Read full review
2017-02-07
48 views
สำหรับวันนี้ก็จะไปชิมและชมอาหารสำหรับวันพิเศษๆ อย่างวันวาเลนไทน์กันนะคะ โดยเป็นการไปชิมเซ็ตอาหารวันวาเลนไทน์กันที่โรงแรมอินดิโก กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ปีนี้เท่านั้นค่าาาาสำหรับโรงแรมนี้ก็ตั้งอยู่บนถนนวิทยุนะคะ ถ้ามาจากทางสุขุมวิทก็เลยพลาซ่าแอททินีไปหน่อยหนึ่งค่ะวันนี้เรากดลิฟท์ไปที่ชั้น 25 กัน เพื่อเก็บบรรยากาศของห้องอาหารแห่งนี้นะคะวันนั้นเรานั่งห้องส่วนตัวค่ะ ซึ่งห้องแบบนี้มีสองห้อง สามารถจัดประชุมได้เลยนะคะ นั่งได้เต็มที่ราวๆ 30 คนได้ (ถ้าเอาพาติชั่นที่กั้นระหว่างสองห้องออก) มีจอให้พร้อมเลยด้วยค่ะ สำหรับค่าใช้จ่าย ทางรร.ก็จะพิจารณาจากยอดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มค่ะ ถ้าปกติมากพอในระดับหนึ่งก็ไม่ได้มีการคิดค่า
สำหรับโรงแรมนี้ก็ตั้งอยู่บนถนนวิทยุนะคะ ถ้ามาจากทางสุขุมวิทก็เลยพลาซ่าแอททินีไปหน่อยหนึ่งค่ะ
วันนี้เรากดลิฟท์ไปที่ชั้น 25 กัน เพื่อเก็บบรรยากาศของห้องอาหารแห่งนี้นะคะ วันนั้นเรานั่งห้องส่วนตัวค่ะ ซึ่งห้องแบบนี้มีสองห้อง สามารถจัดประชุมได้เลยนะคะ นั่งได้เต็มที่ราวๆ 30 คนได้ (ถ้าเอาพาติชั่นที่กั้นระหว่างสองห้องออก) มีจอให้พร้อมเลยด้วยค่ะ สำหรับค่าใช้จ่าย ทางรร.ก็จะพิจารณาจากยอดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มค่ะ ถ้าปกติมากพอในระดับหนึ่งก็ไม่ได้มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ สำหรับวันนี้อย่างที่บอกว่าเรามากินเซ็ตวาเลนไทน์ของโรงแรมอินดิโก ซึ่งแบ่งออกเป็นสองห้องอาหารค่ะ
ห้องอาหารแรกคือ Char ซึ่งเป็นเซ็ตเวสเทิร์นนะคะ เป็นเซ็ตเดียวเลย ราคาอยู่ที่ 3,200++ (สำหรับอาหารอย่างเดียว) หรือ 4,600++ กรณีเป็น Wine Paring ด้วยน่ะนะคะ
ห้องอาหาร ชาร์: 18:00 – 00:00 น.
สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 02-2074999
หรือ email: FB.Hotelindigobangkok@ihg.com
รายละเอียดของอาหารและไวน์ตามราคาดังกล่าว ก็ตามนี้เลยนะคะ
Caviar
Smoked oil poached egg yolk, crème fraiche
“Follador Silver, Prosecco, Veneto – Italy”
LAMB TARTARE
Pickled mustard seed, rose, shiso
Or
TUNA TARTAR “
Domain Naturaliste, Chardonnay, Margaret River – Australia”
BLACK COD
Last of the season root vegetables
“Le Cellier du Pic, edition Rouge, Pinot Noir, Languedoc – France”
SHORT RIBS
Onion jus, wild herbs
Or
PORK BELLY
“Reserva Legado De Martino, Cabernet Sauvignon, Maipo – Chile”
BURNT CORN HUSK MERINGUE
ส่วนอีกห้องอาหารคือ Metro on Wireless ซึ่งอยู่ที่ชั้นสองค่ะ (ดูรีวิวนี้ได้จากที่ห้องอาหารโน้นนะฮับ)
เอาล่ะค่ะ มาดูกันว่าในบรรดาอาหารทั้งหมดของแต่ละเซ็ตหน้าตาเป็นยังไงบ้างนะคะ เริ่มด้วยของห้องอาหาร Char ก่อนเลยค่ะ
ก่อนอื่นก็มีขนมปังในกล่องไม้มาก่อนนะคะ ซึ่งขอบอกว่ามันดีเชียว ช่วยเก็บอุณหภูมิได้ดีค่ะ เปลือกจะค่อนข้างแข็งตามสไตล์ของขนมปังแบบนี้นะคะ Caviar
Smoked oil poached egg yolk, crème fraiche เป็นจานเปิดตัวที่ดีมากๆ ค่ะ เทกซเจอร์นี่แบบว่ามีทั้งความกรอบของไก่ หอมกลิ่นเนื้อไก่และมีความนวลมันของไข่ เค็มนิดเดียวของคาร์เวียร์ คือ มันเป็นการผสมผสานที่ดีงามมากค่ะ อร่อยมากๆ เลย เป็นจานเปิดตัวที่ประทับใจมากๆ เลยค่ะ
LAMB TARTARE
Pickled mustard seed, rose, shiso
(สำหรับท่านไม่ทานแกะ มีทูน่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนะคะ) เป็นเนื้อแกะดิบที่สารภาพว่าตอนแรกแหยงมาก แบบว่า...มันจะมีกลิ่นมั้ยแล้วดิบอี๊กกกก แต่พอกิน เฮ้ยยย โอเคเลย มีความหวานของเนื้อและกลิ่นไม่แรงค่ะ แถมตัวมัสตาร์ดซีด กุหลาบและชิโสะก็ทำให้ช่วยเสริมรสให้มีความหลากหลายค่ะ เป็นการกิน lamb tartare ครั้งแรกที่ประทับใจมากๆ (ปกติเคยแต่ทูน่าอ้ะ)
BLACK COD
Last of the season root vegetables ตัวนี้เราไม่ได้ชิมค่ะ แบบว่ากว่าจะมาถึงหมดก่อน 555 ได้กินแต่รีซอตโต้ ซึ่งดีเลยค่ะ ชีสมาเต็มมาก ครีมมี่เลย แต่คนอื่นที่ได้กินปลาก็บอกว่าดีนะคะ ปลาสดหวานค่ะ
SHORT RIBS
Onion jus, wild herbs มาแบบไซส์ใหญ่จนตกใจ ถามไถ่ก็ได้ความว่า เฉพาะจานนี้เป็นไซส์สำหรับสองท่านค่ะ คราวนี้ถ้าคู่ไหนมีท่านใดท่านหนึ่งกินเนื้อไม่ได้แล้วเลือกเป็นหมูแทน ก็จะลดขนาดไซส์เนื้อนี่ลงครึ่งหนึ่งนะคะ
ตัวนี้คือว้าวมากกกกกก หอมตั้งแต่ยังไม่ได้เฉือนมาชิม พอมีดกดไปนี่คือนิ่มมากค่ะ ทำมาดีมาก อร่อยเลยแหละ มีรสมีชาติ ซึ่งจานนี้เชฟทำซอสมาให้ต่างหากด้วยและเชฟเชียร์แบบสุดๆ ซึ่งสำหรับเรากินเปล่าๆ ก็อร่อยค่ะ แต่พอกินกับซอสมันจะได้ความหวานของซอสและเจือด้วยสมุนไพรต่างๆ ที่มีมาเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ BURNT CORN HUSK MERINGUE ถ้าจานหลักเมื่อกี๊ทำประทับใจแบบปังแล้ว จานนี้ก็เป็นจานที่ประทับใจแบบว้าวด้วยความแปลกใจค่ะ ตัวข้างในนี่ทำจากข้าวโพดทำให้หวานอ่อนๆ และหอมมาก อร้อย อร่อย ตัวเมอแรงก์ก็เปลือกกรอบแต่เนื้อยังคงแน่นกำลังดีค่ะ อร่อยมากๆ
จบคอร์สของห้องอาหารชาร์ไปด้วยความประทับใจค่ะ
Post