0
2
0
Above information is for reference only. Please check details with the restaurant.
Signature Dishes
กุ้งกระเบื้อง เมี่ยงคำ ยำตะไคร้กุ้งสด
Review (3)
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดตัวของ The Hamlet – คอมมิวนิตี้มอลล์ในซอยอารีย์ 3 ซึ่งคุณฐานวัฒน์ สุวินัยพฤษเบ็ญจะ ผู้เป็นเจ้าของโปรเจคท์ได้ทำการรีโนเวทจากร้าน Reflection Again ค่ะ ภาพลักษณ์ของที่นี่เป็นแหล่ง hangout บรรยากาศดีที่ชวนให้สะดุดตาด้วยสวนสวยร่มรื่นสไตล์อังกฤษที่รายล้อมบ้านสีขาวหลังใหญ่ไว้สมกับคอนเซ็ปต์ “Cuisine Garden” ของทางร้าน แน่นอนว่ามีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปกันเยอะทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ในยามค่ำคืนยังมีดนตรีสดขับกล่อมทั้งเพลงไทยและสากล ชวนให้แวะมาสังสรรค์ นั่งชิลล์ทานอาหาร – จิบเครื่องดื่ม กันดีนักล่ะ***-บรรยากาศ-***ภายใน community mall แห่งนี้ประกอบไปด้วยร้านอาหาร 4 ร้านด้วยกันค่ะ คือ..● Cafe' in hamlet – คาเฟ่ที่อยู่ด้านหน้าสุดติดประตูรั้ว ให้บริการขนมและชา-กาแฟค่ะ● Onshitsu Denoyujo – เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่บริเวณลานด้านหน้าของตัวบ้าน ลักษณะเป็นแบบ open air ตกแต่งด้วยต้นไม้เขียวครึ้ม เมื่อเลี้ยวเข้ามาด้านในก็จะเจอรูปภาพตกแต่งผนังและของตกแต่งต่างๆคล้ายแกลเลอรี่ เก๋ดีทีเดียว● My Tree (ไมตรี) – ห้องอาหารไทยที่เน้นโทนสีม่วง ตกแต่งด้วยรูปปั้นสไตล์ยุโรปซึ่งเป็นของสะสมของเจ้าของร้าน ดูหรูหราโอ่โถงดีทีเดียว ซึ่งครั้งนี้เรามานั่งทานอาหารกันที่นี่ค่ะ● Amicizia – เป็นห้องอาหารอิตาเลียนที่มีเพดานโปร่งแสงให้ความรู้สึกโล่งสบาย แต่คราวนี้ยังไม่มีโอกาสได้ลองนะคะทราบมาว่าชื่อของห้องอาหารทั้งไทย-ญี่ปุ่น-อิตาเลียนนี้มีความหมายว่ามิตรภาพหรือไมตรีเหมือนกันทั้งหมด ..ไอเดียน่ารักดีค่ะ***-เมนูที่ได้ลอง-***เป็นอาหารส่วนที่เตรียมไว้สำหรับงาน grand opening นี้ซึ่งจะไม่มีในเมนูปกติค่ะ โดยจะมีพวกของทานเล่นอย่างม้าฮ่อ แซลมอนพันหน่อไม้ฝรั่ง canapé ..โดยรวมแล้วรสชาติดีแทบทุกอย่าง ยกเว้นเกี๊ยวซ่าที่เราว่ามันทอดมาแข็งไปนิด ชิมแล้วก็เลยพอได้รู้ฝีมือว่ากับของทานเล่นแนวๆกับแกล้มกรุบกริบนี่ดูจะเป็นของถนัดของพ่อครัวที่นี่สมกับเป็นร้านที่เน้นทั้งเรื่องกินเรื่องดื่มล่ะค่ะ ส่วนเมนูที่หนักท้องขึ้นมาหน่อยจะเป็นผัดไทยกุ้งสด ข้าวอบปลาฮามาจิ และเส้น Angel Hair ผัด ..อาจเป็นเพราะทำใส่ถาดทิ้งไว้เยอะๆให้ไปตักทานได้แบบบุฟเฟต์ ก็เลยทำให้รู้สึกว่ารสชาติยังไม่เป๊ะเท่าไหร่ค่ะในส่วนของห้องอาหารไมตรีซึ่งเป็นครัวอาหารไทยนี้ราคาอาหารโดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงจานละ 150-300 บาท ยกเว้นอาหารจานใหญ่อย่างขาหมูเยอรมันที่ราคาจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 550 บาทค่ะ ซึ่งทางร้านได้ให้เราลองกันไปเป็นบางเมนูตามนี้เลย● กะพงทอดน้ำปลา – เนื้อปลากะพงทอดมาดีกรอบนอกนุ่มใน น้ำยำปรุงรสมาแบบเปรี้ยวนำ ใส่ทั้งมะม่วงดิบและมะม่วงหิมพานต์มาแบบจัดเต็ม เมนูนี้เราว่าทานเปล่าๆเพลินดีมากๆ แต่ถ้าทานกับข้าวก็คงจะอยากให้รสชาติเข้มข้นอีกนิดนะคะ● โรตีแกงเขียวหวาน – ได้ลองทั้งแกงเขียวหวานไก่และหมู น้ำแกงเค้ารสดีหอมเครื่องแกงกลมกล่อมอร่อยเลยล่ะค่ะ ตัวโรตีมีอมน้ำมันนิดนึง แต่คิดว่าเป็นเพราะวันนั้นแขกมากมายมหาศาล ในครัวคงยุ่งกันจนไม่มีเวลารอสะเด็ดน้ำมัน ถ้าเป็นเวลาปกติไม่น่าพลาดค่ะ● ต้มข่าไก่ – ปรุงมาแบบรสชาติกลมกล่อม สังเกตว่าถูกใจแขกต่างชาติมาก แต่กับคนไทยอย่างเรานี่รสนี้คือทานเล่นเปล่าๆแบบซุปจะกำลังเหมาะ ถ้าจะทานเป็นกับข้าวก็ขอจัดจ้านขึ้นอีกนิดถึงจะฟินค่ะ● Salmon Spicy Roll – กับครัวญี่ปุ่นของทางร้านนี้เราได้ลองกันเมนูเดียว ในแง่ความสดของแซลมอนที่ใช้นั้นจัดว่าโอเค แต่ซอสราดจะรสชาติค่อนข้างจืดไปนิด ไม่ค่อย spicy สมชื่อเมนูนักน่ะค่ะไอศครีมของที่นี่รับมาจากร้าน White Rabbit ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 ใกล้ๆกันนั่นเองค่ะ เราได้ลองเป็นไอศครีมกะทิที่ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนหอมๆ ..อร่อยสุดๆบอกเลยสำหรับครัวอาหารอิตาเลียนและส่วนของ coffee shop นั้นเรายังไม่มีโอกาสได้ลอง คงต้องไว้แวะไปใหม่คราวหน้า แต่ก่อนกลับทางร้านได้นำคุ้กกี้ผักชีลาวซึ่งกำลังจะสั่งเข้ามาเพื่อเสิร์ฟกับกาแฟมาให้ชิม เนื้อคุกกี้กรอบเบา ไม่หวานมาก และเข้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆของผักชีลาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ..ชอบค่ะความที่ The Hamlet นี้เกิดขึ้นจากความรักในด้านการจัดสวนและ Interior design ของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งได้ลงมือตกแต่งสถานที่ด้วยตัวเองอย่างประณีต จุดเด่นของทางร้านที่เห็นได้ชัดจึงเป็นเรื่องของบรรยากาศที่ดูร่มรื่นสวยงามราวกับเป็นโอเอซิสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และการตกแต่งภายในร้านที่ประดับประดาไปด้วยของสะสมและรูปภาพต่างๆอย่างมีศิลปะ ส่วนในแง่รสชาติอาหารที่ได้ชิมไปในครั้งนี้โดยรวมแล้วก็จัดว่าใช้ได้ทีเดียว แม้จะมีจุดที่รู้สึกว่ายังบกพร่องอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงว่าเป็นวัน Grand Opening ซึ่งได้เชิญแขกมามากมายจนในครัวน่าจะวุ่นวายไม่ใช่น้อย ก็ถือว่าพอเข้าใจได้ ถ้าไปในวันปกติทั่วไปก็คิดว่าน่าจะเป๊ะและฟินได้ยิ่งกว่านี้นะ ถ้าใครกำลังหาร้านแนวกิน-ดื่ม-สังสรรค์บรรยากาศดีๆก็ลองพิจารณาที่นี่ดูได้ค่ะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
ร้านไมตรีหรือ My tree เป็น 1 ใน 4 ร้านในรั้วของร้านอาหาร The Hamlet Cafe Cuisine Garden อารีย์ซ.3 โดยร้านไมตรีนี้จะให้บริการอาหารไทยบรรยากาศในห้องอาหารจะแต่งแนวหรู ๆ หน่อย มีเสาโรมัน ของตกแต่งแนวยุโรปเครื่องดื่มเราเลือกเป็นชามะนาว ของเพื่อนสั่งมะนาวโซดา ไม่หวานมากอมเปรี้ยว สดชื่นดีมีจิบ ๆ Sparking Wine นิดหน่อย ก็ฟู่ ๆ เบา ๆแกงเขียวหวานกับโรตี มีให้เลือกระหว่างแกงเขียวหวานหมูและไก่ เราได้ชิมแกงเขียวหวานไก่ ตัวแกงรสเข้มข้นดี โรตีก็กรอบดีแต่อมน้ำมันไปหน่อยต้มข่าไก่ ก็โอเคนะใช้ได้ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลามีแต่เนื้อ ๆ ทานง่าย น้ำปลาไม่ค่อยเข้าเนื้อปลาเท่าไหร่เราว่ารสจืดไป ส่วนยำมะม่วงโอเคค่ะผัดไทยได้ชิมแต่เส้น ผัดทิ้งไว้นานไปหน่อย รสชาดเลยเซ็ง คิดว่ารสยังไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ของหวานได้ชิมไอศครีมแต่ไม่มีรูป ลืมถ่าย ได้มาปุ๊บเข้าปากปั๊บไอศครีมจากร้าน White Rabbit ซ.อารีย์สัมพันธ์ 5 ที่ร้านมีให้เลือก 5 รส สตรอเบอรี่-มะพร้าว-ชาไทย-ช็อคโกแลต และวนิลา เราได้ชิมไป 3 รส1.มะพร้าวเป็นแนวเชอร์เบท อร่อยดีเห็นว่าเป็นสูตรจากเกาะพงัน2. ช็อคโกแลตเข้มข้นดี อร่อย3. ชาไทยก็เข้มเหมือนกัน เราก็ว่าโอเคอ่ะ ชอบอะไรเข้ม ๆสำหรับเราร้านนี้อาหารไทยก็โอเคนะใช้ได้ แต่เนื่องจากไปทานในวัน Grand Opening แขกเต็มร้าน คนเยอะมาก หลาย ๆ อย่างอาจจะยังไม่เข้าที่ ถ้ามีโอกาสก็จะลองมาชิมในส่วนของช่วงเวลาปกติดูจ้า continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
รีวิวนี้จะพาไปกินอาหารไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ร้านของ The Hamlet อารีย์ซอยสามนะคะ ซึ่งเราได้ไปกินอาหารไทยในวันเปิดร้าน ก็เลยมารีวิวนะคะ ส่วนร้านอาหารญี่ปุ่น อิตาเลียน และคาเฟ่ เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะไปกินมาทำรีวิวนะฮับวันนั้นเอารถไปนะคะ ซึ่งที่ร้านไม่มีที่จอดรถโดยตรงค่ะ ต้องจอดข้างทางในซอยสามนั่นแหละนะคะ เราไปถึงห้าโมงนิดๆ ยังพอมีแสงให้เก็บภาพค่ะ ก็ถ่ายรูปหน้าร้านมาก่อนเลยค่ะ จะเห็นว่าที่นี่เน้นเรื่องต้นไม้ สวน ดอกไม้นะคะ ที่ป้ายจะเขียนว่า The Hamlet Café Cuisine Garden (หาปุ่มสัญลักษณ์จุดกลางไม่เจอง่ะค่ะ แง)เข้าไปปุ๊บ จะเจอโซนแรกของที่นี่ก่อนเลยค่ะซึ่งเป็นร้านกาแฟนะคะ เปิด 10.30-20.30 ค่ะ เห็นบอกว่าต่อไปจะมีเดย์เบดมาเอาไว้ให้นอนดูดาวด้วยนะเอ้าติดกับร้านกาแฟจะเป็นสวนสไตล์อังกฤษค่ะ ซึ่งมีต้นไม้หลายตัวที่ไม่ค่อยได้เห็นที่สวนแห่งอื่นๆ ด้วยนะคะ (เจ้าของร้านนี้รับจัดสวนด้วยค่ะ ยังบอกเลยว่า ใครจะมาเซ้งต่อร้านอาหารก็ได้ เพราะตอนนี้เจ้าตัวอยากทำธุรกิจจัดสวนแทนแล้วค่ะ ใครสนใจก็ลองติดต่อดูนะคะ..เจ้าตัวย้ำว่าพูดจริงไม่ได้พูดเล่นด้วยนะเอ้า)ถัดไปจากโซนร้านกาแฟ จะเป็นร้านขายอาหารญี่ปุ่นชื่อว่า Onshitsu Denoyujo ซึ่งจะเป็นพวกไม้ๆ หน่อยค่ะจากนั้นก็จะเป็นโซนของร้านอาหารไทยค่ะ ข้างในก็จะตกแต่งอีกสไตล์เลย เป็นห้องแอร์แล้วค่ะ ชื่อ ไมตรี (ภาษาอังกฤษใช้ว่า My tree เก๋เนาะ) มีภาพวาดสวยๆ เต็มเลยค่ะถัดไปด้านในสุดจะเป็นร้านอาหารอิตาเลียนค่ะ ชื่อ Amicizia ซึ่งชื่อร้านทั้งหมดจะแปลว่า มิตรไมตรีหมดเลยค่ะ ในนี้จะมีครัวเปิดด้วยนะคะเมนูของร้านอาหารไทยค่ะมาไล่ทีละเมนูเลยเนาะคะ เมนูแรกที่มาคือแกงเขียวหวานโรตีค่ะ ซึ่งทำแกงเขียวหวานมาสองอันคือ ไก่ กับ หมูค่ะตัวโรตีค่อนข้างอมน้ำมันไปหน่อยค่ะ ส่วนตัวแกงเขียวหวานเราว่าเข้มข้นดี หอมเครื่องแกงและเผ็ดดีนะคะ แต่เราชอบตัวแกงเขียวหวานหมูมากกว่าแกงเขียวหวานไก่แหละ เราว่ามันอร่อยกว่าน่ะค่ะเมนูต่อไปกับปลากะพงทอดน้ำปลา ทอดมาดีนะคะ กรอบนิดๆ และฉ่ำเนื้อปลาอยู่ แต่น้ำปลามันน้อยไปน่ะค่ะ เราชอบแบบมีน้ำปลาราดมาเยอะกว่านี้ค่ะ ส่วนยำมะม่วงที่มาด้วยกันเราชอบนะคะเราว่าโอ แต่เห็นบางคนบอกว่ามันโดดไปค่ะต่อไปกับต้มข่าไก่ สำหรับเรายังไม่ค่อยเป๊ะค่ะ ยัไงม่โดน เราว่ามันขาดความเปรี้ยวของน้ำมะขามเปียกน่ะค่ะ รสไม่ค่อยกลมกล่อมพอดีเท่าไหร่ค่ะสรุปครัวไทยวันนั้นอยู่ในระดับผ่านแต่ไม่ว้าวนะคะ (แต่ต้องหมายเหตุนิดหนึ่งว่า ร้านเปิดมาไม่กี่เดือน และน่าจะยังไม่เคยรับมือกับลูกค้าจำนวนมากขนาดนั้นในวันเปิดร้านแบบนั้นนะคะ อาจจะทำให้มีผลต่อการทำอาหารได้ค่ะ) continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)