Read full review
2014-04-25
150 views
สวัสดีค่ะวันนี้เราก็จะพาไปหม่ำบุฟเฟท์ ณ ห้องอาหาร Latest Recipe ที่โรงแรม Le Meridien กรุงเทพฯ กันนะคะ ซึ่งการได้ไปครั้งนี้ก็เนื่องมาจากทางเว็บโอเพิ่นไรซ์ นัดหมายชาวโอเพิ่นไรเซอร์ให้ไปเจอกัน (คราวนี้สมาชิกเยอะสุดแล้วค่ะ เท่าที่เคยนัดกัน) ก็เลยได้ไปนะคะ สำหรับวันนั้นเราขับรถไป ก็วิ่งไปผ่านเส้นทางหน้าจุฬาฯ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าพระรามสี่ก่อนจะชิดขวา เลี้ยวเข้าถนนสุรวงศ์ วิ่งเข้าไปสักหน่อยก็จะเห็นโรงแรมอยู่ทางขวามือแล้วค่ะ เข้าไปจอดรถได้เลย วันนั้นโชคดีได้จอดชั้น B1 แล้วก็หน้าลิฟท์เลยหละค่ะ ซึ่งถ้านำบัตรจอดรถไปประทับตราที่ห้องอาหาร ก็สามารถจอดฟรีได้ 6 ชั่วโมงนะคะขึ้นลิฟท์จากชั้นจอดรถไปที่ห้องอาหารได้โดยตรงเลยค่ะ ห้องอาหารนี้อยู่
วันนี้เราก็จะพาไปหม่ำบุฟเฟท์ ณ ห้องอาหาร Latest Recipe ที่โรงแรม Le Meridien กรุงเทพฯ กันนะคะ ซึ่งการได้ไปครั้งนี้ก็เนื่องมาจากทางเว็บโอเพิ่นไรซ์ นัดหมายชาวโอเพิ่นไรเซอร์ให้ไปเจอกัน (คราวนี้สมาชิกเยอะสุดแล้วค่ะ เท่าที่เคยนัดกัน) ก็เลยได้ไปนะคะ
สำหรับวันนั้นเราขับรถไป ก็วิ่งไปผ่านเส้นทางหน้าจุฬาฯ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าพระรามสี่ก่อนจะชิดขวา เลี้ยวเข้าถนนสุรวงศ์ วิ่งเข้าไปสักหน่อยก็จะเห็นโรงแรมอยู่ทางขวามือแล้วค่ะ เข้าไปจอดรถได้เลย วันนั้นโชคดีได้จอดชั้น B1 แล้วก็หน้าลิฟท์เลยหละค่ะ ซึ่งถ้านำบัตรจอดรถไปประทับตราที่ห้องอาหาร ก็สามารถจอดฟรีได้ 6 ชั่วโมงนะคะ
ขึ้นลิฟท์จากชั้นจอดรถไปที่ห้องอาหารได้โดยตรงเลยค่ะ ห้องอาหารนี้อยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ แต่จะเห็นว่าที่ชั้นสามมีห้องอาหารแบมบูด้วยนะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นอาหารแนวไหน น่าจะจีนหรือเปล่าน้อ
เปิดลิฟท์ปุ๊บก็จะเจอตามภาพเลยค่ะ จะเป็นที่นั่งของคนที่มารับประทานก่อน ส่วนไลน์บุฟเฟท์จะอยู่ด้านใน ทางขวามือนี่จะมีเคาน์เตอร์ซึ่งมีพนักงานคอยต้อนรับสอบถามค่ะ พอเราบอกว่าโอเพิ่นไรซ์ ก็พาไปที่โต๊ะเลยค่ะ ส่วนมุมซ้ายของในรูปนี่คือบันได ถ้าเดินขึ้นมาจากล็อบบี้นะคะ
บรรยากาศภายในห้องอาหารนะคะ
เซ็ตอัพบนโต๊ะนะคะ
ถัดไปจากโยเกิร์ตปั่นจะเป็นตู้ผลไม้นะคะ จะมีเครื่องจิ้มให้สามแบบ คือ พริกเกลือ พริกน้ำตาลเคี่ยว และบ๊วยค่ะ ชอบมากๆ เราชอบที่ใส่ใจรายละเอียดแบบนี้ค่ะ
ไลน์ของหวานต่างๆ ค่ะ (มารอบนี้ของน้อยจนเราแปลกใจ ถ้าใครเคยอ่านรีวิวเราที่เคยมากินที่นี่ คงพอจะจำได้ว่า เราปลื้มของหวานที่นี่มาก อร่อยสุโค่ย เพิ่งมาทราบทีหลังจากคุณโบว์ เลอเมอริเดียนว่า เปลี่ยนเชฟมาได้ปีกว่าแล้วค่ะ) แล้วก็ของหวานในช่วงเดือนที่เราได้ไปกินคือ มีนาคม เป็นโปรฯ ออแกนิค เพราะฉะนั้นจะทำขนมหวานด้วยโลว์ชูการ์นะคะ วันนั้นเราไม่ได้แตะของหวานเหล่านี้เลยค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเห็นว่ากินอะไรไปบ้างแล้วจะเข้าใจ ฮา
หนึ่งเมนูที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่นะคะ ไอศกรีม ซึ่งมีให้เลือกแบบกินเป็นลูกๆ หรือนำมาผัดเหมือนเคยค่ะ ไอศกรีมมีให้เลือกทั้งหมดแปดรสชาตินะคะ
ต่อไปเป็นสเตชั่นอาหารญี่ปุ่นค่ะ มีปูอัด ไข่หวาน ปลาดิบ (มีทูน่ากับแซลมอน) มีสาหร่ายด้วยนะคะ
ถัดไปเป็นไลน์ยำและไลน์สลัดค่ะ (เอ่อ...แสงที่ห้องอาหารนี้น้อยมาก ขนาดกันสั่น OMD เอาไม่ค่อยจะอยู่ (มาดูทีหลัง ไม่รู้ว่าใครไปปิดกันสั่นไว้ค่ะ เพราะตอนไปทริป มีน้องอีกคนสลับกันถ่ายรูปอยู่) มาเปิดก็ตอนจะกินเสร็จแล้วน่ะแหละ หลายรูปเลยพร่าๆ หน่อยนะคะ ขออภัย)
ขอบอกว่าเราปลื้มสลัดที่นี่มาก (ปลื้มตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นธีมออแกนิคในเดือนนี้ด้วยซ้ำ) มีช้อยส์ผักให้เลือกเยอะมาก แถมผักก็สด กรอบ อร่อยมากกกกกก คนกินผักนี่ต้องฟินสุดๆ แน่ๆ ค่ะ ยังบอกคุณโบว์ไปว่า น่าจะมีตลอด แต่ก็เข้าใจหละค่ะว่าผักออแกนิคมันแพงกว่าผักธรรมดาทั่วไปเยอะเลยง่ะนะ เง่อ...
ส่วนไลน์พวกนี้เป็นอาหารไทยและเอเชียค่ะ เราไม่ได้แตะเลยง่ะนะ แหะๆ อันนี้คุณโบว์ก็เล่าให้ฟังอีกนั่นแหละค่ะว่า ที่จริงก่อนหน้านี้จะเซ็ตอาหารเอเชียเยอะเพราะกลุ่มที่จะมากินจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ไปๆ เห็นว่าจะเป็นกลุ่มนี้กลุ่มเดียวก็กระไรเลย ก็เลยเพิ่มไลน์ให้เหมาะกับกลุ่มคนไทยด้วยค่ะ
มาดูที่ไลน์อีกฝั่งกันบ้างนะคะ ตรงนี้จะอยู่ใกล้ๆ กับบันไดเลยค่ะ เป็นไลน์พิซซ่า ซึ่งก็มีทั้งที่เชฟทำไว้ให้ และเราสามารถเลือกวัตถุดิบต่างๆ ให้เชฟทำพิซซ่าหน้าที่เราชอบได้ด้วยค่ะ ชอบไอเดียนี้มากๆ เก๋ค่ะ
ถัดไปเป็นไลน์พาสต้ากับก๋วยเตี๋ยวค่ะ ซึ่งเราก็เลือกได้อีกเช่นกันว่าจะเอาเส้นแบบไหน เครื่องแบบไหน ชอบๆ
เนื้อสัตว์ก็มีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ ทั้งหมู แกะ อย่างตัวเนื้อวัวก็มีทั้งเซอร์ลอยด์และเทนเดอร์ลอย (แต่อย่างหลังหมดไวมาก ไวเกิ๊น จะเห็นว่าตอนรูปแรกนี่เทนเดอร์ลอยยังไม่มานะคะ มาที่รูปสองเนี่ยแหละค่ะ แต่ไม่นานก็หมด) ซอสจิ้มและซอสราดก็มีให้เลือกหลากหลายมากๆ ค่ะ
ถัดจากสเตชั่นกริลล์ก็จะเป็นอาหารไทยๆ อีกเช่นกันค่ะ
ไลน์สุดท้ายนะคะ จะเป็นไลน์โคลด์คัทและขนมปังค่ะ ซึ่งยังคงมีตะกร้าให้ใส่เหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่เราเคยมากินหละ
ซอสราดสองตัวนี้นะคะ ซ้ายมือเป็นซอสเฮอนานเดซ (เชฟบอกว่าเป็นไข่แดงตีกับเนยค่ะ) ซึ่งเขาแนะนำให้กินกับปลาหมึกค่ะ (ก็จัดไป) ขวามือเป็นเกรวี่ค่ะ
จานแรกค่ะ รวมพวกกริลล์ทั้งหลาย เราเลือกมามีหมู เซอร์ลอยด์ แกะก้อน แกะ และปลาหมึกค่ะ
ผลการกินก็เซอร์ลอยด์เค้าทำมาแบบมีเดียมนะคะ โดยรวมนิ่มดี ฉ่ำนิดหน่อยค่ะ ใช้ได้ ส่วนหมู มันมีกลิ่นแบบเนื้อหมูโดดมาน่ะค่ะ ตัวนี้ไม่ค่อยโอ ตัวเนื้อแกะ มีบางส่วนแห้งไป แต่นอกนั้นฉ่ำดี อร่อยค่ะ มีเดียมกำลังดีด้วยค่ะ ส่วนหมึกนี่ ถ้ากินเปล่าๆ จะค่อนข้างเค็มนำค่ะ แต่พอกินกับซอสเฮอนานเดซตามที่เชฟแนะนำ ทำให้ละมุนขึ้น รสชาติดีขึ้นกว่าตอนกินเปล่าๆ นะคะ ตัวแกะก้อน เราว่าการที่ชุบแป้งทอดมันกลบรสไปหน่อยค่ะ รสแป้งที่ชุบมันเด่นกว่า เลยทำให้รสแกะดร็อปลงน่ะนะคะ
สลัด อย่างที่บอกนะคะ ผัก สด กรอบ อร่อยทุกอย่างค่ะ เราฟินสุดๆ ช้อยส์ผักก็มีให้เลือกหลากหลาย คนรักผักไม่ควรพลาดจริงๆ ค่ะ เสียดายว่ามีถึงแค่สิ้นเดือนมีนาคม แล้วเราไปกินก็วันที่ยี่สิบเจ็ดแล้ว เลยมาบอกเล่าเพื่อนๆ ไม่ทันอ้ะ นอกจากนั้นคุณโบว์ยังบอกด้วยว่า โปรฯ นี้ ถ้าเป็นมื้อกลางวันจะมี mejuice (สะกดถูกปะเนี่ย) เป็นเครื่องดื่มดีทอกซ์ให้ลูกค้าด้วยนะคะ ส่วนใหญ่จะดื่มกันก่อนอาหาร เป็นเครื่องดื่มล้างพิษค่ะ มีเล่าให้ฟังด้วยว่า เพื่อนคุณโบว์ดื่มอยู่กี่อาทิตย์ไม่รู้ หน้าใสเวอร์มาก แต่คุณโบว์บอกว่า รสชาติมันดื่มยากหน่อยนะ แฮ่...
ที่จริงแค่สองจานนั้นสำหรับเราก็อิ่มแล้วนะคะ แต่ต้องพยายามต่อ เพราะอยากทำรีวิวหลายๆ อัน (แล้วพนักงานแต่ละสเตชั่นนี่ก็จัดเต็มทุกอันค่ะ เราก็ไม่คิดว่าจะจัดเต็มขนาดนี้ ไม่งั้นคงบอกว่าเอาแค่ไม่กี่ชิ้นง่ะ) อย่างจานนี้ เราขอทูน่าแค่ชิ้นเดียว นอกนั้นก็สั่งของโปรดคือไข่หวานกับปูอัด พนักงานก็จัดเต็มมาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
สำหรับไข่หวานและปูอัดมาตรฐานทั่วไปนะคะ ส่วนตัววาซาบิของที่นี่ก็ไม่ได้ปรี๊ดปร๊าดมากค่ะ ตัวทูน่า สดแต่ไม่ว้าวขนาดกินแล้วละลายนะคะ
จากนั้นเราก็ไปยังไอศกรีมของเราค่ะ อย่างที่บอกว่ามีให้เลือกแปดรส เราสามารถเลือกได้เองว่าจะเอารสไหนบ้าง รวมทั้งการเลือกเพื่อนำไปผัดด้วย เราเลือกวานิลากับช็อกโกแลตค่ะ ระหว่างนั้นพนักงานก็ยื่นชามให้เราเลือกว่าจะผัดกับอะไรบ้างเราก็เลือกมาตามรูปนะคะ
หลังจากผัดสักพัก พนักงานก็ส่งให้ค่ะ หน้าตาตามรูปเลย จากนั้นเราก็เอาไปใส่ท็อปปิ้งแล้วก็ราดซอสตามใจชอบเลย (ตรงวิปครีม ถ้าไม่ได้ใส่ถ้วย แต่ให้มาเป็นกรวยบีบจะยิ่งโปรดเลยค่ะ แบบนี้เวลาตักโปะแล้วมันโปะย้ากยากง่ะ ต้องเอาช้อนไปเขี่ยวิปครีมจากตะบวยให้ลงถ้วยอีกที ฮา
สำหรับรสชาตินะคะ นัวมากมาย อร่อยสุดๆ ค่ะ เราชอบมากๆ ยังคงเป็นของหวานของที่นี่ที่มีเสน่ห์สำหรับเรานะคะ
คุณโบว์เล่าด้วยว่า เนื่องจากเชฟคนนี้มาจาก Fine Dining การจะให้เชฟทำแต่บุฟเฟท์ก็ทำให้เชฟเบื่อค่ะ (ฮา) ก็เลยทำให้มีการสร้างสรรค์เมนูแบบนี้ให้กับคนที่มารับประทานอาหารด้วย (ซึ่งเราว่าดีนะคะ ทั้งไอเดีย แล้วคนที่มากินเองก็ถือว่าเป็นกำไรด้วยอ้ะ เป็นเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากรร.อื่นๆ เลยหละค่ะ ปลื้มๆ) ซึ่งแอบสอบถามชื่อเชฟ (ที่วันนั้นไม่ได้เจอหน้า เสียดายอย่างแรง) ว่าชื่อเชฟอรรถพล (ไม่แน่ใจว่าสะกดแบบนี้หรือเปล่านะคะ) ค่ะ
อย่างที่บอกว่าที่นี่มีเครื่องจิ้มให้สามแบบเลยค่ะ คือ พริกเกลือ น้ำตาลเคี่ยวกับพริก (จางๆ) และบ๊วยค่ะ เราเองตักมาชิมนิดหน่อย แต่พอเห็นฝรั่งกับชมพู่ซึ่งเป็นลูก ถามพนักงานพนักงานก็บอกว่า หั่นให้ได้นะคะ เลยจัดมาอย่างละลูก (เอิ๊ก ตายแน่ตรู) จัดออกมาได้งดงามตามภาพ (เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างที่ข้าพเจ้าตักกับพนักงานเค้าทำให้ ฮา
แคนตาลูปค่อนข้างจืดนะคะ ธรรมดา ส่วนสับปะรดนี่หวานฉ่ำดีค่ะ อร่อย ขนุนหวานมาตรฐานทั่วไป เนื้อไม่ค่อยหนามาก ฝรั่งกรอบดีค่ะ ส่วนชมพู่หวานฉ่ำโอค่ะ
ส่วนสุดท้ายนี่เป็นโยเกิร์ตปั่นค่ะ หวานนิดๆ (ทั้งที่คุณโบว์บอกว่าไม่ได้ผสมอะไรเพิ่ม) พยายามหยดซอสบลูเบอรี่ให้เป็นรูปหัวใจ (ทำเพื่อไรคะป้า?) รสชาติอร่อยละมุนมาก คนโปรดโยเกิร์ตอย่างเราชอบนะคะ อร่อยดีอ้ะ
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ เป็นอีกมื้อที่มีความสุขกับการกินมากๆ เลยค่ะ ที่เราเชียร์จะเป็นสลัด (แต่ไม่รู้ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นไม่ใช่ออแกนิคแล้ว จะยังโอแบบนี้หรือเปล่านะคะ) ไอศกรีมผัด พิซซ่าคาโซเน่ค่ะ แต่อย่างอื่นก็อร่อยนะคะ ไม่มีอะไรที่แย่ขนาดทำให้เสียชื่อโรงแรมเลยค่ะ มีโอกาสก็ลองไปรับประทานดูนะคะ
Post