2
2
0
Signature Dishes
เนื้อออสเตรเลีย สุกี้-ชาบูเซ็ทเนื้อ หอยเชลล์ หอยเชลล์เสียบไม้ย่าง
Review (5)
ร้านอยู่ชั้นสองของพอร์โตชิโน ร้านกว้างขวางและมีสีสันดีเมนูมีสองแบบ อันหนึ่งมีราคา อีกอันมีรูปไม่มีราคาน้ำซุปมีสามแบบ น้องแนะนำแบบข้น ลักษณะคล้ายๆ น้ำซุปสุกี้ยากี้ที่ขายตามร้านอาหารตามสั่งน้ำติ้มออกรสเปรี้ยวและเค็มแบบซีอิ๊ว มีพริกกระเทียมชามยักษ์ให้เติมเต็มที่เราว่าตัวซุปข้นอร่อย แต่รสมันไม่ส่งกับน้ำจิ้มค่ะมีเก็กฮวยรีฟิล แก้วละสี่สิบบาทน้องที่เป็นเทรนนีบริการดีมากๆ เอาใจใส่ดี continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
เจอกันอีกแล้วที่ Porto chino คราวนี้เรามาทานชาบูกันบ้างที่ร้าน มาม่าดู บายเทอ เห็นเค้าติดโฆษณาว่า สุกี้รสมือแม่ เลยขอลองชิมซักครั้งแล้วกันภายในร้านตกแต่งสีสันสดใส ที่นั่งมีทั้งแบบเคาเตอร์ หม้อส่วนตัวหรือมาเป็นกลุ่มก็มีโต๊ะให้นั่ง บรรยากาศภายในร้านค่ะ สีสันสดใสดีค่ะเครื่องปรุงน้ำจิ้ม พริก กระเทียม พร้อม!!!น้ำจิ้ม ที่เราคิดว่าจะต้องกลับมาทานอีก แบบว่าอร่อยมากกกกรสชาตหวานๆเผ็ดๆ เห็นว่าเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านหม้อต้มส่วนตัว ซุปใสๆร้อนๆจ้าทานผักเพื่อสุขภาพกันนะคะหมูและเนื้อ สไลด์ สไลด์ออกมาได้ความหนากำลังดี เวลาคีบก็ไม่ขาด แถมยังนุ่มอีกตะหากเพิ่ม หมูนุ่มและลูกชิ้นหมูอีกซักหน่อยราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพของวัตถุดิบ ถือว่าโอเคค่ะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
ร้านสุกี้สไตล์ ชาบูค่ะ สาขาที่ปกติไปกินคือที่ ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 8 แต่วันนี้ก่อนกลับจากเที่ยว ต่างจังหวัดเราก็เลยมาแวะ porto chino ซะหน่อย อยากทานมากจนต้อง u turn รถกลับมาอีกรอบบเลยมาชิมก่อนเที่ยวเลยคะ ชอบซุปนํ้าข้นที่นี่ แต่ก็มีบางคนที่ชอบซุปน้ำใส เหมือนกันตัวน้ำข้น นี่หอมมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบทานเลี่ยนๆ ก็อาจจะทานได้แวบนึงอาจจะอยากเปลี่ยนน้ำซุปที่นี่เค้าคิดราคาเป็นหัวนะคะ หัวละ 30 บาทค่ะ อีกอย่างที่ชอบก็คือน้ำจิ้มของทางร้านที่อร่อยจริงๆ ปรุงเองได้นะคะ ชอบรสประมาณไหนก็ตักเอาเลยค่ะ มาในถ้วยใหญ่มากพริก, กระเทียม แล้วก็ผัก อีกซุปนึงที่วันนี้ไม่ได้ลองก็คือ โจ้กค่ะ เพราะว่าอยากกินชาบูมากกว่าแต่ถ้ากลางทางอยากจะเปลี่ยนก็ได้นะคะ เค้าก็ไม่ว่าหมูค่าหั่นบางกำลังดี จุ่มๆ แวบนึงจุ่มไข่ อันนี้สั่งเพิ่มต่างหากนะคะเราขาดไม่ได้ ทานชาบูต้องจุ่มไข่ แต่สำหรับที่นี่ถ้าทานกับน้ำข้นแล้วอาจจะไม่ต้องแล้ว มีผักสังมาเพิ่มจากชุดผักด้วย มีผักให้เลือกสั่งต่างหากเยอะเหมือนกันค่ะเห็ดเข็มทอง ราคาก็กลางๆ ค่ะ ด้วยความที่เป็น alacarte ก็จะเลอืกสั่งได้นะคะบรรยากาศในร้านคะ พนักงานบริการดีนะคะ ที่ counter ก็คอยปรับความเบา แรงให้ตลอด เวลาหม้อเดือดไป continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
ส่วนเครื่องสุกี้ชาบูนี่ก็เลือกเอาจากเมนูเลยค่ะ สั่งกันแบบไม่ยั้งเพราะหิว อิอิเมนูก็เหมือน ๆ ตามร้านสุกี้ชาบูทั่วไปนะคะ แต่เมนูแบบพิเศษก็มี เช่น วากิวริบอายจานละ 490 บ. , หอยเชลล์อลาสก้าจานละ 230 บ. งบน้อยอย่างเราขอสั่งเมนูธรรมดาพอนะคะ อิอิเครื่องในจานนี้เป็นของเซ็ตหมูค่ะ ทั้งชุดจะมีหมูให้ 1 จาน เครื่องใน 1 จาน และผักอีก 1 จาน ราคา 210 บ.ผักของเซ็ตหมูค่ะ ถ้ามาคนเดียวสั่งเป็นเซ็ตก็ดีนะคะ อยากได้เนื้ออื่น ๆ เพิ่มค่อยสั่งต่างหากรวมฮิตหมู ๆ หมูนุ่ม หมูสไลด์ หมูเด้ง แอบมีปลาสวรรค์มาแจมด้วยจานนึงเกี๊ยวกุ้ง เต้าหู้ปลา ลูกชิ้นปลาหมึก ลูกชิ้นหมูเห็ดหอม ราคาก็ 50 -70 บ.ค่ะตอนแรกดีใจเห็นมีลูกชิ้นปลาหมึกด้วย เคยกินที่ HK ลูกโตแถมอร่อยมาก แต่ต้องบอกว่าเมนูนี้ผิดหวังนะคะ ลูกชิ้นนิ่มยุ่ย ไม่อร่อยเลย ไปคราวหน้าเมนูนี้คงไม่สั่งแล้วค่ะชาบู ๆ ในหม้อน้ำข้นและน้ำใส เราว่าน้ำข้นอร่อยดีนะคะ แต่ต้มไปนาน ๆ มันจะเข้มข้นขึ้นต้องแอบเอาน้ำใสมาผสมหน่อย ไม่งั้นเค็มเกินค่ะด้วยความอยากรู้ว่าน้ำซุปโจ๊กเป็นยังไง พอน้ำข้นหมดเลยสั่งมาลองอีกหม้อค่ะยกมาก็ถึงบางอ้อ มันคือโจ๊กดี ๆ นี่เอง พวกเครื่องต่าง ๆ ต้องสั่งแยกนะคะก็เลยสั่งเป็นเมนูที่เข้ากับโจ๊ก อย่างหมูเด้ง ตับ เซี่ยงจี้จะกินทั้งทีต้องให้ครบเซ็ตก็เลยสั่งหมี่กรอบ และปาท่องโก๋มาอีกอย่างละจานขิงและต้นหอมซอยไม่คิดเงินค่ะ ตักใส่ชามตกแต่งเรียบร้อย ได้โจ๊กอีกคนละ 2 ถ้วยใหญ่ ๆ (ไปกัน 6 คน) จุกแอ๊กกันไปเลยค่า เบ็ดเสร็จมื้อนี้ 2,330 บ. มี SC อีก 10% และ vat อีก 7 % โดยรวมอาหารราคาสูงไปหน่อย แต่รสชาติดีค่ะ ถ้าไม่มี ++ จะดีมากเลย อิอิตอนนี้มีโปรโมชั่นสะสมแต้มด้วยค่ะ รับประทานอาหารครบ 300 บ.รับแสตมป์ 1 ดวง สะสมครบ 20 ดวงแลก gift voucher 800 Free หมดเขตส.ค.ปีหน้าค่ะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)