4
0
0
3-min walk from Exit 2, Chit Lom BTS Station
continue reading
Awards and Titles
Michelin’s Plate restaurant (2018-2021)
Good For
Business Dining
Family Style Dining
Special Occasion Dining / Party
Opening Hours
Mon - Sun
11:30 - 23:30
Above information is for reference only. Please check details with the restaurant.
Signature Dishes
RELATED ARTICLES
คุ้มสุดๆกับโปร.พิเศษที่ทาง ทีโอ มีโอ จัดกับงานเฉพาะกิจAN EVENING WITH THEO RANDALL : Exclusive Cocktail Partyต้อนรับเชฟระดับมิชลินสตาร์เชฟทีโอ แรนดอลล์ เจ้าของห้องอาหารนี้จากอังกฤษกับหลากหลายเมนูอาหารอิตาเลี่ยนที่ใช้ของคุณภาพดีมาก รสมืออร่อยถูกปากสุดๆรวมถึงหลากหลายเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็นเบียร์ สปาร์กลิ้งไวน์ ไวน์ขาว ไวน์แดง และอีกเพียบที่ทั้งหมดนี่มาแบบไม่อั้นในราคาไม่ถึงพัน!.... เป็นงานที่คุ้มและสุดมากๆงานนึงเลยทีเดียวแนะนำให้คอยติดตามข่าวสารกับทางโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ กันเพื่องานดีงามแบบนี้จะได้ไม่พลาดกันนะครับ.ชมรีวิว : http://www.reviewnowz.com/intercontinental-bangkok-theo-mio-cocktail-party-2017/
continue reading
Theo Mio (ทีโอ มีโอ) เป็นร้านอาหารของ Theo Randall เชฟชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เปิดสาขาแรกนอกประเทศอังกฤษที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ พิกัดโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ อยู่ตรงแยกราชประสงค์ ข้าง ๆ เกษรพลาซ่าTheo Mio อยู่บริเวณชั้นล่าง ถ้าเข้ามาจากด้านหน้าของโรงแรมก็จะเจอร้านอาหารเลย ใครที่มาจากล็อบบี้ ลงบันไดมา 1 ชั้นก็จะเจอร้านอาหารเช่นกันเปิดให้บริการมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ 11.30 – 23.30 น.(ออเดอร์สุดท้ายเวลา 22.30) ทุกวัน ร้านถูกออกแบบให้เป็นลักษณะครัวเปิด (open-kitchen) เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นการทำงานของเชฟ ภายในร้านตกแต่งสวยมาก ๆ มีที่นั่งให้เลือกนั่งได้หลายมุม ทั้งด้านใน ด้านนอก และมุมเคาน์เตอร์บาร์ เราชอบที่มีต้นไม้ประดับดวงไฟ ให้บรรยกาศโรแมนติกดีเครื่องดื่ม- Mocktails - Roma : น้ำแอปเปิ้ล + Maraschino + เลมอน กลิ่นและรสเชอรี่โดดเด่นมาก- Mocktails - Palerno : ออกแนวลิ้นจี่ หอมหวาน มีกลิ่นตะไคร้แซมมาเล็กน้อย- Mocktails - Napoli : น้ำส้มผสมเสาวรส หอมหวานอมเปรี้ยว- Mocktails - Milano : น้ำ Grapefruit+cranberry แก้วนี้ไม่ได้ชิมค่ะ- Sparkling Wine : รสซ่า ๆ เบา ๆ ดื่มง่าย- ไวน์แดง : แก้วนี้ไม่ได้ชิม แต่เพื่อน ๆ ชอบกัน- ไวน์ขาว : รสนุ่ม ๆ ดื่มง่ายดีค่ะอาหาร- ขนมปัง 3 แบบเป็น Complimentary ปกติไปทานร้านอาหารจะชิมขนมปังแค่นิด ๆ หน่อย ๆ นะ แต่ที่นี่กินครบทุกแบบ เพลินมาก ๆ จะทานเปล่า ๆ หรือทานคู่กับน้ำมันมะกอก เหยาะบัลซามิกก็ได้นะคะ- Selezione di Antipasti Theo Mio 650 บ. จานนี้เป็นจานอาหารเรียกน้ำย่อยแบบรวม 4 อย่างแต่เราชิมไป 3 อย่าง เราชอบลูกกลม ๆ เหมือนข้าวทอด กรอบนอกนุ่มในดี , burrata นี่อร่อยมาก เป็นชีสสดเนื้อนุ่มเนียน ชอบ , parma ก็ไม่เค็ม คิอดี- Burrata con Asparagi Grigliati 375 บ.เป็นเมนูแอสพารากัสย่างกินคู่กับ burrata อีกแล้ว ชีสสดนี่มันดีจริง ๆ ชอบค่า- Insalata Pugliese 375 บ.เป็นสลัดผักสดกรอบ มีทั้งมะเขือเทศ , แตงกวา , โหระพา , ใบมินท์ , แตงโม น้ำสลัดเป็นแบบใสรสอมเปรี้ยว กินแล้วไม่เลี่ยน สดชื่นดีมาก ๆ - Puntarelle alla Romana 450 บ.เป็นสลัดแบบโรม ใช้กะหล่ำปลี , Capers ใส่แองโชวีด้วยรสชาติก็จะออกนัว ๆ เค็ม ๆ เล็กน้อย- Calamari in Padella 450 บ.ด้านบนเป็นสลัดผักร็อกเก็ตด้านล่างเป็นปลาหมึก ปรุงรสมาเผ็ดเล็กน้อย กินคู่กับถั่ว chickpeas เคี้ยวเพลินดีค่ะ มีทั้งความมันจากถั่วและความเด้งจากปลาหมึก- Risotto alla Zafferrano con Vitello 450 / 675 บ.รีซอตโต้ของที่นี่อร่อยมาก ดูดซับน้ำซุปเข้าไปเต็มที่จนข้าวนุ่ม ชีสเคลือบเม็ดข้าวทั่วไปหมด ในส่วนของเนื้อใช้ส่วนหน้าแข้งลูกวัว เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว จานนี้อร่อยแต่ไม่ควรกินเยอะ เพราะชีสมาเต็มมาก อาจเลี่ยนได้จ้า- Pappardelle con Ragu di Guancia di Manzo 500 / 750 บ.พาสต้าโฮมเมด กับแก้มวัวตุ๋นไวน์แดงจานนี้ปลื้มปริ่มอีกเหมือนกัน เส้นพาสต้าเค้าทำเองไม่ได้ใช้เส้นสำเร็จ สุกแบบอัลเดนเต้เลย หนึบกำลังดีไม่นิ่มเละ แก้มวัวตุ๋นก็นุ่ม- Taglierini con Gamberi e Carciofi 475 / 715 บ.พาสต้าผัดกระเทียม พริกแห้ง และพาสลีย์ใส่กุ้งและอาติโชค เส้นสุกกำลังดีเช่นกัน รสอ่อน ๆ หน่อย ไม่เลี่ยนกินได้เพลิน ๆ - Burrida di Frutti di Mare 850 บ. สตูว์ซีฟู๊ดสไตล์อิตาเลี่ยน ใส่มาทั้งปลา กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ และมันฝรั่ง เป็นสตูว์แบบใส รสอมเปรี้ยวเล็กน้อย แต่กลมกล่อมดีนะคะ เมนูนี้ก็ชอบค่ะ- Controfilleto di Manzo 1,200 บ.เนื้อย่างสีชมพูสวย กินคู่กับร็อกเก็ต บัลซามิก วิเนกา และพาเมซานชีส เนื้อนุ่ม สุกกำลังดี มีรสเผ็ดเล็ก ๆ อร่อยมากกกกกก- Agnello con Verdure Miste ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟกับผักย่าง เนื้อแกะนุ่มดี มีกลิ่นสาปแกะเล็ก ๆ คนไม่ชอบแกะก็กินได้ขนมหวาน- Selezione di Dolci Theo Mio 600 บ. เป็นจานรวมเมนูขนมตัวเด่น ๆ ของ Theo Mio 5 อย่างไว้ด้วยกัน 1)โดนัทคลุกน้ำตาลเสิร์ฟคู่กับเลมอนเคิร์ด แป้งนุ่มดี เลมอนเคิร์ดก็อร่อยรสแบบนวล ๆ ละมุน ๆ ไม่เปรี้ยวโดด2)พานาคอตต้ามะพร้าว ด้านบนเป็นสัปปะรด รสแบบหอมมันมะพร้าว 3)ทาร์ตอัลมอนต์ของที่นี่อร่อยมาก เค้าบดอัลมอลต์มาหยาบ ๆ เคี้ยวไปเจอทุกคำ เสิร์ฟคู่กับ creme fraiche ซึ่งเป็นครีมเนื้อเนียน เนื้อจะหนักกว่าวิปครีม 4)เค้กช็อกโกแลต ที่ใช้ช็อก Valrhona ช็อกมาเต็มถูกใจสายดาร์กมากมีกลิ่นและรสส้มเล็ก ๆ เสิร์ฟคู่กับมาสคาโปเน่ชีส 5)ทีรามิสุ ขนมสุดโปรดที่ใช้เลดี้ฟิงเกอร์ (Savoiardi biscuits) จุ่มกาแฟผสมไวน์มาซาลาสลับชั้นกับมาสคาโปเน่ชีสโรยหน้าด้วยผงโกโก้ ชีสนุ่มละมุนมาก ๆ กาแฟกำลังดี ไม่หวานมาก ชอบอ่าาาาาสำหรับที่นี่เราชอบหลายอย่างทั้งคาวและหวานเลยค่ะ เค้าใช้วัถุดิบดีมีทั้งวัตถุดิบในประเทศและต่างประเทศ บรรยากาศก็ดี ราคาไม่ได้แพงจนเกินไปนักสำหรับอาหารแนวนี้ ใครชอบอาหารอิตาเลี่ยนแวะมาลองกันได้**มื้อนี้เป็นการไปทานโดย PR ของโรมแรมเชิญไปค่ะ**
continue reading
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปกินบรั้นช์กันอีกหนึ่งที่นะคะ ซึ่งการไปครั้งนี้เป็นการชวนจากน้องบุ๊ง Close To Heaven คุณแม่คนสวยของลูกชายสุดน่ารักสองคนนั่นเองค่ะ วันที่เราไปกินเป็นยามสายของวันเสาร์ค่ะ ขับรถไปเช่นเคย สำหรับพิกัดก็อยู่ตรงใกล้ๆ แยกราชประสงค์นะคะ ตรงข้ามเยื้องๆ กับตึกอมรินทร์พลาซ่าค่ะสำหรับวันนั้นก็เอารถไปค่ะ ตึกจอดรถจะต้องวิ่งลึกเข้าไปนะคะ เป็นอาคารด้านหลังรร.ค่ะ จากนั้นก็ต้องกดลิฟท์มาที่ชั้นสองนะคะ เดินผ่านส่วนของร้านขายของไปตามภาพเพื่อจะไปยังบริเวณล็อบบี้ของรร.ก่อนค่ะ เดินเลยล็อบบี้ไปทางด้านหน้าของรร.ที่ติดกับถนน ลงไปอีกชั้นก็จะเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Theo Mio แล้วนะคะซึ่งถ้าใครขี้เกียจวนหาที่จอดรถ (เพราะถ้าเจองานแต่งงานเหมือนเรา กว่าจะได้ที่จอดก็โน่นนนน ชั้นห้าอะค่ะ วนอยู่นั่นแล้ว แงๆ) ก็สามารถใช้บริการ velvet parking ได้ค่ะห้องอาหาร Theo Mio ค่ะซึ่งห้องอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารแห่งแรกของเชฟ Theo Randall เชฟชื่อดังชาวอังกฤษที่โด่งดังจากการเป็นหัวหน้าพ่อครัวร้าน River Cafe อาหารมิชลินสตาร์มากกว่า 10 ปี ก่อนจะเปิดร้านอาหารของตัวเองในชื่อของเขาเองที่ Intercontinental London Park Lane (ซึ่งว่ากันว่าเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ดีที่สุดในกรุงลอนดอน แถมยังได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย เช่น ร้านอาหารอิตาเลียนประจำปี 2556 ของลอนดอน สุดยอดร้านอาหารอิตาเลียน จากซันเดย์ ไทมส์ ฟู้ด ลิสต์ปี 2556 เป็นต้นค่ะ) และขยายมาเปิดสาขาแรกนอกเกาะอังกฤษที่รร.นี้ค่ะ โดยเพิ่งเปิดมาได้แค่ไม่กี่เดือนนะคะ เพราะเปิดเมื่อ 1 สิงหาคม 2558 นี่เองค่ะป.ล.กระซิบบอกนิดหนึ่งสำหรับท่านใดที่อยากพบเชฟ คุณหุย พีอาร์แจ้งมาว่า เชฟ Theo จะมาไทยวันที่ 25 เมษายนนี้นะคะ แต่จะมีอะไรพิเศษ มีทำอาหารด้วยตนเองหรือไม่อย่างไร ถ้าทราบข่าวแล้วจะมาแจ้งกันอีกครั้งหนึ่งค่ะหลังจากพบกับคุณหุย พีอาร์ของทางรร.เรียบร้อยแล้วก็พาไปที่โต๊ะค่ะ เก็บภาพเซ็ตอัพบนโต๊ะก่อนจะไปเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของห้องอาหารนี้นะคะบรรยากาศภายในห้องอาหารนี้จะออกแนวสบายๆ มากเลยค่ะ นั่งแล้วรู้สึกชิลล์มาก คุณหุยเล่าว่า เพิ่งจะมีการใส่ต้นไม้สามต้นเข้าไปในร้าน ซึ่งทำให้สร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้น..ซึ่งเราเห็นด้วยนะคะ บรรยากาศดีเชียวค่ะท่านใดที่อยากเห็นหน้าค่าตาของเชฟ Theo Randall มีรูปติดไว้ทั้งทางด้านหน้าห้องอาหารและผนังด้านหนึ่งภายในห้องอาหารนะคะส่วนด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งก็จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมทั้งมีกาแฟจำหน่ายด้วยค่ะ ตามภาพเลยนะฮับจากนั้นก็ไปเก็บภาพอาหารที่วางรายเรียงอยู่บนเคาน์เตอร์ค่ะ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่เค้าจะบริการให้เรากินสำหรับวีคเอนด์บรั้นช์นี่ด้วยนะฮับส่วนนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของวีคเอนด์บรั้นช์เช่นเดียวกันค่ะกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(ใครที่อ่านรีวิว Sunday Brunch ของข้าพเจ้า ณ มิลเลนเนียมฮิลตันไปแล้ว คงจะทราบดีว่า ตามธรรมเนียมเค้าจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ด้วยนะคะ ซึ่งที่นี่รวมในบรั้นช์แล้วค่ะคุ้มมากๆ อ้ะ)เอาหละค่ะ ก่อนที่จะเริ่มชิม เรามาดูรายละเอียดของบรั้นช์ทีนี่กันดีกว่า ว่าวีคเอนด์บรั้นช์ของที่นี่ราคาเท่าไหร่ รวมอะไรบ้าง และคุ้มค่ามั้ยที่จะมากินนะคะWeekend Brunch ของที่นี่จะมีในวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 11.30-15.00 น.ค่ะ (อาหารสั่งได้แค่ถึง 14.00 น.นะคะ แต่นั่งได้ถึงบ่ายสามค่ะ) ราคา 1288++ ถ้าเน็ตแล้วก็เท่ากับ 1516 บาทค่ะโดยในราคานี้จะสามารถสั่งเมนคอร์สหรือจานหลักได้หนึ่งอย่าง แต่ตัวสตาร์ตเตอร์ ของหวาน และเครื่องดื่มนั้น สั่งได้ไม่อั้นค่ะ ซึ่งสำหรับเรา ถ้าคนดื่มด้วยแล้ว เราว่าเป็นอีกที่ที่คุ้มมากๆ เลยนะคะซึ่งเครื่องดื่มที่รวมในบรั้นช์ก็ได้แก่ Prosecco Bottega Millesimato 2014, ไวน์แดงและไวน์ขาว Genesis, น้ำอัดลม มอคเทล ค็อคเทล (เฉพาะ Sunkissed) ชา กาแฟ และน้ำเปล่าค่ะสำหรับวันนั้นท่านนี้นะคะที่มาดูแลเรา ขออภัยที่หาที่จดชื่อไว้ไม่เจอ (แง หนูสมควรตาย Smiley ) เป็นผู้จัดการชาวออสเตรียนค่ะจากนั้นก็เริ่มทยอยเสิร์ฟกันแล้วค่ะ เมนูแรกเป็น Insalata di Caesar ค่ะ ตัวผักสด เดรสซิ่งก็รสชาติดีตามมาตรฐาน แฮมกรอบ (น้องบุ๊งใช้ศัพท์ว่า prosciutto อบกรอบนะคะ) อร่อยดีงามค่ะ มีความเค็มนิดๆ กรอบกำลังดี ชีสที่ใช้ก็ดีค่ะอิชั้นก็เลยไปหาข้อมูลเจ้า Prosciutto มาให้อ่านกัน ได้ข้อมูลมาจากลิงก์นี้ได้ความว่าเยี่ยงนี้ค่ะคำว่า Prosciutto เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่าแฮม และยังคงมีแฮมจากอีกหลากหลายที่มีรสชาตล้ำเลิศเช่นกัน เช่น Jamon Serrano ของประเทศสเปน Bayonneของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งวิธีการกินก็เหมือนกันคือแล่ให้บาง (มิฉะนั้นจะเหนียว) และทานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องไปปรุงให้สุกก่อนหนังสือซีรีขายดี “1001 foods you must try before you die” ได้แนะนำให้ลอง Serrano Ham, Jamon Iberico de Bellota และ Prosciutto di San Daniele เป็นอาหารที่ต้องลองก่อนตายสองถึงสามปีก่อน มีGala Dinner แห่งปีที่จัดขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยมีห้วข้อว่า 10 things to eat before you die ก็ได้จัดให้ Jamon Iberico de Bellota รวมถึง Beluga caviar, truffles, wagyu beef และ อื่น ๆ เป็นอาหารที่ต้องลิ้มลองก่อนตายJamon SerranoSerrano Ham ทำบนพื้นที่ภูเขาในหลายเขตพื้นที่ในประเทศสเปน โดยใช้หมูขาว โดยว่ากันว่าSerrano Ham ที่ดีมาจาก Trevelez ใน Sierra Nevada และ Teruel ใน Aragonขาหมูจะถูกหมักเกลือประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วทำความสะอาด ตากให้แห้ง แล้วเอาผึ่งไว้เป็นเวลา 8-36 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่ต้องการ น้ำหนักของขาหมูจะหายไปถึง 50%Serrano Ham จะไม่มีการรมควัน หรือปรุงรสด้วยเครื่องปรุงอื่นใด และจะแห้งกว่าแฮมของฝรั่งเศสและอิตาลี สิ่งที่ทำให้ Jamon Serrano มีกลิ่นรสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือ ขบวนการหมักบ่มตามธรรมชาติ แม้ในปัจจุบันจะไม่ได้ air-dried บนภูเขาแต่ก็ได้สร้างห้องควบคุม (Secaderos) ที่จะใช้ตากแห้ง (air-dried) หมูแฮมเหนือกว่า Serrano Hamที่ทำจากหมูขาวก็คือ Iberico Serrano Ham ที่ทำจากหมูขาดำ Iberian ซึ่งเป็นหมูพื้นเมืองของสเปนJamon Iberico เองก็มีหลายคุณภาพ ที่ดีที่สุดคือ Jamon Iberico de Bellota หรือ Peta Negra (เท้าดำ) เป็นแฮมที่ทำจากหมูขาดำที่กินลูกนัท (Acorn) จากต้นโอ๊คและต้นค๊อก (Cork) ช่วงการขุนนี้หมูจะปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในป่าที่มีต้นโอ๊คและต้นค๊อก (Dehesa) และให้น้ำหนักขึ้นอีกอย่างน้อย 1/3 ของ น้ำหนัก การกินลูกนัทจะทำให้มีมันแทรกอยู่ในเนื้อ ทำให้แฮมนี้มีรสชาติและกลิ่นที่หอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่พิเศษยิ่งกว่าสำหรับ Jamon Iberico de Bellota ก็คือมันของหมูแฮมนี้เป็นไขมันแบบโมเลกุลเดียวแบบที่พบในน้ำมัน Extra virgn olive oil. ฉะนั้นจึงกินได้อย่างสบายใจProsciuttoProsciutto ทำในหลายที่ในประเทศอิตาลี แต่ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ "Prosciutto di Parma" หรือที่เรียกกันว่า พาม่าแฮม(Parma Ham) ผลิตทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ในแคว้นEmilia Romagna ซึ่งเป็นแหล่งที่ผลิตเนยแข็ง Parmigiano-Reggiano (เนยแข็งParmesan) หมูจะเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่ประกอบไปด้วยข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพดหวานและผลไม้ และหางน้ำนมที่เหลือจากการทำเนยแข็ง ขาหมูจะถูกปรุงรส หมักเกลือ และจะผึ่งให้แห้ง (air dried) น้ำหนักของขาหมูจะหายไป 30% หลังจากนั้นProsciutto จะถูกทับเพื่อให้เนื้อเนียนขึ้น และเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า Prosciutto di Parma ของแท้จะหมักบ่มเป็นเวลา 10-12 เดือนแฮม (Prosciutto di San Daniele) จากเมือง San Daniele ในแคว้น Friuli ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ได้รับการยกย่องจากนักชิมว่าเหนือชั้นกว่า Prosciutto di Parmaข้อมูลโดย Chef Bleต่อไปเป็นเมนูโคลด์คัทค่ะ Salumi Misti ซึ่งทุกตัวจะมีรสเค็มอยู่นะคะ แต่ถ้ากินกับเจ้าแครกเกอร์แผ่นบางๆ ที่ให้มาด้วยแล้วจะพอดีกันมากค่ะ หอมเนยอ่อนๆ กินแล้วช่วยผสานรสกันดีค่ะเมนูต่อไปค่ะกับ Bruschetta al Pomodoroตัวนี้ขนมปังด้านล่างกรอบกำลังดีค่ะ รสชาติของมะเขือเทศและอื่นๆ ก็ส่งรสกันกำลังพอดีด้วย กินแล้วได้อารมณ์ของการกินอาหารโฮมเมดนะคะถ้ามาคนเดียวก็จะเป็นไซส์นี้นะคะต่อไปเป็นอีกเมนูที่เราชอบค่ะ กับ Pepperoni Piedmonteseตัวรสชาติส่งกันดีมากระหว่างพริกหวานและแองโชวี่ค่ะ แต่ขออนุญาตแนะนำว่าอย่ากินแองโชวี่ต่อคำเยอะเกินไปนะคะ ไม่งั้นจะเค็มโดด ไม่บาลานซ์กับรสพริกหวานค่ะ เราชอบพริกหวานที่เค้าทำมามากค่ะ หวานกำลังดี กลิ่นของพริกหวานก็ยังคงมีอยู่ ไม่รู้ทำได้ไง ชอบๆจากนั้นคุณผู้จัดการร้านก็มาบริการหนึ่งในเครื่องดื่มที่รวมในบรั้นช์ค่ะ นั่นก็คือsparkling wine - Prosecco Bottega Millesimato 2014 ค่ะ (น้องบุ๊งกรี๊ดใหญ่ บอกยี่ห้อนี้อร่อย)พอได้ชิมก็เฮ้ย อร่อยจริงด้วยค่ะ ดื่มแล้วสดชื่น อร่อยมาก หอมกรุ่นเชียว ชอบค่ะต่อไปค่ะกับอีกหนึ่งเมนูสุดท้ายของ antipasti Insalata di Polpo e Boriottiสำหรับเมนูนี้ แนะนำให้กินหลายๆ อย่างในหนึ่งคำค่ะ จะทำให้ได้รสชาติที่หลากหลายพอดี และการใส่ทับทิมด้วย ก็ทำให้แทรกรสชาติหวานนิดๆ ด้วยค่ะป.ล.อย่าลืมว่า antipasti สั่งได้ตลอดไม่อั้นนะคะ อิอิระหว่างนั้นก็ขอคั่นด้วยเครื่องดื่มอีกตัวที่รวมในบรั้นช์นะคะ เป็นค็อกเทลค่ะ ชื่อSunkissed นะคะ ตรงก้นๆ แก้วนี่คนที่กินถึงบอกว่ากลิ่นกุหลาบชัดสุดๆ ค่ะ (ข้าพเจ้าดื่มไม่ถึง เนื่องด้วยขับรถมานะคะ แหะๆ)สักพักคุณผู้จัดการท่านเดิมก็นำ Porchetta มาโชว์ให้เราดูค่ะ เพราะเข้าสู่จานหลักแล้วอะนะคะโอ๊ยยยย คุณค้าาา ตอนเอามานี่กลิ่นกรุ่นมากกกกกกกก ถ้าไม่เกรงใจ อยากจะหยิบมาขย้ำ ณ ตรงนั้นเลย หอมสุดๆ ค่ะเอาหละค่ะ เราขอตามไปดูเชฟตอนสไลด์เจ้านี่หน่อย ก็ได้เวลาเปิดตัวเชฟที่เชฟ Theo เองได้ให้มาดูแลสาขานี้แทนนะคะ นั่นก็คือเชฟ Chris Beverley นั่นเองค่ะเชฟคริสก็ทำการสไลด์เจ้าเมนูนี้ให้เราดูค่ะหลังจากนั้นเมนูนี้ก็มาเสิร์ฟให้ตามภาพค่ะสำหรับจานนี้นะคะ ขอบอกว่าปลาบปลื้มกันทั้งโต๊ะ อร่อยมากๆ ค่ะ หมูหนานุ่ม หนังกรอบ และกลิ่นที่โดดเด่นมากๆ เป็นเมนูจานหลักที่เราเชียร์ให้สั่งนะคะต่อไปค่ะกับอีกหนึ่งเมนู Lasagne al Forno เมนูนี้ทำด้วยเนื้อวัวนะคะ แต่เห็นว่ามีแพลนจะลองทำด้วยเนื้ออย่างอื่นค่ะ เพราะคนไทยไม่กินเนื้อวัวเยอะตัวนี้รสชาติดีค่ะ หอม รสชาติมาแบบเต็มๆ มากๆ ซึ่งตัวนี้เราลองกินคู่กับเครื่องดื่มสองตัว เราว่ากินกับ Sunkissed โอเคกว่ากินกับ Bottega นะคะต่อไปค่ะกับเมนูพิซซ่านะคะ ซึ่งสำหรับบรั้นช์นี้จะมีสามหน้าให้เลือกค่ะ ได้แก่ Margherita, Trifolata สองตัวนี้เป็น vegetarian และหน้าสุดท้ายคือ Diavola ซึ่งสามารถสั่งแบบ half-half ได้นะคะ อย่างถาดแรกก็เสิร์ฟมาแบบนั้นค่ะฝั่งซ้ายเป็นหน้า Trifolata ส่วนขวาเป็น Diavola ค่ะสองหน้านี้เราชอบหน้าเห็ดมากกว่านะคะ เห็ดมาแบบเต็มๆ มาก นุ่มและหอม ชอบเท็กซเจอร์กึ่งนุ่มกึ่งลื่นของเมนูนี้มากอะค่ะ ส่วนอีกตัวเราว่าวัตถุดิบดี แต่รสชาติไม่ได้มีอะไรโดนเรานักน่ะนะคะ แหะๆต่อไปเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่รวมในวีคเอนด์บรั้นช์นี้ค่ะ กับม็อคเทล ซึ่งมีด้วยกันสี่ตัวนะคะ ได้แก่...Roma Palerno Milano และ Napoli ค่ะ ซึ่งพนักงานบอกว่าเป็นชื่อเมืองต่างๆ ในอิตาลีนั่นเองนะคะมาไล่กันทีละตัวเลยนะคะ ตัวแรกกับ Roma ค่ะ รสและกลิ่นเชอร์รี่ค่อนข้างแรง ซึ่งเราเป็นคนไม่ชอบเชอร์รี่ค่ะ เพราะฉะนั้น..ไม่โอสำหรับเรา แหะๆต่อไปเป็น Palermo ค่ะ ตัวนี้เราชอบที่สุดเลย หอม หวานอ่อนๆ ค่ะ ดื่มแล้วรู้สึกกึ่งละมุนกึ่งสดชื่นดีMilano นะคะ เป็นเลมอนผสมเสาวรสค่ะ ออกแนวเปรี้ยวๆ นะคะปิดท้ายกับม็อคเทลตัวสุดท้ายค่ะ Napoli ตัวนี้เป็นส้มกับเกรปฟรุ้ตนะคะลองสั่งพิซซ่าหน้าสุดท้ายมาชิมกันค่ะ กับหน้า Diavolaตัวนี้จะมีรสเผ็ดนิดๆ มากกว่าสองหน้าแรกที่เสิร์ฟนะคะ อร่อยค่ะ เราเองยังชอบรสเห็ดสุด แต่เห็นบางคนบอกว่ารสอ่อนไปนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะคะ แหะๆต่อไปเป็นไวน์ขาวและแดงที่มีสำหรับบรั้นช์ที่นี่ค่ะ เราไม่ได้ชิม คอมเม้นท์ไม่ได้นะคะต่อไปเป็นของหวานค่ะ เป็นอีกอย่างที่สั่งได้เรื่อยๆ ไม่อั้นเช่นกันค่ะ (ถ้ากินไหวอะนะ)ซึ่งทางห้องอาหารได้เสิร์ฟมาสองขนาดด้วยกันค่ะ ขนาดสำหรับบรั้นช์จะย่อมกว่าหน่อย โดยจะใส่มาครบถ้วนทั้งสี่อย่างเลยนะคะ ส่วนขนาดที่ขายแยกต่างหากเป็นอลาคาร์ทจะใหญ่กว่าค่ะ ตามภาพเลยนะคะ แล้วก็ที่เป็นตัวอลาคาร์ทจะมีครีมเพิ่มต่างหากอีกตัว ซึ่งครีมตัวนั้นเราว่ากินคู่กับอัลมอนด์ทาร์ตจะเข้ากันมากๆ ค่ะ ยังแนะนำไปว่า สำหรับเซ็ตเล็กที่เสิร์ฟบรั้นช์ น่าจะเปลี่ยนจากครีมเดิมเป็นครีมตัวนี้มากกว่านะคะ (แต่จำชื่อครีมไม่ได้แล้ว ขออภัยอย่างยิ่ง แง้ววว)ของหวานก็จะประกอบด้วย Torta di Mandorla เป็นอัลมอนด์ทาร์ตกับฝรั่งเคี่ยวกับวานิลา Tirmisu และ Crostata di Limone เป็นเลมอนทาร์ตกับครีม fraicheผลของการชิมนะคะทาร์ตเลมอน สำหรับเรามันเปรี้ยวโดดไปหน่อยค่ะ (แต่คนอื่นว่าไม่โดดกันน่ะ) ที่ชอบที่สุดคืออัลมอนด์ทาร์ตค่ะ อร่อย ใช้วัตถุดิบที่ดี หวานอ่อนๆ ยิ่งกินกับตัวครีมที่มากับเซ็ตอลาคาร์ทด้วยแล้ว ส่งรสชาติกันสุดๆ ค่ะ ส่วนทิรามิสุ รสชาติเข้มข้น รู้สึกได้ถึงการใช้วัตถุดิบที่ดีค่ะ ส่วนเจ้าเค้กช็อกโกแลต (ที่ไม่ได้รวมอยู่ในบรั้นช์นะคะ แหะๆ) ขอบอกว่าเข้มข้นโคตรรรร ช็อกโกแลตเต็มมาก ใช้ช็อกโกแลตดีด้วยค่ะ ปลาบปลื้ม เสียดายว่าไม่รวมในบรั้นช์ค่ะ แต่คนชอบช็อกโกแลตอย่างเราปลื้มมากๆปิดท้ายกันด้วยชาและกาแฟค่ะ ตัวกาแฟจะมีคุ้กกี้ซึ่งดูธรรมดาแต่อร่อยมากๆ มาด้วย ชามีให้เลือกหลากหลายค่ะ วันนั้นเราเลือกโมรอคคันมิ้นท์มา หอมมิ้นท์ดีค่ะที่นี่ให้นมสดมาเป็นขวดสำหรับปรุงชากาแฟเพิ่มด้วยนะคะ ดีงามค่ะ เราไม่ชอบกินครีมเทียมน่ะนะ เหอๆปิดท้ายกันด้วยการแนะนำว่า ถ้าใครจะบรั้นช์ยาวๆ กรุณาเลือกตำแหน่งที่นั่งให้ดีนะคะ เพราะพอบ่ายแก่ๆ ตอนบ่ายสองบ่ายสาม บางตำแหน่งแดดจะส่องนะคะสรุปสำหรับวีคเอนด์บรั้นช์ที่นี่นะคะถ้าใครต้องการบรั้นช์แบบครอบครัว สบายๆ ชิลล์ๆ เน้นกินอาหารอร่อยแบบโฮมเมด อบอุ่นๆ และดื่มได้เรื่อยๆ ที่นี่คือคำตอบค่ะ (มีไม่กี่ที่ที่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วจะได้ราคานี้นะคะ เช็คได้เลย) ซึ่งกับราคาและสิ่งที่ให้ เราว่าคุ้มมากค่ะ ถึงจานหลักจะได้แค่จานเดียว แต่ทั้งตัวอาหารเรียกน้ำย่อยและของหวานที่ได้เรื่อยๆ นี่ก็เพียงพอที่จะเรียกว่าคุ้มแล้วหละค่ะ ของที่ใช้คุณภาพดี พนักงานบริการดี (แต่ต้องโน้ตว่าเค้าทราบนะคะว่าพวกเราได้รับเชิญไป) แต่ถ้าใครที่ต้องการกินบรั้นช์ที่ออกแนวบุฟเฟท์ อยากมีตัวเลือกเยอะๆ (แต่กินไม่ครบ ฮา) ก็อาจจะต้องเป็นห้องอาหาร Espresso ของโรงแรมนี้แทนหละนะคะ โดยรวมถือว่าเป็นบรั้นช์อีกที่ที่ประทับใจค่ะอ้อๆ สำหรับการจอดรถ เราไม่แน่ใจว่าประทับตราแล้วจอดฟรีกี่ชั่วโมงนะคะ เพราะเรานั่งกินชาต่อที่ Balcony Lounge รวมแล้วก็อยู่ราวๆ หกชั่วโมง ซึ่งตอนออกจากรร.เสียค่าจอดไป 120 บาทค่ะ เลยไม่แน่ใจว่า ถ้าอยู่กินแค่บรั้นช์จะจอดฟรีหรือเปล่านะคะ ยังไงสอบถามที่พนักงานอีกทีแล้วกันนะคะ
continue reading
ห้องอาหาร Theo Mio (ทีโอ มีโอ) โรงแรม Intercontinental Bangkok บรรยากาศสวยหรู ใต้ต้นไม้และแสงเทียน เป็นร้านของเชฟ ทีโอ แรนดอลล์ เชฟชื่อดังที่มีร้านนี้ที่ intercontinental parklane london ค่ะที่มาชิมวันนี้เพราะเค้ามีโปรโมชั่นอิตาเลียนบรันช์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ราคา 1,288++ บาทต่อท่าน ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 11:30 - 15:00 น. โดยราคานี้ สั่งจานเรียกน้ำย่อย 5 เมนูไม่อั้น ได้แก่ 1.จานพาร์ม่าแฮมและซาลามี่ 2.สลัดปลาหมึก หนวดใหญ่ๆ กินเพลิน 3.ซีซ่าร์สลัด 4.ขนมปังปิ้งกับมะเขือเทศ 5.พริกหวานย่างมะเขือเทศ มีแอนโชว์วี่ด้วยค่ะ สั่งจานหลักได้ 1 จาน เลือกจาก 1.ลาซานญ่าเนื้อ เข้มข้น ชีสฉ่ำมาก 2. พิซซ่าเลือกได้ 3 หน้า แป้งบางกรอบ มีหน้าเห็ด หน้าพริกหวาน และหน้ามาการิต้า 3.สเต็กหมูอบหนังกรอบ อันนี้ใหญ่มา กินคนเดียวจุกได้เลย หอม หนังกรอบ รสชาติเข้มข้น ของหวานสั่งได้ 1 อย่าง เลือกจาก 1.ทีรามิสุ 2.ทาร์ตอัลมอนด์ 3.ทาร์ตมะนาวเครื่องดื่มสั่งได้ไม่อั้น 1.Prosecco (Bottega Millesimato 2014) 2.ไวน์ขาวและไวน์แดง Genesis 3.ค็อกเทล Sunkiss 4.น้ำผลไม้ 2 เมนูเครื่องดื่มจัดไม่ยั้งกันเลยค่ะอาหารดีบรรยากาศสวยและราคาคุ้มมากสำหรับคนชอบดื่มไวน์และ Sparkling Wine ค่ะ
continue reading