Read full review
2015-10-12
120 views
สวัสดีค่าสำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำอาหารเจ ณ ร้าน Din Tai Fung สาขาสองที่เซ็นทรัล เอมบาสซี่กันบ้างนะคะ (ต่อไปกำลังจะมีสาขาสาม ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ค่ะ โดยอยู่ใกล้ๆ กับร้านอาฟเตอร์ยูเลยนะฮับ) ซึ่งร้านนี้จะอยู่ที่ชั้นห้าของห้างเซ็นทรัลเอมบาสซี่นะคะ (ห้างนี้จะนับชั้นเดียวกับถนนเป็น ground floor นะคะ) แต่อย่างไรก็ตามสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นสาขาเดียวที่เป็น Flagship นะคะ และมี 200 ที่นั่ง ส่วนสาขาอื่นๆ ก็จะราวๆ 140-150 ที่นั่งค่ะ (สาขานี้มี 160 ที่นั่งนะคะ) นอกจากนั้นสาขาเซ็นทรัลเวิลด์จะเป็นสาขาที่โชว์ทั้งครัวติ่มซำและครัวร้อนค่ะ สาขาอื่นๆ (อย่างสาขานี้) ก็จะโชว์เฉพาะครัวติ่มซำนะคะ ซึ่งสาขานี้ก็เปิดไล่ๆ กับตอนเปิด
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปหม่ำอาหารเจ ณ ร้าน Din Tai Fung สาขาสองที่เซ็นทรัล เอมบาสซี่กันบ้างนะคะ (ต่อไปกำลังจะมีสาขาสาม ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ค่ะ โดยอยู่ใกล้ๆ กับร้านอาฟเตอร์ยูเลยนะฮับ) ซึ่งร้านนี้จะอยู่ที่ชั้นห้าของห้างเซ็นทรัลเอมบาสซี่นะคะ (ห้างนี้จะนับชั้นเดียวกับถนนเป็น ground floor นะคะ) แต่อย่างไรก็ตามสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์เป็นสาขาเดียวที่เป็น Flagship นะคะ และมี 200 ที่นั่ง ส่วนสาขาอื่นๆ ก็จะราวๆ 140-150 ที่นั่งค่ะ (สาขานี้มี 160 ที่นั่งนะคะ) นอกจากนั้นสาขาเซ็นทรัลเวิลด์จะเป็นสาขาที่โชว์ทั้งครัวติ่มซำและครัวร้อนค่ะ สาขาอื่นๆ (อย่างสาขานี้) ก็จะโชว์เฉพาะครัวติ่มซำนะคะ ซึ่งสาขานี้ก็เปิดไล่ๆ กับตอนเปิดห้างนี้หละค่ะ คือเปิดเมื่อพฤษภาคมปี 57 ที่ผ่านมาค่ะ
ได้ข้อมูลมาก็เอามาแบ่งปันกันนะคะ สำหรับร้านติ่น ไท่ ฟงก็เป็นร้านอาหารจีนสไตล์ไต้หวันที่เปิดมานนกว่า 40 ปีแล้วนะคะ ซึ่งจะเน้นการใช้วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างดีและมีเทคนิคการทำอาหาร รวมทั้งการปรุงที่เรียบง่ายเน้นสุขภาพเป็นสำคัญค่ะ โดยจะใช้น้ำมันและไขมันน้อยกว่าอาหารจีนทั่วไปนะคะ และเป็นร้านที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งนสิบร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลกโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์และได้รับรางวัลทั้งในระดับนานาชาติและในประเทศไทยด้วยค่ะ (ร้านนี้ได้รับดาว Michelin ด้วยนะคะ)
ซึ่งปัจจุบัน ติ่น ไท่ ฟง มีมากกว่า 100 สาขาใน 11 ประเทศทั่วโลกนะคะ ก็ได้แก่สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลียและประเทศไทยค่ะ
หลังจากขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้ว ร้านติ่น ไท่ ฟงสาขานี้จะอยู่มุมเลยค่ะ ฝั่งถนนสุขุมวิทนะคะ หน้าตาหน้าร้านก็ตามภาพเลยค่ะ และมีครัวติ่มซำโชว์อยู่ตามที่บอกไปเมื่อตอนต้นนะฮับ โซนที่เราได้นั่งวันนั้นค่ะ เดินเข้าไปในร้านก็จะเป็นฝั่งขวามือนะคะ มีการตกแต่งตามภาพเลยค่ะ บนโต๊ะก็มีอุปกรณ์ให้ตามภาพเลยค่ะ วันนั้นมีบริการชามะลิเย็นค่ะ แล้วก็ชามะลิร้อนด้วยนะคะ แต่ชามะลิร้อน ตอนแรกพนักงานเสิร์ฟตอนที่ชายังไม่กระจายรสไปที่น้ำดีน่ะค่ะ เลยทำให้รสชาติประหลาดมาก แต่พอทิ้งไว้สักพักแล้วจะโอเคขึ้นค่ะ ไม่แน่ใจว่านอกจากการที่ไม่ได้รอให้ชาทำปฏิกิริยากับน้ำแล้ว จะเป็นเพราะตัวน้ำด้วยหรือเปล่านะคะ แหะๆ แต่ถ้าใครชอบดื่มชา ที่นี่ก็มีช้อยส์ชาให้เลือกค่ะ ซึ่ง PR ของทางร้านก็แนะนำชาตัวแรกค่ะ เราเลยว่าเดี๋ยวตอนชวนเพื่อนมากินอาหารเจ จะลองดูค่ะ แฮ่... มาดูหน้าตาเมนูและราคาของอาหารปกติกันก่อนดีกว่าค่ะ ราคาอาหารเหมือนจะไม่สูงนักนะคะ แต่จานจะเล็กหน่อย เหมาะสำหรับทานราวๆ 2-4 ท่านน่ะค่ะ เพราะฉะนั้นก็ถือว่าสูงอยู่ ซึ่งก็เหมาะสมกับชื่อเสียงของร้านและสถานที่ตั้งแหละนะคะ แล้วก็จะเห็นว่ามีน้ำผลไม้ที่มีธงไทยด้วยค่ะ แล้วก็เมนูที่สร้างชื่อให้กับร้านนี้ก็จะมีเสี่ยวหลงเปากับซุปไก่นะคะ (ตอนไปกินเองไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้เล้ย พอกินแบบมีคนให้ข้อมูลถึงได้รู้ ฮา) ซึ่งเสี่ยวหลงเปาก็จะมีให้เลือกหลายไส้ด้วยกันค่ะ แต่ไส้เห็ดรวมนี่มีเฉพาะในประเทศไทยนะฮับผม (เมนูพิเศษที่มีขายเฉพาะในไทยก็มี เสี่ยวหลงเปาไส้เห็ดรวม (เห็ดนางรม เห็ดหอมสด เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดออริจิขาว เห็ดออริจิดำ เห็ดโคนญี่ปุ่น และใส่กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลค่ะ) ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม ไก่อบหม้อดินสไตล์ไต้หวัน พริกเขียวยัดไส้หมูสับ และสาหร่ายปะการังตุ๋นสาลี่และพุทราแดงค่ะ
เอาหละค่ะ มาดูเมนูที่เราจะมารีวิวกันวันนี้กันบ้างดีกว่าค่ะ กับเมนูเจนะคะ หน้าตาเมนูอาหารเจของร้านนี้ก็ตามภาพเลยค่ะ ซึ่งมีบางเมนูที่มีขายในเมนูปกติด้วยนะคะ แต่เมนูส่วนใหญ่นี่จะขายในช่วงเทศกาลเจนี้เท่านั้นค่ะ โดยทางร้านเริ่มขายอาหารเจเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมาและจะขายจนถึง 24 ตุลานี้เท่านั้นค่ะ มารีวิวกันทีละเมนูเลยแล้วกันนะคะ เมนูแรกค่ะกับมะระนึ่งเต้าซี่ (120 บาท) ค่ะ จานไม่ได้ใหญ่มากนักนะคะ และจะเห็นว่ามาแบบค่อนข้างเขียวเลยนะคะ ซึ่งทางคุณผึ้งก็แจ้งก่อนล่วงหน้าเลยว่า เนื่องจากทางเราต้องถ่ายรูปเลยทำมาแบบให้เน้นสีสวยไว้ก่อน แต่ถ้าตามจริงแล้ว จะมีการทำให้นานกว่านี้คือต้องหมักราวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งทำให้สีจะซีดกว่านี้ค่ะ แต่ก็จะขมน้อยกว่านี้ด้วยนะคะ แหะๆ แต่พอกินก็..ขมจริง แต่ไม่ได้ขมจัดมากนะคะ แต่รสชาติค่อนข้างโอเคเลยค่ะ ตัวเต้าซี่ทำมาได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ เราไม่เคยกินเมนูมะระที่ทำและปรุงเป็นรสชาตินี้มาก่อน เวลากิน กลิ่นเต้าซี่จะมาก่อนเลยแล้วขมค่อยตามมาก่อนจะเพิ่มความขมขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่โอเคเลยนะคะ อย่างน้องที่ร่วมโต๊ะคนหนึ่งปกติไม่ชอบมะระแต่ก็กินไปหลายชิ้นเลยค่ะ ฮา แต่ถ้าใครไม่ชอบมากๆ ก็อาจจะไม่ไหวนะคะ นอกจากนั้นยังให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะว่า วิธีการดูมะระคือ ถ้าร่องมะระกว้าง จะไม่ขมมากค่ะ อันนี้ความรู้ใหม่อีกเช่นกันค่ะ
เมนูที่สองค่ะ เกี๊ยวทอดไส้ผัก (160 บาท) ซึ่งไส้ในจะเป็นเต้าหู้ วุ้นเส้น กวางตุ้งไต้หวันค่ะ ซึ่งจะเสิร์ฟมาพร้อมซอสเจ ซึ่งจะอ่อนกว่าซอสที่เสิร์ฟในเวลาปกติที่ไม่ใช่เจนะคะ (แต่จากที่เรากินรสก็ไม่ได้อ่อนเกินไปนะคะ ยังมีรสมีชาติอยู่ค่ะ) ตัวเกี๊ยวทอดมาได้กรอบดี ไส้ก็โอเคนะคะ รสผักจะเด่นหน่อยค่ะ แล้วก็มีโปรฯ สำหรับท่านใดที่มีบัตรเครดิตยี่ห้อนี้ ถ้าทานครบ 1600 บาทก็จะได้จานนี้ฟรีค่ะ แต่ถ้าไม่มีบัตรตัวนี้ ทานครบ 2100 บาท ก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนั้นบัตรเดียวกันนี้ก็สามารถที่จะแลกคะแนน 1000 คะแนน = 150 บาทค่ะ โดยใช้สิทธิ์ได้ 3 สิทธิ์/วัน/บัตรนะคะ
อีกอันก็คือตัวน้ำพริกเผานี่ถ้าเป็นช่วงเจก็จะมีสูตรเจด้วยนะคะ เมนูต่อไปค่ะ เสี่ยวหลงเปาไส้เห็ดรวม (6 ลูก 180 บาท / 10 ลูก 225 บาท) นะคะ ซึ่งยังคงมี 18 จีบอันเป็นเอกลักษณ์ของเสี่ยวหลงเปาร้านนี้นะคะ ซึ่งโดยปกติจะแนะนำให้จิ้มน้ำจิ้มคือ vinegar กับขิง (เดี๋ยวจะมีคลิปให้ดูค่ะ) แต่สำหรับไส้นี้ ทางคุณผึ้งไม่แนะนำให้จิ้มค่ะ เพราะมันจะกลบกลิ่นน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลที่อยู่ข้างในค่ะ (ไส้ภายในจะมีเห็ดอยู่ราวๆ 4-5 อย่างนะคะ) ซึ่งเสี่ยวหลงเปาที่นี่สามารถสตีมซ้ำได้นะคะ เผื่อสั่งมาแล้วมัวแต่เม้าท์หรือกินเมนุอื่นจนลืมกินเมนูนี้ สำหรับรสชาติการกินนะคะ รสเห็ดกลมกล่อมดีค่ะ อร่อยเลยแหละ (เจ้าของบล็อกชอบกินเห็ดน่ะนะ แหะๆ) แปลกที่ตอนกินคำแรก ได้กลิ่นเหมือนกุ่ยช่ายด้วยค่ะ (แต่คนอื่นๆ ในโต๊ะไม่เอ๊ะเหมือนเรากันเลยสักคนแฮะ แหะๆ) แต่เมนูนี้ไม่มีกุ่ยช่ายนะคะ ตัวแป้งก็นุ่มดีค่ะ อร่อยแหละ ชอบๆ
เมนูที่สี่ค่ะ ปอเปี๊ยะทอดไส้เผือก (120 บาท) ใครที่อ่านบล็อกนี้บ่อยๆ คงจะทราบว่าเราโปรดเผือกนะคะ เพราะฉะนั้นเมนูนี้อร่อยมากสำหรับเรา แฮ่... ทอดมาได้กรอบ ใช้น้ำมันดี (ดูสีทองของปอเปี๊ยะได้ฮ่ะ) ไส้ก็อร่อยค่ะ แต่ขอเตือนว่า กรุณากินตอนร้อนนะคะ เพราะเรากินอีกทีหลังจากที่มันเย็นไปแล้ว รสชาติต่างกันเลยค่ะ แถมตัวปอเปี๊ยะก็ไม่กรอบเท่าเดิมด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นควรกินตอนร้อนเท่านั้นค่ะเมนูนี้แล้วจะได้ความอร่อยที่สุดของเมนูนี้ค่ะ เมนูที่ห้าที่ได้ชิมค่ะ กับเต้าหู้ผสมแห้วและเห็ดหูหนูทอด (220 บาท) ซึ่งจะประกอบด้วยเห็ด แห้ว และแครอท (อันนี้ทาง PR แจ้งนะคะ) ซึ่งเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเช่นกันนะคะ ที่ชอบที่สุดของเมนูนี้คือ texture และรสสัมผัสในปากค่ะ กรอบนอก ในนุ่ม และยังมีเทกซ์เจอร์ของเต้าหู้อยู่ค่ะ ซอสมีรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดนิดๆ แก้เลี่ยนได้ดีนะคะ แต่รสโดยรวมสำหรับเราแล้วยังเบาๆ ไปหน่อยค่ะ ออกสไตล์เต้าหู้ค่ะ เมนูนี้สำหรับเราเลยไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แต่เห็นมีเพื่อนร่วมโต๊ะชอบนะคะ เมนูต่อไปค่ะกับเกี๊ยวไส้ผักเจ ( 6 ชิ้น 180 บาท / 10 ชิ้น 255 บาท) นะคะ คือเป็นเมนูที่ “ผัก” ที่สุดแล้วค่ะ พั้ก ผัก ผักมากๆ และค่อนข้างแห้งเลยค่ะ แต่แป้งนิ่มดีนะคะ ต่อไปค่ะ เมนูที่เจ็ดนะคะ กับเห็ดออรินจิอบหม้อดิน (320 บาท) ค่ะ ตัวนี้ปรุงด้วยซอสพิเศษ ที่ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ “ซอสสามถ้วย” ค่ะ ซึ่งเป็น soy sauce ที่ผสมกันสามอย่างนะคะ รสจัดกว่าจานอื่นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ กลิ่นต่างๆ ก็โดดเด่นมาก ตัวเห็ดออรินจิเด้งมากเลยค่ะ ขิงทอดก็อร่อย เป็นจานที่มีรสมีชาติมากค่ะ แต่ตัวน้ำซอสก้นหม้อกลับรสชาติไม่จัดเท่าตัวพวกเห็ดและอื่นๆ นะคะ แต่เมนูนี้อร่อยค่ะ ถ้าใครชอบกินอะไรมีรสมีชาติน่าจะชอบเมนูนี้ค่ะ เมนูต่อไปค่ะกับไก่เจอบผักรวมในซอสพริกไทยดำ (330 บาท) ตัวข้างบนฝอยๆ นี่คือขิงทอดนะคะ แต่ถ้ากินเปล่าๆ หรืออย่างอื่น รสขิงกลับไม่ชัดค่ะ แต่ถ้ากินคู่กับถั่วลันเตาแล้ว รสขิงจะชัดและเข้มขึ้นมากเลยค่ะ รสพริกไทยก็ทำให้มีรสชาติที่ดีค่ะแต่ไม่ได้จัดมากนะคะ ไก่เจเองก็มีลักษณะที่ไม่เหมือนโปรตีนเกษตรทั่วๆ ไปของบ้านเราค่ะ มีลักษณะเป็นเส้นๆ คล้ยเนื้อไก่จริงเลยค่ะ เป็นอีกเมนูเจที่มีรสมีชาติดีค่ะ ต่อไปค่ะกับผัดหมี่ซั่ว (190 บาท) หน้าตาดูค่อนข้างธรรมด๊า ธรรมดานะคะ แต่กลับผัดมาได้ดีค่ะ ไม่อมน้ำมัน แต่เส้นก็ไม่ติดกันและนุ่มดี รสชาติออกแนวเบาๆ มายด์ๆ คลีนๆ ค่ะ อร่อยดีนะคะ ปกติเรากินหมี่ซั่วร้านอื่นค่อนข้างอมน้ำมัน แต่ของที่นี่ไม่เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ ของหวานเมนูเจจะมีข้าวเหนียวดำสอดไส้มะม่วงนะคะ แต่เนื่องด้วยเหตุขัดข้องบางประการ ขอข้ามรีวิวไปนะคะ แหะๆ
หลังจากนั้นคุณผึ้งก็สอบถามว่า จะลองทานเมนูไม่เจบ้างมั้ย อิ่มกันหรือยัง จากนั้นก็สั่งมาอีกสองเมนูค่ะ (ลืมบอกไป สำหรับอาหารเจที่นี่ จะมีการแยกอุปกรณ์ในการทำสำหรับอาหารเจนะคะ แต่ไม่ได้แยกภาชนะนะคะ แหะๆ)
แน่นอนว่าต้องมีเมนูนี้นะคะ กับเสี่ยวหลงเปาไส้หมูค่ะ มี 18 จีบเช่นเคยนะคะ ซึ่งก็มีวิธีการกินที่ถูกต้องด้วยค่ะ กล่าวคือ ก็เทน้ำจิ้ม (vinegar) ลงถ้วยซอสที่มีขิงซอยอยู่ จากนั้นก็คีบเสี่ยวหลงเปาไปจิ้มซอสเล็กน้อย จากนั้นเอามาวางบนช้อน เจาะให้น้ำซุปไหลออกมา แล้วก็คีบขิงวางบนเสี่ยวหลงเปาแล้วกินพร้อมกนค่ะ นอกจากภาพก็มีคลิปให้ดูด้วยนะคะ
สำหรับรสชาตินะคะ แต่น้ำซุปหวานอร่อยดีค่ะ ไส้หมูก็อร่อยนุ่มนวลดี แป้งไม่ได้บางมากนักนะคะ แต่ก็กำลังดีค่ะ สรุปแล้วก็เป็นเสี่ยวหลงเปาที่อร่อยดีค่ะ
และอีกเมนูค่ะ กับซาลาเปาลาวาไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม (1 ลูก 40 บาท หรือ 3 ลูก 118 บาท) ตัวอักษรจีนบนผิวซาลาเปา อ่านว่า “ฝู้” ซึ่งแปลว่าโชคลาภนะคะ ตัวแป้งนุ่มเหนียวนิดๆ ตามแบบของแป้งซาลาเปาที่ดีค่ะ ส่วนตัวไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม (เป็นไข่เป็ดเค็มนะคะ) รสไส้จะออกแนวเค็มหวาน ซึ่งรสชาติดีค่ะ (ออกจะแหลมกว่าที่หลินฟ้า ณ สุโกศลไปนิดหนึ่ง) เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มานี่ก็น่าจะสั่งนะคะ แฮ่... โดยสรุปสำหรับร้านนี้นะคะ เราว่าถ้าใครกินเจก็ควรไปลองหละค่ะ มีหลายเมนูที่น่ากิน และมีทั้งเมนูสำหรับคนที่ติดกินรสจัดๆ หรือท่านใดที่ชอบรสมายด์ๆ อ่อนๆ ตามสไตล์ของร้านนี้ค่ะ โดยราคาก็ตามมาตรฐานร้านอาหารแบรนด์นี้และทำเลหละนะคะ พนักงานบริการค่อนข้างโอเคค่ะ มีต้องให้เรียกบ้างบางครั้ง แต่โดยรวมก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ
Post