ตามไปชิมของหวานรสมือเชฟผู้พิชิตเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ที่ห้องอาหารอิซากายะ คู เด ทา กรุงเทพฯ
2014-07-03
หลังจากที่รู้ว่าคู เด ทา (KU DÉ TA) มาเปิดที่เมืองไทย ก็เดาได้เลยว่าวงการอาหารในเมืองไทยกำลังจะมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะคู เด ทา สิงคโปร์ ได้เคยปฏิวัติวงการอาหารที่มารีน่า เบย์ แซนด์ สกายพาร์ค มาแล้ว ครั้งนี้ OpenRice ได้มีโอกาสไปเยือนห้องอาหารอิซากายะ (IZAKAYA) หนึ่งในห้องอาหารของ

คู เด ทา กรุงเทพฯ

 โดย

อิซากายะ Ku De Ta

 นำเสนออาหารญี่ปุ่นต้นตำรับแบบโรบาทายากิ และซูชิบาร์ และนอกจากอาหารญี่ปุ่นรสชาติเยี่ยม ของหวานที่คู เด ทา ก็ยังโด่งดังไม่แพ้กัน นั่นก็เพราะเชฟเจสัน ลิคเกอร์ Jason Licker (Executive Pastry Chef) ได้พิชิตชัยชนะบนเวทีเชฟกระทะเหล็กประเทศไทยมาแล้ว

 


อาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ ณ ห้องอาหารอิซากายะ คู เด ทา กรุงเทพฯ

 


ห้องอาหารอิซากายะ Ku De Ta ตั้งอยู่ที่อยู่ที่ชั้น 39 ณ อาคารสาทร สแควร์ ภายในตกแต่งด้วยความเรียบง่ายเช่นวิถีญี่ปุ่นดั้งเดิม แม้แต่ชุดจานชามยังเลือกใช้ชุดจานชามพื้นบ้านจากจังหวัดไอจิ

 

 

บรรยากาศของห้องอาหารอิซากายะออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นกันเอง นั่งสบาย ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย

 


เลือกนั่งได้ตามใจชอบ หากชอบชมวิวลองเลือกนั่งติดหน้าต่างเพื่อมองทิวทัศน์โดยรอบย่านสาทร

 

 

หรือจะเลือกนั่งบริเวณเคาท์เตอร์ติดกับครัวเปิด พลางเพลิดเพลินไปกับการรังสรรค์อาหารของเชฟ

 

สำหรับเมนูที่ห้องอาหารอิซากายะ ผ่านการรังสรรค์จากเชฟมากฝีมือ โจนาธาน มาซา Executive Chef หัวเรือใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์ มุ่งเน้นเรื่องรสชาติที่ผสมผสานจากส่วนผสมที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เป็นรูปแบบอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิมที่ทานง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยรสชาติจากวัตถุดิบที่ผ่านการเลือกเฟ้นมาอย่างดี นอกจากนี้ เชฟยังใช้กรรมวิธีอันเก่าแก่ของการปรุงอาหารแบบปิ้งย่างโดยใช้เตาถ่านที่เรียกว่าโรบาทายากิ มาเพิ่มความโดดเด่นให้กับอาหารจานเด็ดอีกด้วย

 

 

เชฟโจนาธาน มาซา เป็นชาวฮาวาย ซึ่งอาหารฮาวายส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นมาตั้งแต่ครั้งอดีต โดยเชฟเชี่ยวชาญด้านการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นกับวัตถุดิบขึ้นชื่อจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก 

 

 

มาเริ่มต้นกันด้วยเมนูแรก KUSHIYAKI-SKEWERS ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่เหมาะจะรับประทานเพื่อเรียกน้ำย่อย เมนูแรก Tori Negima (180 บาท) สะโพกไก่นุ่มๆ เสียบไม้ย่างถ่านหอมๆ ทานกับต้นหอมญี่ปุ่น (Tokyo Negi)

 

 

ต่อมาเป็นเมนูสำหรับคนชอบทานไข่นกกระทา Udama Pancetta (150 บาท)
 

 

เมนูที่ไม่อยากให้พลาด Butabara (180 บาท) ความนุ่มละมุนลิ้นของหมูสามชั้นช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี
 

 

เอาใจสาวๆ ด้วยเมนูสลัดกันบ้าง Green Salad (200 บาท) น้ำสลัดงารสชาติเข้มข้นทานกับผักสดกรอบๆ

 

 

ถัดมาเมนู Tiger Prawn Tempura (350 บาท) เทมปุระกุ้งพอดีคำ หวานมันเคี้ยวเพลิน

 

 

เหมาะจะทานคู่กับข้าวผัดซีฟู้ดนานาชนิด Yakimeshi Shifudo (300 บาท)
 

 

 

เข้าสู่เมนูแนะนำที่อยากให้ลอง Spicy Tuna Roll (300 บาท)

 

 

รสชาติจัดจ้านแต่ไม่เผ็ดมาก เป็นการผสมผสานวัตถุดิบได้อย่างดี

 

 

เมนูปลาของที่นี่ก็ขึ้นชื่อ เพราะเลือกใช้ปลาสดๆ นำเข้าคัดคุณภาพมาแล้ว สำหรับเมนูนี้มีชื่อว่า Saikyo Misoyaki (400 บาท)

 

 

ซอสมิโซะเข้ากับรสชาติปลาหิมะได้ดี ช่วยให้เมนูนี้นุ่มนวลทานได้เรื่อยๆ


 

คนชอบซี่โครงหมูรสชาติคล้ายๆ บาร์บีคิว น่าจะปลาบปลื้มกับเมนูนี้ Ribu Buta (200 บาท)
 

 

ซี่โครงหมูอบ เนื้อหมูเปื่อยนุ่มทานง่าย เผ็ดนิดๆ ด้วยซอสโทบันจัน 

 

 

ถัดมาเป็นอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยชื่นชอบมากๆ กับเมนู Pork Chop 350 บาท

 

 

 

ทงคัตสึกรอบนอกนุ่มใน เนื้อหมูแน่นๆ เคี้ยวเต็มปากเต็มคำ มากับซอส 2 สไตล์ให้เลือก ส่วนตัวชอบซอสญี่ปุ่นหวานหอมเข้ากับทงคัตสึมากๆ

 

 

ปิดท้ายอาหารหลักด้วย Miso Ramen 350 บาท ราเมนรสนุ่มสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ
 

แต่ไฮไลท์ของเราในวันนี้ขอยกให้กับของหวานนานาชนิดที่ถูกรังสรรค์โดยเชฟเจสัน ลิคเกอร์ ผู้ซึ่งคว้าชัยชนะจาก Kitchen Stadium รายการ "เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย" เชฟมากฝีมือที่คร่ำหวอดในแวดวงขนมหวานมานาน เคยผ่านประสบการณ์จากโรงแรมระดับ 5 ดาวมาแล้วมากมาย โดยมีรูปแบบการทำของหวานอย่างเฉพาะตัวด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบที่หลากหลาย ทั้งยังมีความแตกต่าง หากแต่สามารถนำมาเสริมรสชาติซึ่งกันและกัน ให้กลายเป็นเมนูของหวานที่สมบูรณ์แบบ

 

 

ลักษณะเด่นๆ ของเมนูของหวานที่นี่ คือการผสมผสานความร้อนและความเย็นเข้าด้วยกัน ไม่น่าเชื่อว่าสัมผัสที่แตกต่างจะสร้างความลงตัวได้ขนาดนี้ มาดูเมนูแรกกันเลยดีกว่า Sata Andagi (250 บาท)

 

 

ไอศกรีมชาเขียวมัทฉะเย็นๆ ทานกับ Sata Andagi ลักษณะเป็นแป้งปั้นทอดคล้ายโดนัทสอดไส้ช็อกโกแลตเยิ้มๆ 

 

 

ต่อมาเป็นเมนู Chawanmushi (250 บาท) ลักษณะคล้ายกับเครมบรูเล่ ให้รสสัมผัสเหมือนพุดดิ้งออกเปรี้ยวๆ และมีกลิ่นหอมของ Yuzu และ Cherry 

 

 

เมนูนี้โดดเด่นด้วย Shiso Granite ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นด้วยกลิ่นหอมของใบชิโซะ

 


ถัดมา Harumaki (250 บาท) แปลกตาด้วยไอศกรีมงาดำรสชาติเข้มข้น
 

 

ทานกับ Banana-Dulce De Leche คล้ายกับเปาะเปี๊ยะทอดไส้กล้วยรสหอมหวาน แล้วราดด้วยซอสเสาวรสเปรี้ยวๆ

 

 

ของหวานที่น่าสนใจอีกเมนู Gyoza (250 บาท)

 

 

เกี๊ยวซ่าสับปะรดหอมกลิ่นตะไคร้ทานกับไอศกรีมมะพร้าวอ่อนรสละมุน
 

 

ปิดท้ายด้วยเมนูที่รับรองว่าต้องถูกใจคนที่ชอบชาเขียวเอามากๆ Matcha (250 บาท)

 

 

Matcha Tart ด้านนอกบางกรอบเพียงสะกิดแป้งออกลาวามัทฉะก็ไหลท่วมท้นออกมา แล้วทานกับไอศกรีม Chocolate Malt Crunch  

 

สำหรับใครที่อยากลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม รสชาติต้นตำรับ ห้องอาหารอิซากายะ Ku De Ta ตั้งอยู่ในแบรนด์ไลฟ์สไตล์คู เด ทา กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่อยู่ที่ชั้น 39 ณ อาคารสาทร สแควร์ เดินทางง่ายๆ ด้วย BTS ลงสถานีช่องนนทรี จะมีทางเชื่อมเข้าอาคาร อิซากายะ Ku De Ta เปิดให้บริการวันอาทิตย์ถึงวันอังคาร มื้อเที่ยง 11.00 น. – 15.00 น. และมื้อค่ำ 17.00 น. – 22.30 น. ส่วนวันพุธถึงวันเสาร์ มื้อเที่ยง 11.00 น. – 15.00 น. และมื้อค่ำ 17.00 น. – 24.00 น. พิเศษสุดๆ ในช่วงนี้ พบกับเมนูพิเศษที่ชนะในรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย ได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 สิงหาคมนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง 02-108-2000 เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่ http://www.kudeta.com/bangkok/izakaya.php และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/kudetabangkok

 

 

สัมผัสประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและของหวานรสเลิศได้แล้ววันนี้

คีย์เวิร์ด
ห้องอาหารอิซากายะ
IZAKAYA
อิซากายะ Ku De Ta
คู เด ทา กรุงเทพฯ
ร้านอาหารญี่ปุ่น
ขนม
ของหวาน
เมนูของหวาน
OpenRice TH Editor
ข้อมูลร้านอาหาร