5
0
0
3-min walk from Exit 4, Chit Lom BTS Station continue reading
Telephone
092-879-6882
02-041-6056
Introduction
Fillets เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น สไตล์ซูชิเกรดพรีเมี่ยมมีคุณภาพ ราคาค่อนข้างสูง วันธรรมดาจะมีทั้งแบบ Set Lunch และ A la carte ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์จะมีแบบ A la carte เท่านั้น บรรยากาศภายในร้านน่านั่งมีความเป็นญี่ปุ่น พนักงานบริการดี continue reading
Opening Hours
Today
11:30 - 14:30
18:30 - 00:00
Mon - Sun
11:30 - 14:30
18:30 - 00:00
Payment Methods
Cash
Other Info
Parking
Serves Liquors
Open Till Late
Air-conditioned
Restaurant Website
http://www.facebook.com/filletsbangkok
Above information is for reference only. Please check details with the restaurant.
Review (6)
วันนี้ก็ได้ฤกษ์มาประเดิมการซื้อดีล จากแอพหนึ่งในธีม Fine Dining ซึ่งร้านนี้เป็นดีลแรกที่เราไปใช้จากสี่ร้านที่ซื้อก็คือดีลที่ร้าน Fillets นั่นเองค่าา มีสองดีลให้เลือก เราเลือกเป็นมื้อกลางวันซึ่งเป็นเซ็ตโอมากาเสะนะคะสำหรับพิกัดของร้านก็อยู่หลังสวนนะคะ ในอาคาร The Portico ค่ะ อยู่ที่ชั้นสาม แล้วต้องเอาบัตรจอดรถไปให้ทางร้านประทับตรา เพื่อจะได้ไม่เสียค่าจอดนะคะ จากนั้นก็กดลิฟท์จากลานจอดรถขึ้นไปที่ชั้นสามได้เลยค่ะ จะเป็นลิฟท์ที่พอเปิดแล้วจะหันหน้าออกถนน ทางขวามือจะเป็นร้าน Mrs. Wu ส่วนทางซ้ายมือก็จะเป็นร้าน Fillets ของเชฟแรนดี้ค่ะ ซึ่ง Mrs. Wu นี่ก็เป็นร้านของเชฟแรนดี้เช่นกันนะคะบรรดารางวัลต่างๆ ที่ทางร้านได้รับค่ะ...เยอะเกิ๊น 555 สำหรับเชฟแรนดี้ -ชัยชัช นพประภา เป็น Celebrity Chef คนหนึ่งของเมืองไทยนะคะ เขาร่วมกับเชฟชาร์ลี กาเดอร์ เพื่อนสนิท เปิดร้านร้อยมหาเศรษฐ์ (100 Mahaseth) ที่เราไปกินตอนรอบที่แล้ว อ่านรีวิวได้ที่นี่ ก่อนหน้าที่เชฟจะกลับมาเมืองไทย เชฟแรนดี้เคยทำงานในโรงแรม Oriental Washington DC และเคยร่วมงานกับเชฟผู้โด่งดังจากรายการเชฟกระทะเหล็ก (Iron Chef) ของญี่ปุ่นอย่าง Masaharu Morimoto ด้วยค่ะ บรรยากาศภายในร้านค่ะ จะมีทั้งที่นั่งเป็นโต๊ะๆ และที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์ค่ะ แต่แน่นอนว่าเราเลือกเป็นเซ็ตโอมากาเสะ ก็ต้องไปนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะอุปกรณ์ที่ทางร้านมีให้ค่ะ ดีลที่ซื้อมาค่ะ 1599++ บาท ซื้อไปกับเพื่อนอีกคนคนละดีลนะคะ เลือกเป็นโอมากาเสะมื้อกลางวันค่ะ (ดีลนี้หมดไปแล้วนะคะ คิวเต็มแล้วด้วย ตอนก่อนซื้อเราก็โทร.ไปเช็คก่อนเลยว่ายังมีคิวโอมากาเสะกลางวันวันไหนอีกบ้างแล้วค่อยซื้อค่ะ ไม่งั้นซื้อไปอาจจะไม่เหลือคิวสำหรับวันที่เราจะไปได้แล้วก็ได้) ส่วนอีกดีลเป็นดินเนอร์ค่ะ ไม่แน่ใจว่ากว่าจะอัพรีวิวนี้จะหมดไปยัง 555ส่วนเมนูปกติของทางร้านก็ประมาณนี้นะคะ ปกติโอมากาเสะของร้านนี้จะมีกลางวันกับเย็นนะคะ มื้อกลางวันจะถูกกว่ามื้อเย็น มื้อเย็นจะเป็นราคา 4500++ กับ 6500++ ค่ะ โดยคอร์ส 6500++ จะเป็นเชฟแรนดี้มาปั้นให้ด้วยตัวเอง และต้องจองผ่านไลน์ส่วนตัวเชฟเท่านั้น โดยการขอไลน์เชฟ ต้องมาขอที่เคาน์เตอร์ของร้านนะคะในดีลที่ซื้อมาเลือกได้ว่าเป็นชาเขียวร้อนหรือเย็น เราเลือกร้อนค่ะ ส่วนเพื่อนเลือกเย็น แล้วก็มีผ้าเย็นมาให้เช็ดมือก่อนด้วยนะคะจากนั้นก็มีของกินเล่นมาบริการก่อนค่ะ เรากินแปะก๊วยไปนิดหน่อย ไม่ได้ปรุงแต่งรสอะไรมาเท่าไหร่ค่ะ แต่ตัวถั่วแระญี่ปุ่นนี่กินเกลี้ยง แหะๆ คำแรกค่ะ ปลากิเทได ทางเชฟกล้าบอกว่าเป็นปลากระพงตาสีทอง อยู่น้ำลึก คำนี้เชฟใส่วาซาบิเยอะไปนิด ทำให้กลบรสชาติปลาไปหน่อยค่ะ มีกลิ่นคาวตอนปลายๆ นิดๆ แฮะ หลังจากเชฟเห็นเราถ่ายรูปคำแรกก่อนกิน เชฟก็แจ้งว่า พยายามอย่าถ่ายรูปนาน เพราะตอนเสิร์ฟคืออุณหภูมิข้าวพอดีสำหรับตอนกินแล้ว ถ้าถ่ายนานอุณหภูมิข้าวจะดร็อปลง ทำให้มีผลต่อรสชาติค่ะ หลังๆ เลยกดแค่สองแชะแล้วรีบกินเลยค่ะ 555 แล้วเชฟก็บอกว่า เมนท์ได้นะ วาซาบิเยอะไปหรือน้อยไปยังไง เราก็เลยบอกว่าของเราวาซาบิเยอะไปนิดหนึ่งค่ะ เชฟก็ปรับให้ค่ะคำที่สอง มิเกนมาได เป็นปลากระพงแดง เลี้ยงด้วยส้มยูสุกับอาหารค่ะ มีกลิ่นและรสมะนาวเบาๆ กำลังดี วาซาบิคำนี้ไม่เยอะไปแล้วค่ะ ปรับให้ได้ดีขึ้นค่ะคำที่สามเป็นปลาคัมบุรี คาวนิดๆ นะคะตัวนี้ แต่เนื้อปลาให้ความเด้งมากกว่าสองตัวแรกค่ะ คำที่สี่เป็นซัมมะ เป็นปลาในซีซัั่นนะคะ เป็นปลาหนัง ซึ่งเชฟเตือนตอนเสิร์ฟว่า จะมีความคาวนิดๆ แต่มีอาโอบะ (เป็นหอมไทยกับขิงฝนช่วยดับกลิ่นคาว) ซึ่งพอกินจริงก็ไม่คาวนะคะ (ไม่แน่ใจว่าเพราะมีตัวช่วยดับกลิ่นอย่างที่เชฟบอกหรือเปล่า) คำก่อนหน้านี้คาวกว่าอีก แหะๆ คำนี้กลิ่นหอมเด่นด้วยค่ะเชฟดูตั้งใจ๊ตั้งใจปั้นค่ะ เสียดาย รอบนี้ลืมถ่ายเป็นวีดิโอมาให้ดูง่ะ คำที่ห้าเป็นชูโทโร่กึ่งโอโทโร่ ข้าวคำนี้จะปั้นแน่นกว่าคำอื่นๆ (อันนี้เชฟบอกนะคะ) เพราะต้องราดซอส ถ้าปั้นไม่แน่น ข้าวจะแตกง่ายค่ะ ซอสเป็นโซยุกับแบล็คทรัฟเฟิลซัมเมอร์นะคะ ปลามีไขมันแทรกเล็กน้อย ยังมีความเป็นเนื้อปลาอยู่เยอะกว่ามันมากค่ะ หอมกลิ่นทรัฟเฟิลดีหละพอเสร็จจากคำก่อนหน้า ทางเชฟกล้ามีการเช็ดถาดที่ใช้วางซูชิตอนเสิร์ฟค่ะ คาดว่าน่าจะเพราะมีซอส กลัวว่าจะมีผลต่อรสของคำอื่นๆ กระมังนะคะ ต่อไปเป็นคำที่หกซึ่งเป็นทูน่าค่ะ เชฟบอกว่ามีการเอจมา เนื้อปลามีรสเปรี้ยว เลยต้องดองกับซอสอีก 15 นาทีก่อนเสิรืฟ มีกลิ่นคาวปลายๆ นิดหนึ่งนะคะคำต่อไปเชฟมีการเอากล่องสมบัติออกมาด้วยค่ะ 555 ต่อไปเป็นคำที่เจ็ดกับไข่หอยเม่นค่ะ เชฟแจ้งว่า กลิ่นทะเลจะน้อยและหวานครีม เป็นโอกาว่าอูนิ พันธุ์บาฟุน ไม่ได้คาวมาก แต่มีกลิ่นสาบบางอย่างค่ะ ยังไงอูนินี่กินญี่ปุ่นที่ตลาดปลาไปเลยก็สดหวานสุดแล้วค่ะ กินในไทยนี่นอกจาก Tsu ที่เคยกินแล้วก็ยังไม่เคยเจอที่อื่นที่รู้สึกว่าดีมากๆ อีกอะนะ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นะคะ เพียงแต่ยังไม่สุดง่ะ แหะๆคำที่แปดค่ะ ปลาไหลอานาโงะค่ะ ซึ่งเชฟแจ้งว่าคำนี้ต้องใช้เวลาในการรอย่างหน่อยนะคะ ขั้นตอนเยอะพอควรค่ะ มีการบีบเลมอนและขูดเปลือกเลมอนด้วยหละคำนี้เป็นปลาไหลทะเล ซอสอุนางิ ทำจากการเคี่ยวกระดูกปลาไหลน้ำจืดนะคะ ส่วนเนื้อปลาจะมีการนึ่งก่อนย่างนะคะ ที่นึ่งก่อนเพราะต้องการให้ก้างเล็กๆ ในเนื้อปลาสุกนิ่มไปเลยค่ะ และย่างก็เพื่อเพิ่มความหอมให้ปลาค่ะคำนี้กลายเป็นคำที่เราชอบที่สุดไปเลยค่ะ หวานและหอมยูสุ อร่อย ถึงเทกซเจอร์ปลาจะยุ่ยไปนิด แต่รสชาติดีค่ะต่อไปเป็นแฮนด์โรลนะคะ ข้างในเป็นอาบุริกากุ หัวไชเท้ารมควัน มีความกรุบๆ อยู่ และมีทูน่าสามส่วนสับรวมกัน หัวไทของญี่ปุ่น ตอนเชฟเอาสาหร่ายมาห่อ จะมีการเอาส่วนหนึ่งพันปิดก้นกรวยด้วยค่ะ แต่เวลากิน เชฟก็ยังเตือนว่าให้หาอะไรรอง (ซึ่งก็ใช้เจ้าจานเสิร์ฟคำซูชิน่ะแหละค่ะมารอง) เพราะมีโอกาสที่ซอสจะหยด แล้วก็โนริที่พันเป็นแบบกรอบ ต้องรีบกินค่ะ เพราะถ้าทิ้งไว้นานก็จะเหนียว กัดยากนะคะ จากนั้นเชฟก็มีการเอามะนาวที่ตอนแรกเรานึกว่าเป็นมะนาวไทยมาให้ดูด้วยค่ะ แต่เป็นมะนาวญี่ปุ่นนะคะ เขียวๆ ลูกเล็กๆ รสชาติจะเปรี้ยวน้อยกว่า แต่หอมไม่เหมือนของไทยค่ะ ซึ่งจะใช้ได้กับปลาบางตัวเท่านั้นค่ะ เชฟยังเล่าต่ออีกว่าปกติโอมากาเสะของทางร้านจะไม่ได้ตัดปลาไว้ก่อนนะคะ จะต้องมีการตัดให้ดูก่อนปั้นซูชิเสิร์ฟ แต่ของวงในจะตัดไว้ค่ะ เพราะบางทีมาใช้พร้อมกันหลายๆ ดีล จะทำไม่ทันค่ะ แถมยังบอกอีกว่า ข้าวจะหุงเสร็จตอนเที่ยงพอดี ถ้ามากินตอนเที่ยงตรงเลย (เราได้รอบเที่ยงครึ่งค่ะ) ข้าวจะดีมาก และมื้อเที่ยงนี่จะปิดโอมากาเสะแค่บ่ายโมงสิบนะคะ เพราะข้าวจะเละไปแล้ว ซึ่งเราว่าเขาเอาใจใส่ดีหละเชฟยังแนะนำให้หาโอกาสมาลองคอร์ส 2900++ ด้วยค่ะ คุ้ม จะมีปลาเพิ่ม 15 คำ ในคอร์สรวมแอพพิไทเซอร์ ซุป ไข่ตุ๋น ไข่หวาน ซาชิมิอีกสองด้วยค่ะเสร็จสรรพเชฟก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้มีอูนิเบอร์หนึ่งอยู่ ตัวนี้ถ้าต้องการกินจะเป็นคำละ 1200 บาทค่ะ คำนึงจะใช้ตัวอูนิ 6 ตัวเลยค่ะ ต่อมาค่ะ เป็นบาระสึราชิ (บาราจิ๋ว) ซึ่งเชฟแนะนำให้ใช้ช้อนตักตรงๆ ได้เลยไม่ต้องคน อันนี้เรากินแค่คำเดียวแล้วให้เพื่อนกินต่อ เพราะอิ่มมากแล้วค่ะ มื้อเย็นมีไปกินอีกร้าน เลยไม่ไหวง่ะอ้อ ลืมพูดเรื่องซุป ซุปของที่นี่ รสชาติดีนะคะ ไม่เค็มโดดเหมือนบางร้าน มีความหอมในปากด้วยค่ะ ดื่มเพลินดีให้ช้อนมาด้วย คงสำหรับคนไม่ชินการยกถ้วยดื่มแบบญี่ปุ่นหละค่ะ แต่เราก็ยกถ้วยดื่มเลยง่ะนะ แหะๆ ของหวานในดีลเลือกได้ระหว่างผลไม้กับไอศกรีมมิโสะ ซึ่งอันนี้เรากับเพื่อนเลือกเหมือนกันค่ะคือไอศกรีม ซึ่งเสียดายเหมือนกัน เพราะเห็นคู่ข้างๆ มีเลือกผลไม้มาด้วย มีทั้งเมลอน สตรอเบอรี่ค่ะ รู้งี้สั่งไม่เหมือนกันก็ดี แหะๆ ไอศกรีมอร่อยดีนะคะ ไม่ได้เค็มเหมือนชื่อที่ทำให้คิดไปก่อนว่ารสน่าจะเค็มๆ มีความหวานและหอมที่คล้ายๆ คาราเมลด้วย ส่วนมะเขือเทศกริลล์หน่อยๆ มา รสเข้ากันไม่น่าเชื่อค่ะ แปลกดีหละสรุปสำหรับร้านนี้นะคะ เราว่าเป็นร้านโอมากาเสะที่น่าสนใจดีค่ะ บรรยากาศร้านก็เงียบๆ ไม่พลุกพล่าน ซึ่งเหมาะกับการได้ฟังเชฟเล่าเรื่องวัตถุดิบต่างๆ และดื่มด่ำกับรสชาติได้เต็มที่โดยไม่มีสิ่งแวดล้อมต่างๆ มารบกวนมาก ราคาค่อนข้างสูงอยู่ค่ะ แต่โดยทำเลและวัตถุดิบรวมทั้งความเป็นแบรนด์ของเชฟแรนดี้เอง ก็ตามนี้หละนะคะ ถ้าใครมีโอกาสก็ลองไปกินดูได้นะคะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
ร้านอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่น โดยเฉพาะการตกแต่ง และบรรยากาศ ชอบที่สุดคือการจัดวางที่นั่งให้ลูกค้าอย่างเป็นส่วนตัวมากๆ ลูกค้าแต่ละโต๊ะจะได้รับที่นั่งที่ไม่ใกล้กันเลย กระจายเป็นโซนๆไป ไม่จำเป็นต้องนั่งในโซนเดียวกันเหมือนที่หลายๆร้านชอบจัดวาง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวที่ดีมากอาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer)- ซุปมิโสะ (Miso soup): เราชอบซุปมิโสะที่นี่ เพราะมีกลิ่นและรสส้ม- ซาชิมิปลาทูน่า และปลาฮามาจิ (Tuna, Hamachi) : ปลาทูน่าที่นี่อร่อยสด แล่ดี- เบอร์เกอร์หอยเชลย่าง ไส้อูนิ (Grilled Hotate-Uni Burger) : หอยเชลล์ ตัวใหญ่มาก ไม่ชอบที่ไข่หอยเม่นมีกลิ่น- ปูนิ่ม เทมปุระ (Soft Shell Crab Tempura) : ปูทอด ปูนิ่มตัวใหญ่ ขนาดมีเนื้อปูก้อนให้กิน ทานได้ทั้งตัว มีรสชาติเค็มๆจากเกลือ ไม่เหมือนเทมปุระทั่วไป น้ำจิ้มมีผสมวาซาบิ ไม่จืดชืดอาหารจานหลัก (Main course)- ข้าวหน้าปลาดิบรวมชุดเล็ก (Mini Barachirachi) : เมนูนี้เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้มีความโดดเด่นแตกต่างของหวาน (Dessert)- ชุดกล่องเค้กไข่หวาน (Tamago-chan gift box) : ขนมไข่ คล้ายๆขนมไข่ไทย เหนียวนอกนุ่มใน แต่มีรสชาติไข่ญี่ปุ่นหรือไข่ขาวผสมเครื่องดื่ม- น้ำชา แก้วชาร้อนมาก จับแทบไม่ได้ ไม่เข้มข้น มีกลิ่นชาหน้าตาของอาหารทุกจาน มีสีสันสวยงาม ส่วนที่ชอบที่สุดคือ Appetizer ทั้งรสชาติ และความแตกต่างที่หาทานจากร้านอื่นไม่ได้ค่ะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
โปรแรงตัวล่าสุดฉลองครบรอบ 2 ปีกับบุฟเฟ่ต์ทานไม่อั้นมื้อกลางวันจำกัดเพียง 6 ท่านต่อวันเท่านั้น ซึ่งต้องสำรองที่นั่งก่อนไปทุกครั้งหลากหลายเมนูซูชิไม่ว่าจะเป็นชูโทโร่หวานมันละลาย เอ็นกาวะหอมๆตับห่านชิ้นใหญ่หนาเนื้อเนียน ปลาไหลชิ้นหนาเนื้อกรุบๆ และอีกมากมายรวมถึงเมนูอื่นๆไม่ว่าจะเป็นทานเล่นสลัดน้ำซุป มากิ ปลาดิบ สเต็ก ด้ง และของหวานราคาบุฟเฟ่ต์รวมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เรียบร้อย งานนี้คุ้มแบบไม่ต้องอธิบายกันมากรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.reviewnowz.com/fillets-weekday-all-you-can-eat-sushi/ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
ร้านนี้มีแต่เพื่อนๆแนะนำให้มาลอง พอมีโอกาสก็เลยไม่รอช้า หาเวลาเดินทางมาร้านนี้ทันทีค่ะสำหรับการเดินทาง ใครมาบีทีเอส ลงสถานีชิดลม เดินมาที่ซอยหลังสวน ซึ่งคือซอยข้างๆห้างเมอคิวรี่ชิดลมค่ะ เดินตรงมาเรื่อยๆ ร้านนี้จะอยู่ที่ตึก Portico ก็กดลิฟท์ขึ้นมาชั้น 3 ได้เลยค่ะพอเข้ามาในร้าน การตกแต่งจะคล้ายๆบ้านแนวญี่ปุ่นสมัยโบราณ มีโซนทั้งแบบนั่งเดียว มาเป็นกลุ่ม หรือห้องส่วนตัวค่ะ หรือจะเน้นจิบเครื่องดื่ม ก็มีหลากหลายขวดให้เลือกสรรเลยค่ะ ส่วนเราสนใจจะไปทานแนวคอร์สค่ะ พอแจ้งกับพนักงาน ก็เลยเชิญให้เราไปนั่งหน้าเชพทันทีค่ะ- เซตที่เราสั่ง เรียกว่า Chef's Choice ราคา 3000 บาท จะเป็นการเสริฟซูชิ 9 คำตามแต่เชพจะทำให้เราทานค่ะระหว่างรอเชพเตรียมการ ก็เลยนั่งเม้า ถามถึงส่วนผสมที่อยู่ตรงหน้า มีทั้งส้มยูซุ มะนาว เลมอน และก็เห็นก้อนดำๆ ซึ่งคือเห็ดคั่ว แต่ว่าวันนี้กลับไม่เห็นใส่ในเมนูอะไร เลยอดลองค่ะ >.<ซูชิ 9 คำ ตามเชพเลือกให้เราทาน จะเสริฟให้ทีละคำไปเรื่อยๆ พอหมดชิ้นนี้ เชพก็จะค่อยทำชิ้นใหม่ เพื่อคงความสดใหม่ค่ะ1 Tenen Tai ปลากระพงขาว มันน้อย เนื้อนุ่มๆไม่มีความคาว ทานกับข้าวนุ่มๆหนุบๆดี ทานไปยิ้มไปเลยค่ะ ตื่นเต้นจัง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะค่อยๆได้รับความอร่อยมาเรื่อยๆแน่ๆเลยล่ะ อิอิ2 Kinmedai ปลากระพงเนื้อแดง คำนี้จะเริ่มมีติดมันขึ้นมานิดนึง มีบ่มดอกซากุระด้วย การเคี้ยวของคำนี้ เลยต้องใช้เวลานิดนึง เพราะติดมันแทรกเคี้ยวยากหน่อยแต่ก็ได้ความนุ่มๆอยู่ และมีหอมๆดอกซากุระเบาๆด้วยค่ะ3 Hamachi ปลาฮามาจิที่เลี้ยงด้วยใบมะกอก ซึ่งการเลี้ยงแบบนี้ เนื้อปลาจะมีความสด ไม่คาว และหลังจากหั่นแล้ว เนื้อปลาไม่ดำเร็วค่ะ พอได้ทานคำนี้ จะมีความมันเยอะขึ้นอีก แต่เคี้ยวไม่ยาก จะนุ่มๆละลายในปาก อร่อยดีค่ะ4 Shiro Ebi กุ้งขาวญี่ปุ่นตัวเล็กๆ ด้วยความที่เป็นกุ้งหลายตัว เชพจึงใช้ใบไม้รองกุ้งก่อนแล้วค่อยปั้นให้กุ้งเกาะรวมตัวกัน แล้วค่อยเอาออกก่อนเสริฟให้เราค่ะ ด้านบนมีการฝนเปลือกยุสุเป็นผงๆโรยหน้าด้วยนิดนึงค่ะ รสชาติชิ้นนี้จะนุ่มๆมันๆ หอมส้มยุสุเบาๆ อร่อยๆค่ะคั่นด้วยการเสริฟ หัวไชเท้า ใบชิโสะห่อสาหร่าย กลิ่นฉุนเบาๆ เพื่อล้างปาก ก่อนทานซูชิคำต่อไปค่ะ5 Akami แช่ในซอสเพื่อให้มีรสชาติที่เข้มข้น ตอนที่เชพปั้นคำนี้ จะกดแน่นๆเพื่อให้น้ำในตัวปลาออกมา และต้องเพิ่มการใส่วาซาบิเพื่อให้ทูน่าชิ้นนี้มีรสชาติที่โดดเด่นมากขึ้นค่ะ พอได้ลองทาน คำนี้เลยจะมีรสชาติที่โดดกว่าชิ้นอื่นค่ะ จะได้ทั้งความหวานเค็มและเผ็ดๆ เป็นอีกรสที่ก็อร่อยค่ะ6 Chutoro เนื้อจะนุ่มกว่า Akami อร่อยดีค่ะ ชอบๆค่ะคำนี้ อยากทานอีกเลยค่ะ 7 Uni ไข่หอยเม่น ทางร้านใช้ Nama Uni คัดเฉพาะตัวเมีย นุ่มๆไม่คาวเลย หวานหอมอร่อยมากๆค่ะ ติดใจอีกแล้วเรายังมีอีกแบบที่เราไม่ได้ทาน คือ Bara Uni มีทั้งตัวผู้และตัวเมียคละกันมา รสชาติหวานแต่จะติดขมนิดๆค่ะ8 Kohada ปลาโคฮาดะดอง ทำลายมาสวยดีค่ะ เนื้อนุ่มๆ เค็มนิดๆ แต่ออกคาวไปนิดนึง แต่ก็ได้รสที่แตกต่างจากชิ้นอื่นดีค่ะ9 Ikura ข้าวห่อสาหร่ายไข่ปลาแซลมอน ชิ้นนี้เชพจะฝนเปลือกส้มยูสุโรยหน้าให้ด้วยค่ะ แค่เห็นก็ปลื้มแล้วค่ะ เพราะว่าเป็นคนชอบทานไข่ปลาที่สุดเลยค่ะ คำนี้ได้รสเค็มๆมันๆ ไข่ปลาแตกโป๊ะๆในปาก หอมๆส้มยูสุด้วย อร่อยจังค่ะ อยากได้ไข่ปลาแบบ Extra จัง อิอิตบท้ายของคาวคำสุดท้ายด้วย โทโร่สับปรุงรสด้วยต้นหอม ทำมาในรูปข้าวห่อด้วยสาหร่าย ตรงกลางเป็นโทโร่สับเค็มนิดๆเนื้อนุ่มๆ มีกลิ่นหอมๆของต้นหอม ได้เคี้ยวกรุบๆด้วย ออกฉุนๆต้นหอมหน่อย แต่ก็อร่อยดีค่ะหมดของคาว เราก็เลยสั่งของหวานมารอทานไข่หวานค่ะ- Sea salt Caramel ไอศกรีมเข้มข้นมาก อร่อยๆ ทานกับซอสคาราเมลที่เข้มข้นหวานมันสุดๆ โอ้ว อร่อยจังค่ะ ป๊อบคอร์นก็กรอบๆดี ทานรวมๆกันหมดปลื้มสุดๆค่ะ แนะนำเลยสำหรับคนชอบทานคาราเมล แต่ค่อนข้างหวานนะ แต่หวานคาราเมลแบบนี้เราชอบค่ะ 55- Salmon Tartare เมนูนี้เชพทำให้เราทาน ระหว่างรอไข่หวานค่ะ ทานกับขนมปังกรอบ ชิ้นนึงโรยไข่ปลา ชิ่นนึงเป็นแซลมอนสับ เค็มๆมันๆกรุบๆ อร่อยเพลินดีค่ะ ทานไปทานมา เหมือนเรียกน้ำย่อยของคาวอีกสินะ 55- Tamago ไข่หวาน เป็นเมนูที่ต้องรอพักนึง เนื่องจากทานซูชิหมดแล้ว แต่ไข่หวานยังอบไม่เสร็จ พอได้ทาน คุ่มการรอคอยมากๆค่ะ อร่อยมากๆ ด้านในนุ๊มนุ่มละลายในปาก ด้านนอกจะเด้งนิดๆ หวานเบาๆ หอมๆไข่หอมๆกุ้ง ฟินมาก อยากทานอีกหลายๆชิ้นเลยค่ะ บอกเลยว่าใครมา แนะนำต้องลบองค่ะ ไม่งั้นจะเหมือนมาไม่ถึงร้านเลยล่ะ ^_^ (ปกติถ้าขายแยก ชิ้นละ 50 บาท ปอนด์ละ 900 บาท)การทำไข่หวาน เชพได้เล่าให้ฟังว่า จะแยกไข่แดงกับไข่ขาว ไข่แดงไปผสมกุ้ง ไข่ขาวตีฟูๆ แล้วค่อยเอามาผสมกันเติมน้ำตาล และอื่นๆ แล้วอบเป็นชั่วโมงถึงจะได้มาเชพที่นี่บริการดีค่ะ อธิบายตลอดๆ และถามไถ่ตลอด วาซาบิเยอะไปมั้ย เสริฟเร็วไปมั่ย อิ่มมั้ย รอไหวมั้ย ตอนที่เราถ่ายรูปไข่หวาน คือไข่หวานเป็นทรงตั้ง พอถ่ายก็จะออกมืดๆ เราเลยยกขึ้นมาสูงๆให้โดนไฟแล้วค่อยถ่าย เชพก็บริการดี๊ดีถามว่าช่วยถือให้มั้ย เราก็เกรงใจ สุดท้ายเลยหยิบวางนอน แล้วถ่ายแบบนี้ก็ได้ 55ได้สอบถามว่าเชพแรนดี้จะเข้าวันไหน ทางร้านบอกว่าเข้าทุกวันศุกร์ค่ะที่นี่ที่ชอบอีกอย่างเลยคือ ข้าวค่ะ ข้าวอร่อยมาก เม็ดอ้วนๆ เนื้อนุ่มๆหนุบๆ ไม่เละ ไม่แข็ง ชอบมากๆค่ะ ส่วนปลาดิบก็ให้ชิ้นหนาดี ได้รสเต็มปากเต็มคำ แบบว่าวางปุ๊บ เข้าปากทานได้รสชาติพอดีแบบไม่ต้องเติมอะไรเพิ่มเลยใครอยากทานซูชิแนวพรีเมี่ยม กินแล้วฟินเหมือนได้ไปทานที่ญี่ปุ่น บอกเลยว่าร้านนี้เป็นอีกทางเลือกที่อยากให้มาลองค่ะ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
สวัสดีคะ        ก่อนอื่น ต้องขอบอกว่า การรีวิวครั้งนี้ เป็นการรีวิวครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม Open Rice Party ครั้งที่ 38 กับทาง Open rice กีใจมากคะ เพราะเป็นคนชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว ตอนแรก ก็นึกว่า เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ทั่วไป แต่พอได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในวันนั้น และได้ชิมอาหาร ก็ถึงกับ อึ้งไปเลย ขอชื่นชม เชฟที่นี่มากๆ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถทำให้ อาหารญี่ปุ่น ออกมาได้แบบน่าทึ่งทีเดียว ออกมาในแนว อาหารญี่ปุ่น แบบ ฟิวชั่น เพราะมองภายนอกก็คืออาหารฟิวชั่นทั่วไป แต่ ยังคงรสชาติความเป็นญี่ปุ่นอยู่ เลยทำให้ร้านนี้ พิเศษกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ มาดูกันเลยคะ ว่ามีเมนูอะไรบ้างHotate Che Nam Pla เมนูนี้ สุดยอด อร่อยสุดๆ หอยเชลล์ สดมากๆ และรสชาตินี่ จัดจ้าน เข้ากับปากคนไทยที่สุดKurobuta Corn Dog เมนูนี้ ดูเรียบๆ แต่มันอร่อย เข้ากันจนบอกไม่ถูก ข้างใน เป็นไส้กรอก ห่อหุ้มด้วย ขนมปังทอดกรอบ แล้วราดด้วยซอส กะหรี่ จะบอกว่า เข้ากันสุดๆKai Kra Ta เมนูนี้ ก็คือ ไข่กะทะ ที่เรารู้จักกันนั่นเอง แต่มาในแบบ size ใหญ่มาก เสริฟพร้อมซอสหลากหลาย Oyster Rockafella เมนูนี้ ถือได้ว่า เป็นอีกเมนูที่ชื่นชอบคะ หอยนางรมใหญ่มากกกกกกกกกก เวลาทาน ต้องบีบมะนาวลงไปด้วยนะคะ อร่อยสุดๆ continue reading
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)