Read full review
2013-10-22
69 views
มีโอกาสได้ไปลองมื้อค่ำที่ร้าน whale's belly มาค่ะ ก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน ขอบอกว่าแอบยืนตะลึงในความหรูและสวยของร้านมาก ภายในร้านจะเน้นตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม ไฟสลัวๆ โต๊ะถูกจัดไว้อย่างสวยงามconcept ร้านคือจำลองเหตุการณ์ที่ pinoccio ติดอยู่ในท้องปลาวาฬค่ะ ทางร้านมีห้อง vip ด้วยค่ะชื่อ pinoccio secret chamber แต่ต้องโทรแจ้งกับทางร้านก่อน จุดเด่นของร้านคือมองขึ้นไปบนเพดานจะเห็นเป็นคลื่นๆ คือท้องของปลาวาฬค่ะ ตามชื่อของร้านวันนี้เรามาทานแบบ 9 course menu ราคา 1950++ / ต่อคน หากใครต้องการ wine pairing จ่ายเพิ่ม 1200 บาท/ ต่อคนขนมปัง complementary จากทางร้าน เนื้อนุ่มเหนียว ทานคู่กับตับไก่ และเนย
มีโอกาสได้ไปลองมื้อค่ำที่ร้าน whale's belly มาค่ะ ก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน ขอบอกว่าแอบยืนตะลึงในความหรูและสวยของร้านมาก ภายในร้านจะเน้นตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม ไฟสลัวๆ โต๊ะถูกจัดไว้อย่างสวยงาม
starter วันนี้จะเป็นเนื้อเป็ดและทาร์ตผัดผักสไตล์ยุโรป โดยแต่ละวันเชฟจะเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ตามชื่อที่ได้กล่าวไว้ว่า คำที่สร้างสรรค์ในสไตล์์ของเชฟ
รสชาติจะออกแนวอ่อนๆ ทานง่าย ชอบอาหารยุโรปตรงที่ทำมาไซส์เล็กๆ ไม่เลี่ยน และมีดีเทล ทำให้ก่อนทานรู้สึกตื่นเต้นว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร
Bluefin Tuna/ Avocado, Miso/ Orange/ Lime
ชอบ presentation มากค่ะ เชฟแต่งจานมาให้เหมือนชื่อคือ ภูเขาไฟ จานนี้จะมีดีเทลเยอะ ทางร้านแจ้งว่าใช้ปลาทูน่าพันธุ์ Bluefin สดๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆวางบนอโวคาโด ด้านบนเป็นโฟม Honey Lemon ใช้วิธีทำแบบ Molecular โรยด้วยผิวมะนาวเขียว ซอสสีส้มที่ใช้ราดจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น โดยเน้นส่วนผสมของญี่ปุ่นเป็นหลัก เช่น Miso และ สาเก และเพิ่มน้ำส้มเข้าไป จึงทำให้ตัวซอสมีรส เปรี้ยว เค็ม หวานนิดๆ ส่วนตัวคิดว่าด้วยส่วนผสมของปลาทูน่าดิบ อโวคาโดและโฟม จานนี้จึงทำให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ซอสกลมกล่อม รู้สึกสดชื่นจากรสและกลิ่นของมะนาว คิดไม่ถึงว่า miso จะเข้ากันได้ดีกับ lemon และน้ำส้ม เป็นรสชาติที่แปลกใหม่แต่ลงตัวมากค่ะ
1.5 hours Sous-vide egg, shiitake, bacon, Fleur de France
ไข่ที่ถูกนำไป Sous-vide ให้เนื้อสัมผัสแบบครีมมี่ ไข่แดงจะไม่เหลวแบบไข่ลวกปกติและจะไม่สุกแข็ง กลิ่นหอมๆของเบคอนและสาหร่ายย่าง และรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของเห็ด shiitake ทานคู่กับซอส white wine ให้รสชาติที่กลมกล่อมและครีมมี่ กลิ่นและรสทำออกมาได้ดี ทานง่าย หลายๆคนน่าจะชอบค่ะ
Herbs Chicken and Fresh cheese, Espagnole, Pamesan Cheese
จานนี้เป็น signature ของทางร้าน ตัวแป้งเป็นแบบ homemade ใช้วิธีการห่อด้วยเทคนิคพิเศษของเชฟโดยหนึ่งชิ้นจะมีสองไส้ คือไส้ไก่สมุนไพร และ ชีสสด ทานคู่กับซอสสองชนิดสีน้ำตาลจะเป็น Espagnole และสีขาวจะเป็น Pamesan Cheese เวลาทานทางร้านแนะนำให้ทานทั้งสองไส้พร้อมกันทีเดียวจะให้รสชาติลงตัวจานนี้จะออก cheesy และ creamy เพิ่มระดับความหนักของรสชาติกว่าจานก่อน ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นรสชาติที่ทานง่าย อร่อยมาตรฐาน แต่ยังไม่แปลกใหม่เท่าไหร่นัก เลยไม่ค่อยอินกับจานนี้ค่ะ
รสชาติเปรี้ยวๆ อ่อนๆ ของผลไม้และกลิ่นของใบมินท์ ทำให้รู้สึกสดชื่น พร้อมที่จะไปต่อจานที่หนักขึ้นแล้วค่ะ
Black garlic, Radish, Pommes, Cognac
เป็นการนำเนื้อส่วนแก้มของวากิวไปตุ๋นกับไวน์แดง เป็นเวลา 36 ชั่วโมง เสริฟคู่กับ ถั่ว หัวไช้เท้าดอง มันฝรั่ง ทานคู่กับซอสพริกไทยดำที่ sous-vide กับนมให้กลิ่นหอมและละมุนและเผ็ดน้อยกว่าซอสพริกไทยดำปกติ ส่วนตัวไม่ทานเนื้อจึงให้เพื่อนชิม เพื่อนบอกว่า เนื้อนุ่มมากค่ะ แต่เราแอบชิมถั่วและมันฝรั่งบด ถั่วกรอบมาก ข้างในกัดไปยังมีความชุ่มของน้ำ หวานมากๆ ส่วนมันฝรั่งบดทำมาได้เนื้อเนียนมาก แต่เค็มไปนิดนึงค่ะ
Granny Smith, rosemary crumble, rasberry, madagascar vanila ice cream
แอ๊บเปิ้ลเขียวนำไปตุ๋นกับน้ำผึ้งและชินนาบอนทานคู่กับไอศกรีมวนิลาจาก madagascar รสชาติจะไม่หวานมาก จานนี้จะออกเปรี้ยวปะแล่มๆหวานนิดๆ ไม่หนักเกินไปสำหรับขนมหวานหลังมื้ออาหาร จานนี้ทำได้ดีค่ะ
ส่วนตัวแล้วประทับใจในสถานที่มากๆ ทางร้านตกแต่งได้หรู ใส่ใจในดีเทล แต่ไม่ให้ความรู้สึกอึดอัดแบบร้าน fine dining ที่ต้องใส่ชุดราตรีไปทาน เข้ากับ lifestlye คนเมืองสมัยใหม่ที่กำลังมองหาร้านอาหารกึ่ง fine dine กึ่ง casual และเน้นอาหารคุณภาพดี บริการดี และเป็นส่วนตัว หรือหากใครกำลังมองหาร้านสำหรับโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคุยธุรกิจ พาคนรู้ใจมาสวีทหรือเดท ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีค่ะ
Post