นักรีวิวร้านอาหาร

คำนำวันนี้งาอยากทานอาหารญี่ปุ่น พอดีในบัตรเครดิตมีแต้มอยู่ และร้านอาหารญี่ปุ่นแถวบ้านงาที่ใช้แต้มจากบัตรเครดิตเจ้านี้ทานอาหารได้มีอยู่ร้านเดียวคือร้านฟูจิค่ะ งาเลยชวนแม่มาทานกัน และเมื่อไม่นานมานี้ งาเพิ่งรีวิวร้านฟูจิเองไปค่ะ ชื่อรีวิวคือ”เรา 3 คนที่ ฟูจิ “ เพราะคราวที่แล้ว งา แม่ พี่สาว มาทานรวมกัน 3 คน ส่วนคราวนี้ชื่อรีวิวคือ “เรา 2 คน ที่ฟูจิ” เพราะงามาทานแค่ 2 คนกับแม่ค่ะ รีวิวที่แล้วเป็นสาขาโลตัสบางกะปิ ส่วนวันนี้งาจะรีวิวร้านฟูจิสาขาเดอะมอลล์บางกะปิบ้าง ร้านฟูจิ ทั้ง 2 สาขาอยู่ใกล้บ้านงา แต่สาขาเดอะมอลล์บางกะปิยังไม่เคยมาทานเลย วันนี้เลยมารีวิวซักหน่อย จะได้เปรียบเทียบว่าสาขาไหนโอเคกว่า คราวหน้าจะได้เข้าไปทานสาขานั้น....ที่ตั้ง ร้านฟูจิ สาขาที่งากับแม่มาทานวันนี้ อยู่ชั้น 2 ของห้างเดอะมอลล์บางกะปิค่ะ ที่เดอะมอลล์บางกะปิจะนับชั้นแรกเป็น ชั้น G ชั้นต่อมาเป็นชั้น 1 และชั้น 2 ค่ะ สรุปร้านฟูจิสาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ถ้านับชั้น G ด้วย จะอยู่ชั้น 3 ค่ะ อยู่โซนร้านซิสเลอร์ และเอ็มเคสุกี้อ่ะค่ะ การเดินทางมาห้างเดอะมอลล์บางกะปิ มีรถเมล์ รถตู้ ผ่านหลายสายเลยค่ะ รถสองแถวก็มี เรือด่วนคลองแสนแสบก็มี ท่าเรือจะอยู่หลังห้าง จากท่าเรือเดินทะลุที่จอดรถมา ประตูทางเข้า จะเป็นประตูโซน ฟูดคอร์ทและเฟรสมาร์ทค่ะ

บรรยากาศหน้าร้าน ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะเจอร้านเลยค่ะ ร้านจะเป็นร้านมุม หน้าร้านดูปุ๊บก็จะรู้เลยว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น เพราะการออกแบบจะมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ร้านเป็นผนังกระจกใส ผนังบางส่วนมีลายดอกซากุระสีชมพูใหญ่ๆ และผนังบางส่วน ประดับด้วยต้นไผ่จำลอง คล้ายๆกับร้านญี่ปุ่นสาขาอื่นๆที่เราเคยเห็นกันค่ะบรรยากาศภายในร้าน ภายในร้านโปร่งๆและกว้างขวางดีค่ะ แต่ละโต๊ะมีพาทิชั่นกั้น ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวดี ที่นั่ง แม้จะเป็นแบบนั่งบนเก้าอี้แบบสมัยใหม่ แต่การออกแบบทำให้รู้สึกว่าเป็นสไตลืญี่ปุ่นมากกว่า เก้าอี้กว้าง จะนั่งห้อยขา ขัดสมาท พับเพี่ยบ สามารถทำได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ
อุปกรณ์ บนโต๊ะจะมีประดับประดาด้วยแจกันดอกไม้ ทำให้รู้สึกสดชื่นดีค่ะ นอกจากนั้น มีชุดเครื่องปรุง เช่นซีอิ้วญี่ปุ่น น้ำตาล พริกไท พริกป่น มีกระดาษทิชชู และไม้จิ้มฟันด้วยค่ะ อุปกรณืส่วนตัวมีถ้วยช้อน และตะเกียบที่อยู่ในซองปิดผนึกอย่างดีค่ะ
เครื่องดื่ม แม่งาสั่งน้ำแตงโมของชอบค่ะ หวานและหอมแตงโมดีเหมือนเคยค่ะ แก้วก็เล็กเหมือนเดิมด้วยค่ะ ราคาแก้วละ 65 บาทค่ะ ส่วนของงาสั่งน้ำชาเขียวสูตรธรรมชาติค่ะ มาเป็นน้ำชาเขียวในขวดของฟูจิ เสริฟมาพร้อมกับน้ำแข็ง น้ำชาหอมจางๆ รสชาติจืดๆ ไม่มีความหวาน เพราะสั่งเป็นสูตรธรรมชาติหนิเนอะ น้ำชางาว่าขวดใหญ่ดี ราคา 27 บาท รวมน้ำแข็งค่ะ

เซตปลาย่างซีอิ้ว เมนูนี้ของแม่งาค่ะ ปลาย่างเป็นปลาอินทรีชิ้นใหญ่มากค่ะ เนื้อปลาย่างมาข้างนอกอาจจะแข็งๆนิดๆแต่ข้างในนุ่มและสุกกำลังดี ราดด้วยโชยุ หอม เค็ม หวานนิดๆ กลมกล่อมดีค่ะ ทานกับข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ เข้ากันมากๆ ปลาทีเค้าเอามาทำคงตัวใหญ่มากค่ะ เพราะกระดูกปลาหรือก้างปลาใหญ่มากเลยค่ะ คุณภาพของเนื้อปลาก็สดดีค่ะ เครื่องเคียงมี กิมจิ เต้าหู้ ซุปมิโซะ ค่ะ เมนูนี้ราคา 160 บาทค่ะ
เชตปลาหมึกย่างซีอิ้ว เมนูนี้งาตั้งใจสั่งค่ะเพราะอยากทานมาก เมื่อก่อนเคยมีคนพาไปเลี้ยง บังเอิญได้สั่งเมนูนี้ไป พอทานแล้วติดใจ พอครั้งหลังๆถ้าไม่ได้อยากทานอะไรเป็นพิเศษก็จะสั่งแต่เมนูนี้ตลอดอ่ะค่ะ เชตปลาหมึกย่างซีอิ้ว ในวันนี้ ปลาหมึกมาตัวใหญ่ดีค่ะ เนื้อสดดี แต่เหนียวไปนิด เนื้อปลาหมึกบากมาเป็นแว่นๆทำให้ทานสะดวกดีค่ะ ราดมาด้วยซีอิ้วญี่ปุ่น เค็มๆ หวานนิดๆ หอมซีอิ้วญี่ป่นมากๆค่ะ เค้าให้มายองเนสมาด้วย ทานคู่กันกับปลาหมึกที่ราดด้วยซีอิ้ว พอทานคู่กันอร่อยมากค่ะ รสชาติจากเดิมเค็มแหลมๆพอจิ้มด้วยมายองเนส รสชาติจะเค็มนุ่มๆหอมออกครีมๆดีค่ะ เมนูนี้มีเครื่องเคียง เป็น กิมจิ เต้าหู้ ซุปมิโซะ ค่ะ เมนูนี้ราคา 170 บาทค่ะ

เครื่องเคียง เมนูอาหารของงากับแม่จะได้เครื่องเคียงมาเหมือนกันค่ะ คือ กิมจิ เต้าหู้ ซุปมิโซะ กิมจิเปรี้ยวไม่มาก แต่ผักเป็นก้านแข็งๆไปหน่อยค่ะ เต้าหู้เป้นเต้าหู้ปลา ราดน้ำอะไรไม่รู้จืดๆ แต่อร่อยดีค่ะ ซุปมิโซะรสชาติปกติค่ะ เค็มไม่มาก หอมมิโซะดี ในน้ำซุปมีสาหร่ายญี่ปุ่น และเห็ดเข็มทองค่ะ
ของหวาน แม่งาสั่งเป็นถั่วแดงโมจิค่ะ คราวที่แล้วสั่งที่สาขาโลตัสบางกะปิแล้วติดใจ มาคราวนี้เลยสั่งอีก มาเสริฟในถ้วยพร้อมฝาปิด เพื่อรักษาความร้อน แม่งาสั่งมาพร้อมกับตอนสั่งอาหารค่ะ เพราะกว่าจะทานอาหารเสร็จ ถั่วแดงจะได้อุ่นกำลังดี สำหรับรสชาติถั่วแดงสุกยุ่ยดี หวานมากๆ ส่วนโมจิเป็นแป้งเปล่าๆจืดๆ แต่รู้สึกว่าที่สาขานี้แป้งโมจิจะชิ้นใหญ่กว่า สรุป เมนูนี้อร่อยดีค่ะ ราคา 65 บาท ค่ะ
ของสมนาคุณ ถ้าสั่งอาหารเป็นเซตอาหารกลางวันจะได้ของสมนาคุณเป็นผลไม้ และเครื่องดื่มค่ะ เครื่องดื่มมีให้เลือก คือชาร้อน กาแฟร้อน ชามะนาวค่ะ งากับแม่สั่งเหมือนกันคือชาร้อน เสริฟมาในแก้วใบน้อยๆน่ารักดีค่ะ มีนมและน้ำตาลมาให้เติมตามใจชอบ ชาหอมดีค่ะ เสริฟมาอุ่นๆ งาเดาว่าน่าจะเป็นชาลิปตั้นอ่ะค่ะ ส่วนผลไม้ เป็นสัปปะรด งาว่าแข็งไปอ่ะค่ะ แต่แม่งาบอกว่าเปรี้ยวดี มะละกอนุ่มและหวานดี แตงโมก็หวานดีค่ะ

สรุปนะคะ การบริการ บรรยากาศร้าน รสชาติอาหาร ความสะอาดอยู่ในเกณฑ์ดีค่ะ เรื่องราคา อาหารงาว่าราคาสมเหตุสมผลกับรสชาติ ปริมาณ และคุณภาพ ค่ะ แต่....เครื่องดื่ม และของหวาน งาว่า แพงไปค่ะ อย่างน้ำแตงโมปั่นแก้วละ 65 บาท แม่งาเวลาไปทานอาหารตามร้านต่างๆชอบสั่งน้ำแตงโมปั่น ทำให้รู้สึกว่าที่นี่จะราคาสูงกว่าที่อื่นๆค่ะ ของหวานอย่างถั่วแดงต้ม ราคา 65 บาท แต่อีกที่แม่งาเวลาไปทานก็ชอบสั่งมาทาน ราคาถูกกันกว่าครึ่ง ทั้งๆที่รสชาติอร่อยเหมือนกัน แต่อีกที่ ที่ราคาถูกกว่าปริมาณให้เยอะกว่าค่ะ อีกอย่างที่นี่มีเซอร์วิสชาจน์ 10% ค่ะ

เปรียบเทียบ หลังจากที่ได้ทานร้านฟูจิที่ สาขาโลตัสบางกะปิ และสาขาเดอะมอลล์บางกะปิ แล้ว เรื่องบรรยากาศร้าน การบริการ งาว่าที่เดอะมอลล์จะดีกว่า แต่ ที่โลตัสจะได้อาหารไวกว่า เรื่องรสชาติ แม่งาบอกว่า ที่เดอะมอลล์บางกะปิอร่อยกว่า งากับแม่เลยลงความเห็นว่า คราวหน้าถ้าอยากทานฟูจิ จะมาที่สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ ดีกว่าค่ะ....

คำนำ เนื่องจากงาซื้อดีลทานอาหารที่ร้าน หัวปลาช่องนนทรีจูเนียร์ ที่ CTW มาจากเวปไซต์หนึ่ง ดีลสามารถใช้ได้กับเซ็ตเมนู หัวปลาหม้อไฟปลาจีนและเนื้อปูผัดผงกะหรี่ ราคาดีล 230 บาทค่ะ วันนี้วันหยุดงาเลยชวนแม่มาทานกันค่ะ
ที่ตั้ง ร้านหัวปลาช่องนนทรีจูเนียร์ ที่งากับแม่มาทานวันนี้ คือสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ค่ะ ร้านอยู่บริเวณชั้น 6 อยู่ไกล้กับบันไดเลื่อน ตรงข้ามกับร้าน MK สุกี้ และร้าน บาบีคิวพลาซ่าค่ะ การเดินทางมาที่ CTW บ้านงาอยู่บางกะปิ สายรถเมล์ที่งาสามารถมาได้คือ สาย 60 ขึ้นจากตลาดบางกะปิมาลงที่ประตูน้ำแล้วเดินต่ออีกหน่อยเดียว นอกจากนั้นยังมีสาย 514 , 73ก. ขึ้นจากเดอะมอลล์บางกะปิมาลงที่ป้ายรถเมล์หน้าบิ๊คซี ราชดำริ แล้วเดินข้ามสะพานลอยมาก็ถึงเลยค่ะ แต่วันนี้งาไม่ได้มารถเมล์ค่ะ งานั่งเรือด่วนคลองแสนแสบมาเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอีกอยากเบื่อรถติดอ่ะค่ะ งานั่งเรือมาจากท่าตลาดบางกะปิ มาลงที่ท่าประตูน้ำ แล้วเดินต่อมาอีกนิดเดียวค่ะ

บรรยากาศหน้าร้าน ร้านบริเวณนี้หน้าตาร้านจะละม้ายคล้ายๆกัน แต่ร้านหัวปลาช่องนนทรีจูเนียร์ จะมีจุดเด่นตรงที่ป้ายชื่อร้านสีเข้ม แบบตัวหนังสือชื่อร้านงาว่าดูไทยๆเป็นเอกลักษณ์ดีค่ะ นอกจากนั้น ตู้กระจกหน้าร้านยังเอาหม้อไฟมาตกแต่ง เพราะร้านนี้จะมีเมนูเด่นคืออาหารประเภทหม้อไฟค่ะ บรรยากาศภายในร้าน พอเดินเข้าร้านมาจะเจอเคาน์เตอร์ใหญ่มากค่ะ งาเข้ามาพนักงานก็รีบออกมาต้อนรับและพาไปนั่งที่โต๊ะเลยค่ะ งากับแม่ได้นั่งที่โต๊ะริมกระจกไกล้ๆกับทางเข้าร้าน ร้านตกแต่งแนวสมัยใหม่ ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติของโทนไม้ สีอ่อนๆดูสบายตาและสะอาดสะอ้านดีค่ะ ร้านนี้งาชอบมากคือโคมไฟห้อยจากเพดานเป็นรูปปลาค่ะ เก๋เข้ากับร้านดีเชียว ร้านมีการจัดที่นั่งออกเป็นโซนๆ เท่าที่ดูๆมีประมาณ 20 กว่าโต๊ะค่ะ ครัวสำหรับปรุงอาหารเป็นแบบปิด แต่จะมีผนังเจาะช่องยาวๆเล็กๆ ไว้สำหรับส่งอาหาร ให้พนักงานเอาไปเสริฟที่โต๊ะลูกค้าอีกต่อหนึ่งค่ะ

อุปกรณ์ส่วนตัว มีจาน มีถ้วยน้ำซุบ และช้อนซ่อมค่ะ ที่ถ้วย จาน จะมีโลโก้ร้าน และข้อความว่า “หัวปลาช่องนนท์ทรี อุ๊ยเจอกันอีกแล้ว.....” ร้านนี้เค้าไม่หวงกระดาษทิชชูเลยค่ะ บนโต๊ะมีทิชชูกล่องใหญ่วางไว้ให้บริการ ไม่เหมือนบางร้าน มีวางไว้ให้คนละแผ่น ซึ่งการใช้งานจริงๆไม่พอค่ะ ขอพนักงานเพิ่ม พนักงานบางร้านก็ทำหน้าหงิก แต่สำหรับร้านนี้กระดาษทิชชูแน่นกล่องเลยค่ะ สะจายยยยเครื่องดื่ม วันนี้งากับแม่สั่งน้ำเปล่ากันค่ะ น้ำเปล่าที่นี่ที่ขวดมีสติ๊กเกอร์ของร้าน น้ำเปล่าเป็นน้ำแร่ค่ะ ราคาขวดละ 25 บาท น้ำแข็งเค้าเอามาให้เป็นถังแสตนเลสค่ะงาว่าเสริฟมาให้แบบนี้น้ำแข็งเยอะเกินความจำเป็นค่ะ ราคาถังละ 25 บาท ค่ะ มากัน 2 คน ถังเดียวก็พอเนื้อปูผัดผงกะหรี่ เมนูแรกเป็นเนื้อปูผัดผงกะหรี่ เสริฟมาจานใหญ่สีสันและหน้าตา น่าทานมากค่ะ เนื้อปูเค้าผัดมากับไข่และผงกะหรี่ หอมผงกระหรี่และไข่มากๆ เค็มและหวานนิดหน่อยกลมกล่อมดีค่ะ มีความเผ็ดร้อนจากพริกไทย เค้าผัดใส่ต้นหอมมาด้วยทำให้เนื้อปูผัดผงกะหรี่เพิ่มความหอมเข้าไปอีกค่ะ ความเห็นส่วนตัวงาว่าเนื้อปูที่ผัดมาส่วนใหญ่จะเป็นเศษๆผงๆอ่ะค่ะ มีเนื้อชิ้นใหญ่ๆบ้างแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่เยอะคือไข่ที่เค้าผัดปนมาด้วยซะมากกว่า(ไม่รู้เพราะงาใช้ดีลลดราคาอาหารมาทานรึป่าวเค้าเลยให้เนื้อปูน้อย....) แต่เนื้อปูเค้าก็สดดีนะคะ สรุปถ้ามองข้ามปริมาณเนื้อปู เมนูนี้อร่อยมากค่ะหัวปลาหม้อไฟ มีให้เลือกว่าจะเอาเป็น ต้มจืด ต้มบ๊วย หรือต้มยำ งาเลือกต้มยำค่ะ พนักงานถามว่าเอาหัวปลาอย่างเดียวหรือผสมเนื้อด้วย งาให้ผสมเนื้อมาด้วยค่ะ มาเสริฟเป็นหม้อไฟ ร้อนๆ เป็นปลาจีน รสชาติเนื้อปลาสด หวานนุ่มดี ไม่เหม็นคาวค่ะ ส่วนหัวปลาทานสะดวกดีค่ะเนื่องจากกระดูกส่วนหัวแข็งใช้ช้อนแซะเนื้อมาทานได้สะดวกดี แต่ส่วนตัวปลาจะทานลำบากนิดนึง เพราะก้างเยอะมาก เป็นก้างเล็กๆ เวลาทานต้องระวังเป็นพิเศษ รู้งี้สั่งเป็นหัวปลาอย่างเดียวไม่ผสมเนื้อมาด้วยดีกว่า ส่วนน้ำต้มยำเป็นแบบน้ำใส รสชาติ จะเค็มโดด และเปรี้ยวโดด ความเปรี้ยวน่าจะมากจากน้ำมะขาม เค้าทุบพริกใส่มาพอให้มีรสเผ็ดนิดหน่อย ผักเค้าใช้กะหล่ำปลีค่ะ รวมๆแล้วเมนูนี้อร่อยดีค่ะ
ข้าวเปล่า สั่งมาทาน กับ กับข้าวค่ะ สั่งมา 2 ถ้วย ตอนแรกคิดว่าคงไม่พอเพราะเห็นถ้วยใบเล็กนิดเดียว แต่เค้าอัดข้าวมาแน่น ทานเกือบไม่หมด ข้าวของที่นี่เป็นข้าวหอมมะลิ หุงมาเหนียวและนุ่มดี ทานกับอาหารอร่อยมากค่ะ ราคาถ้วยละ 15 บาท

ค่าเสียหาย ราคาดีล สำหรับเนื้อปูผัดผงกะหรี่ และหัวปลาหม้อไฟราคา 230 บาท ข้าวเปล่า 2 ถ้วย รวม 30 บาท น้ำเปล่า 1 ขวดและน้ำแข็ง 1 ถัง รวม 50 บาท สรุปมื้อนี้จ่ายเพิ่มไป 80 บาทค่ะ

สรุปนะคะ
ข้อดี
รสชาติอาหาร คุณภาพ ดีเยี่ยมค่ะ การบริการพนักงานดีมากค่ะ บรรยากาศร้านก็ดีมากค่ะ
ข้อเสีย ปริมาณเนื้อปู ในผัดผงกะหรี่มาน้อยไปหน่อยอ่ะค่ะ ราคาบางอย่างสูงไปหน่อยค่ะ เช่นน้ำเปล่า เค้าให้มาเป็นน้ำแร่ ราคาจะสูงกว่าน้ำเปล่าธรรมดา น้ำเปล่าที่นี่ไม่แถมน้ำแข็ง น้ำแข็งต้องสั่งแยกน้ำแข็งเค้าให้มาเป็นถัง มันเยอะเกินความจำเป็นอ่ะค่ะ ทานกัน 2 คน ทานให้ตายก็ทานไม่หมดถังหรอกค่ะ ให้น้ำแข็งมาเป็นแก้วจะดีกว่า...

คำนำ เนื่องจากพอดีวันนี้งาซื้อดีล ร้าน Chiseng Lamian จากเวปไซต์หนึ่งมาค่ะ เป็นดีลเซตอาหารจีนอ่ะค่ะ มีให้เลือก 1 เซต ใน 2 เซตค่ะ ได้แก่
เซต 1 เป็นชุดคนรักบะหมี่น้ำแดง ในเซตจะมี บะหมี่ซี่โครงหมูน้ำแดง ฟองเต้าหู้กุ้ง น้ำเก๊กฮวยร้อน ค่ะ
เซต 2 เป็นชุดบะหมี่แดนเสฉวน ในเซตจะมี บะหมี่เสฉวน หมั่นโถนึ่ง ชาจีนเย็น ค่ะ
เนื่องจากดีลมีให้เลือก 2 เซต และงากับแม่มากัน 2 คน เลยเลือกทั้ง 2 เซตเลยค่ะ ส่วนราคาดีลที่ซื้อ งาซื้อมา 2 ใบ รวม 198 บาท ตกคนละ 99 บาทค่ะที่ตั้ง ร้าน Chiseng Lamian ที่งากับแม่มาทานวันนี้ อยู่ที่ห้าง Seacon Square ค่ะ เข้ามาทางประตูฝั่งโรบินสัน ร้านอยู่ชั้น 4 ชั้นเดียวกับโรงหนัง ร้านนี้อยู่ติดกับร้านโคขุน โพนยางคำค่ะ

รายการอาหาร อาหารร้านนี้โดยทั่วไปจะเป็นบะหมี่เป็นหลักและปรุงรสชาติแบบจีนๆค่ะ เช่น บะหมี่ซุปเสฉวน , บะหมี่เนื้อตุ๋น, บะหมี่ซี่โครงหมูน้ำแดง ส่วนของทานเล่นก็มีค่ะ เช่น ซาลาเปาย่าง , เสี่ยวหลงเปา , เกี๊ยวซ่าซอสพริกสด และฟองเต้าหู้กุ้ง ค่ะ เห็นว่าเร็วๆนี้เค้าจะมีเมนูข้าวเพิ่มมาด้วยค่ะ

บรรยากาศ ภายในร้านตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นวัสดุที่เป็นไม้สีอ่อน ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ผนัง ก็เป็นไม้สีอ่อนเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เนื่องจากร้านนี้ เป็นร้านอาหารไสตล์จีนแบบโมเดิร์น ร้านจึงดูทันสมัย และมีอุปกรณ์ตกแต่งร้านบางชิ้น เช่นรูปปั้นแบบจีน มาวางไว้ที่ช่องผนัง ที่เจาะไว้สำหรับวางของ เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูผสมผสานความเป็นจีน ร้านเป็นครัวแบบเปิด ตอนงาเดินเข้ามาเห็นเค้ากำลังยืดเส้นบะหมี่กันสดๆเลยค่ะ วันนี้ตอนงากับแม่มาทาน บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ คนไม่เยอะวุ่นวาย แต่คนก็เข้ามาทานเรื่อยๆนะคะ

อุปกรณ์ส่วนตัว บนโต๊ะมีอุปกรณ์ส่วนตัวเหมือนร้านอาหารจีนทั่วไปค่ะ เช่นจานแบนๆเล็กๆ มีตะเกียบร้านนี้เป็นตะเกียบพลาสติกสีออกแดงๆ ที่ถูกห่อไว้ในกระดาษทิชชูค่ะ
ชุดเครื่องปรุง บนโตะมีชุดเครื่องปรุงหลายอย่างเหมือนกันค่ะ เช่น พริกไท ซีอิ้วขาว จิ๊กโฉ่ว บรรจุอยู่ในขวด ส่วน น้ำตาลทราย พริกป่นละเอียด น้ำส้มสายชู และพริกฮ่องกง บรรจุอยู่ในถ้วยเล็กๆมีฝาปิดมิดชิดค่ะ

พริกฮ่องกง ตอนแรกที่สำรวจชุดเครื่องปรุงอยู่ ก็สะดุดตาชุดเครื่องปรุงที่มีฝาปิด บนฝามีตัวหนังสือแปะอยู่เขียนว่าพริกฮ่องกง เลยลองเปิดดู หน้าตาคล้ายๆกับน้ำพริกเผาทั่วไปค่ะ พอชิมดูรสชาติเค็มนิดๆ แต่เผ็ดมากกกกค่ะ หอมกระเทียมกว่า เผ็ดกว่าและไม่หวานเหมือนน้ำพริกเผาทั่วไปค่ะเครื่องดื่ม มีชาจีนเย็นน้ำสีออกน้ำตาลใสๆ รสชาติจืดๆ หอมชาจีนเล็กน้อย ส่วนอีกแก้วน้ำสีเหลืองๆ เป็นน้ำเก๊กฮวยเย็นค่ะ แต่ในดีลระบุตอนแรกว่าเป็นเก๊กฮวยร้อน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เสริฟมาแบบเย็นก็ดีเหมือนกัน รสชาติหวานและหอมดอกเก๊กฮวยดีค่ะบะหมี่ซี่โครงหมูน้ำแดง เมนูนี้ของแม่งาค่ะ เสริฟมาพร้อมกับน้ำซุป บะหมี่ชามใหญ่มากๆ ปริมาณก็เยอะด้วยค่ะ งาขอลองชิมดู ตอนยังไม่คลุกเคล้า รสชาติบะหมี่เหมือนบะหมี่แห้งอ่ะค่ะ เค็มนิดๆ หอมซีอิ้วดำดี ส่วนโครงหมูน้ำแดง รสชาติเหมือนโครงหมูพะโล้ค่ะ หวานๆเค็มๆ เนื้อก็เปื่อยจนร่อนออกมาจากกระดูกเลยทีเดียวค่ะ เค้าให้มา 3 ชิ้นใหญ่ๆอ้วนๆค่ะ พอคลุกเคล้าเส้นบะหมี่กับโครงหมูน้ำแดงให้เข้ากัน รสชาติดีมากค่ะ น้ำคลุกขลิก รสชาติไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มอีกเลยค่ะ อร่อยมากๆ ส่วนเส้นบะหมี่ เหนียวนุ่มดีค่ะ ที่สำคัญ เส้นยาวมากๆค่ะ ตอนแรกใช้ตะเกียบพันเส้นตั้งนาน เส้นไม่ขาดซักที ต้องใช้ช้อนตัดเส้นเอาค่ะ บะหมี่เสฉวน เมนูนี้ของงาค่ะ เสริฟมาชามใหญ่และปริมาณเยอะอีกแล้วค่ะ เป็นเส้นบะหมี่ ราดมาด้วยน้ำแบบเสฉวนเหนียวๆเล็กน้อยคล้ายๆน้ำราดหน้า ในน้ำราดจะมีเต้าหู้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เห็ดหอมซอยมาเป็นเส้นบางๆ มีหมูสับ กุ้งขนาดกลางๆไปทางเล็ก ด้านบนโรยถั่วลันเตาสุกค่ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน พอทานดูรสชาติออกเปรี้ยวๆค่ะ เค็มหน่อยๆ อร่อยดีค่ะ เค้าใส่พริกตำมาด้วย ทำให้มีความเผ็ดจางๆค่ะ คนทานไม่เผ็ด ทานเมนูได้สบายค่ะ ส่วนเส้นบะหมี่เหนียว นุ่ม ดีค่ะ แต่ทานยากไปนิดอ่ะค่ะ แบบว่าพอเส้นคลุกเคล้ากับน้ำราดเสฉวนแล้ว เส้นมันจะลื่นๆอ่ะค่ะ ทำให้ใช้ตะเกียบลำบาก คีบไม่ค่อยติดค่ะฟองเต้าหู้กุ้ง เมนูนี้อร่อยมากๆค่ะ ฟองเต้าหู้ทอดมากรอบนิดๆ มีความนุ่มหน่อยๆ เป็นใส้กุ้งสับ เค้าใส่ใส้มาเยอะเลยค่ะ กุ้งสับเพียวๆเลย ทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย รสชาติหวานเปรี้ยว อร่อยสุดๆค่ะ หมั่นโถนึ่ง มาในเข่งไม้ไผ่ใบใหญ่เหมือนกันค่ะ เสริฟมาคู่กับนมข้นหวาน เสริฟมากำลังร้อนๆเลยค่ะ หมั่นโถเป็นลูกเล็กๆ น่ารักดีค่ะ ลูกนึงทานได้ประมาณ 2 คำ สำหรับผู้หญิงนะคะ หมั่นโถแป้งนุ่มมาก ทานร้อนๆ จิ้มด้วยนมข้นหวาน อร่อยมากๆค่ะ ทานไปทานมาหมดแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ

สรุปนะคะ เรื่องรสชาติ บรรยากาศร้าน ความสะอาด ดีมากค่ะ ปริมาณอาหารก็ให้เยอะด้วยค่ะ ด้านบริการ ตอนเข้ามาแรกๆพนักงานก็บริการดีนะคะ แต่พอออกจากร้าน มีพนักงานยืนหน้าร้าน ดูเค้าทำท่าทางเมินๆใส่อ่ะค่ะ งาว่าเป็นเพราะเราใช้ดีลมาทานอาหารหรือป่าวเค้าจึงเมินใส่ แต่งาอาจคิดไปเองก้ได้นะคะ ส่วนราคา พอดีงาซื้อดีลมา งาว่าคุ้มและถูกดีค่ะ ถ้าให้มาทานอีก มาทานแน่นอนค่ะ

ที่ตั้ง วันนี้งากับแม่มาทานมื้อเที่ยงที่ร้าน Cafe Chilli Zaap สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านจะอยู่ชั้น 1
เข้าประตูห้างมา เดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ร้านจะอยู่ไกล้ๆ กับร้าน MK สุกี้ค่ะ ร้าน Cafe Chilli Zaap โลโก้ร้าน
จะเป็นรูปไก่ตัวสีส้มๆ โผล่ออกมาจากโอ่งสีเขียวค่ะบรรยากาศ ภายในร้านร้านเก๋ไก๋ดีค่ะ ผนังร้านด้านหนึ่งเป็นคล้ายๆกับลิ้นชัก เรียงซ้อนๆกันทั้งผืนผนัง
และผนังบางด้านเป็นคล้ายๆกับผนังดินเผาแกะลายสวยดีค่ะ โทนสีร้านส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ ขาว มีสีส้ม และครีมแซมๆ
โคมไฟที่นี่อลังค์การมากค่ะ รวมๆภายในร้านโปร่งๆดีค่ะ ร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ โต๊ะสำหรับลูกค้ามีประมาณ 10-15 โต๊ะค่ะ

เมนู รายการอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยแบบรสจัด เช่นส้มตำต่างๆ มีส้มตำปูม้า ตำไทยปู ส้มตำแซลมอน
ส้มตำหอยนางรม 9ล9 ลาบต่างๆ เช่น ลาบหมู ลาบเป็ด ลาบแซลม่อน ลาบหอยแมงภู่นิวซีแลนด์ 9ล9 ต้มแบบเซ่บๆหลายรายการ
อาหารแบบจานเดียว เช่นผัดไทกุ้งแม่น้ำ ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ โรตีแกงเขียวหวาน อาหารปักษ์ใต้ก็มี เช่นแกงเหลือง
เครื่องดื่มก็มีหลายรายการ ดูในเมนูรวมๆแล้ว ร้านนี้ราคาอาหารค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ ส่วนใหญ่ ราคา 100++

น้ำแตงโมปั่น เครื่องดื่มของแม่งา สั่งน้ำแตงโมปั่นค่ะ แก้วไม่เล็กไม่ใหญ่ รสชาติหอมแตงโม หวานอร่อยดีค่ะ
ปั่นน้ำแข็งมาได้ละเอียดดี แก้วนี้ราคา 85 บาทค่ะ น้ำเปล่า น้ำเปล่าของที่นี่เป็นของที่ร้านเองค่ะ เพราะที่ขวดมีสติ๊กเกอร์ของร้านแปะอยู่ สั่งมา 1 ขวด
เค้าเอาน้ำแข็งเปล่ามาให้ 2 แก้วด้วยค่ะ แก้วเล็กๆลายน่ารักดีค่ะ ราคาน้ำกับน้ำแข็งรวมกันประมาณ 25 บาทค่ะ

อุปกรณ์ส่วนตัว มีจานใบขนาดกลาง ช้อนซ่อม กระดาษทิชชูค่ะ ส่วนบนโต๊ะก็มีกระดาษทิชชูใส่อยู่ในแก้ว
เผื่อทิชชูที่จัดไว้ข้างจานใช้ไม่พอ บนโต๊ะมีไม้จิ้มฝันไว้ให้บริการด้วยค่ะตำซั่ว เสริฟมาปริมาณกลางๆ ตำซั่วของที่นี่ใส่ปลาร้าด้วย เค้าใช้เส้นขนมจีนเป็นเส้นขนาดเล็ก มะละกอก็เป็นเส้นเล็กๆ
มีมะเขือเปาะสีเหลือง ถัวฝักยาว ถั่วงอก ใส่มาอย่างละนิดละน้อย พอลองทานดูรสชาติแซ่บมากๆค่ะ ตอนสั่งบอกว่าเอาเผ็ดกลางๆ
พอเสริฟมาเผ็ดมากค่ะ แต่ก็อร่อยดี หอมปลาร้า เค็ม หวาน กลมกล่อม ด้านบนโรยด้วยกุ้งฝอยกรอบๆ มีแค๊บหมู ถั่วฝักยาว แครอท
มาไว้ทานแกล้มด้วยค่ะ จานนี้ราคา 95 บาท ค่ะแกงลาวเห็ดขอบ ในแกงมีสมุนไพรต่างๆเช่น หอมหัวใหญ่ ใบแมงลัก ชะอม บวบ หน่อไม้หั่นฝอยๆ ที่ขาดไม่ได้คือเห็ดขอบ
งาเพิ่งทานเห็ดขอบเป็นครั้งแรก เห็ดขอบเป็นเห็ดเม็ดเล็กๆกลมๆ พอกัดจะมีน้ำแตกออกมา อร่อยดีนะคะ เข้ากันมากกับแกงลาว
รสชาติของน้ำแกงลาวของที่นี่ เหมือนเค้าไม่ได้ปรุงอะไรมากมาย มีแค่ความเค็มจากปลาร้า ความหวานจากผักสมุนไพร ซึ่งลงตัวมาก
อร่อยมากค่ะ ถ้วยนี้ราคา 130 บาทค่ะปลาหมกใบตอง ปลาห่อใบตองใส่มาเป็นกระด้งสานเล็กๆ น่ารักดีค่ะ แกะห่อใบตองมีเนื้อปลาหมกมากับใบมะกรูด ข่า ตระใคร้
ให้ความหอมและดับกลิ่นคาวดีค่ะ เนื้อปลานุ่มและสุกกำลังดี รสชาติออกหวานๆนำค่ะ เค็มนิดหน่อย ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟูด
น้ำจิ้มซีฟูดของที่นี่หวานและเผ็ดนำค่ะ เค็มนิดๆเปรี้ยวตาม หอมมะนาวและกระเทียมดีค่ะ ราคา 150 บาทค่ะข้าวเหนียว เสริฟมาเป็นกระติ๊บเล้กๆน่ารักดีค่ะ พอเปิดกระติ๊บดู มีข้าวเหนียวอยู่น้อยไปหน่อย แถมตบมาแบนๆ ข้าวเหนียวของที่นี่
เป็นข้าวเหนียวกล้อง ข้าวเหนียวตอนอุ่นๆก็นุ่มดีค่ะ พอเย็นๆแข็งไปค่ะ กระติ๊บนี้ราคา 25 บาทค่ะ

ข้าวสวย เป็นข้าวหอมมะลิ หุงมาเม็ดร่วนและนุ่มดีค่ะ ราคาประมาณ 30 บาทค่ะ

สรุป รสชาติและบรรยากาศของร้านนี้เป็นเลิศค่ะ แต่ปริมาณให้น้อยไปเมื่อเทียบกับราคา ราคาอาหารของที่นี่ค่อนข้างแพงอยู่ค่ะ
พนักงานของที่นี่งาว่าดูหยิ่งๆไปนิส....ค่ะ

*** รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ 2/2 เป้นรีวิวปิ้ง ย่างค่ะ ต่อจากรีวิวที่แล้ว ที่เป็น รีวิวว LUNCH SET นะคะ ***

รีวิววปิ้งย่าง งาซื้อดีล ร้าน Iyagi Korean Restaruant มาจากเวปหนึ่งค่ะ
ดีลนี้สำหรับทานเซตปิ้งย่างค่ะ ในเซตจะมี ชุดผัก มีเครื่องเคียง 3 อย่าง เห็ด 3 อย่าง
และเนื้อหมู 6 อย่าง ราคาดีล 199 บาท ไม่รวมเครื่องดื่มค่ะ ราคาจริงเค้าแจ้งในเวปไซต์ขายดีลว่า
ราคา 399 บาทค่ะชุดผัก มีผักกาดหอม กระเทียม พริกฝักใหญ่ๆสีเชียว แครอทหั่นมาเป็นแท่งๆ ผักต่างๆดูสะอาด
และสดดีมากค่ะ เค้าใส่น้ำแข็งมาในชามใส่ผักด้วย เพื่อรักษาความสดค่ะ

เครื่องเคียง มี 3 อย่างค่ะ มีเครื่องเคียงที่เป็นแครอท , มะเขือ , และอะไรไม่รู้สีขาวๆคล้าย
มะละกอยำ เครื่องเคียงที่เป็นแครอทและมะละกอยำเหมือนเค้าคลุกน้ำมันงามา รสชาติจืดๆเปื่อยๆ
แต่อร่อยดีค่ะ ส่วนเครื่องเคียงที่เป็นมะเขืองาว่าอร่อยที่สุดค่ะ รสชาติจะออกเค็มๆหอมซีอิ้วขาวดีค่ะเห็ด 3 อย่าง ในเซ็ตจะให้เห็ดมา 3 ชนิดค่ะ มีเห็ดเข็มทอง เห็ดออรินจิ และเห้ดหอมค่ะ
มาในปริมาณที่พอดีๆ ค่ะ ไมมากไม่น้อย

ข้าวเปล่า เป็นข้าวเกาหลีค่ะ ดูผิวเผินเหมือนข้าวจะแฉะไปค่ะ แต่พอทานเหนียวนุ่มกำลังดีค่ะ
อัดข้าวมาแน่นถ้วยดีค่ะ ข้าวเปล่าในเซตเติมได้ไม่อั้นค่ะ แต่แค่ถ้วยเดียวก้อิ่มแปร้แล้วค่ะ

หมู 6 อย่าง มี หมูสามชั้น สันคอหมู เบคอน หมูสามชั้นหมักซอสอิยากิ สันคอหมูหมักซอสยากิ
และเมนูหมูบูลโกกิสไตล์เกาหลี ค่ะ ให้มาในจานสี่เลี่ยมเล็กๆ แต่ปริมาณเยอะเหมือนกันค่ะ
เซตนี้เป็นซตสำหรับ 1 ท่าน แต่่งาว่าทานสำหรับ 2 ท่าน จะอิ่มกำลังดีค่ะ เตา พอวัตถุดิบพร้อมแล้ว ซักพักพนักงานก็ยกเตามาวางไว้บนแผ่นโลหะบนโต๊ะค่ะ
เตาที่นี่เป็นเตาถ่าน แล้วมีตระแกรงอยู่ด้านบนค่ะ ส่วนท่อที่ดูดควัน ที่อยู่ด้านบนสามารถพับเก็บได้ค่ะ
พอจะใช้พนักงานจะดึงส่วนท่อดูดควันลงมาให้อยู่ใกล้ๆกับเตาค่ะอุปกรณ์ เค้าจะมีที่คีบมาให้ค่ะ งามากับแม่ เค้าให้มา 2 อันค่ะ มีกรรไกรสำหรับตัดด้วยค่ะ
ขอบอกว่าคมมากๆค่ะปิ้งย่าง เมื่องพร้อมแล้ว ก็เอาทุกอย่างย่างลงไปบนเตา ไม่ว่าจะเป็นเห็ด 3 อย่าง
และหมูต่างๆค่ะ หมูที่หมักมาเนื้อจะนุ่มๆดีมากค่ะ แต่ที่ไม่หมักเนื้อหมูจะเหนียวๆไปค่ะ
ส่วนเตาถ่าน ค่อยๆย่างงารู้สึกว่าเนื้อจะสุกช้ากว่าเตาไฟฟ้าค่ะ งาชอบแบบเตาถ่านแบบร้านนี้มากกว่าค่ะน้ำจิ้ม ด้านขวามือเป็นน้ำจิ้มเค็มหวานข้นๆค่ะหอมดี ด้านซ้ายรสชาติจะคล้ายๆจิกโฉ่วเค็มๆเปรี้ยวๆ
เค้ามีระเทียม และพริกสับ มาสำหรับปรุงน้ำจิ้มด้วยค่ะ งาชอบน้ำจิ้ม 3 รสค่ะ เลยใ่ส่น้ำจิ้มจิ๊กโฉ่วไปใน
น้ำจิ้มเค็มหวานนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความเปรี้ยว เพิ่มความเผ็ดและความหอมโดยใส่พริกและกระเทียมค่ะ
แต่พริกที่นี่ไม่ค่อยเผ็ดเลยค่ะ เวลาทานเอาหมู ไปใส่ในผัก ใส่้ำน้ำจิ้ม แล้วห่อเข้าปากอร่อยดีค่ะเครื่องดื่ม ตอนแรกสั่งน้ำบ๊วย ซักพักพนักงานกลับมาบอกว่าหมด เลยสั่งน้ำเปล่าไปค่ะ
มีน้ำแข็งเปล่า 1 แก้ว กับน้ำ 1 ขวด ดูในบิลตอนเช็คบิลราคาประมาณ 60 บาทค่ะ แพงง่ะ
สงสัยเป้นน้ำแร่

ขากลับ ทางลงจะมืดไปหน่อยค่ะต้องค่อยๆเดินลงค่ะ ถ้าเพิ่มแสงสว่างกว่านี้จะดีมากค่ะ
ตรงชั้นล่างจะมีมุมเล็กๆที่เชิงบันได มีสินค้าเกาหลีที่งาเห็นเป็นพวกบะหมี่กึงสำเร็จรูป
แต่บนชั้นมีขายไม่เยอะค่ะ