3
0
0
Level4
หลังจากที่เคยรีวิวร้านอาหารนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งป.ล.ถ้าท่านใดต้องการไปดูรายละเอียดเรื่องของเชฟ Joël Robuchon เรื่องสาขาต่างๆ ของร้านของเชฟท่านนี้ทั่วโลกก็ไปอ่านได้ที่เอนทรี่ที่แล้วเลยนะฮับ เราจะไม่เล่าซ้ำเนาะ แฮ่..สำหรับวันนี้ก็เป็นการไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกันบ้างค่ะ ซึ่งถ้าเอาตามปกติราคาของคอร์สมื้อค่ำจะค่อนข้างสูงกว่ามื้อกลางวันพอสมควรเลยหละนะคะ ซึ่งจากที่เราไปดูที่เว็บของร้านอาหารนี้ตามลิงก์นี้http://robuchon-bangkok.com/ก็จะพบตัวอย่างเมนูที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เราได้ไปกินวันนั้น (แต่มีบางเมนูที่ไม่เหมือนในนี้นะคะ) ตามนี้ค่ะ (ราคาที่เห็นมี ++ อีกนะคะ)โดยการไปกินรอบนี้ เป็นการชวนและเชิญไปของเชฟ Olivier Limousin ซึ่งเป็
Read full review
หลังจากที่เคยรีวิวร้านอาหารนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง
ป.ล.ถ้าท่านใดต้องการไปดูรายละเอียดเรื่องของเชฟ Joël Robuchon เรื่องสาขาต่างๆ ของร้านของเชฟท่านนี้ทั่วโลกก็ไปอ่านได้ที่เอนทรี่ที่แล้วเลยนะฮับ เราจะไม่เล่าซ้ำเนาะ แฮ่..
สำหรับวันนี้ก็เป็นการไปรับประทานอาหารมื้อค่ำกันบ้างค่ะ ซึ่งถ้าเอาตามปกติราคาของคอร์สมื้อค่ำจะค่อนข้างสูงกว่ามื้อกลางวันพอสมควรเลยหละนะคะ ซึ่งจากที่เราไปดูที่เว็บของร้านอาหารนี้ตามลิงก์นี้
http://robuchon-bangkok.com/
ก็จะพบตัวอย่างเมนูที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับที่เราได้ไปกินวันนั้น (แต่มีบางเมนูที่ไม่เหมือนในนี้นะคะ) ตามนี้ค่ะ (ราคาที่เห็นมี ++ อีกนะคะ)
โดยการไปกินรอบนี้ เป็นการชวนและเชิญไปของเชฟ Olivier Limousin ซึ่งเป็น Executive Chef ของสาขากรุงเทพฯ ค่ะ และเป็นเชฟที่ได้รับมิชลินสตาร์ 2 ดวงมาแล้วนะคะ ซึ่งที่จริงเชฟชวนน้องเหมียว ณ nanareview นะคะ แล้วก็บอกว่าให้พาเพื่อนมาด้วย เพราะเค้าจองไว้ให้สองที่ น้องเหมียวก็เลยถามเรามา ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะไปไม่ได้ค่ะ เพราะมันเป็นวันพุธที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนวันหยุดยาวเข้าพรรษาน่ะค่ะ เราเองก็เลยตั้งใจจะกลับบ้าน แต่พอดีน้องชายบอกว่า จะพาหลานมาเที่ยวกรุงเทพฯ ในวันที่ 30 กรกฎาคม แล้วค่อยกลับไปเพชรบุรีพร้อมกันก็ได้ ก็เลยทำให้เราไปได้ค่ะ (เย้ๆ)
ตอนแรกนัดกันไว้ที่ 18.00 น.ค่ะ แต่ก็เลื่อนเพราะร้านเปิด 18.30 น. คราวนี้เราเอารถไป (เพราะไม่ได้ตั้งใจจะดื่มแอลกอฮอล์น่ะนะคะ) ก็เข้าไปจอดทางด้านหลังอาคารเลยค่ะ จากนั้นต้องเอาบัตรไปแสกนที่ร้านเพื่อจะไม่ต้องเสียค่าจอดนะคะ
เอารถจอดชั้นใต้ดินเสร็จปุ๊บก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 เหมือนเดิมค่ะ
เปิดลิฟท์เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ติดต่อทางขวามือ และโซนสำหรับการต้อนรับอันสวยงามตามภาพเลยนะคะ (เอนทรี่รอบที่แล้วไม่ได้ลง เพราะมันเกินกำหนดที่ทางระบบของบล็อกแกงค์จำกัดไว้ค่ะ เลยใส่เนื้อหาและรูปไปได้แค่นั้น เหอๆ)
37 views
4 likes
0 comments
วันนั้นเชฟจองที่นั่งให้น้องเหมียวกับเราไว้ที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ค่ะ ซึ่งจะเป็นที่ที่เห็นครัวเปิด เห็นการทำอาหารได้นะคะ (คราวที่แล้วเรานั่งด้านใน จะไม่ใช่ตรงนี้ จำได้ปะคะ?)
33 views
3 likes
0 comments
หลังจากนั้นพนักงานก็นำไอแพดมาให้เลือกเครื่องดื่มค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เหมียวเองก็ไม่ดื่มค่ะ แต่ไปๆ มาๆ ก็สั่งม็อคเทลตามที่พนักงานแนะนำหละนะคะ แต่ก็ได้น้ำดื่มมาบริการก่อนค่ะ (เลยทำให้เชฟ Sommelier ไม่ได้มาดูแลหละนะคะ แต่เห็นมีไปคุยกับหลายท่านที่ตั้งใจมาดื่มกันโดยเฉพาะด้วยค่ะ)
32 views
3 likes
0 comments
43 views
6 likes
0 comments
จากนั้นก็มีการนำตะกร้าขนมปังของเชฟญี่ปุ่นของที่นี่มาบริการเช่นเคยนะคะ เหมียวกินแต่เราไม่กินค่ะ แบบว่า..มื้อเย็นนี่พยายามโลว์คาร์โบฯ ที่สุดน่ะค่ะ กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ แหะๆ
27 views
7 likes
0 comments
หน้าตาของเชฟญี่ปุ่น - Mitsutane Chiba ที่ทำเพสตรี้ของที่ร้านค่ะ คราวที่แล้วตอนมางานวงใน เราไม่ได้เจออ้ะ
42 views
3 likes
0 comments
ต่อมาเมนูแรกก็มาก่อนเลยค่ะ Le Foie Gras (Royal of foie gras, aged Porto reduction,parmesan foam) สำหรับเมนูนี้ด้านล่างจะเป็นตับห่าน และด้านบนเป็นโฟมพาร์เมซานชีสค่ะ ซึ่งเราชอบตัวนี้มากกว่าเจ้า Chilled green kale veloute with spicy tomato jelly ที่ได้กินรอบที่แล้วนะคะ
31 views
5 likes
0 comments
กล่าวคือ รสชาติของเมนูนี้จะออกแนวหอมมันค่ะ ทั้งชีสทั้งความมันเข้มข้นของตับห่านมันทำให้กินแล้วแบบเต็มปากเต็มคำมาก มันเป็นรสชาติที่ถูกจริตเรามากกว่ารสชาติแนว healthy อย่างเจ้า Chilled green kaleฯ น่ะค่ะ แหะๆ
จากนั้นก็ตามต่อด้วยเมนูนี้ค่ะ
33 views
5 likes
0 comments
Le Caviar Imperial De Sologne (A surprise of Sologne Imperial Caviar) 2,800 บาท ซึ่งอยู่ในเมนูอะลาคาท และอยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ด้วยที่เราแปะไว้ให้ดูก่อนหน้านี้นะคะ
สำหรับผลการกินเมนูนี้นะคะ ความเค็มนิดๆ ของคาร์เวียเข้ากันได้ดีกับเนื้อปูยักษ์เย็นๆ ที่อยู่ด้านล่างค่ะ กินแล้วแบบมันมีความสดชื่นเจือเค็มเล็กน้อย อร่อยกำลังดีค่ะ คือถ้าเทียบกับเมนู Le King Crab ที่ได้กินรอบที่แล้วนี่ มันอร่อยคนละแบบค่ะ Le King Crab เหมือนสาวน้อยวัยเยาว์ ขณะที่เมนูนี้นี่เหมือนสาวโตเต็มวัยที่ครบรสและ "เด็ด" น่ะค่ะ (สมควรค่าแก่ราคามาก หุๆ)
และที่สำคัญ ชอบพรีเซนเตชั่นอาหารทุกจานเลยค่ะ งานศิลป์จริงๆ ประทับใจสุดๆ อ้ะ กระทั่งช้อนที่ใช้นี่ก็...หูย เลือกมาซะแบบว่า..ต้องลองไปกินเองค่ะ
เมนูต่อไปค่ะ กับ La Betterave (Apple and beetroot tartare with guacamole and green mustard sherbet) ซึ่งเป็นเมนูใหม่อยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ ไม่มีราคาแยก ชั้นล่างสุดเป็นแอปเปิ้ลและบีทรูท ด้านบนเป็นซอร์เบต์กรีนมัสตาร์ด ออกรสเปรี้ยวนะคะ
47 views
5 likes
0 comments
เมนูนี้ขอบอกว่ากินแล้วสดชื่นมาก ด้วยความที่รสโดยรวมจะเปรี้ยว และมีความเย็นนิดๆ จากบางโครงสร้างของเมนู ทำให้กินแล้วเรียกได้ว่าเรียกน้ำย่อยดีมากๆ เลยหละค่ะ แต่ด้วยความที่เมนูนี้มีส้อมกับมีดให้ (รอบนี้ไม่ได้เซ็ตอุปกรณ์ทั้งหมดทีเดียวแล้วให้หยิบจากนอกมาในนะคะ แต่พนักงานจะบริการอุปกรณ์ให้ก่อนที่จะมาเสิร์ฟอาหารค่ะ) ซึ่งอิชั้นไม่สามารถใช้ส้อมในการตักมากินได้หมดจริงๆ (ถ้าไม่เกรงใจคงยกจานขึ้นเลีย เย้ยยยย ไม่ใช่แระป้า ) แต่อร่อยดีค่ะ
ระหว่างนั้นก็มีแขกอื่นๆ ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ (ตอนเราไปก็มีแขกนั่งรอตรงบริเวณที่รับแขกอยู่ค่ะ) บางส่วน (ส่วนใหญ่เลยแหละ) ก็เดินเข้าไปทางห้องด้านในที่เราเคยไปนั่ง และมีอยู่สองสามชุดที่นั่งที่เคาน์เตอร์เหมือนเราค่ะ อย่างที่บอกว่าตรงที่เรานั่งก็จะเป็นครัวเปิดนะคะ จะเห็นขณะทำอาหารด้วยค่ะ ไฟสีแดงๆ นี่ไม่ได้สีเพี้ยนนะฮับ เป็นสีนี้จริงๆ โคมไฟห้อยๆ ลงมานั่นก็เป็นโคมไฟอุ่นอาหารหละค่ะ เราแอบถามน้องอาร์ท - พนักงานบริการว่าเค้าไม่ปวดตากันบ้างเหรอ น้องอาร์ทบอกว่า เค้าน่าจะชินกันแล้วหละครับ
27 views
3 likes
0 comments
menu ต่อไปค่ะ Le Chevre Frais (Small ravioli with fresh goat cheese and walnut, green asparagus cappuccino) เป็นเมนูใหม่
ยังไม่อยู่ในเล่มเมนูค่ะ ตรงกลางเป็นราวิโอลี่ สอดไส้ชีสนมแพะและวอลนัท รอบด้านเป็นซุปหน่อไม้ฝรั่ง
25 views
6 likes
0 comments
เมนูนี้เป็นเมนูที่ตอนแรกมีภาชนะและใส่ตัวอาหารมาบางส่วน จากนั้นพนักงานจะมาเทซุปให้ตามภาพนะคะ
สำหรับผลการกินนะคะ เราชอบมากกกกกกกกกก ชอบมากกว่าซุปที่ได้กินรอบแรกมากค่ะ รสชาติมาเต็มปากเต็มคำมาก แบบกินคำแรกเข้าไปนี่หลับตาพริ้มจนเหมียวแซวว่า เฮ้ย ไม่ต้องทำหน้าฟินขนาดนั้น (แต่มันฟินจริงๆ ค่ะ) ซุปอร่อยมากๆๆ รสชาติเข้มข้น หอมหวน โอย นึกแล้วยังอยากกินอีกเลยค่ะ ฟินมากๆ จริงๆ แต่ตัวที่อยู่ตรงกลาง กลับเหนียวไปหน่อยนะคะ (หรือกินเค้าช้าไปก็ไม่ทราบค่ะ) แล้วจะเห็นว่าตัวซุปมีฝั่งหนึ่งที่มีพริกอยู่ ตัวนั้นจะเผ็ดแกมแค่นิดหน่อย พอแก้เลี่ยนค่ะ แต่อร่อยจริงค่ะเมนูนี้ ชอบอ้ะ
เมนูต่อไปนะคะ ตอนแรกเค้าก็เอาจานแล้วก็เอาผัก (สลัด) มาวางไว้แบบนี้ก่อนค่ะ
จากนั้นเชฟก็นำอาหารจานต่อไปมาค่ะ Le Turbot (Wild Atlantic turbot, artichokes and parsley, sautéed chanterelle mushrooms) 2,300 บาท เป็นเมนคอร์สอยู่ในเมนูอะลาคาท เป็นปลาตระกูลปลาลิ้นหมาของป่าแอตแลนติก เสิร์ฟกับอาร์ติโช้ค หน่อไม้ฝรั่งสีขาว และผักชีฝรั่ง ราดซอสเห็ดคันตาเรล
41 views
5 likes
0 comments
22 views
7 likes
0 comments
เมนูนี้เค้าใส่ภาชนะแบบนี้มาก่อนเลยยย น่ากินมาก (อาหารนะคะไม่ใช่เชฟ แอร๊ยส์..คิดอะไรออกไป (เก็บอาการหน่อยค่ะป้าคะ)) จากนั้น GM ก็มาตักปลาจากกระทะมาใส่จานให้นะคะ เราก็ถามว่า โห..นี่ทำแบบนี้ให้ลูกค้าทุกคนเลยเหรอ? คุณ GM กับเชฟก็ตอบโดยพร้อมเพรียงกันมากว่า ไม่ สำหรับลูกค้าคนพิเศษเท่านั้น (ปากหวานเกิ๊น ฮา แต่เราสองคนเป็นแขกที่เชฟเชิญไปอะนะคะ ก็เลยถือว่าพิเศษอะมั้ง) แล้วพอ GM เรียงอาหารให้สวยงามเรียบร้อยแล้ว เชฟก็มาราดซอสก่อนบริการให้เราหม่ำกันค่าา
สำหรับตัวรสชาตินะคะ ตัวเนื้อปลาทำมากำลังดีมาก ไม่สุกเกินไป เนื้อปลายังชุ่มฉ่ำอยู่ค่ะ สลัดก็อร่อยดีค่ะ ซอสช่วยชูรสให้ดีขึ้นนะคะ แต่โดยรวมสำหรับเมนูนี้เราก็ไม่ได้ว้าวมากน่ะค่ะ
menu ต่อไปค่าา Le Burger (Beef and foie gras burger with lightly caramelized bell peppers) 1,100 บาท อยู่ในเมนูอะลาคาท เบอร์เกอร์เนื้อและตับห่าน เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายและซอสบาร์บีคิวสูตรของเชฟ
50 views
6 likes
0 comments
สำหรับเมนูนี้นะคะ เชฟเดินมาบอกว่า ไม่ต้องใช้มีดใช้ส้อมนะ (พนักงานเอามาวางให้ก่อนแล้วค่ะ) ให้ใช้มือไปเลย เราก็บอกว่าแล้วเรายังจะดูเป็น lady มั้ย เชฟก็บอกว่าชัวร์..ค่ะ มิรอช้า คว้ามาหยิบเข้าใส่ปากทันที...
รสชาตินะคะ มันอร่อยมากกกกกกก ขนมปังกรอบนุ่ม เนื้อและฟัวกราส์รสชาตินัวเนียชุ่มฉ่ำอร่อยมากๆๆๆ ค่ะ ซอสก็อร่อยช่วยชูรสให้หอมและเข้มขึ้นอีกนิด แบบว่าอร่อยค่ะ เป็นจานหลักที่อร่อยกว่าจานปลาเยอะมาก (สำหรับเรานะคะ แฮ่...) เชียร์ค่ะเมนูนี้ อร่อยอ้ะ แต่ว่าการกินด้วยมือทำให้มือเลอะเทอะเล็กน้อยนะคะ แฮ่...
จบคาว (ซะที) ค่ะ ต่อไปเป็นเมนูของหวานกันบ้าง กับเมนู La Perle Citron (Lemon pearl with an acacia honey jelly and a bergamot flavored emulsion) อยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ ไม่มีราคาแยก ซึ่งขอบอกว่าตอนมาเสิร์ฟตอนแรกนี่ว้าวมากกับพรีเซนต์เตชั่นค่ะ เรียกว่าตะลึงเลยก็ได้ สวยงามหรูหรามากๆ อะค่ะ โดยตอนเสิร์ฟ เชฟก็เล่าบรรยายให้ฟังว่ามันทำมาจากอะไรบ้างด้วยนะคะ แล้วก็บอกว่าเปรียบเสมือนหญิงสาวที่สวยงามราวกับไข่มุกด้วยค่ะ
26 views
8 likes
0 comments
สำหรับรสชาตินะคะ อธิบายวิธีกินก่อน เราสองคนใช้วิธีเอาช้อนเคาะที่ตัวเพิร์ลให้แตกออก (เหมือนเต๊าะไข่อะค่ะ) แล้วค่อยกิน (คือปากไม่กว้างพอจะกินทั้งลูกพร้อมกันจริงๆ ค่ะ) รสชาติหวานอมเปรี้ยว (ของหวานที่นี่จากการกินสองรอบ จะไม่มีหวานอย่างเดียว (หรือหวานแกมเค็ม) เหมือนขนมของทางไทยนะคะ จะเป็นหวานอมเปรี้ยวทุกเมนูเลย) มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะกรูดค่ะ กินแล้วไม่เลี่ยนดีค่ะ
menu ต่อไปค่ะ กับ Le Rubis (Le Rubis, soft jelly of Calpico and supreme of lynchee and raspberries) อยู่ในเซ็ตคอร์สใหญ่ ไม่มีราคาแยก เสิร์ฟมาเป็นผอบใสลายทองปิดผนึกตามภาพเลยค่ะ เป็นอีกเมนูที่พรีเซนเตชั่นได้น่าประทับใจนะคะ
28 views
6 likes
0 comments
สำหรับรสชาติของเมนูนี้นะคะ ตัวที่เหมือนดอกไม้นี่ ข้างนอกจะแน่น แต่ข้างในจะมีความนุ่มอยู่ค่ะ (คล้ายๆ สำปันนีของไทยเรา) เนื้อละเอียดแบบสำปันนีเลย และองค์ประกอบอย่างอื่นก็ส่งรสให้ละมุนและอร่อยมาก (หวานอมเปรี้ยวเช่นเคยค่ะ) โดยรวมเราชอบของหวานเมนูนี้มากกว่าเมนูแรกอีกนะคะ ชอบสัมผัสในปากและรสชาติที่ได้กินด้วย เชฟบอกว่า เป็นหญิงสาวที่สวยงามราวกับทับทิม มีโปรยด้วยว่า ถ้าเมนูแรกคือไข่มุก เพราะเหมียวใส่ชุดสีขาวไป เมนูนี้ก็คือทับทิมซึ่งก็เหมือนเรา (เราใส่ชุดแดงไปค่ะ) แบบว่า..เชฟคะ เดี๋ยวฉุดกลับบ้านนะคะ ฮาา
จากนั้นพนักงานก็ถามว่าจะรับชาหรือกาแฟค่ะ ซึ่งรอบนี้มีเอิร์ลเกรย์ให้เลือกด้วย ซึ่งแน่นอนหละค่ะว่าข้าพเจ้าเลือกเอิร์ลเกรย์นะคะ ส่วนเหมียวเลือกคาร์โมมายล์ค่ะ หลังจากนั้นพนักงานก็บริการอีกสองเมนูมาเพิ่มค่ะ คือ แคนดี้คาราเมลกับขนมไข่ฝรั่งเศส (จำชื่อเป๊ะๆ ไม่ได้นะคะ เมนูอาหารทั้งหลายนี่ลอกน้องเหมียวมานะคะ แฮ่...)
37 views
8 likes
0 comments
ตัวแคนดี้นี่ เคี้ยวหนึบหนับ หอมชีสมากค่ะ อร่อยดีอ้ะ ล้างคาวปากได้ดีเลย ส่วนขนมไข่ฝรั่งเศสก็อร่อย กรอบนิดๆ นุ่มหนึบแน่นด้านใน หอม เป็นขนมปิดท้าย (complimentary) ที่แม้จะดูไม่หรูหรา แต่ก็ยังคงความอร่อยไว้ค่ะ
จากนั้นเชฟก็นำเมนูมามอบให้เราสองคนพร้อมลายเซ็นค่ะ ประทับใจมาก เชฟน่ารักฝุดๆ อ้ะ พร้อมวอชเชอร์ตามภาพเลยฮับ
52 views
4 likes
0 comments
23 views
4 likes
0 comments
สุดท้ายพอเราเรียกพนักงานให้คิดเงิน ปรากฏว่า..น้องเค้าบอกว่า management team ขอไม่คิดเงินค่ะ เรากับเหมียวนี่เหวอกันไปเลย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ เพราะไม่ได้บอกว่าจะมากินฟรี (ถ้ารู้ว่าฟรีจะกินมากกว่านี้ ไม่ใช่แระ) แต่ GM พร้อมเชฟก็มายืนยันค่ะ เราสองคนเลยคุยกันแล้วตัดสินใจว่า ให้ทิปพนักงานไปพร้อมกับเชิญเชฟและ GM ว่าจะพาไปกินอาหารตอบแทน ซึ่งเชฟเลือกว่าเป็นอาหารไทยค่ะ
เพราะงั้นถ้าใครมีร้านอาหารไทยดีๆ ก็แนะนำได้นะคะ ตอนนี้ยังหากันอยู่เลยค่ะว่าจะไปกินร้านไหนดี แหะๆ ถ้าใครแนะนำก็ช่วยบอกหน่อยนะคะว่าควรไปร้านนี้เพราะอะไร แต่อยากได้ร้านที่อาหารอร่อยจริงๆ เป็นอันดับแรกก่อนเลยค่ะ และได้บรรยากาศดีๆ เหมาะแก่การต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง (ฮา) ด้วยก็จะดีมากค่ะ แฮ่...
สรุปสำหรับร้านนี้นะคะ เป็นอีกร้านที่ประทับใจค่ะ ถ้าเทียบกันระหว่างรอบที่แล้วที่กินกับวงในกับรอบนี้ ต้องยอมรับว่ารอบนี้ประทับใจในตัวอาหารมากกว่า (แต่แน่นอนว่าคอร์สก็ราคาสูงกว่าค่ะ) เรียกได้ว่าประทับใจในแทบทุกจานที่ได้กินเลยค่ะ พนักงานบริการน่ารักมากๆ (อันนี้ชอบตั้งแต่รอบที่แล้ว สมกับระดับของภัตตาคารมากค่ะ) เชฟที่ได้มาเจอรอบนี้ก็เฟรนด์ลี่สุดๆ ขี้เล่น ช่างคุยมากมายค่ะ ส่วน GM ก็ดูแลได้แบบมืออาชีพ สุภาพเช่นกันนะคะ
เป็นร้านอาหารหนึ่งที่ถ้าท่านใดต้องการรับประทานอาหารฝรั่งเศสดีๆ กับเชฟมิชลิน และต้องการได้รับประสบการณ์การกินที่น่าประทับใจควรหาโอกาสได้ไปลองดูนะคะ
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
Post
DETAILED RATING
Taste
Decor
Service
Hygiene
Value
Dining Method
Dine In
Spending Per Head
฿10000 (Dinner)