะมาจากอเมริกาสี่ แล้วก็จากเบลลองก์ ฝรั่งเศสอีกเมืองอีกสี่ตัวค่ะ

ซึ่งซอสเชฟก็มีให้ทั้งแบบเวสเทิร์นและแบบไทยนะคะ แล้วแต่เลยว่าชอบแบบไหน

ในส่วนของหอย เราชอบฟินเดอร์แคลร์สุดค่ะ ไม่เค็มจัด น้ำอร่อยตามมาตรฐานจากแหล่งนี้แหละ ส่วนจากตัวอเมริกา รสและกลิ่นไอโอดีนจะเข้มกว่าง่ะนะคะ ตัวเบลลองก์เราไม่ได้กินนะฮับ เลยเมนท์ไม่ได้


Half Grilled Chicken (350g) 540 บาท

 

 

ไก่ย่างหนังกรอบ ที่ย่างมาดี๊ดี หนังกรอบแต่เนื้อไม่แห้ง มีการหมักมาให้มีรสชาติ ตอนแรกคนอื่นชิมแล้วชมกันเปาะ ไอ้เราก็แบบ แหม..ไก่ย่าง จะแค่ไหนเชียว พอกินเท่านั้นแหละ เฮ้ยยย อร่อยฟร่ะ (เป็นมื้อที่ใช้คำว่าอร่อยได้สิ้นเปลืองมาก) ตัวซอสจะออกแนวอมเปรี้ยวนวลๆ นะคะ กินคู่กันก็จะได้อีกรสชาติหนึ่ง หรือจะกินไก่เฉยๆ เราก็ว่าอร่อยเช่นกันค่ะ





ขอคั่นด้วยเครื่องดื่มของเราค่ะ อันนี้นอนแอลฯ เป็นแนวโซดานะคะ บลูเบอร์รี่ อร่อยหละ เปรี้ยวหวานกำลังดี ดื่มเพลินเลยค่ะ คนนี้ชงเก่งอยู่น้าา รสกลมกล่อมค่ะ



Scalini Style Grilled Cod 1,200 บาท

 


โอ๊ยยยยย คุณขาาา มันดีย์ คือ ตอนแรกเสิร์ฟมาที่เดียวนี่ มาถึงเราไม่เหลือปลาแล้วค่ะ 5555 แต่แค่ชิมน้ำกับหอย ก็เฮ้ยยย อร่อย หอยไม่เค็มจัดอย่างบางที่ และยังสดด้วยค่ะ จากนั้นก็เลยสั่งใหม่อีกรอบเพราะอยากชิมปลาบ้าง พอได้กินเท่านั้นแหละ หูยยย มันดีอีกแล้ว ปลาดี๊ดี สด รสชาติดีมาก (มิน่าถึงหมดเร็ว) น้ำซุปก็อร่อยมาก คุ้กมาพอดีและรสชาติดีค่ะ

นี่คือกินหลายจานยังไม่เจอจานไหนไม่อร่อยเลยค่ะ เชฟเทพมากอ้ะ


จานต่อไปค่าา

Baked Alaskan King Crab Leg 650 บาท

เป็นขาปูอลาสก้า ตัดเป็นท่อนๆ ปรุงมาตามภาพนะคะ มีที่จิ้มให้ทุกอันเพื่อสะดวกในการทานค่ะ ตัวนี้เราชอบกินแบบไม่จิ้มซอสมากกว่า แต่ถ้าเทียบกับจานอื่นๆ แล้ว จานนี้ยังว้าวไม่เท่านะคะ

 



เนื้อสเต็กบิสเต็กก้า (Bistecca) ขีดละ 425 บาท

 

 



'บิสเต็กก้า' คือทีโบนสเต็กขนาดใหญ่ที่ต้องมีขนาด 1 -1.2 กิโล เป็นสเต็กที่ขึ้นชื่อในอิตาลี ซึ่งที่นี่จะปรุงบิสเต็กก้าด้วยสูตรลับเฉพาะของเขานะคะ โดยทั่วไปเมนูนี้จะแชร์กันราวๆ 2-3 ท่านค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ กินไม่จุอย่างเรา (เหรอป้า) สี่ห้าคนกำลังดีค่ะ


เนื้อนุ่มมาก มีความชุ่มฉ่ำของเนื้อ และมีความหอมของเนื้อชัดค่ะ รักษารสชาติและคุณภาพของเนื้อได้ดีแม้จะผ่านการคุ้กแล้ว แล้วก็ทำให้เด่นขึ้นอีกด้วยค่ะ ค่อนข้างดีเลย มีซอสมาให้สามอย่างนะคะ แล้วก็สามารถเลือกที่จะสั่งเป็นส่วนอื่นได้ด้วยค่ะ อย่างวันนั้นก็มีสั่งริบอายมาเพิ่มด้วย ซึ่งนุ่มและเคี้ยวเพลินฟันมาก



จบคาวแล้วววว ไปที่ของหวานกันบ้างค่าาา



Chocolate Sambuka 360 บาท

 

อร่อยดีค่ะ มีทั้งช็อกโกแลตบราวนี่ที่ใช้ช็อกโกแลตดีค่ะ ตัวเทกซเจอร์ก็ดีเช่นกัน ไอศกรีมก็อร่อยมาก หอมวานิลาและรสหวานนวลกำลัง แล้วก็มีสตรอเบอร์รี่มาช่วยตัดเปรี้ยวด้วยค่ะ


เป็นเมนูของหวานที่รสชาติค่อนข้างหลากหลายค่ะ เอาใจทั้งสายช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ ไอศกรีมเลิฟเวอร์ และคนที่ชอบกินของหวานแบบมีผลไม้ 5555




Tiramisu 350 บาท


เป็นอีกที่ที่ทำเมนูนี้อร่อยค่ะ เหล้าไม่โดดเกินไป กาแฟก็กำลังดี เทกซเจอร์ก็ดี แน่นแต่ก็เบาด้วย

 


Affogato 320 บาท


ตัวนี้จะแยกกาแฟออกมาเพื่อเทราดต่างหากนะคะ


เมนูนี้ดีค่ะ กาแฟเข้มกำลังดี บาลานซ์กับไอศกรีมดี แต่ตัวที่เหมือนคุ้กกี้นี่ไม่ได้ชิมนะคะ

 

 

 



สรุปสำหรับที่นี่นะคะ

 
ค่อนข้างประทับใจกับเมนูอาหารคาวค่ะ อร่อยแบบเกือบครบทุกเมนูเลยแหละ ส่วนตัวของหวาน อาจจะไม่ได้มีอะไรเด่นมาก แต่ก็ถือว่าอร่อยตามมาตรฐานค่ะ (นี่ถ้าได้ของหวานครีเอทๆ อีกนี่ คนรักของหวานอย่างเราจะยิ่งปลื้มมากกกก) วันนั้นเป็นมื้อหนึ่งที่ค่อนข้างประทับใจมาก จากการกินอาหาร เราว่าเชฟน่าจะเป็นคนเพอร์เฝคชันนิสต์พอควรเลยค่ะ เพราะรสชาติมันเป๊ะไปหมดง่ะ (คือปกติกินที่อื่น จะมีขาดโน่นนิดนี่หน่อย แต่ที่นี่ดูมันพอดิบพอดีไปหมด) ประทับใจนะคะ ถ้าใครอยากลองพิสูจน์ก็เชียร์ให้หาโอกาสลองไปกินกันค่ะ



ห้องอาหาร Scalini โรงแรมฮิลตันสุขุมวิทกรุงเทพฯ ซอยสุขุมวิท 24 สอบถามข้อมูลหรือจองโต๊ะได้ที่โทรศัพท์ 02-620-6666

 

 
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : ร้านอาหารทั่วไป | สเต็ก | ลำลอง

สำหรับวันนี้ก็จะพาไปกินเนื้ออออกับร้านหนึ่งที่เกิดปรากฏการณ์เปิดให้จองในเว็บปุ๊บเต็มในสองวินาทีนะคะ 5555 กับร้านนี้นั่นเอง มหาสารค่า


สำหรับพิกัด ณ ตอนนี้ร้านย้ายมาอยู่ถนนจันทน์แล้วนะคะ อยู่ในซอยอีกที หน้าร้านจอดรถได้แค่สองคันค่ะ ใครนำรถส่วนตัวไปเหมือนเรา แนะนำให้ไปจอดที่เยื้องๆ กับโจ๊กหมูทอง จะมีมูลนิธิศาลเจ้าตระกูลฯ อยู่ คิดชั่วโมงละ 20 บาทค่ะ


ตัวร้านจะเป็นอาคารพาณิชย์สองคูหานะคะ จะมีชั้นล่างชั้นเดียวค่ะ เป็นห้องแอร์ทั้งหมดนะฮับบบ

 


มีป้ายแจ้งทั้งเรื่องที่จอดรถนะคะ (เจพาร์คก็จอดได้ แต่เราว่าไกลกว่าที่มูลนิธิที่เราบอกนะ แหะๆ) แล้วก็เรื่องการสูบบุหรี่ค่ะ

 

สำหรับที่นี่ ฝั่งซ้ายก็จะมีรูปประดับต่างๆ เต็มฝาผนังเลยนะคะ และมีเตาย่างแบบเห็นๆ ให้ดูที่ด้านในค่ะ โดยมีคุณแบงค์ เจ้าของร้านย่างให้ดูเลย ส่วนวันนั้นเรานั่งที่ห้องทางขวาค่ะ ไปกัน 11 คน ก็หนึ่งโต๊ะเต็มพอดีค่ะ แหะๆ

ปกติที่นี่จะมีสองรอบนะคะ คือ รอบ 6 โมงเย็น กับรอบ 19.00 น.ค่ะ

 



แถ่นแท้ โฉมหน้าของคุณแบงค์ ขณะปฏิบัติหน้าที่ค่าา

 


ส่วนเมนูของทางร้านก็มีตามนี้นะคะ แต่มีโอกาสที่ถ้าไปรอบหลัง หรือไปสั่งทีหลังแล้วบางเมนูจะหมดไปก่อนนะคะ

แล้วก็ที่สำคัญ ตัวเมนูไข่ดอง จะต้องมีการจองล่วงหน้าว่าจะเอากี่ฟองค่ะ และกินหมดแล้วสั่งเพิ่มไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาดอง 7 ชั่วโมงนะคะ

 

 

 


ไปถึงก็เจอพี่ๆ สามท่านมาก่อนแล้ว และสั่งอาหารมาแล้วสองเมนูค่ะ เลยได้ชิมไปหน่อยค่ะ

อันแรก เนื้อน่องลายลวกจิ้ม 220 บาท ตัวเนื้อเหมือนรสเนื้อจะหายไปเยอะไปหน่อยค่ะ น่าจะลวกนานไปนิด แต่น้ำจิ้มคือดีมากๆ รสชาติดี รสยันกันพอดี อร่อยค่ะ

 

อีกหนึ่งเมนูค่ะ ซี่โครงหมูทอดน้ำปลา 180 บาท

ตัวซี่โครงเหมือนเอาไปตุ๋นหรือทำอะไรก่อนที่จะมาทอดค่ะ ตัวหมูเองไม่ได้มีรสเค็มนะคะ แต่ตัวน้ำปลาจะออกเค็มเจือหวาน รสเดียวกับที่เค้าทำราดปลากะพงทอดน้ำปลาหละค่ะ อร่อยดีอยู่นะคะ

 



ต่อไปค่าาหนึ่งในเมนูแนะนำที่ใครหลายคนชอบนะคะ

ลิ้นวัวย่าง 270 บาท

เมนูนี้จะมีน้ำจิ้มมาให้สองอย่างค่ะ ถ้าชอบรสจัดๆ ก็ตัวน้ำจิ้มสามรสตัวเดิมเลย (ตัวเดียวกับเนื้อน่องลายลวกจิ้ม) ถ้าชอบความนวลหน่อยก็จิ้มกับไข่ดองได้ค่ะ (อันนี้ถ้วยละ 25 บาท) จะได้รสนวลๆ เจือเค็มนิดๆ นะคะ

ตัวลิ้นไม่มีเอ็นแบบลิ้นทั่วไปเลยค่ะ ใครที่คุ้นกับลิ้นแบบนั้นอาจจะงงหน่อย แต่แบบนี้มันทำให้ลิ้นนุ่มและกินง่ายนะคะ เห็นว่าลิ้นหนึ่งอัน ทางร้านตัดมาใช้ทำได้แค่ 3 ชิ้นเองหละค่ะ

 

 

ต่อไปค่า กับอีกหนึ่งเมนูโคตรห้ามพลาดถ้ามาร้านนี้นะคะ


ไข่ดอง (สั่งจองล่วงหน้า)

 

โอ๊ยยยย คุณขา เห็นหน้าตาดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่อร่อยมว้ากกกกกก

คือ ต้องตักไข่ เอาน้ำซอสดองราด พร้อมพริก หอม กระเทียมที่เขาใส่มาด้วย คลุกข้าว รสชาติดีมากๆ เค็ม หวาน เผ็ด อร่อยมากค่ะ ดีงามสุดๆ


อีกหนึ่งเมนูเซอร์ไพรซ์ ที่ใครหลายคนมองข้าม แต่ดันอร่อยเวอร์ค่ะ

ข้าวหน้าเนื้ออบ 230 บาท

เนื้อทำมาสุกพอดี น้ำซอสอร่อยมาก นัวมาก อร่อยค่ะ อร่อยจริงๆ ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากพวกเสต็กต่างๆ จานนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ หรือถ้ามีเด็กมา สั่งเมนูนี้ให้กินได้สบายเลยค่ะ อร่อยยย

แสงน้อยมาก ภาพเบลอหลายภาพเลยค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ แง..

 


ต่อไปเป็นเมนูเสต็กเนื้อต่างๆ ซึ่งสั่งมาทุกอย่างที่ร้านยังมีอยู่ 5555 (ข้อดีของการไปหลายคนค่ะ กินได้หลายอย่างเลย อย่างละนิดละหน่อย) ซึ่งสารภาพว่า จำไม่ได้แล้ววววว่าจานไหนเป็นจานไหน ขออนุญาตเขียนเมนูและราคา แต่ภาพขอใส่แบบรวมทั้งหมดนะคะ

สเต็กหางว่าว 320 บาท
เสต็กพิคาน่า 420 บาท
สันนอกไทยวากิว 500 กรัม 1450 บาท
ริบเซต 400 กรัม 740 บาท
ใบพาย 460 กรัม 1610 บาท
สันในเทนเดอร์ลอยด์ 350 กรัม 750 บาท
สันไหล่ 300 กรัม 750 บาท
ใบพาย 360 กรัม 1260 บาท

 

สรุป ด้วยความที่เป็นเนื้อไทย (มีผสมกับแองกัสด้วยบ้างนะคะ) ซึ่งมาจากสามจังหวัดภาคอิสานของไทย (มุกดาหาร บุรีรัมย์ กับอะไรอีกจังหวัดนี่แหละค่ะ) แนะนำว่า ขอให้สั่งแบบมีเดียมนะคะ เพราะเท่าที่สังเกต ถ้าสั่งมีเดียมแรร์ เนื้อจะไม่นุ่มเท่าสั่งแบบมีเดียม ซึ่งพอได้คุยกับคุณแบงค์ทีหลัง คุณแบงค์บอกว่า ใช่ เพราะเนื้อไทย จะต้องอาศัยความร้อนในการคลายเส้นเอ็นและเยื่อของเนื้อมากหน่อยค่ะ ลักษณะเนื้อนุ่มพอควร (แต่อย่าไปเทียบกับพวกเนื้อที่เน้นความมีไขมันแทรกหนักๆ อย่างพวกเนื้อญี่ปุ่นหรืออย่างอื่นนะคะ) และมีความเด้งสู้ฟันในการเคี้ยวนะคะ

ส่วนตัวซอส จะเลือกเป็นซอสไข่ดองทรัฟเฟิลก็ได้นะคะ ก็จะราคาถ้วยละ 50 บาทหละ จะมีกลิ่นหอมของทรัฟเฟิลเพิ่มมาค่ะ

 




นอกจากนั้นใครจะสั่งสลัดผลไม้ น้ำสลัดส้มยูซึ 155 บาทมาก็ได้นะคะ

กินแก้เลี่ยนจากการกินแต่เนื้อสัตว์ได้ดีพอควรเลยหละค่ะ

 

หรือถ้าใครไม่ใช่สายเนื้อ (เอิ่ม...แต่ยังจะเลือกมากินร้านนี้ ฮา) เมนูนี้ก็ดีเช่นกันนะคะ

เสต็กสันคอหมู 280 บาท

เทกซเจอร์ดีม้ากมาก คุ้กมากำลังดี แต่ไม่แข็งเกินไป กำลังเคี้ยวเลยค่ะ และกลิ่นก็หอมด้วย ทำดีค่ะ เป็นตัวเลือกที่ดีของสายที่ไม่กินเนื้อวัวนะคะ


ต่อไปเป็นเมนูที่ทางร้านจะเริ่มขายหลังปีใหม่ค่ะ เป็นเมนูใหม่เอี๊ยมเอี่ยม

ข้าวคลุกมันเนื้อหม้อร้อน (คือ จำชื่ออย่างเป็นทางการไม่ได้ กร๊าก) ราคายังไม่มีนะคะ

เป็นเมนูที่นำข้าวไปผัดกับเนื้อและมันของเนื้อ จนหอมกรุ่น (เรียกว่ากลิ่นโชยตั้งแต่เปิดฝาให้ถ่ายรูปกันเลยแล้วกันค่ะ) และโปะหน้ามาด้วยเนื้อดิบ พอคลุกลงไป ความร้อนของตัวหม้อก็จะช่วยทำให้เนื้อดิบสุกขึ้นอีกนิดค่ะ อร่อยและหอมมว้ากกกก ใครที่จองคิวหลังปีใหม่ได้ อยากให้ลองนะคะ ดีงามมมม ชมกันทั้งโต๊ะค่ะเมนูนี้

 

 




และโฉมหน้าคุณแบงค์ ผู้ไขข้อข้องใจว่า ควรสั่งแบบมีเดียมค่ะ

 


และค่าเสียหายสำหรับมื้อนั้นค่ะ หารกันแล้วตกคนละพันนิดๆ เองงงงงง ดีงามมมมมมมม กินได้ขนาดนี้ แต่ราคานี้นี่ สุดมาก

 


สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ


ถึงจะเป็นเนื้อไทย แต่โดยรวมถือว่าคุ้มค่ามากๆ กับราคานี้ค่ะ พวกน้ำจิ้มนี่อร่อยทุกตัวเลย ทำรสชาติดีมาก เมนูที่ชอบมากคือ ไข่ดอง ข้าวหน้าเนื้ออบ และเสต็กหลายตัวเลยค่ะ เสียดายว่าจองยากมากกกกกก ถ้าจองง่ายกว่านี้คงมีโอกาสได้ไปซ้ำอีกง่ะนะ
 
Table Wait Time: 0 minute(s)


ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1000

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0