นักรีวิวร้านอาหาร

วันนี้ไปเดินเล่นกับน้อง ร่อนไปเรื่อยๆ และท้ายที่สุดก็มาลงที่เซ็นทรัลพระราม 3 ตอนแรกว่าจะกินราเมนเบอร์ 8 (ไม่ขอเอ่ยนาม อิอิ) แต่ว่าก็ดันไม่เปิดซะนี่ ก็เลยมากินร้านราเมนอีกร้านนึง ที่อยู่ชั้นหก ซึ่งจะเห็นคนยืนต่อคิวกันหน้าร้านเยอะแยะเลย แต่ในร้านกลับไม่ค่อยมีคน

เหตุผลเป็นเพราะว่าอยู่ตรงข้างๆชาบูชินั่นเอง คือคนส่วนมากเค้ามารอกินร้านข้างๆ ร้านราเมนที่เป็นเจ้าของเดียวกันในเครือโออิชิก็เลยไม่ค่อยมีคนเข้า ทั้งๆที่ตัวร้านตกแต่งได้ค่อนข้างน่าสนใจร้านคาโซะคุเท (คิดว่าอ่านอย่างงี้) เป็นร้านราเมนที่มีสาขามากมาย แต่งร้านได้บรรยากาศดูเป็น modern Japanese คือมีกลิ่นอายของเซ็นอยู่หน่อยๆ ประกอบกับความทันสมัยของโมเดิร์นฟอร์ม คือใช้วัสดุธรรมชาติมาตกแต่งให้ดูโมเดิร์นนั่นเองส่วนเมนูที่ลิ้มลองในวันนี้ กับมื้อสามคน คือเมนูแนะนำที่วางบน stand หราอยู่บนโต๊ะ ซึ่งก็คือ บูตะ กิมจิ อุด้ง หรือเรียกอีกอย่างว่า อุด้งหมูซุปกิมจิ ส่วนประกอบหลักก็คือหมูเบคอนที่เราเคยนั่งลวกตอนกินร้านข้างๆ แต่เส้นไม่เละ หยุ่นกำลังดี และซุปกิมจิ ที่ไม่เค็มไป ไม่เข้มไป และไม่เผ็ดโดดจนเกินไป เรียกได้ว่าเข้ากันอย่างลงตัวทีเดียว แต่คงไม่โดดเด่นนักสำหรับคนที่ไม่ชอบกินกิมจิ แต่เท่าที่เหลือบมองดูรอบๆ ก็เห็นว่าสั่งกันทุกโต๊ะเลยทีเดียว ราคาอยู่ที่189 บาท ครับ หน้าตาเป็นอย่างนี้เมนูที่สอง ก็คือ ฮาริฮาริ อุด้ง ซึ่งเปลี่ยนจากเส้นอุด้งที่มีความหนา นุ่ม มาเป็นเส้น ซาซาเมะ ที่เล็ก บาง และเบากว่า (นี่เป็นความเรื่องมากส่วนตัวของน้องสาว) เสิร์พมาใส่ชามบะเริ้มเทิ่ม เรียกว่าเป็นจุดขายของร้านเลยทีเดียว รสชาติออกมาแล้วเข้ากับซุปเบสปลาโอ ที่มีกลิ่นหอมของหอมญี่ปุ่น ที่ไม่หนาจนเกินไป เรียกว่ารสชาติของซุปปรุงออกมาได้เข้าท่า กลืนลงท้องไปพร้อมกับเส้นซาซาเมะได้ลื่นคอดี แต่หมูที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน คือเบคอน ที่เหมือนกับลวกกินอยู่ร้านข้างๆอีกแล้ว ราคา 139 บาทครับและเมนูสุดท้าย คือทาโกะยากิ ที่มีความพิเศษอยู่ที่ ที่นี่ เอาทาโกะยากิลงไปทอด ทำให้ออกมากรอบนอก นุ่มใน แต่ร้อนมาก ก่อนกินควรผ่าครึ่งแล้วเป่าให้หายร้อนก่อนนะครับ แต่ที่นี่เค้าไม่เสิร์ฟพร้อมกับมายองเนส และไม่มีปลาโออบแห้งกับสาหร่ายโรยหน้ามาพร้อมๆกัน แต่จิ้มกับคัทสิซอสหรือซอสหมูทอดแล้ว เรียกว่าอร่อยไปอีกแบบ ราคา 69 บาทกับทาโกะหกชิ้นครับจากนั้นก็มีชาเขียวร้อนรีฟิล ราคา 35 บาท เสิร์ฟมาเป็นกา และน้ำเปล่าขวดละ 20 บาท รวมเสร็จสรรพ 452 บาท สำหรับสามคน (สองจานหลัก) ก็เรียกว่าไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ได้ประทับใจอะไรมากมาย เอาเป็นว่า คราวหน้า ถ้ามีเมนูใหม่ อาจลองสั่งดู แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ไม่กลับมากินอีกครับ ลองแวะมาชิมกันดูได้ครับ

มื้อนี้ อยู่ดีๆ เพื่อนซี้ก็เกิดอยากกินร้านซุชิฟิวชั่น ที่มักจะไปบ่อยๆตอนมีอันจะกินและเวลาว่างๆ พอดีช่วงนี้ไม่ค่อยมีอันจะกินและไม่มีเวลาว่าง เลยไม่ค่อยได้ไป

เหตุผลที่มักจะไปกิน (ในอดีต) ก็เป็นเพราะว่าร้านนี้อยู่แถวบ้าน แล้วก็รสชาติอาหาร ที่ค่อนข้างจะกินง่าย เป็นอาหารญี่ปุ่นไสตล์ฟิวชั่น คือมีการประยุกต์แบบอาหารฝรั่ง ทำให้ไม่เป็นอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม คือมีรสครบ หวาน เค็ม เปรี้ยว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเมนู ขึ้นอยู่กับจินตนาการของเชฟคิง ซึ่งเป็นเชฟที่เคยไปฝึกปรืออยู่ที่อเมริกามากว่า 10 ปี และกลับมาตั้งร้านอยู่บนถนนนราธิวาส ซอย15 ถ้านึกไม่ออกว่าอยู่ตรงไหน ก็ซอยแถวๆร้านดัง Share of Mind และ Sortrel นั่นเอง (อยู่ฝั่งเดียวกันแต่ถึงก่อนนะ)

ด้วยความที่ร้านอยู่ในซอย ทำให้บรรยากาศค่อนข้างสงบ มีโซน outdoor ให้นั่งเล่น หรือจะเลือก indoor ก็เก๋ไปอีกแบบนึง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นขาประจำครับ คนรู้จักไม่มาก กำลังจะเปิดอีกสาขาที่ทองหล่อเดือนหน้านี้ร้านนี้เป็นร้านที่ตกแต่งออกไสตล์โมเดิร์น ที่ให้บรรยากาศแบบชิคๆ เปิดไฟสลัวๆ เคล้าไปกับเสียงเพลง bossa เข้ากับรสชาติอาหารไสตล์ฟิวชั่น ทำให้เหมาะกับการชวนสาวๆซักคน ไปนั่งจิบไวน์หรือสาเกเคล้า แกล้มไปกับอาหารจานหลัก หรือจะสั่งเบียร์สด Asahi ก็มีให้เลือก ส่วนราคาเครื่องดื่ม ไม่แพงครับ เค้าตั้งใจขายอาหารเมนูที่สั่งวันนี้... Mediterranean Wrapped ถ่ายไม่ทันครับ... หิวจัด ซัดหมดก่อน เป็นทูน่าห่อด้วยปลาทรูมาร์ลีนและกระเทียม รสหลักคือเค็มและเปรี้ยว มีออกรสเผ็ดนิดๆ จิ้มโชยุใส่วาซาบิ เข้ากันได้อย่างลงตัว อร่อยมาก ตบเบียร์ตาม ลื่นปรื้ดลงคอเลยครับ เป็นเมนูแนะนำส่วนตัวสำหรับผม ส่วนราคาก็ค่อนข้างสูงทีเดียวอันนี้เป็น Super He Roll จริงๆมี 10 ชิ้น แต่ลืมถ่ายอีกแล้ว เป็นปู ทูน่า หอยเชลล์ กุ้งเทมปุระ และหอมทอดกรอบ โรยด้วยแป้งเทมปุระทอดกรอบ และราดด้วยซอส ที่ให้รสออกเค็มเป็นหลัก ไม่จัดจ้าน เป็นเมนูกินง่ายๆครับส่วนนี่เป็นเมนูที่เป็นชื่อร้าน Koken Roll ครับประกอบด้วยกุ้งเทมปุระ ปูอัด อธวคาโด ปลาทรูมาร์ลีน ไข่กุ้ง และราดด้วยซอสสูตรพิเศษเฉพาะของ Koken ที่ให้รสออกเปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ด เรียกว่าครบรสในจานเดียว ไม่เลี่ยนเลยครับ เหมาะมากที่จะเอาไว้กินแกล้มไปกับเบียร์เย็นๆ

ประเพณีของที่นี่คือ เค้าจะมีเมนูแนะนำจากเชฟครับ เรียกว่าเป็นเมนูให้ลองกินกันโดยไม่คิดเงินเพิ่ม แจกทุกครั้ง แจกทุกโต๊ะ เป็นยำปลาดิบครับ เผ็ดและเปรี้ยวจัดจ้านและของหวานที่สั่งไปครับ ไอติมขาเขียวเสิร์ฟกับกล้วยทอด ราดด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ชอคโกแลต และเมเปิลไซรับ เป็นของหวานที่ไม่เลี่ยนเลย เพราะรสขมออกฝาดและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของของไอติมชาเขียว มันช่างเข้ากันได้ดีไปกับกลิ่นเมเปิล ชอคโกแลต และกล้วยทอดซะจริง และสุดเซอร์ไพรส์กับจานนี้ เชฟคิงไม่คิดตังครับ เป็นอันว่าของหวานฟรีไปสรุปสำหรับมื้อนี้ครับ สามจานกับเบียร์สด 1 เหยือก ชาเขียว 1 แก้ว แถมของหวานและยำ และที่จริงเชฟจะแถมเบียร์ให้อีกแก้ว แต่ไม่เอาละ เบาๆพอ ค่าเสียหายอยู่ที่....... 1300 กว่าบาท กับสองคน ตกคนละเจ็ดร้อย เรียกว่าค่อนข้างแพงถึงแพงมากทีเดียว เป็นอันว่า มื้อนี้ ผ่อนคลาย สบายท้อง สบายกระเป๋าครับ เบาลงเยอะเลย แต่นานๆทีครับ พอไหว ช่วงไหนตังเหลือเยอะๆลองมากินกันดูนะครับ