1
0
0
Opening Hours
Mon
Closed
Tue - Sun
10:00 - 18:00
Above information is for reference only. Please check details with the restaurant.
Signature Dishes
ภายใต้ระเบียงอันร่มรื่นของบ้านไม้หลังใหญ่ซึ่งใช้เป็นอาคารจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) ในซอยองครักษ์ 13 ย่านถนนสามเสนนี้ เป็นที่ตั้งของDOK MAI THAI SALON DU THÉ – ร้านน้ำชาเล็กๆที่ให้บริการทั้งกับแขกที่มาเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และคนที่อาจจะเพียงแค่อยากมานั่งจิบน้ำชา ทานขนม ในบรรยากาศอันร่มรื่นของสวนที่ปกคลุมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์โดยเมนูชาและขนมนานาชนิดที่ทางร้านคัดสรรมานั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การเดินทางไปยังหลากหลายประเทศของคุณสกุล อินทกุล ศิลปินนักจัดดอกไม้ระดับชาติที่เป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมาค่ะ**-การสั่งเครื่องดื่มและขนม-**สามารถสั่งได้เป็น ne Pot of Tea (ราคา 120 บาท) – คือสั่งแต่ชาเพียงอย่างเดียว โดยชาร้อนจะมีให้เลือกหลายชนิด เสิร์ฟมาในกาใบย่อมๆ รินได้หลายถ้วยทีเดียว ส่วนชาเย็นนั้นมีให้เลือก 2 ชนิดคือชาดอกพะยอมใส่น้ำผึ้ง และ Iced Rose Green Tea ค่ะAn Inspired Tea Set for One (ราคา 240 บาท) – คือให้เลือกชา 1 ชนิดตามชอบ เสิร์ฟมาพร้อมเซ็ทขนม 6 ชนิดซึ่งถ้าใครต้องการซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วย (บัตรราคา 150 บาท) ก็จะได้ราคาพิเศษที่ 350 บาทค่ะ ประหยัดไปได้ 40 บาทนะและสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มชาก็สามารถสั่งเป็นโอเลี้ยงยกล้อ หรือกาแฟร้อน (ที่นี่ใช้กาแฟของ UCC) ได้ในราคาแก้วละ 100 บาทนะคะ**-เมนูที่เลือก-**เมนูน้ำชาของที่นี่ดูจะเน้นที่การนำชาจากหลากประเทศ-หลายวัฒนธรรม มาให้เลือกลองกัน โดยมีทั้ง Black tea จากรัฐอัสสัม ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ ชาเขียวมะลิของฝูเจี้ยน ชาเขียวซากุระของญี่ปุ่น... ไปจนถึงชาที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Earl Grey Tea หรือ Darjeeling Tea ซึ่งครั้งนี้เราเลือกลองไป 2 อย่างค่ะ● Turkish Pomegranate Cinnamon Tea–เป็นชาทับทิมสีแดงออกรสผลไม้ค่อนข้างเปรี้ยว เสิร์ฟมาพร้อมก้าน cinnamonใช้คนให้หอมกลิ่นอบเชยจางๆ เมนูนี้เป็นชาที่ไม่ได้มาจากใบของต้นชา (Thea sp.) ฉะนั้นจึงไม่มีคาเฟอีนค่ะ ส่วนตัวแล้วค่อนข้างผิดหวังกับเมนูนี้เพราะพอเห็นคำว่า Turkish ปุ๊บ ใจก็นึกแว้บไปถึง Black Tea หอมกลิ่นชาเข้มข้นที่เคยได้ดื่มแกล้มกับขนม Turkish Delight ในทริปตุรกีของตัวเองเมื่อนานมาแล้ว อารามอยากลิ้มลองกลิ่นรสที่เคยประทับใจก็เลยรีบร้อนสั่งตัวนี้ไปโดยไม่ได้อ่านคำบรรยายข้างหลังให้ดีๆก่อนน่ะค่ะ (คือชาแนวๆกลิ่นผลไม้นี่เราไม่ปลื้มเอาซะเลยล่ะ)●Japanese Sakura Green Tea –ชาเขียวญี่ปุ่นที่เจือมาด้วยกลิ่นซากุระจางๆ ตัวนี้เราชอบมากกว่าตัวแรกค่ะ กลิ่นชาเขียวหอมพอใช้ได้ ตินิดเดียวว่าใส่น้ำมามากไปนิด กลิ่นรสเลยค่อนข้างเจือจาง ถ้าเข้มกว่านี้อีกหน่อยล่ะก็แจ่มเลยสำหรับเซ็ทขนมนั้นไม่ต้องเลือกเพราะมีตายตัวอยู่แบบเดียว ประกอบไปด้วยขนมประจำชาติต่างๆในเอเชีย ได้แก่ขนมKalakand(milk cake)ของอินเดีย ขนมไดฟุกุชาเขียวไส้ถั่วแดงของญี่ปุ่น ขนมชั้น (อันที่จริงในเมนูเขียนว่าจะมีเป็นขนมงาสลัด แต่อาจจะหาไม่ได้มั้งนะ) ขนมเปี๊ยะ ถั่วแปบ และ ขนมต้มค่ะ เท่าที่ชิมดูแล้วขนมรสชาติปานกลางพอใช้ได้ มีขนม Kalakandที่เรารู้สึกว่าอร่อยที่สุด โดยรวมก็ทานแกล้มชาได้เพลินๆดีค่ะ หมดเซ็ทนึงนี่ถ้าทานคนเดียวก็อิ่มเลยล่ะ**-บรรยากาศ-**สำหรับคนที่ซื้อบัตรนั้นสามารถเข้าชม exhibition ในตัวอาคารได้โดยมีไกด์นำชมเป็นรอบๆไป มีทั้งทัวร์ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และยังมีทัวร์ภาษาญี่ปุ่น (วันละ 2 รอบ) ด้วย ส่วนคนที่ไม่ได้ซื้อบัตรนั้นให้เดินชมอยู่แต่ในสวนรอบนอกตัวบ้านค่ะ โดยในสวนด้านหลังนั้นมีสระน้ำกับศาลาให้นั่งพักด้วย ช่วงที่ไปนั้นเสียดายว่าเป็นหน้าฝน เลยได้เห็นใบไม้เขียวๆซะมากกว่าจะเห็นดอกไม้ คิดว่าช่วงหน้าหนาวที่ดอกไม้จะบานกันเต็มที่คงจะสวยงามได้ยิ่งกว่านี้ค่ะ ทราบข่าวมาว่าช่วงนี้ (20 พฤศจิกายน – 13 ธันวาคม 2558) ทางพิพิธภัณฑ์กำลังจัด “เทศกาลชมดอกแวนด้ารับลมหนาว” อยู่ด้วย มีซุ้มกล้วยไม้สวยๆให้แวะชมและถ่ายรูปกันจุใจทีเดียว ถ้าสนใจก็น่าแวะไปดูนะคะโดยรวมแล้วรู้สึกว่าความโดดเด่นของที่นี่อยู่ที่บรรยากาศแสนสงบที่ชวนให้รื่นรมย์ การตกแต่งสถานที่อย่างมีรสนิยม และการบริการที่ดีเลิศ ส่วนรสชาติของขนมและน้ำชานั้นดูจะเป็นเรื่องรองลงไป ถ้าอยากมาดื่มด่ำกับบรรยากาศของบ้านย้อนยุคในสวนแสนสงบร่มรื่นใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมกับจิบชา ทานขนมยามบ่ายซักมื้อล่ะก็ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
continue reading