นักรีวิวร้านอาหาร

เช้าวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555 มีเป้าหมายไปที่ร้านอาหารเพื่อสุขภาพแถวดอนเมืองตามคำบอกเล่าของเพื่อนๆ ว่าเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายและเงียบสงบเหมือนได้ไปพักผ่อนต่างจังหวัด และที่สำคัญอาหารก็อร่อย และการเดินทางตามคำบอกเล่าก็มีความเป็นมาอย่างนี้ครับร้านอาหาร My Home ตั้งอยู่ในซอยโกสุมรวมใจ 23 บรรยากาศเงียบสบและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และสวนไม้ดอกไม้ประดับสวยงามแต่เผอิญวันที่ไปเจอฝนตกโปรยปรายก็เลยไม่มีโอกาสได้เก็บภาพสวยๆ ได้ทั่วบริเวณร้านมาฝาก หากสังเกตุให้ทั่วจะพบว่าพื้นที่ของร้านอาหารเป็นส่วนหนึ่งของบ้านพักอาศัยมาก่อนจึงทำให้รู้สึกถึงความเป็นกันเองแบบครอบครัว นั่งทานอาหารแบบชิลชิลด์ประมาณนั้น หากสังเกตุให้ดีที่ป้ายชื่อร้านจะมีคำว่า "ฟาร์มผัก" ซึ่งฟาร์มผักในที่นี้ก็คือฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์หลังใหญ่ที่สนามหญ้าตรงข้ามร้านอาหารและอาหารทุกๆ เมนูของที่นี่ผมก็เห็นแม่ครัวเดินไปเก็บผักสลัดสดๆ จากฟาร์มมาเสริฟให้กับลูกค้ารับประทานกันแบบไม่สูญเสียวิตามินกันเลยอาหารที่สั่งมาทานเป็นเมนูมังสวิรัติครับ สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา เสริฟมาในจานใบสี่เหลี่ยมสีดำทำให้อาหารดูเด่นสะดุดตาจริงๆ ครับ เส้นสปาเก็ตตี้นุ่มอร่อยรสชาติเผ็ดปานกลาง (ปกติผัดขี้เมารสชาติจะเผ็ดจัดจ้านมากกว่านี้) ทานแกล้มกับผักสลัดที่เพิ่งตัดมาสดๆ จากฟาร์มช่วยลดความเลี่ยนของอาหารได้เป็นอย่างดี และ อีกจานสุขภาพเป็นสลัดผักสดๆ มีผักหลายๆ อย่างให้เลือกทาน

สำหรับคนที่ทานเนื้อก็ไม่ต้องกลัวอ้วนเพราะอาหารทุกๆ จานที่ถูกนำมาเสริฟแทบจะเห็นผักโดดเด่นมาตั้งแต่ระยะ 100 เมตรซึ่งก็หมายความว่าอาหารของที่นี่มีสัดส่วนสมดุลระหว่างเนื้อสัตว์กับผักตรงตามที่ผมเคยศึกษามาเป๊ะ... อารมณ์ประมาณผัก 70% นะครับ

การเดินทาง
จากแยกหลักสี่ให้เลี้ยวเข้าถนนโลคอลโร๊ด (ตรงข้ามไอที สแควร์) ที่คู่ขนานกับถนนวิภาวดี ผ่านหน้าไอทีสแควร์ ผ่านศูนย์ลูกเรือการบินไทยมาประมาณ 100 เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าซอย ทางลัดสรงประภา ทางไป ร.ร.นานาชาติฮาร์โรว์ สังเกตุว่าจะผ่านร้านหมูกระทะ

พอเข้าซอยเจอสะพานก็ให้ชลอความเร็วรถเพื่อเลี้ยวขวาซอยแรก ให้สังเกตุร้านขายทองยิ่งเฮง ขับมาเรื่อยๆ ผ่านทางเข้า ร.ร.นานาชาติฮาร์โรว์ ตรงมาเรื่อยๆ ทางจะบังคับเลี้ยวขวาเจอปั้มบางจาก สังเกตด้านซ้าย เลี้ยวซ้ายซอย โกสุมรวมใจ 23 ร้านอาหาร My Home อยู่สุดซอยครับ

วัตถุดิบผักจากแปลงเกษตรอินทรีย์บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษเป็นความชาญฉลาดของครูหน่อยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของร้านอาหารมังสวิรัติ Health Me เพราะเป็นประเภทร้านอาหารที่กำลังอยู่ในกระแสของคนที่รักสุขภาพและมองหาอาหารทางเลือก อีกทั้งต้นทุนเรื่องวัตถุดิบก็ต่ำลงทำให้เราได้มีโอกาสทานอาหารไร้สารพิษในราคาสบายๆ กระเป๋า เนื่องจากเป็นวันเสาร์ซึ่งปกติร้านปิดให้บริการ แต่โชคดีที่วันนั้นครูหน่อยมีฝึกอบรมจึงเปิดหน้าร้านไว้ผมจึงได้โอกาสแวะเยี่ยมชมแปลงผักอินทรีย์หลังร้านและชิมอาหารขึ้นชื่อของร้านสองเมนู แต่ก่อนหน้าที่ไปดูความสวยงามของอาหารก็ชมบรรยากาศเขียวๆ ของร้านกันก่อนนะครับ

ร้านอาหารมังสวิรัติ Health Me ตั้งอยู่เยื้องๆ กับสำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทยปากซอยราษฎร์บูรณะ 34 มีที่จอดรถหลังร้านหรือจะจอดริมทางก็สะดวกเช่นกัน บรรยกาศร้านร่มรื่นไปด้วยไม้ประดับกินได้ทั้งดอก ผลและใบ ร้านมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นพนักงานและผู้คนที่แวะเวียนมาทำธุรกรรมการเงินซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นคนนอกพื้นที่ (หมายถึงไม่ได้อยู่แถวๆ นั้นนะครับ) ส่วนวันหยุดคนจะค่อนข้างบางตามีแต่คนท้องที่ซึ่งมักทำอาหารกินอยู่กับบ้าน และคงเป็นเหตุผลที่ร้านปิดให้บริการเฉพาะวันหยุดธนาคาร พาชมบรรยากาศรอบๆ ร้านมาพอสมควรแล้วก็มาคุยกันถึงรายการอาหารเพื่อสุขภาพของร้านกันบ้าง (เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่าเมื่อไหร่จะได้กิน...) ร้านอาหาร Health Me มีเมนูประจำวันที่ไม่น่าเบื่ออยู่ 2 เมนู (รสนิยมส่วนตัวครับ) คือ ยำ Health Me และข้าวยำธัญพืช เมนูอย่างหลังนี้เป็นที่ล่ำลือไปทั่วคาบสมุทรจนได้ออกรายการทีวีเมนูถัดมาเป็นส้มตำธัญพืช ไอเดียใช้ความหลากหลายของผักและดอกไม้มาผสมผสานกันจนเป็นเอกลักษณ์ หากินยากและเน้นความสดของวัตถุดิบ ที่สำคัญคือไม่ใช้การตำแต่จะใช้การยำแทน แต่ที่เรียกว่าส้มตำเพราะมีส่วนผสมบางอย่างต้องเอาไปตำถึงจะได้รสชาติ

หากใครเบื่อๆ กับรายการอาหารประจำวันก็มีรายการอาหารพิเศษมีไม่ซ้ำกันแต่ละวันให้เลือกรับประทาน เช่นหากใครอยากพะแนงไก่ต้องไปวันจันทร์ หรือฉู่ฉี่อารมณ์ดีรอวันศุกร์

รายการอาหารว่างมีให้เลือกไม่กี่อย่างครับ เช่น โยเกิร์ตและโรตี นอกจากนั้นก็เป็นเครื่องดื่ม มีแบบเติมได้ไม่อั้นจ่ายเพียง 15 บาทซึ่งเป็นน้ำมะตูม น้ำตะไคร้ น้ำดอกอัญชันผสมมะนาวรสชาติหวานอมเปรี้ยวอร่อยและประหยัดดี ส่วนที่เหลือก็เป็น น้ำลูกเดือย น้ำงาดำ น้ำข้าวหอมนิล น้ำผลไม้สด และน้ำฟักข้าวราคาก็ไม่เกินขวดละ 35 บาท

สรุปประสบการณ์เดินทางครั้งนี้คือ คุ้มและได้สุขภาพทั้งกายและใจครับ ฝากเพื่อนๆ แนะนำให้คุณพ่อ คุณแม่หรือพี่ๆ น้องๆ ไปทานกันได้ครับผมรับรองว่าไม่ผิดหวัง... (ร้านปิดให้บริการทุก ๆ วันหยุดธนาคารนะครับ)

วันหยุดอากาศดีๆ ได้มีโอกาสผ่านไปแถวพระรามเก้าซึ่งเพื่อนเคยแนะนำว่ามีร้านอาหารมังสวิรัตน์อร่อยๆ อยู่ใน Golden Place ตอนไปถึงก็หาไม่เจอครับเพราะป้ายบอกทางไปร้านไม่มี อาศัยถามพนักงานของ Gloden Place จึงทราบว่าร้านตาละลักษมณ์อยู่ด้านหลัง ทางเข้าตรงกับลานจอดรถพอดี

บรรยกาศของร้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ประดับและไม้เลื้อยปกคลุมหลังคาบางส่วน ช่วยให้ภายในร้านเย็นสบาย เมนูอาหารที่นี่เป็นมังสวิรัตน์ล้วนๆ ครับ แต่จะออกแนวฟิวชั่นเล็กน้อย ส่วนรสชาติอาหารจัดจ้านดีครับ ราคาต่อคนประมาณ 250 บาท

วันเสาร์ฝนตกพรำๆ ได้มีโอกาสแวะ The Promenade เพื่อหาไปชิมอาหารอิตาเลี่ยนแบบดั้งเดิมที่ร้าน Buono Bistro ตั้งอยู่ที่ชั้นสอง อยู่ระหว่างทางเชื่อมของ Fashion Island กับ The Promenade บรรยากาศของร้านหากมองจากภายนอกแล้วหลายๆ คนคงไม่กล้าเข้าไปเพราะหรูเกิ้น!!

แต่เชื่อหรือไม่ครับว่าอาหารที่ร้านใครๆ ก็ทานได้ มีเมนูหลักร้อยให้เลือกมากมาย พิซซ่าที่นี่แป้งบางกรอบอร่อยมาก แต่ที่ถูกใจมากที่สุดก็คือ ราวิโอลี่ไส้มอสซาเรลล่าชีสมะเขือเทศ ครับ แป้งนุ่มลิ้น รสชาติกลมกล่มมากๆ แนะนำเลยครับสำหรับคนที่ทานมังสวิรัตน์ลองแวะไปชิมสักครั้ง

วันหยุดเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสแวะไปบ้านเรียนรู้ใส่ใจพร้อมๆ กับมีโอกาสชิมอาหารออร์แกนิค (อาหารเพื่อสุขภาพ) ซึ่งปัจจุบันร้านอาหารประเภทนี้ค่อนข้างหายากสักหน่อย ร้านอาหารเพื่อสุขภาพครัวใส่ใจ ตั้งอยู่ที่ซอยวิภาวดี 22 (ลัดไปลาดพร้าว 8) หลังมหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์

มีโอกาสชิมไม่กี่เมนูจึงนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ที่รักสุขภาพได้ลองสั่งปิ่นโตมาทานกัน ที่นี่บริการส่งถึงที่ (ราคาส่งคิดต่างหาก) โดยราคาเริ่มต้นที่ 250 บาทต่อชุด แนะนำให้รวมๆ สั่งกับเพื่อนๆ จะคุ้มกว่าครับเพราะอาหารดีๆ มีไว้แบ่งปัน