Read full review
2016-08-14
283 views
สำหรับวันนี้จะพาไปอีทแอนด์ดริ๊งค์ ณ เล้าจน์สุดเอกซคลูซีฟ ณ อาคารมหานครคิวบ์ อาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารของเชฟที่ได้ดาวมิชลินมากที่สุด ที่เคยรีวิวมาแล้วสองครั้ง นั่นก็คือ L'atelier De Joel Robuchon นั่นเองค่ะส่วนวันนี้ก็เป็นการได้ไปแฮงค์เอาท์และได้พบประสบการณ์อันน่าประทับใจกับ Mixologist ชาวอิตาเลียน ซึ่งเพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานค่ะ ใครสายดื่ม ใครชอบการสร้างสรรค์ ไอเดียเก๋ๆ ไม่อยากให้พลาดรีวิวนี้นะฮับ (เชียร์ออกนอกหน้า สุดตัวมาก เดี๋ยวมีคลิปให้ดูแล้วอ่านไปเรื่อยๆ จะเข้าใจว่าทำไมเราชม Mixologist คนนี้มากๆ นะคะ)สถานที่จริงแสงน้อยมาก พยายามถ่ายมาให้โอที่สุดเท่าที่สามารถแล้วนะคะสำหรับเจ้าของ Vogue Lounge แห่งนี้ก็คือคุณสร
ส่วนวันนี้ก็เป็นการได้ไปแฮงค์เอาท์และได้พบประสบการณ์อันน่าประทับใจกับ Mixologist ชาวอิตาเลียน ซึ่งเพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานค่ะ ใครสายดื่ม ใครชอบการสร้างสรรค์ ไอเดียเก๋ๆ ไม่อยากให้พลาดรีวิวนี้นะฮับ (เชียร์ออกนอกหน้า สุดตัวมาก เดี๋ยวมีคลิปให้ดูแล้วอ่านไปเรื่อยๆ จะเข้าใจว่าทำไมเราชม Mixologist คนนี้มากๆ นะคะ)
สถานที่จริงแสงน้อยมาก พยายามถ่ายมาให้โอที่สุดเท่าที่สามารถแล้วนะคะ
สำหรับเจ้าของ Vogue Lounge แห่งนี้ก็คือคุณสรพจน์ เตชะไกรศรี ค่ะ
ซึ่งที่ตั้งของโวคเล้าจน์แห่งนี้ ก็อย่างที่บอกเนาะว่าอยู่ที่อาคารมหานครคิวบ์นะคะ
วันนั้นเราก็เอารถไปจอดนะคะ นำบัตรจอดรถไปสแกนที่เล้าจน์ จอดฟรี 6 ชั่วโมงค่ะ จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ไปที่ Vogue Lounge กันเลยค่าา อยู่ที่ชั้น 6 นะคะ
ออกจากลิฟท์ก็จะเจอทางเข้าร้านตามภาพ ติดต่อที่เคาน์เตอร์ซ้ายมือได้เลยค่ะ วันนั้นฝนตก เลยไม่สามารถไปเก็บภาพเอาท์ดอร์ได้เลยค่ะ ถ่ายได้แต่พื้นที่ด้านในนะคะ ซึ่งการดีไซน์เรื่องของการตกแต่งทั้งหมดนี่ ดีไซน์นี่โดย เดวิด คอลลินส์ สตูดิโอนะคะ
ซึ่งเครื่องดื่มนี้ก็จะมาพร้อมของกินเล่นตามนี้นะคะ เป็น complimentary ค่ะ
ส่วนนี่คือหน้าตาของเครื่องดื่มที่อยู่ในคลิปค่ะ ซึ่ง...ท้ายที่สุดเราก็ไม่ได้ดื่มแหละ พี่อีกคนเอาไปดื่มแทนค่ะ เลยไม่ได้ชิม และไม่ทราบชื่อด้วยง่ะ ขออภัยค่ะ
หน้าตาของเครื่องดื่มที่ว่าค่ะ เราได้ชิมไปหน่อยหนึ่งนะคะ รสไม่หนักมากค่ะ เบาๆ หอมจรุงอ่อนๆ นะคะ
โดยอาหารทั้งหมดนี้ทำโดย เชฟวินเซนต์ เธียร์รี่ (Vincent Thierry) ซึ่งเป็นเชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาวด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น...เราถึงบอกว่า โดยราคาแล้วกับสิ่งที่ได้รับ เราถือว่าโอเคค่ะ ไม่ได้แพงนา
ต่อไปกับ Tomato gazpacho, basil-ricotta cream ราคา 390 บาทค่ะ
ซึ่งมาพร้อมเครื่องดื่มคือ Vogue Emerald นะคะ
ส่วนรสชาตินี่แรงเลยค่ะตัวนี้ เหล้าเข้มพอควร และออกแนวหวานค่ะ เลยเหมือนกับสำหรับเราตัวอาหาร (โทเมโท่ฯ) เป็นของคาวแล้วก็ดื่มตัวนี้ล้างปากไปเลยค่ะ
Fried Lopster Ravioli in Soup Pumpkin Gnocchi ราคา 590 บาท
กับอีกแก้วที่ชอบมากกกกกกค่ะ Oh Beautiful ค่ะ
ต่อไปเป็น Spicy Prawn Burger, Pickled Daikon 530 บาท
ทำมาไซส์กำลังกิน (สำหรับหญิงสาวอย่างเรา)
ถ้าใช้มือหยิบและกัดประมาณ 2-3 คำค่ะ หรือจะใช้มีดกับส้อมก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นเบอร์เกอร์ สำหรับเรามันเป็นฟิงเกอร์ฟู้ดอ้ะ แหะๆ
ตัวไส้ข้างในที่เราได้กินเป็นกุ้งนะคะ กุ้งสดเนื้อแน่นดี รสชาติโดยรวมดีค่ะ อร่อยดีนะคะ
เครื่องดื่มอีกตัวค่ะ Spice Me Up ตัวนี้แนะนำให้หลังจากดูดเข้าไปแล้ว ให้ค้างน้ำไว้ในปาก จะมีกลิ่นอวลขึ้นจมูกค่ะ ผสมระหว่างแพสชั่นและกลิ่นคล้ายควันบางอย่าง และมีกลิ่นและรสที่คล้ายกับชา แต่คุณ Moretti เธอว่าเธอไม่ได้ใส่ชาค่ะ (เท่าที่จับความที่คุณ Moretti บอกได้ จะมีแอปเปิ้ล แพสชั่นฟรุต ซินนามอนและสไปซี่รัมค่ะ) เหล้าแรงพอควรนะคะ เป็นเครื่องดื่มที่ออกกึ่งนุ่มกึ่งแรงแหละ
Lamb Rack Skewers, Artichoke Barbajuan, Balsamic Pearls 1250 บาท
Beef Skewers, Australian Tenderloin 1250 บาท
Tuna Skewers Herb Crusted, Spiced Tomato 850 บาท
House Selection of Cold Cuts 1200 บาท
ชอบตัวเครื่องจิ้มที่เค้าแนมมาด้วยค่ะ จะมีรสเจือเปรี้ยวและหวาน ซึ่งทำให้กินกับโคลด์คัทบางตัวที่รสเค็มแล้วจะพอดีกันนะคะ อร่อยดีอยู่ค่ะ
ถ้าใครอยากได้อาหารแกล้มดื่มเราว่าตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ จิ้มกินแกล้มเพลินได้เรื่อยๆ เลยค่ะ
Cheese Board 1200 บาท
แนะนำให้กินไล่จากอ่อนไปแรง ถ้าจากภาพนี้ก็จากฝั่งขวาไปซ้ายค่ะ
บรีอร่อยแหละ (ลำเอียงเห็นๆ ฮา) ตัวอื่นๆ ก็ดีงามตามมาตรฐานะคะ
หมดคาวแล้ว ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย ห้องน้ำเค้ายังเก๋ค่ะคุณ ระหว่างทางก็สวยงาม เหมาะไปถ่ายพอร์ตเทรทมากกกกกก
เครื่องดื่มปิดท้ายวันของวันนั้นค่ะ
Bon Bon Espresso (Espresso Vodka amaretto Kahlua)
Apple Tatin Tart, Bourbon Vanilla Ice Cream 180 บาท
ตัวขนม (เนื่องจากเราไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มก่อน เลยรับรสได้เต็มที่) รสชาติโดยรวมอร่อยมากค่ะ แต่ต้องกินทุกอย่างพร้อมกัน ทั้งเนื้อทาร์ต แอปเปิ้ลตาร์แตงและไอศกรีมวานิลาค่ะ รสชาติจะพอดิบพอดีกันมาก (เม้นท์นิดหนึ่ง เราว่าให้ปริมาณไอศกรีมมาไม่บาลานซ์กับตัวทาร์ตฯ เท่าไหร่ค่ะ ทำให้เรากินแล้วไอติมหมดก่อนทาร์ตง่ะ แฮร่...)
ขนมปิดท้ายของมื้อนั้นค่ะ
Mocchachino, Kalingo Chocolate Ice Cream 210 บาท
ตัวสัมผัส ด้านบนจะนุ่มๆ ส่วนด้านล่างจะเป็นความกรุบนิดๆ ของทาร์ตค่ะ และหอมเนยอ่อนๆ
เราว่าขนมของที่นี่ทั้งสองตัวอร่อยหมดเลยค่ะ แต่อร่อยคนละแบบ ตัวแรกจะออกแนวนุ่มนวลละมุนหน่อย ส่วนตัวหลังด้วยความที่รสเข้มข้นกว่า เราว่าเหมาะที่จะปิดท้ายมื้อค่ะ (ถ้าต้องการกินขนมทั้งสองอย่างก็แนะนำให้ไล่กินแบบนี้นะคะ เพราะถ้ากินตัวนี้ก่อน ตัวแรกรสชาติจะดูอ่อนไปค่ะ)
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
เป็นเล้าจน์เอกซคลูซีฟที่มีหลายๆ องค์ประกอบที่ดีงามค่ะ สถานที่สวยงาม อาหารอร่อย เครื่องดื่มเลิศ (แนะนำอีกทีว่าให้นั่งที่เคาน์เตอร์เพื่อชม Mixologist รังสรรค์เครื่องดื่มแต่ละเมนูค่ะ ถ้าคุณเป็นสายดื่ม) ราคาอาจจะสูงกว่าที่อื่นๆ แต่ด้วยโปรไฟล์ของแต่ละองค์ประกอบก็ควรค่ากับราคาหละนะคะ
ถ้าใครหาที่แฮงค์เอาท์ดีๆ เราว่าที่นี่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คุณควรไปค่ะ แล้วแต่ละช่วงเค้าก็จะมีอีเวนท์หรือธีมเก๋ๆ มาเสมอๆ ค่ะ อย่างวันที่ 11 สิงหาที่ผ่านมาก็มีธีมนี้แหละ แหม้..ถ้าป้ายังสาวๆ อยู่หละก็นะ...555
Post