Read full review
2012-05-11
132 views
เมื่อไม่นานมานี้เมเม่ได้มีโอกาสร่วมเปิดประสบการณ์ชิมอาหาร จิบไวน์ ชมวิวสูงย่านใจกลางเมืองอย่างสีลมมาค่ะ กับห้องอาหาร SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT บนชั้น 37 ของ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี นั่นเองหลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นโรงแรมใหม่หรือเปล่าไม่คุ้นเลย จริงๆแล้วก็คือ โนโวเทล สีลม นั่นเองค่ะ แต่ตอนนี้ได้ปรับโฉมใหม่เป็น โฮเต็ล จี – Hotel G แล้ว (มีอยู่สองที่คือ กรุงเทพ และ พัทยา) โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี และ โรงแรมพูลแมน พัทยา จี ได้รับคอนเซ็ปต์มาจาก "โฮต็ล จี กรุงปักกิ่ง" ซึ่งเป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในด้านไลฟ์สไตล์ รวมถึงยังถูกจัดอันดับให้เป็นโรงแรมที่ทันสมัยที่สุดของเมือง ไว้มีโอกาสคงได้ไปพักและกลับมารีวิวให้
ในการร่วมชิมอาหารสุดพิเศษครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทาง Openrice.com ที่ให้โอกาสได้ไปร่วมชิมและแชะ และต้องขอบคุณ คุณเมย์ PRสุดสวยที่คอยดูแลเราตลอดงานเลย นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ร่วมชิมชื่อดังอีกมากมายเลยค่ะ ติดตามชมภาพกิจกรรมจากที่นี่เลย http://th.openrice.com/Bangkok/restaurant/article/detail.htm?article_id=906
มาเริ่มชิมกันเลยนะคะ การชิมนี้วันนี้มีทั้งอาหารคาวและหวาน รวมทั้งหมด 11 เมนูด้วยกัน ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะกินกันไหว แต่ว่ามาแบบไม่ชิ้นใหญ่มากนักเลยไดชิมทั้งหมด มาแนะนำกันทีละเมนูเลยนะคะ
1.Sardines en Boite: Spanish imported sardines, toast and salted butter (410 บาท)
- เมนู appetizer ที่ทำให้หยุดกินไม่ได้จนเกือบอิ่มค่ะ เป็นปลาซาดีนนำเข้าจากสเปน เสิร์ฟกับขนมปังปิ้ง และเนยเค็ม ซึ่ง....ปลาซาดีน อรอ่ยมากกกกกกกกก อร่อยจนหยุดไม่ได้ กินจนหมดกระป๋องเลยทีเดียวค่ะ วิธีการกินก็ทาเนยบนขนมปังปิ้งกรอบๆ แล้วก็ตักปลาซาดีนวางบนขนมปังอาจจะวางทั้งตัว หรือทำให้แตกก็ได้ค่ะ อร่อยมาก คอนเฟิร์ม!! 2.Oeuf poch en Meurette: Egg poached in Pinot Noir (360 บาท)
- เมนูนี้ก็ยังเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยอยู่ค่ะ เป็นไข่ลวกในซอสไวน์แดง ด้วยความไม่สุกของไข่ที่กำลังดีมากๆ มากับซอสไวน์แดงที่ถูกปรุงรสมาเป็นอย่างดี ทำให้เมนูนี้กินแล้วสดชื่นมากๆ ซอสรสชาติดีมากๆด้วยค่ะ 3.Saint-Jacques d’Hokkaido: Grilled Scallops, truffle dressing (550 บาท)
- จากต่อมาแอบชอบเป็นการส่วนตัวนะคะ เพระาว่า ชอบหอยเชลล์ โดยเมนูนนี้ หอยเชลล์ย่างถูกเสิร์ฟมาพร้อมซอสเห็ดทรัฟเฟิล แต่เมเม่ว่าซอสเห็ดมันขมไปนิดนึงค่ะ กลบรสชาติหอยเชลล์ย่างไปหนอ่ย ว่าแล้วก็จิบไวน์ก่อนไปชิมเมนูต่อไป
4.Quenelle de brochet gratine: River Pike fish dumpling, Chardonnay sauce (760 บาท)
- มาถึงเมนูจานหลัก (น่าจะหลักแล้วนะ) คือ ปลาไพก์เสิร์ฟในครีมซอสไวน์ขาว ตอนแรก ไม่คิดว่าเป็นปลาค่ะ เพราะดูนุ่มๆ เหมือนมันฝรั่งบดอบชีส ต้องลองชิมค่ะ เนื้อนุ่มละมุนมากๆ ถ้าใครที่ชอบความเข้นข้นของชีสต้องชอบเมนูนี้แน่ๆ แต่ถ้าหากคนที่ไม่ชอบคงคิดว่ามันเลี่ยนไป เพราะเข้มข้นจริงๆค่ะ ค่อยๆละเลียดไปเรื่อยๆ จนหมด มีความสุขจริงๆ
5.Cote d’agneau rotie au beurre pomme fondante: Roasted rack of lamb, butter braised potatoeds (990 บาท)
- มาถึงอีกเมนูแนะนำ ซี่โครงแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งอบเนย บอกก่อนว่าเมเม่ไม่ค่อยชอบเนื้อแกะเท่าไหร่ ก็เลยอาจจะเขียนถึงได้ไม่สมบูรณ์นักนะคะ เมเม่ว่าเนื้อเขากิลล์มาสุกไป แต่กลิ่นของเนื้อแกะไม่แรงอย่างที่คิด โดยรวมแล้วถือว่าโอเคเลยค่ะ 6.Combinaison de ‘Filet et de joue boeuf’: Pan seared beef tenderloin, 12 hours braised beef cheek (1,200 บาท)
- มาถึงจานเด็ด ฟิเนเล่ กับเนื้อสันในย่าง เสิร์ฟกับแก้มวัววากิลตุ๋น 12ชม. ด้วยความตั้งใจของเชฟที่อยากให้ลูกค้าได้รับความอร่อยที่พิเศษสุดเมนูนี้เลยได้รับการใส่ใจมากเป็นพิเศษ ตัวเนื้อสันในย่างมาแบบสุกไปนิดนึง แต่แก้ววัวนั้น นุ่มละมุนจริงๆค่ะ ได้รสชาติของเนื้อวัว แต่เมเม่ว่ายังไง เนื้อวัว แก้มวัว ต้องมาแบบ medium rare หรือ rare อยู่ดีค่ะ จิบไวน์แดงปิดท้ายก่อนจะไปที่ของหวาน
เมนูของหวานมีทั้งหมด 5 อย่าง ซึ่งจริงๆเมเม่ไม่ถนัดของหวานเลยค่ะ แต่จะลองดูนะ
1.Grand Marnier Souffl (กรองด์ แมร์นิเย่ร์ ซูเฟล่)
- ซูเฟล่เนื้อนุ่มเชียว กลิ่นหอมมาก อบมาแบบฟูๆใหญ่โต โรยหน้าด้วยไอซ์ซิ่ง เนื้อในนุ่มจริงๆค่ะ แต่ไม่หวานมากเหมือนกลิ่นที่หอมหวานจริงๆ
2.Granny Smith Apple Tart
- แอปเปิ้ลทาร์ตที่ไม่หนาเกินไป และ ไซรับ พร้อมไอศกรีมวานิลลา เข้ากันได้ดีมากๆ
3.Rum Baba (รัม บาบา)
- เมนูที่ทำเอางงว่ามันคืออะไร (ตอนได้ยินชื่อ) มันเป็นความซุกซนของเชฟที่อยากให้พวกเราได้สนุกกับเมนูนี้ เป็นขนมปังชิ้นเล็กๆ ที่พองตัวในถ้วย เพราะอิ่มเหล้ารัมที่ใส่มาเต็มโถแก้ว แต่ก็ตัดความเมา เอ้ย ความขมของเหล้ารัมด้วยวิปครีม ทำให้เพ้อเลยค่ะ โดยเฉพาะคนชอบแอลกฮอลล์อย่างเรา สดชื่นซะไม่มี ชอบนะคะ
4.Mille Feuille Grands Augustins (มิลเฟย กรองด์ โตกุสตังน์)
- เป็นเมนูสุดสร้างสรรค์จากเชฟมานูเอล ที่สร้างเลเยอร์ของแป้งมิลเฟอร์ลที่ทั้งบางและกรอบ สอดไส้ด้วยครีมนุ่มๆ ราดด้วยไซรับวานิลลา ค่อยๆกินไป อาจจะใช้มาเป็นเกมก็ได้นะคะ ให้ทำล้มก่อนแพ้ อะไรแบบนี้ อิอิ
5.Chocolate Fondant
- ปิดท้ายมื้อเย็นสุดหรูกับ ช๊อคโกแล็ต ลาวา ที่เสริฟมาพร้อมไอศกรีมวานิลลา เมื่อผ่าเค้กลงไปช็อกโกแลตก็จะไหลออกมา ทานกับเนื้อแป้งนุ่มๆ และ ไอศกรีมเย็นๆ ชื่นใจยิ่งนักค่ะ ครบแล้วค่ะเมนูที่รับประทานกันไปในวันนั้น แต่ละเมนูถูกสร้างสรรค์จากเขฟมานูเอลเองเลย ซึ่งตลอดเวลาพวกเราก็สนุกสนานกับการชิมและพูดคุยกันไปเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการชิมอาหารในวิวสวย บรรยากาศดี ดนตรีเพราะ แอบเห็นราคาค็อกเทลอื่นๆ ไม่แพงอย่างที่คิด แค่วิวก็คุ้มแล้ว จริงๆนะ คือปกติย่านทองหล่อยังแพงกว่านี้เลย แล้วนี่ในโรงแรมหรู แต่ราคาไม่แพงมาก น่ามาลองกันนะคะ
สำหรับคนที่สนใจมาสังสรรค์และชิมอาหารอร่อยๆ ที่ SCARLETT WINE BAR & RESTAURANT ตั้งอยู่ที่ ชั้น 37 โรงแรมพูลแมน กรุงเทพ จี (นั่งรถไฟฟ้าลงสถานี ช่องนนทรี เดินย้อนมาทางสีลมค่ะ แล้วเลี้ยวซ้ายไปนิด) เวลาเปิดบริการ: ทุกวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่ 18.00 - 01.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
ติดต่อสอบถามและสำรองที่โต๊ะ โทร. 02-238-1991 / อีเมล์ H316-FB2@accor.com
เฟซบุ๊ค : www.facebook.com/ScarlettWineBarBangkok
Post