Read full review
2012-05-26
156 views
วันนี้มาอิ่มเอม +ชิลล์ๆกันที่ โรงแรม Grand Hyatt Erawanนะคะ , ส่วนใหญ่ที่นี่ พิ้งค์จะได้มางานแต่งเพื่อนบ่อยๆ ไม่ก็งานเปิดตัวเครื่องสำอางค์ค่ะ ที่นี่สะดวกสบายมั่ก เพราะว่ามีทางเชื่อมจากสถานี BTS เข้ามาที่ตัวตึกเลยค่ะจุดขายของร้าน คือ การที่chef จะมา cook บางส่วนของอาหารให้เราดูกันจะจะ ตรงข้างๆโต๊ะเรานี่แหละ เป็นการ entertain เราอย่างนึง ทำให้ตื่นเต้นดีนะ ลุ้นๆดี พิ้งค์ได้ใจ เลยขอเค้าถ่ายรูปมาหลายshot เลยATMOSPHEREบรรยากาศ cozy มากๆ ไปทานมื้อกลางวัน ยังกะมื้อกลางคืนเลย เพราะว่าแสงที่เค้าจัดไว้เห็นเหมือนในรูปนี้เลยค่ะ นั่งสบ๊ายยยย ชิลลล์มาก ใครอยากมาหลบมุม นั่งทานอาหารสบายๆ บรรยากาศดีๆ ต้องมาที่นี่จริงๆนะ เราช
จุดขายของร้าน คือ การที่chef จะมา cook บางส่วนของอาหารให้เราดูกันจะจะ ตรงข้างๆโต๊ะเรานี่แหละ เป็นการ entertain เราอย่างนึง ทำให้ตื่นเต้นดีนะ ลุ้นๆดี พิ้งค์ได้ใจ เลยขอเค้าถ่ายรูปมาหลายshot เลย
ATMOSPHERE
บรรยากาศ cozy มากๆ ไปทานมื้อกลางวัน ยังกะมื้อกลางคืนเลย เพราะว่าแสงที่เค้าจัดไว้เห็นเหมือนในรูปนี้เลยค่ะ นั่งสบ๊ายยยย ชิลลล์มาก ใครอยากมาหลบมุม นั่งทานอาหารสบายๆ บรรยากาศดีๆ ต้องมาที่นี่จริงๆนะ เราชอบโทนสีของที่นี่มาก แถมร้านนี้แอบโรแมนติกด้วยน๊า
ที่นี่เค้าแบ่งเป็น 2 zone คือ zone ปกติ ที่พิ้งค์ไปนั่งทาน และก็อีก zone จะเป็นห้อง Private มี 2 ห้องค่ะ ใครอยากจัด party แบบ private ก็น่าจะต้องสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางโรงแรมก่อน FOOD
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นค่ะ ว่า "ความน่าตื่นเต้นของ TABLES นี่คือ การที่ chef มาปรุงให้เราดูถึงข้างๆโต๊ะเนี่ยแหละ" ฉะนั้น section ที่เขียนเล่าเรื่องอาหารรูปจะเยอะหน่อยค่ะ
แต่เปิดมาเลยสั่งน้ำมาทานก่อน สีสวยเชียว (แอบจำชื่อเมนูไม่ได้ ตามสไตล์) คนข้างๆตัวทานน้ำเปล่ารักษาสุขภาพ : ) ถัดมาเป็นขนมปังที่เค้ามีหลากหลายให้เลือกเลย
เราเริ่มกันด้วยซุปนะคะ เป็น Boston Lobster Bisque จานนี้เราตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นจานแรก ที่เค้าจะทำให้ดูเป็นจานแรกนะสิ chef เชิญเราไปดูใกล้ๆด้วย จะเห็นว่ามีไฟลุกท่วมมมม กรี๊ดดดดดส์ เสร็จแล้วววว วางทานคู่กะBaguetteจิ๋วที่พิ้งค์เลือกไว้ ซู๊ดดด อร่อย หอมมม น่าประทับใจมั่กมาก คั่นเวลาไปนานพอสมควร กว่าที่ main จะออกนะคะ main ของเราวันนี้คือ Steak au poivre - Tenderloin with green pepper sauce ซึ่ง เป็น Australian Beef ที่ผ่านการเลี้ยงด้วยธัญพืชถึง 240 วัน ในเมนูเค้าโม้ไว้งั้น เราเลยถามพนักงาน ว่าทำไมต้องเลี้ยงด้วยธัญพืช เค้าก็ตอบว่า เนื้อจะได้นิ่มกว่า และเค้ายังบอกอีกด้วยว่า ผักที่นี่เป็นผักออร์แกนิคจริงๆที่เค้าปลูกเอง มีไร่อยู่วังน้ำเขียว เก๋ไหมละฮ๊าา เดี๋ยวนี้ hotel chain หลายๆที่ นิยมทำไรแบบนี้กันมากขึ้น
อันนี้เค้าย่าง steak ชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว มาแล้วเรียบร้อยตามคำร้องเราคือ medium แล้วก็นำมาปรุงน้ำซอสราดให้เราดู ด้วยความบันเทิง ฮ่าๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เค้านำเนื้อsteak ที่ปรุงแล้ว มาเสิร์ฟก่อน หลังจากนั้น นำเครื่องเคียงทั้งผัก และมันบดมาเสิร์ฟให้ทีละจานถึงโต๊ะเลยค่ะ ประทับใจบริการ+presentation ที่นี่มั่ก :-O ตัด section มา juicy ร้องไห้กันเลยทีเดียววว เฮือก ... หมายความว่า เนื้อมันสีชมพูปิ๊งๆ นุ่มหวานข้างใน ข้างนอกก็สุกกะลังดี เนื้ออร่อยมาก น้ำซอสพริกไทยสดที่ราดมาก็หอม รสชาติพอเหมาะ ไม่ทำลายรสเนื้อดีๆแม้แต่น้อยค่ะ เนื้อชิ้นใหญ่มากกกกก ใครมาสั่งจานนี้ไม่ต้องกลัวไม่อิ่ม อิ่ม+อร่อยโฮกกกส์แน่ๆ จานสุดท้ายที่ได้ชิมเป็นของหวานตบท้าย นั่นคือ Cherry Jubilee , Vanilla Bean Ice Cream ซึ่งโชคดีมากกก ที่ คุณ Michel Eschmann (Chef de cuisine) ได้ให้เกียรติมาทำให้เราทาน กรี๊ดดดส์ เชฟหล่อ และยังหนุ่มด้วย สืบถามมาว่า อายุ 28 เอ๊ง เสร็จแล้ว ตักไอติมวานิลลาราด+ปักแผ่นคาราเมลกรอบๆ ลงไป เป็นอันเสร็จพิธี หวานนน หอมมมเลยทีเดียว จานนี้มีเหล้าเชอร์รี่ด้วย
หวานหอม อร่อยค่ะ รสไอติมเพลนๆแบบวานิลลา เข้ากะเปรี้ยว+หวาน ของเชอร์รี่ค่ะ แถมเจ้าแผ่นกรอบนั้นแทะแล้วกรุบๆ แก้เบื่อลิ้น อิอิ ทั้ง 3 จานที่ได้ลอง ล้วนเป็น "Signature Dish ของ TABLES" จากการสอบถาม แล้วก็ยังเป็นจานที่ผู้คนนิยมสั่งกันอย่างมากมายค่ะ
ปิดท้ายกันด้วย Cappuccino ตามธรรมเนียม ( เลิกกาแฟไม่ได้ซะที แฮร่ม -*- ) เป็นอันจบมื้อเที่ยงอันละเมียด ยาวนานอย่างบริบูรณ์
Post