Read full review
2014-07-09
1079 views
เมื่ออาทิตย์ก่อน ได้รับเชิญจาก Coffee World ไปชิมที่สาขาที่เปิดใหม่เอี่ยมอ่องของ Coffee World ที่พารากอน และด้วยความที่เป็นแฟนเหนียวแน่นของ Coffee World มานานนับสิบปี ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็เลยรับปากเค้าไปทันทีอย่างง่ายดาย เค้ากระซิบมาแค่ว่า Coffee World สาขานี้เป็นสาขาที่แตกต่างจากสาขาอื่นๆมากๆ ทั้งเมนูและกาแฟ แต่คนที่ติดต่อไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร ปล่อยให้เป็นเรื่อง surprise ที่ทำให้ต้องตั้งตาคอยครับร้าน Coffee World Gold @ Sweet Avenue, Paragonเป็นแฟนเหนียวแน่นของ Coffee World มาเป็นเวลานับสิบปี ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย (นับ สิบ สิบ ปีถึงจะถูกนะ อิอิอิ) เพราะติดใจความหอมกรุ่นของกาแฟระดับพรี
ร้าน Coffee World Gold @ Sweet Avenue, Paragon
เป็นแฟนเหนียวแน่นของ Coffee World มาเป็นเวลานับสิบปี ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย (นับ สิบ สิบ ปีถึงจะถูกนะ อิอิอิ) เพราะติดใจความหอมกรุ่นของกาแฟระดับพรีเมี่ยมของ Coffee World ที่เค้าคัดเฉพาะเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้าคุณภาพเยี่ยม และยิ่งได้มารู้ภายหลังว่า Coffee World นี้มีจุดกำเนิดในประเทศไทยนี่เองก็ยิ่งดีใจใหญ่ครับ
“ร้าน Coffee World Gold” นี่ตอนนี้มีสาขาที่ Sweet Avenue ชั้น G ห้าง Paragon ที่เดียวเท่านั้นนะครับ Sweet Avenue นี้จะตั้งอยู่บริเวณข้างๆของ Supermarket ทางด้านที่ติดกับร้าน Four Season ตั้งแต่ร้าน After You ยาวเรื่อยไปจนถึงด้านหลังของ Supermarket ร้าน Coffee World Gold ตั้งอยู่หน้าบันไดเลื่อน ลิฟท์ และทางเดินออกไปโรงแรม Siam Kempinski พอดีเลยครับ
Surprise ที่เจ้าหน้าที่ของ Coffee World เริ่มตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไปเลยครับ สำหรับ “ร้าน Coffee World Gold” เป็นร้านกาแฟร้านใหม่เอี่ยมของ Coffee World ที่เพิ่มความหรูหรา ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯโดยยึดคอนเซ็ปต์ “ลอฟต์ คาเฟ่” มีบรรยากาศที่เรียบ หรู เท่ๆ เน้นการตกแต่งด้วยสีดำ ทอง และสีไม้ธรรมชาติ พร้อมกิมมิกน่ารักๆที่เก้าอี้ เพิ่มบรรยากาศให้กับการจิบการแฟในห้างหรูกลางกรุงให้ละเมียดละไมมากยิ่งขึ้นครับ ส่วน Surprise อย่างที่ 2 ที่เจ้าหน้าที่ของ Coffee World ก็คือเมนูของร้าน Coffee World Gold ครับ ที่ร้าน ร้าน Coffee World Gold ถือว่าเป็นจุดเด่นของร้านเลยครับ เพราะเมนูโดยส่วนใหญ่จะแตกต่างจากร้าน Coffee World โดยทั่วๆไป โดยมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดที่ได้รับการคิดค้นมาเพื่อนเป็นเมนูที่ร้าน Coffee World Gold เพียงที่เดียวเท่านั้นครับ Surprise อย่างที่สาม น้องที่เป็น บาริสต้าน่ารักมากๆ อัธยาศัยดี มีการแนะนำเมนูต่างๆ อย่างคล่องแคล่วชัดเจนดีทีเดียวครับ ... อันนี้เรียก surprise ก็คงไม่ถูกต้องนัก ... เพราะบาริสต้าของ Coffee World ได้รับการฝึกฝนทั้งในเรื่องการชงกาแฟจนชำนาญ และได้รับการอบรมทั้งเรื่องการบริการและเรื่องการจัดการร้านมาอย่างดีครับ การบริการจึงได้เรียบร้อย สวยงาม และชัดเจนอย่างนี้ครับ
เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่าเราจะได้ชิมอะไรบ้างครับ
เริ่มจาก Strawberry Soda (สตรอเบอรี่ โซดา) ราคา 110 บาท
ตอนที่น้องบาริสต้ายกมาเสิร์ฟนี่ถึงกับอึ้งไป 15 วินาที เพราะเครื่องดื่มแก้วนี้สวยมากครับ จริงๆนะครับ สีของเครื่องดื่มเป็นโทนสีแดงเข้มที่ก้นแก้ว แล้วไล่สีอ่อนลงๆ จนมาถึงปากแก้ว ภายในแก้วมีใบสะระแหน่และสตรอเบอรี่ ปากแก้วตกแต่งด้วยเชอรี่ มะนาว และใบสะระแหน่
แก้วนี้จะมีรสหวานปนเปรี้ยวของสตรอเบอรี่ กับรสซ่าๆของโซดาและมีกลิ่นหอมสดชื่นของใบสะระแหน่ ดื่มเข้าไปแล้วสดชื่น คลายร้อนได้ดีมากๆเลยครับ เมนูที่สองเป็นเมนูคาว Mushroom Cream Crepe (เครปครีมเห็ด) ราคา 195 บาท
เมนูนี้เป็นเมนูลูกผสมระหว่างเครปซึ่งเป็นของหวาน กับซอสครีมเห็ดซึ่งเป็นของคาว กลายมาเป็นเมนู ของทานเล่นที่อิ่มจริงๆได้เลยครับ (สำหรับสาวๆนะครับ อิอิ) ตัวเครปเป็นแบบแป้งบางๆ นุ่มๆ สุกกำลังดี ทานพร้อมกับไส้ซอสครีมเห็ดรสชาติมันๆ เค็มๆ มีรสหวานนิดๆของครีม ที่สำคัญ ใส่เห็ดมาอย่างเต็มที่เลยครับ เท่านั้นยังไม่พอนะครับ เค้ามีซอสขาวซึ่งก็คือซอสเดียวกับไส้จัดมาให้อีก 1 เหยือกเล็ก สำหรับราดเครปก่อนทาน จะได้ชุ่มฉ่ำๆ กันอย่างเต็มที่ครับ เมนูที่สามเป็นเมนูทานเล่นแต่อิ่มจริงอิ่มจังแบบหวานๆครับ Crepe De La Crepe (เครป เดอ ลา เครป) ราคา 180 บาท
เมนูนี้เป็นเครปแป้งบางนุ่ม สอดไส้ครีมกับสตรอเบอรี่สด แล้วราดซอสสตรอเบอรี่รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ มาอย่างจุใจ ตกแต่งจานด้วยวิปปิ้งครีมกับสตอรเบอรี่สดๆมาอย่างจุใจเลยครับ
แป้งเครปแบบบางๆ นุ่มๆ หอมๆ ใส่ไส้ครีมกับสตรอเบอรี่ นุ่มๆ มันๆ มีรสเปรี้ยวๆหวานๆของสตรอเบอรี่สดนิดๆ แต่จะมาได้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ อย่างเต็มที่จากซอสสตรอเบอรี่ที่ราดตัวเครปมาอีกทีนึงครับ ตัดด้วยความหวานมันจากวิปปิ้งครีมที่แต่งหน้ามาอีก จึงเป็นเมนูที่ให้ทั้งความสดชื่นจากความเปรี้ยวๆหวานๆ ของทั้งสตรอเบอรี่สดและซอสสตรอเบอรี่ และให้ความหวานมันจากวิปปิ้งครีมมาอย่างเต็มที่เลยครับ เมนูที่สี่เป็นของหวานที่ (คิดว่า) อิ่มกำลังดี และสาวๆคงจะชอบกัน Fruity Belgium Waffle (เบลเยี่ยมวาฟเฟิลเสิร์ฟกับผลไม้สด) ราคา 195 บาท
เมนูนี้เป็น Belgium Waffle แบบหนาๆ กรอบนอก นุ่มใน ราดซอสชอคโกแลต รับประทานกับกล้วยหอมหั่นเป็นแว่นๆ สตรอเบอรี่ และไอศครีมวนิลลาครับ
เมนูนี้จะได้รสสัมผัสที่แตกต่างกันหลายอย่างมากๆ ตั้งแต่ความหอม ความอุ่น กรอบนอก นุ่มใน ของ Belgium Waffle ความเข้มข้นในรสชอคโกแลตของซอสชอคโกแลต ความเย็นและหอมของซอสวนิลลา ความหอม หวานมันของกล้วยหอม และความสดชื่นบวกรสเปรี้ยวอมหวานของสตรอเบอรี่ เมนูนี้แนะนำให้สาวๆเลยนะครับ คิดว่าคงจะถูกใจมาก เมนูที่ห้า เป็นของหวานประเภท Sundae ครับ Vanilla Banoffi (วนิลลาบานอฟฟี่) ราคา 120 บาท
เมนูนี้เป็นของหวานลูกผสมระหว่างไอศกรีมกับของหวาน Banoffi pie เสิร์ฟมาในขวดแยมอย่างเก๋ไก๋เลยครับ ชั้นล่างสุดจะเป็นชั้นของ cookie crumble กรอบๆนิดๆ หอมๆ ตามมาด้วยชั้นของกล้วยหอมหั่นแว่นและวิปปิ้งครีมอย่างเต็มสตีมจนเกือบล้นขวด แล้วโปะไอศกรีมวนิลลาลูกโตให้คาอยู่ที่ปากขวด ยังไม่หมดแค่นั้นนะครับยังราดด้วยซอสคาคราเมลให้เยิ้มๆ น่ากิ๊นนนน น่ากินนนน
เมนูนี้มีความหวาน ความหอม ความกรอบ และความเย็น ได้มาอย่างพร้อมกันเลยครับ ความหวานและความหอมได้มาจากซอสคาราเมลที่ราดมาข้างบนสุด ตามมาด้วยความเย็นจากไอศครีมวนิลลา และได้ความกรอบจาก cookie crumble แล้วยังมีรสสัมผัสเย็น รสมันๆ ปนหวานนิดๆครับ เมนูที่หก Green Tea Frappe (ชาเขียวปั่น) ราคา 150 บาท
เมนูนี้คงเป็นที่ถูกใจคนรักชาเขียวนะครับ เพราะทาง Coffee World เลือกใช้ชาเขียวคุณภาพดี ได้กลิ่นชาเขียวหอมมากๆ เมนูนี้เป็นชาเขียวปั่นแบบเข้มข้น ได้รสชาเขียวแบบเต็มๆ ใส่มาในโหลแยม ... แต่ไม่ได้จบแค่นั้นนะครับ .... ยังมีไอศครีมชาเขียวรสเข้มข้นโปะหน้ามาอีก 1 ลูก ช่วยเพื่มความเข้มข้นของชาเขียวปั่นที่เข้มข้นอยู่แล้ว ให้เข้มข้นขึ้นไปอีกครับ เมนูสุดท้ายเป็นเมนูเครื่องดื่มร้อนหลังอาหารมื้อใหญ่ (มากๆ) เพื่อเป็นการพักย่อยอาหารก่อนจะเดินทางกลับครับ Café Mocca (กาแฟมอคค่า) ราคา 115 บาท
แก้วนี้เป็นเครื่องดื่มแบบร้อน สำหรับการย่อยอาหารครับ รสเข้มๆของกาแฟผสมกับความเข้มๆ หอมๆ ของโกโก้ แล้วราดซอสชอคโกแลตแต่งหน้ามานิดหน่อยช่วยทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้อร่อยอย่างลงตัวโดยไม่ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มได้เลยครับ กลิ่มหอมๆของกาแฟและโกโก้ช่วยทำให้อิ่ม (ใหญ่ๆ) อิ่มนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างสวยงาม ไม่มีที่ติเลยครับ ผมว่าร้าน Coffee World Gold นี่พูดง่ายๆก็เป็นค่าเฟ่กึ่งบาร์ กึ่งร้าน afternoon tea นะครับ จะมานั่งปล่อยอารมณ์ชิลส์ ชิลส์ ก็ได้ มาหาอะไรทานเพื่อรองท้องในวันที่ไม่อยากกินอิ่มมากๆ ก็ได้อีก หรือถ้าจะกินคาว กินหวาน เอาอิ่มจนจุกเลยก็ยังได้นะครับ ถ้าใครผ่านไปผ่านมาห้างพารากอนก็อย่าลืมแวะมาชิมที่ร้าน Coffee World Gold กันได้นะครับ
Post