Thai | English
Por_af
ฉันชื่อPor_af อาศัยอยู่ในบางโคล่. I am a Product Development, ทำงานอยู่ที่ช่องนนทรี. อาหารอีสาน, อาหารญี่ปุ่น, อาหารฟิวชั่น are my favorite cuisines. ชอบไปลั้นลาที่ ร้านผับแอนด์เรสเทอรองต์, ร้านสวนอาหารและปิ้งย่าง บาร์บีคิว, ซูชิ ซาซิมิ, จิ้มจุ่ม.
สมาชิก 3 รีวิวแรก
รีวิว17 รีวิว
編輯推介數目16 Editor's Choice
Recommended1 แนะนำ
ความนิยม3459 เข้าชม
Replies in Forum0 ความคิดเห็น
อัพโหลดรูปภาพ120 รูปภาพ
อัพโหลดวิดีโอ0 วิดีโอ
My Recommended Reviews2 รีวิวแนะนำ
My Restaurant0 ร้านโปรด
Follow24 Following
粉絲89 Follower(s)
Por_af  Level 2
ติดตาม ติดตาม  ความคิดเห็น: Leave a Message 
เรียงตาม:  วันที่ ยิ้ม ยิ้ม ไม่ปลื้ม ไม่ปลื้ม  Editor's Choice  คะแนนโดยรวม 
 
 
 
 
 
  เวอร์ชั่นเต็ม เวอร์ชั่นเต็ม   |   ดูแผนที่ ดูแผนที่
แสดงรีวิวที่ 1 ถึง 5 จาก 17 รีวิวใน ประเทศไทย
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | อาหารอิตาเลียน | ลำลอง

พอดีวันนี้เดินๆซื้อของที่พันธุ์ทิพย์อยู่ดีๆก็มีคนมาชวนไปเดินจตุจักร หลังจากเดินจตุจักรก็เลยไปกินข้าวต่อที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ถึงแล้วก็เดินหาของกิน เข้ามาปุ๊บ ตรงทางเข้าที่ชั้น 1เลย ก็เจอร้านๆนึงที่บรรยากาศน่านั่งดี เคยได้ยินชื่อมานาน ก็เลยลองซะหน่อย ( -*- เกี่ยวกันไม๊เนี่ย )

เข้ามาถึงแล้วนึกว่าอยู่ญี่ปุ่นครับ เพราะภายในร้าน เน้นการตกแต่งแบบ minimal คือเป็นแนวคิดการตกแต่งแบบคลีนๆ ธีมสีหลักคือขาว เทา และสีน้ำตาลอ่อนของไม้แบบโอ๊ค เป็นแนวคิดที่สร้างความรู้สึกเป็นกันเอง เบาๆ สบายๆ และสร้างความรู้สึกอบอุ่นด้วยการใช้วัสดุที่เป็นผ้าสี earth tone เข้ากับเฟอร์นิเจอร์สีโอ๊คได้เป็นอย่างดี และทำให้ soft ลงไปอีกด้วยแสงไฟสี warm light

 

 
ถ้าอยากเห็นภาพความเป็น minimal ให้ชัดยิ่งขึ้น ลองเดินเข้าไปดูในร้าน muji ก็ได้ครับ เป็นแนวการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายของดีไซน์ ใช้เส้นน้อยๆ สีน้อยๆ

 
ฝั่งนึงของกำแพง ใช้เส้นสีดำมาตัดกับผนังสีขาวครีม วาดออกมาเป็นกราฟฟิกรูปแบบ imagination friend มีสัตว์ประหลาดในจินตนาการออกมาเล่นกับเครื่องครัวและเครื่องปรุงอย่างสนุกสนาน ภายใต้คอนเซปต์ที่ว่า บนโต๊ะอาหาร ไม่มีใครแก่ (ที่จริงเขียนเป็นภาษาอังกฤษครับ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเขียนว่าอะไร) คือเน้นที่ความสนุกร่วมกันบนโต๊ะอาหารนั่นเอง

 

 
เห็นไม๊ครับ แม้แต่การเลือกใช้เครื่องประกอบอาหารหรือของตกแต่งบนโต๊ะ หรือแม้แต่ขวดน้ำ ที่ใส่ช้อน หรือที่รองแก้ว ก็ยังดูน่ารักในแบบ minimal เลยครับ lol

แม้แต่พนักงานก็ยังแต่งตัวแบบ minimal คือเป็นอารมณ์แบบแม่บ้านญี่ปุ่นเลย บริการค่อนข้างสุภาพทีเดียว แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา อยากเห็นลองไปดูที่ร้านก็แล้วกันนะครับ mad

สิ่งเดียวที่รู้สึกขัดใจบ้างก็คงเป็นเรื่องของเพลงประกอบบรรยากาศ ที่ไม่ได้เจาะจงไปในแนวใดแนวหนึ่ง เดี๋ยวก็คลาสสิก เดี๋ยวก็ป๊อป เดี๋ยวก็บอสซ่า เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามธีมไม่ทัน หรือเพราะว่าเน้นความสนุกและหลากหลายก็ไม่รู้ แต่ผมว่าไม่น่าใช่ -*-

มาถึงเรื่องอาหารกันบ้าง ร้าน On the table เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำอาหารแบบฟิวชั่น เป็นร้านที่รวมเมนูลูกผสม ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นอิตาลี ญี่ปุ่นฝรั่งเศส ญี่ปุ่นไทย หรือแม้แต่ไทยอิตาลี สรุปก็คือเป็นร้านรวมเมนูลูกครึ่งมาให้เลือกกันอย่างหลากหลาย สำหรับวันนี้ ผมเลือกขึ้นมาเป็นทูน่าสลัดครับ ไม่เหมือนทูน่าสลัดแบบฝรั่งเศสนะครับ หน้าตาเป็นแบบนี้

 
ดูดีทีเดียวครับ ราคาประมาณ 170 บาท ประกอบด้วยผักสลัด มะเขือเทศ และใช้น้ำสลัดใสแบบญี่ปุ่น ที่เน้นกลิ่นหอมของงาดำและงาขาว พร้อมกับความเปรี้ยวแบบบาลซามิกแบบอิตาลี ให้รสหวานจากน้ำตาล และความเค็มเบาๆจากเกลือ นั่นทำให้เกิดความแตกต่างจากทูน่าสลัด มีรสครบแบบหวานนำ เปรี้ยวตาม และตบท้ายด้วยเค็มเบาๆ โดยที่กลิ่นงาไม่ได้ทำให้รสชาติของจานเสียไป และไม่ได้กลบรสชาติของทูน่าและพริกไทยดำเลยครับ

 
พระเอกของจาน เป็นทูน่าหมักพริกไทยดำ แล้วจี่ให้สุกแต่ผิว โดยที่ข้างในยังคงดิบอยู่ ทูน่าสดใช้ได้ทีเดียว กินเข้ากับผักสลัดและน้ำสลัดเป็นอย่างดี :chopstickbowllol

อีกเมนูนึงที่สั่งเป็นเมนูที่คงคุ้นเคยกันดี สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาครับ

 
รสชาติค่อนข้างจัดจ้านทีเดียว เน้นความเผ็ดแบบพริกแห้ง แต่เค็มนำค่อนข้างโดด กลิ่นโหระพา กระเทียม ค่อนข้างครบ ใช้เส้นอย่างดี ลวกออกมาได้กำลังดี ไม่เละไป ไม่แข็งไป เบคอนทอดกรอบและไม่เค็มไป ไม่ไหม้ คิดว่าไม่ได้โดดเด่นไปกว่าร้านอาหารดีๆทั่วๆไป ไม่ผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ประทับใจ โดยรวมก็เรียกว่าอร่อยดีครับ

หลังจากนั่งกิน นั่งคุย นั่งพักผ่อนเพลินๆไปกับบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง เช็คบิลออกมาสี่ร้อยกว่าบาท ตกคนละสองร้อยนิดๆ ก็เป็นราคาที่เรียกว่าเกือบจะกลายเป็นมาตรฐานไปแล้วสำหรับทุกวันนี้ ก็ไม่แย่นัก เช็คบิลเสร็จก็กินน้ำแล้วก็กลับบ้านกัน lol
 
เมนูแนะนำ:  ทูน่าสลัด
 
วันที่ไปกิน: May 12, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿230(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 3

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

GO GO USA! ยิ้ม Apr 20, 2012   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารนานาชาติ | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | บุฟเฟ่ต์ | ครอบครัว ลำลอง | จัดเลี้ยงเป็นกลุ่ม | โอกาสพิเศษ

พอดีวันนี้เพื่อนที่ออฟฟิสจะเดินทางไปอเมริกาครับ เลยพากันไปเลี้ยงมื้อใหญ่ที่ร้าน The Rain Tree Cafe กันครับ

The Rain Tree Cafe เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ในโรงแรม Plaza Athenee Bangkok ครับ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ อยู่ใ้กล้ๆทางออกเพลินจิต ระวังขับเลยนะครับ ถ้ามาจากพระรามสี่ จะต้องกลับรถ โรงแรมจะอยู่ด้านขวา ส่วนถ้ามาจากเพลินจิตจะอยู่ด้านซ้าย เข้ามาไม่นานก็ถึงแล้ว ป้ายหน้าโรงแรมจะสังเกตยากหน่อย

ส่วนร้าน Rain Tree นั้น อยู่ในตึกโรงแรม หรือตึกที่อยู่ติดกับถนนใหญ่นั่นเอง จอดรถแล้วก็เดินออกมาหน่อยครับ ร้านอยู่ใกล้ๆกับ Lobby

การตกแต่งร้าน เป้นบรรยากาศแบบร้านในดรงแรมเลย คือเน้นหรู และดู modern ตาม concept ของโรงแรม เปิดเพลงแนว Lounge เข้ากับบรรยากาศสลัวๆ เหมาะกับการนั่งจิบไวน์ หรือจัดปาร์ตี้เล็กๆ ข้อดีคือเสียงดังก็ไม่มาว่าครับ (แต่ต้องดังแบบไม่น่าเกลียด) คือเรียกว่าเป็นร้านที่เน้นความสนุกสนานนั่นเอง

 
ส่วนอาหารที่นี่ เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ที่เน้นความ chic แบบยุโรป ไม่ว่าจะเป็น cold dish พวก ปาร์มาแฮม, ฟองดู หรือกระทั้งขาแกะย่าง แต่ก็ไม่ลืมกลิ่นอายอาหารยอดนิยมอย่างปลาดิบ อาหารจีน อาหารไทย ซีฟู้ด หรือแม้กระทั่งก๋วยเตี่ยว เมนูเยอะมาก จนลองชิมได้ไม่หมดเลยทีเดียวครับ chopstickchopstickbowlbowl

 
เมนูแรกที่ไม่เคยพลาด ปลาดิบครับ แซลมอนที่เสิร์ฟเป็นปลาฟาร์มที่มีมันปานกลาง เกรดใช้ได้ ค่อนข้างสดทีเดียวครับ ส่วนปลาโอก็ค่อนข้างดี เนื้อไม่ยุ่ยครับ ปลาหมึกสดปานกลาง หวานและหนึบนุ่มดีครับ lol

 
ต่อไปตามมาด้วย cold dish เป็นปาร์มาแฮมกับแซลมอนรมควันครับ แฮมค่อนข้างเค็ม แต่กลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป ส่วนแซลมอนเ็ค็มมาก เวลาหมักไม่ได้ใส่ผักชีลาว เลยมีกลิ่นคาวเล็กๆ sad

 
ต่อไปเป็นซีฟู้ดครับ ปูอลาสก้าเสิร์ฟแบบไม่อั้น หวานหอมทีเดียว และหอยแมงภู่สดๆพร้อมหอยนางรมสด กินกับหอมแดงทอดราดน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่เผ็ดมากครับ กินกับใบกระถิน อร่อยดีครับ แ่ต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าน่าจะสดมากกว่านี้อีกหน่อย mad

 
ต่อไปเป็นขาแกะย่างครับ จานนี้ตอนแรกตั้งความหวังไว้สูงมาก เป็นเนื้อแกะแบบ raw เลยครับ แดงแจ๊ด แต่ก็แอบผิดหวังเล็กน้อย เพราะย่างทิ้งไว้ค่อนข้างนาน เนื้อแกะเลยเหนียวมาก sad

 
อาหารคาวจานสุดท้ายครับ ด้วยความที่รู้สึกว่ามันน่าจะดีได้มากกว่านี้ เลยจัดปาร์มาแฮมใหม่ แต่คราวนี้พลิกแพลงอีกนิดตามไสตล์อิตาเลียน คือเอามาพันแคนตาลูป และกินกับ blue cheese อร่อยเหาะไปเลยครับ ความเค็มของแฮมและความหวานของแคนตาลูป และกลิ่นเฉพาะตัวของอาหารทั้งสองอย่าง เข้ากันได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในเมนู cold dish ที่เรียกว่าเป็นของโปรดของผมเลยทีเดียว chopstickchopstickbowlbowl

 
ตบท้ายด้วยของหวานครับ พยายามขจัดความธรรมดาโดยตกแต่งจานเข้าหน่อย เพิ่มความน่ากินขึ้นอีกเยอะเลยครับ ไม่งั้นคงเป็นของหวานธรรมดาๆ ไม่เด่นอะไรมาก จานนี้ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนเลยนะครับtongue

 
สรุปครับ มื้อนี้อิ่มมากๆ โดยรวมแล้วอร่อยทีเดียว ก็สมกับราคา (น่าจะประมาณ 1,500 บาท แต่จริงๆก็ไม่รู้หรอกครับว่าเท่าไหร่ เพราะมีคนจ่ายให้ mad) ลองไปทานกันดูนะครับ ไปกับคู่เดทก็เข้าท่า ไปกับแก๊งเพื่อนก็เข้าที และที่สำคัญ เดินทางไม่ยากด้วยครับ
 
เมนูแนะนำ:  ปาร์มาแฮมพันแคนาลูป,ซีฟู้ดบุฟเฟ่ต์
 
วันที่ไปกิน: Apr 11, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿1500

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 4  |  
Environment
 4  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

saboten saboten ยิ้ม Feb 28, 2012   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารญี่ปุ่น | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

วันนี้ไปเซ็นทรัลเวิล์ดกับน้องมาครับ ชีวิตผมคงไปไหนได้ไม่ไกล ออกนอกเส้นทางรถไฟฟ้าไม่ค่อยได้ tongue ไปซื้อหนังสือที่คิโนะคุนิยาเสร็จก็เลยแวะกินกันครับ

ส่วนที่มาตั้งอยู่ตรงนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยครับ เป็นย่านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของร้านญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านหนังสือญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นเพราะอยู่ติดกับห้างญี่ปุ่น หรืออิเซตันนั่นเอง ดังนั้น ร้าน saboten ก็เลยมีการตกแต่งร้านแบบไสตล์ญี่ปุ่น แต่เป็นญี่ปุ่นร่วมสมัย ออกซักปี 90 ได้ครับ หรือออกเชยนิดๆแต่ให้กลิ่นอายของวัฒนธรรมในสมัยนั้น ซึ่งเข้ากับอาหารที่ขายและระแวกใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี

 
ร้าน saboten เป็นร้านที่ขายเมนูทอดๆทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้งทอด ไก่ทอด และที่โด่งดังที่สุดก็คือหมูทอด หรือทงคัตสึนั่นเอง เมนูที่คนนิยมกินก็ไม่พ้นข้าวแกงหระหรี่หมูทอด หมูทอดสอดไส้ชีส หรือข้าวหมูทอดแบบเบสิค วันนี้ก็เลยสั่งมาสองเมนู เพื่อกินกันสามคน เนื่องจากไม่หิวมาก

พอสั่งเสร็จ สิ่งที่มาเสิร์พเป็นอันดับแรกก็คือ กระหล่ำปลีขูดฝอยครับ มาซะชามเบ้อเริ่มเลยทีเดียว พร้อมกับชามแบ่งสองใบ กระหล่ำปลีนี่เอาไว้กินกับน้ำสลัดงาแบบญี่ปุ่นที่วางตั้งอยู่คู่กับโชยุและคัตสึซอสและงาอยู่ทุกโต๊ะนั่นเอง เป็นออร์เดิร์ฟที่ไช้ได้ทีเดียว เนื่องจากขูดออกมาได้ฝอยละเอียดมาก ทำให้ไม่รู้สึกกระด้าง และลดระดับความเหม็นเขียวในตัวออกไป แต่พอราดน้ำสลัดแล้วจะทำให้น้ำสลัดติดผักมากขึ้น จึงไม่แนะนำให้ราดเยอะครับ เดี๋ยวเลี่ยน ส่วนน้ำสลัดก็เข้มข้นกำลังดีครับ ไม่เค็มไป ไม่หวานไป ไม่มันไป กลิ่นงาก็ไม่จัดจนทำให้เสัยรสชาติ

 
ที่เห็นด้านบนซ้ายก็คืองาครับ เสิร์ฟมาบนขามชนิดพิเศษ ที่จัดเตรียมไว้สำหรับบดงาโดยเฉพาะ คือเนื้อผิวชามไม่เรียบ เป็นคลื่นๆครับ พร้อมกับไม้บดงาที่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ มาเป็นไม้ทั้งแท่งเลยครับ เอาไว้บดเพื่อเทคัตสึซอสลงไปผสม อ้อ อย่าบดละเอียดเกินไปนะครับ เพราะจะทำให้กลิ่นงากลบกลิ่นคัตสึซอสเสียรสชาติ และจะทำให้ซอสมีเนื้อเป็นทรายๆ จะไม่อร่อยครับ

และแล้ว เมนูแรกก็มาเสิร์ฟ เป็นข้าวหมูทอดแบบธรรมดาครับ พอดีตอนที่มากิน มีโปรโมชั่น สั่งไซส์ใหญ่ได้ลด 10% ก็คือสั่งไซส์ใหญ่ได้ในราคาไซส์กลาง 280 บาทครับ

 
เมนูนี้ใช้ได้เลยทีเดียวครับ ถ้าเห็นแค่รูปอาจจะคิดว่าไม่ได้แตกต่างจากหมูทอดทั่วๆไป แต่ที่จริง เค้าใส่ใจกับรายละเอียดมากครับ ใช้หมูสันใน ที่เน้นความนุ่มมากกว่าความเหนียว ชุบไข่ แล้วชุบเกล็ดขนมปังแบบละเอียดปานกลาง ทำแบบนี้สองรอบ แล้วทอดด้วยนำมันที่ความร้อนสูงปานกลาง ทำให้หมูที่ออกมากรอบนอกนุ่มใน และไม่อมน้ำมัน จิ้มคัตสึซอสโรยงากินกับข้าวญี่ปุ่นแบบเม็ดยาวที่ไม่ชุ่มและไม่แห้งเกินไป แจ่มไปเลยครับ

 
ส่วนอีกเมนูนึง เป็นข้าวแกงกระหรี่หมูทอดครับ ราคา 320 บาท จานใหญ่มว้ากกก

 
หมูทอดรสชาติเหมือนจานแรกครับ ส่วนแกงกระหรี่ เป็นแกงแบบที่ texture ค่อนไปทางเหลว และไม่มีแครอทกับมันเหมือนเจ้าอื่นๆ ใส่พริกแห้งญี่ปุ่นที่ให้รสเป็ดที่ช่วงกลางลิ้น และมีกลิ่นแกงกระหรี่ที่ค่อนข้างแรง รสออกทางขมฝาดเล็กๆ เค็มปานกลางและหวานเล็กน้อยครับ โดยรวมก็ใช้ได้ แต่ผมชอบคัตสึธรรมดามากกว่า

เมนูทั้งสองเสิร์ฟมากับมิโสะซุปครับ เป็นมิโสะซุปที่ใส่มิโสะในน้ำเบสปลาโอแห้ง เน้นที่ความเค็มของมิโสะตามธรรมชาติและใช้โชยุแต่งกลิ่นทำให้กลิ่นโชยุไม่จัดเกินไป เป็นมิโสะซุผที่ผมว่าอร่อยมากเลยทีเดียว หากินรสแบบนี้ไม่ค่อยได้ครับ

ตบท้ายมาด้วยไอติมชาเขียว รสชาติเข้มข้น อร่อยครับ หวานน้อย ใส่นมน้อย ความเข้มของชาเขียวสูง ทำให้มีกลิ่นหอมมาก เห็นน้องบอกว่ารสชาติเหมือนไอติมชาเขียวยี่ห้อ H ที่มีแบรนด์ร้านเป็นขาวและแดงเข้ม อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นลาภปากรึเปล่า พนักงานเิิอามาเสิร์ฟให้สามถ้วยเลยครับ mad

 
บทสรุปของศึกครั้งนี้ จบลงที่ค่าเสียหายทั้งหมด ประมาณ 750 บาทกับสองเมนูครับ เรียกว่าแพงก็แพง แต่ก็ให้เยอะมาก สองเมนูกินได้สามคน เอาเป็นว่าราคาสามคนอิ่ม คิดไปหัวละ 250 บาท กับชาเขียวสามแก้ว แพงแต่อร่อยครับ
 
เมนูแนะนำ:  ทงคัตสึ,แกงกระหรี่หมูทอด
 
วันที่ไปกิน: Feb 25, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿250(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 4  |  
Service
 3  |  
Clean
 4  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
   1 Vote(s)   View Results
แนะนำ

Jojo ยิ้ม Feb 10, 2012   
Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารอิตาเลียน | ร้านในโรงแรม รีสอร์ต | ร้านอาหารฝรั่ง | พิซซ่า พาสต้า | จัดเลี้ยง ปาร์ตี้ | โอกาสพิเศษ

วันนี้พอดีมาประชุมที่โรงแรม St. Regis โรงแรมหรูที่ตั้งอยู่บนภนนราชดำริ โดยตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าราชดำริเลยครับ พอประชุมเสร็จ เลยมีโอกาสได้มากินมื้อใหญ่สุดหรูที่ร้านอาหารอิตตาเลียนที่ชื่อ Jojo ที่ชั้น 1 ของโรงแรม

การตกแต่งของร้าน เป็นแบบ Lounge ที่มีความรู้สึกของความเป็น contemporary european โดยมีกลิ่นอายของความเป็น asian ในรายละเอียดเล็กๆ และการจัดแสงที่ออกสลัวๆ ทำให้เหมาะกับการมานั่งจิบไวน์พูดคุยไปกับคนรู้ใจ แต่พอดีวันนี้มากับนายครับ เยอะมากไม่ได้ tongue

 
Jojo เป็นร้านที่อิมพอร์ตเชฟและผู้จัดการร้านมาจากอิตาลีโดยตรง ทำให้รสชาติของอาหารถูกถ่ายทอดออกมาโดยคงความเป็นอิตาลีตอนล่างไว้ได้อย่างมีศิลปะ

อาหารอิตาลีตอนล่าง กลาง และเหนือ จะมีรสชาติไม่เหมือนกันครับ โดยทางตอนล่าง รสชาติจะค่อนข้างออกไปทางจืด เนื่องจากมีอากาศที่ค่อนข้างอุ่นกว่าตอนกลางและบน และส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นอาหารทะเล และส่วนประกอบหลักถูกสั่งตรงมาจากอิตาลีโดยตรง เริ่มแรกครับ ด้วย Complementary กับขนมปังและซาลามี่ ส่วนเมนูที่สั่ง เนื่องจากนายสั่งครับ สั่งตาม recommendation ของผู้จัดการร้าน เลยไม่รู้ราคาและชื่อเมนู และตอนแสิร์ฟ จะมีผู้จัดการร้านออกมาแนะนำเมนู แต่เนื่องจากรายละเอียดเยอะมาก เลยจำอะไรไม่ได้เลย เอาเป็นว่าบรรยายจากความรู้อันน้อยนิดละกันนะครับ tongue
Complementary

Complementary

 
เมนูแรกครับ เป็นชีสอะไรซักอย่าง ผู้จัดการแนะนำว่าเป็นเมนูชีสอย่างดีที่ส่งตรงมาจากอิตาลี เป็นชีสแผ่นที่เอามาทำเป็นถุงครับ หน้าตาดูน่าสนใจมาก วิธีการทำเดาไม่ถูกจริงๆ แต่อร่อยมาก รสนุ่มลิ้น กลิ่นติดเหลืออยู่ในปาก ขาดแต่ไวน์แดง ซึ่งคิดว่าน่าจะขับรสชาติของเมนูนี้ออกมาได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว และท่าทางแพงมากด้วยกัน

 
เมนูที่สอง เป็นชุดสำหรับสี่คน ประกอบด้วยอาหาร cold dish แปดอย่าง

 
เริ่มจากสลัดมะเขือเทศกับมอสซาเรล่าชีสกับผักร็อกเก็ต ออเดิร์ฟที่เรียกว่าเป็นพื้นฐานในอาหารอิตาลี ราดด้วยน้ำมันมะกอกกับพริกไทยดำ น้ำมันมะกอกที่ใช้เป็น Extra Virgin อย่างดีครับ ส่วนชีสก็ความนุ่มกำลังดี กลิ่นไม่หืน พร้อมกับมะเขือเทศที่ต้มอย่างได้ที่ ลอกเปลือกออกบางๆ ทำให้ไม่เละจนเกินไป เข้าปากแล้วแทบละลายไปเลยทีเดียว

ต่อด้วยสลัดหมึกยักษ์ราดน้ำมันมะกอกกับพริกไทยดำ ที่ต้มด้วยความร้อนสูงในเวลาสั้นๆ ทำให้ปลาหมึกออกมานิ่ม เสิร์ฟพร้อมกับผักร็อกเก็ต อันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารอิตาเลียน

ต่อมาคือซีฟู้ดสลัดครับ ประกอบด้วยกุ้งล็อบสเตอร์ ปลาหมึกกล้วย และ หอยแมลงภู่ มากับน้ำมันมะกอกและผักร็อคเก็ตกับพริกไทยดำอีกแล้ว

ตามมาด้วยบลูชีส เฮเซลนัท และผลไม้อบแห้ง อันนี้ไม่รู้จริงๆครับว่าผลอะไร แต่บลูชีสอร่อยมากครับ ไม่เหม็นหืน

ต่อไป กุ้งชุบแห้งทอดครับ เป็นกุ้งทะเล สดมาก เนื้อเด้ง หนึบ แป้งไม่อุ้มน้ำมัน ทำออกมาได้ดีมากครับ ไม่เลี่ยนเลย

อีกอันเป็นผัดผักไสตล์อิตาลีครับ ประกอบด้วยเห็ด พริกหวาน และแตงกวา เมนูนี้มักจะไม่ถูกปากคนไทยครับ เพราะเราชินกับการกินผัดผักใส่กระเทียม และเสิร์ฟมาร้อนๆ พอดีผมก็คนไทย เลยไม่ชอบ -_-"

สุดท้ายสำหรับเมนูนี้ครับ ปาร์มาแฮม อันนี้อร่อยมากๆ ไม่เค็มเกินไป กลิ่นหมักไม่แรง ไม่เหม็น ปกติกินกับเบียร์หรือไวน์แดงแล้วแจ่มเลย พอดีวันนี้ำำไม่กล้าสั่งไวน์ แต่ถ้าสั่งก็คงทำให้หนักใจ ว่าจะเลือกแกล้มกับไวน์แดงหรือไวน์ขาวดี เพราะอาหารทะเลเยอะเหลือเกิน

 
ต่อไปคือ Al tartufo ครับ พิซซ่าขึ้นชื่อของ Jojo ซึ่งประกอบด้วยเห็นทรัฟเฟิล มันอบ มอนทาซิโอ หรือผักดอง (รสชาติเหมือนกานาฉ่าย และมอสซาเรล่าชีส) ราคา 600 บาท เมนูนี้อร่อยมากครับ แนะนำ แป้งอบออกมาได้กรอบและนิ่มกำลังดี ใช้ความร้อนไม่สูงเกินไป ทำให้ออกมาไม่กรอบแตกเลอะเทอะ และไม่นิ่มเละ รสชาติของหน้าพิซซ่าก็เข้ากันได้ดีมากครับ เลือกเห็ดทรัฟเฟิลเสริมกับกลิ่นชีสได้อย่างมีเสน่ห์ เน้นที่รสเค็มเป็นหลักครับ
พาสตาร์เซ็ตสำหรับสี่คน

พาสตาร์เซ็ตสำหรับสี่คน

 
เมนูเซ็ตต่อไปเป็นพาสต้าครับ เริ่มจากสปาเก็ตตี้ครีมซอสที่มีลักษณะพิเศษอยู่ที่พริกเสปนที่ใส่ลงไป ทำให้เผ็ดจี๊ดที่ปลายลิ้น แต่ไม่เผ็ดร้อนแบบพริกไทย รสเผ็ดติดลิ้นไม่นานครับ ซึ่งทำให้ครีมซอสที่เสิร์ฟมากับพาสต้าไม่เลี่ยนจนเกินไป แน่นอน เส้นอย่างดีครับ ลวกเส้นออกมาแบบอันเดนเต้ หรือ ไม่ต้มออกมาจนสุก ตรงกลางยังแข็งกรอบอยู่นิดๆ

ตามมาด้วยมะเขีอม่วงอบมะเขือเทศ เน้นที่รสเปรี้ยวตามธรรมชาติของมะเขือเทศครับ เมนูนี้ไม่ได้โดดเด่นอะไร

ต่อไปเป็นมักกะโรนีครีมชีสครับ เค็มปานกลาง เส้นใช้ได้ อันนี้ก็ธรรมดา

สุดท้าย เป็นลาซานญ่าครับ อันนี้อร่อยมาก แต่ลืมตัวว่าตั้งใจจะเลิกทานเนื้อ (ลาซานญ่าพื้นฐานจะใช้เนื้อวัวสับเป็นส่วนประกอบ) ด้วยความที่เลิกทานเนื้อไปนานแล้ว แต่ก็เผลอเข้าปากไปหนึ่งคำ แป้งจับตัวกันกำลังดีครับ ไม่เละเป็นทราย แล้วก็ไม่ยุ่ยเป็นแป้ง มอสซาเรลล่าชีสอย่างดี ไม่เค็มเกินไป อร่อยมากครับ แนะนำเลย
ของหวานครับ

ของหวานครับ

 
ปิดท้ายด้วยของหวาน 4 อย่าง แต่ถ่ายทันแค่สามอย่างเท่านั้น ประกอบด้วยช็อคโกแลตชั้นดี สั่งตรงจากอิตาลี เสิร์ฟกับสตรอเบอรี่และวานิลาซอส ตอนมาเสิร์ฟพนักงานเข็นรถมาเลยครับ เป็นช็อคโกแลตทรงปริซึมขนาดใหญ่ แล้วไสลซ์ออกมาเสิร์ฟหนึ่งซีก ราดวานิลาซอสแล้วกินกับสตรอเบอรี่ ละลายไปเลยครับ

อันต่อมาคือ Martini Tiramisu เป็นทิรามิสุที่เสิร์ฟมาในแก้วมาร์ตินี่ มี่กลิ่นหอมอ่อนๆของกาแฟ คลุ้งไปกับดรายมาร์ตินี่ โรยหน้าช็อคโกแลต texture อ่อนๆนุ่มลิ้น แต่ก็ไม่เละจนเลี่ยน หวานกำลังดี เมนูนี้รสชาติมีรสนิยมมากครับ แนะนำสุดๆ

รูปสุดท้ายคืออิตาเลียชีสเค้ก ที่เป็นคุกกี้แอนด์ครีม เสิร์ฟพร้อมสตรอเบอรี่สดฝานบางๆและซอร์เบทสตรอเบอรี่ อันนี้ก็ใช้ได้ครับ หวานอมเปรี้ยว แต่ไม่โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ

เมนูสุดท้ายแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เป็นรัมสปอนจ์เค้ก คือเป็นเค้กที่ชุ่มไปด้วยรัม เสิร์ฟกับซอร์เบทมะนาว กลิ่นรัมหนักมาก แต่กินกับซอร์เบทแล้วเหมือนโมฮีโตเลยครับ

ซักนิดนะครับ ร่วมแคมเปญจน์นิดหน่อย กับรูปคู่ซี้ Manager team ของเรา smile

 
สรุปโดยรวมนะครับ เป็นมื้อหรูหราตามไสตล์อาหารอิตาลีชั้นดี รสชาติและบรรยากาศมีระดับมาก ขาดไวน์ไป เพราะไม่กล้าสั่ง ราคาครับ มั่นใจ ว่าเฉียดสองหมื่นแน่นอน สำหรับมื้อนี้กับ 6 คน มื้อค่ำ ถ้าจ่ายเองคงน้ำตาตกเลยทีเดียว
 
เมนูแนะนำ:  Cheese,martini tiramisu,pasta
 
วันที่ไปกิน: Feb 07, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿3000(มื้อเย็น)

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 5  |  
Clean
 5  |  
Price
 5

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0

Share on TwitterShare on Facebook
ประเภท : อาหารเวียดนาม | ร้านอาหารทั่วไป | ลำลอง | ครอบครัว ลำลอง

วันนี้เป็นวันศุกร์ เหนื่อยจากการทำงานและความวุ่นวายมามาก ทำให้ไม่มีอารมณ์ไปต่อหนักที่ไหน แต่ก็อยากจะพักผ่อนสบายๆไปกับมื้อเบาๆ พร้อมเพื่อนร่วมงานอีกกลุ่มเล็กๆ จึงชวนกันสี่คน เดินจากที่ทำงานไปยังร้านอาหารเวียดนามที่คนไปไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย ให้ได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศเบาๆ

eat viet เป็นร้านอีกร้านนึง ที่ไปค่อนข้างบ่อย ด้วยความที่เป็นร้านที่ตกแต่งสบายๆ และอยู่ใกล้บ้านและที่ทำงาน คืออยู่ซอย 15 บนถนนนราธิวาส อยู่ฝั่งขาออก ซึ่งวิ่งตรงจากสาทรไปยังพระราม3 ก่อนถึง share of mind หรือซอยหน้าสถานี BRT อาคารสงเคราะห์นั่นเอง
หน้าร้านยามค่ำคืน

หน้าร้านยามค่ำคืน

 
ร้าน Wat Viet ตกแต่งภายในให้ความรู้สึกเป็น contemporary south east asia แต่ก็มีอารมณ์ chic chic แบบโมเดิร์นปนอยู่เล็กน้อย เป็นร้านที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง แต่ความวุ่นวายก็ไม่ได้ทำให้กลิ่นอายและบรรยากาศความคลาสสิคเลือนหายไปกับความวุ่นวายของตัวเมืองและการจราจร เพราะร้านตั้งอยู่ในซอย แต่ก็ไม่ลึกมากเกินไป สามารถเดินไปถึงตัวร้านได้ มีที่นั่งให้นั่งนอกร้าน แต่จุดเด่นอยู่ภายในตัวร้าน ที่ให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ส่วนเพลง bossa ที่เปิดคลอไปกับบรรยากาศชิลๆก็เข้ากันได้ดี ทำให้แค่เข้ามาในร้านซึ่งมีกลิ่นผักตามไสตล์อาหารเวียดนาม ก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ระดับนึงเลยทีเดียว
บรรยากาศโดยรวมภายในร้าน

บรรยากาศโดยรวมภายในร้าน

 
นอกจากบรรยากาศร้านที่ทำให้กลับมากินอีกบ่อยๆแล้ว ยังเป็นเพราะรสชาติอาหาร และราคาที่ไม่แพงมากด้วย รีวิวนี้จะไม่บอกราคาเป็นเมนูนะครับ แต่จะให้เดาว่าทั้งหมดเท่าไหร่ กับร้านบรรยากาศขนาดนี้ และทำเลขนาดนี้ lol
แหนมเนื้อง กุ้งพันอ้อย และแหนมสด

แหนมเนื้อง กุ้งพันอ้อย และแหนมสด

 
วันนี้สั่งอาหารแบบเรียกได้ว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว เริ่มต้นกันด้วยเมนูพื้นฐานสำหรับ แหนมเนือง แหนมสด และกุ้งพันอ้อยครับ เมนูแรกกับเมนูสามรสชาติธรรมดา รสชาติไม่ได้ต่างจากร้านอื่นๆ แต่เป็นพื้นฐานที่มาร้านอาหารเวียดนามก็ต้องสั่งเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เมนูหลังนี่ค่อนข้างประทับใจ อร่อยดีทีเดียว มากี่ทีก็สั่ง ไม่เค็มจัด รสชาติกลมกล่อมมากแบบเบาๆ จิ้มกินกับซอสบ๊วยแล้วโดนใจมากครับ แนะนำๆ
เปาะเปี๊ยวญวนไส้หมูและเปาะเปี๊ยะสดไส้กุ้ง

เปาะเปี๊ยวญวนไส้หมูและเปาะเปี๊ยะสดไส้กุ้ง

 
รูปที่สองนี้เป็นเปาะเหี๊ยะญวนไส้หมู เสิร์ฟมาพร้อมกับหมูยอ รสชาติเบาๆ และน้ำจิ้มซีฟู้ดที่รสไม่จัดเกินไป ความลงตัวระหว่างปริมาณผักกับหมูเข้ากันดี เป็นเมนูสบายท้องอีกเมนูครับ ส่วนอีกอันเป็นเปาะเปี๊ยะสดไส้กุ้ง กินสบายๆ ได้สุขภาพครับ อร่อยๆ
อันนี้จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร

อันนี้จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่าอะไร

 
ส่วนเมนูนี้ ไม่รู้ทำไม ไม่เคยสั่งเองซักที แต่มากับใคร เป็นต้องมีคนสั่งแทน เลยไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่ก็ชอบกินครับ อร่อยดี เป็นกุ้ง หมูยอ และผัก พันเป็นคำๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดครับ แนะนำๆ ใครรู้ชื่อเมนูช่วยบอกด้วยนะครับ
สลัดเวียดนาม

สลัดเวียดนาม

 
อันนี้เป็นสลัดเวียดนาม มีไข่ หมูยอ ผัก น้ำสลัดใส และงาครับ รสชาติออกเปรี้ยวหวาน ให้กลิ่นของงาอ่อนๆ อร่อยดีครับ
ไก่ย่างตะไคร้

ไก่ย่างตะไคร้

 
อันนี้เป็นเมนูโปรดผมเลยครับ ไก่ย่างใบมะกรูด ที่นี่ย่างออกมาได้รสออกหวานเพราะมีกลิ่นหอมหวานของกะทิที่กมักไก่ไว้ และมีกลิ่นใบมะกรูดที่ตัดกันได้อย่างลงตัว กินพร้อมใบมะกรูดทอดนะครับ อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไอติมกล้วยทอด

ไอติมกล้วยทอด

 
สุดท้ายครับ ไอติมกล้วยทอด อันนี้รสชาติธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไม กินหลังอาหารเวียดนามแล้วมันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี่ รวมโค้กสองขวด น้ำตะไคร้ และน้ำเปล่าอีกสองขวด ค่าเสียหายครับ อยู่ที่ 964 บาท 4 คน ตกเฉลี่ยคนละ 240 บาท กับอาหารเวียดนามที่ปกติตามห้างราคาแสนแพง และรสชาติกับบรรยากาศธรรมดา เรียกว่าเป็นเมนูสุขภาพที่เข้าท่ามากทีเดียว แนะนำให้เป็นที่ผ่อนคลายหลังเลิกงานวันศุกร์ครับ
 
เมนูแนะนำ:  ไก่ย่างใบมะกรูด,เปาะเปี๊ยะญวน,เปาะเปี๊ยะสด
 
วันที่ไปกิน: Jan 27, 2012 

ราคาเฉลี่ยต่อคน: โดยประมาณ฿250

คะแนนด้านอื่นๆ:
Taste
 5  |  
Environment
 5  |  
Service
 4  |  
Clean
 5  |  
Price
 4

  • Keep it up!

  • Looking Forward

  • เห็นแล้วหิว

  • ประทับจิต

  • Envy

  • Cool Photo
      View Results
แนะนำ
0