8
2
0
Level4
รีวิวนี้ ได้รับเกียรติจาก Openrice Thailand และร้าน Water Library Brasserie ให้มาลิ้มรสชาติอาหารเมนูใหม่ ที่ทำเพิ่มออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ครับซึ่งจะมีกี่เมนู อร่อยแค่ไหน น่าสนใจมั้ย เดี๋ยวมาติตตามกันครับกับ "Openrice Exclusive Dinner at Water Library" ครับ ร้าน Water Library Brasserie ตั้งอยู่ที่ ชั้น 5ของห้างสรรพสินค้า Central Embassyโดยที่ตัวร้านจะเน้นความสะดวกสบายในการรับประทานไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมายนัก ทานกันได้ทั้งครอบครัวมีโซนที่นั่งแบบต่าง ๆ จะมานั่งเดท นั่งคุยงานไปทานอาหารไปหรือจะมาเป็นกลุ่มแบบเพื่อนสนิทมิตรสหาย ก็เต็มที่ได้เลยครับแนวอาหารจะเป็นอาหารฝรั่งทางฝั่งฝรั่งเศส-อิตาเลียนเสิร์ฟมา
Read full review


รีวิวนี้ ได้รับเกียรติจาก Openrice Thailand และ

ร้าน Water Library Brasserie ให้มาลิ้มรสชาติ

อาหารเมนูใหม่ ที่ทำเพิ่มออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ครับ

ซึ่งจะมีกี่เมนู อร่อยแค่ไหน น่าสนใจมั้ย เดี๋ยวมาติตตามกันครับ

กับ "Openrice Exclusive Dinner at Water Library" ครับ
23 views
0 likes
0 comments
ร้าน Water Library Brasserie ตั้งอยู่ที่ ชั้น 5

ของห้างสรรพสินค้า Central Embassy

โดยที่ตัวร้านจะเน้นความสะดวกสบายในการรับประทาน

ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมายนัก ทานกันได้ทั้งครอบครัว

มีโซนที่นั่งแบบต่าง ๆ จะมานั่งเดท นั่งคุยงานไปทานอาหารไป

หรือจะมาเป็นกลุ่มแบบเพื่อนสนิทมิตรสหาย ก็เต็มที่ได้เลยครับ
9 views
0 likes
0 comments
13 views
0 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
8 views
0 likes
0 comments
10 views
0 likes
0 comments
10 views
0 likes
0 comments
แนวอาหารจะเป็นอาหารฝรั่งทางฝั่งฝรั่งเศส-อิตาเลียน

เสิร์ฟมาในภาชนะใหญ่และปริมาณเยอะ เพียงพอที่จะแบ่งกันทานได้

โดยเลือกจับคู่กับเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็นน้ำต่าง ๆ ทั้งแบบไม่แอลกอฮอล์

เช่นน้ำแร่จากแหล่งต่าง ๆ
13 views
1 likes
0 comments
หรือจะเป็นแอลกอฮอล์ตั้งแต่ cocktail เบา ๆ

ไปถึง beer, whisky และ wine คุณภาพเยี่ยมยอด

ก็เข้ากันอย่างดีครับ
14 views
0 likes
0 comments
12 views
0 likes
0 comments
8 views
0 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
7 views
0 likes
0 comments
7 views
0 likes
0 comments
ด้วยฝีมือของ Chef de cuisine มาาประสบการณ์อย่างเชฟ B

"ประพันธ์ สากลปัญญา" ที่มาถ่ายทอดและบรรเลงความอร่อย

ลงในเมนูแต่ละจานแล้วด้วยนั้น ทำให้อาหารทานได้เกลี้ยงจาน

อย่างง่ายดายเลยทีเดียวครับ
11 views
0 likes
0 comments
โดยผมขออุ่นเครื่องก่อนรับประทานอาหารจานใหม่

ด้วย Absolute Vodka Tonic (240 บาท) เย็นชื่นใจ

สดชื่น ๆ กันเต็มที่ครับ
10 views
0 likes
0 comments
13 views
0 likes
0 comments
ตามมาด้วย Complimentary ของทางร้าน

เป็นขนมปังมันฝรั่ง Potato Bread + Butter Truffle

ขนมปังกำลังอร่อย ทากับเนยกลิ่นหอมรสชาติเยี่ยม

ทำเอาหิวมากขึ้นไปอีกเลยครับ
9 views
0 likes
0 comments
9 views
1 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
จากนั้นทางร้านก็เริ่มเสิร์ฟเมนูใหม่ที่เชฟ B ได้รังสรรค์ขึ้นมา

เริ่มจาก Starter เป็น Ravioli of Lobster and Scallops (490 บาท)

เป็นแป้งราวิโอลี่(เกี๊ยวสไตล์อิตาเลี่ยน)สอดไส้ด้วยเนื้อกุ้งมังกร

และหอยเชลล์บดรวมกัน ราดมาด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล

และแต่งด้วยลีคอบกรอบ หน้าตาดี แถมรสชาติก็ดี

ซอสหอมเห็ดมีรสหวานของการนำ Port Wine มา Reduction

เนื้อกุ้งมังกรหั่นผสมลงในเนื้อหอยเชลล์ที่ถูกแป้งห่อไว้อย่างดี

ก็ทำได้เนียนมาก ๆ ทางร้านแนะนำให้ pairing กับ

ไวน์แดง Pinot Noir หรือไวน์ขาว Sauvignon Blanc จะเข้ากัน

กับอาหารจานนี้ครับ
16 views
0 likes
0 comments
10 views
0 likes
0 comments
7 views
0 likes
0 comments
10 views
0 likes
0 comments
ถัดมาเป็น Main Course ที่เป็นจานใหม่ถึง 3 จาน

ให้เลือกได้ 1 จาน แต่ Dinner มื้อนี้ไปกันหลายท่าน

เลยทำให้ได้ลองครบทั้ง 3 จานครับ

เริ่มจาก Lobster Pasta (690 บาท)

เป็นเส้นคาเพลลินี่พาสต้าผัดกับกุ้งมังกร พริกและโซริโซ่

เส้นลวกมาแบบ Al dente นำมาผัดกับเครื่องปรุง

และเนื้อกุ้งมังกรหั่นเต๋า หอมกระทะมาก ๆ รสชาติเยี่ยม

และปริมาณเยอะครับ

แนะนำให้ pairing กับ ไวน์ขาว หรือ พวกสปาร์คกลิ้งไวน์ครับ
11 views
0 likes
0 comments
8 views
0 likes
0 comments
11 views
0 likes
0 comments
25 views
0 likes
0 comments
ถัดมาเป็น Crispy Tasmanian Salmon (660 บาท)

เป็นสเต็กปลาแซลมอน ชิ้นปลาหั่นฟิลเล่ต์ไร้ก้างที่ผ่านการ

sous vide มาก่อนเพื่อให้ใช้เวลากับการกริลเป็นสเต็กน้อยลง

แต่คงความอร่อยของเนื้อปลาจากทัสมาเนียนได้เต็มที่

ชิ้นปลากริลด้านนอกให้สุกสีสวยกำลังดี เสิร์ฟพร้อมผักโขมผัดครีม

มันฝรั่งบดผสมเนื้อปู คู่กับครีมซอสมะเขือเทศรสชาติเยี่ยมครับ

แนะนำให้ pairing กับ ไวน์ขาว Chardonnay ครับ
8 views
0 likes
0 comments
7 views
0 likes
0 comments
จานสุดท้ายของ Main Course ใหม่ครับ เป็นเมนูที่ผมสั่ง

กับ Rack of Australian Lamb (890 บาท)

ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่างแบบ medium กำลังดีตามที่สั่งไป

กลิ่นสาปที่เป็นเอกลักษณ์ของแกะนั้น ขอบอกว่า

คุณจะไม่ได้กลิ่นสาปเลย เพราะเชฟ B หมักมาอย่างดี

แต่สัมผัสความนุ่มของเนื้อแกะนั้นยังคงอยู่ ใครที่ไม่ชอบกลิ่นสาป

ขอให้ลอง คุณจะติดใจจริง ๆ ซี่โครงแกะราดเพียงน้ำเกรวี่ก็อร่อยแล้ว

แต่เสิร์ฟมาพร้อมกับเห็ดและกะหล่ำผัดซอสมะกอกดำ

พอทานคู่กันกับเนื้อแกะแล้ว ก็อร่อยยิ่งขึ้นไปอีกครับ

แนะนำให้ pairing กับ ไวน์แดง Merlot หรือ Cabernet Sauvignon ครับ
8 views
1 likes
0 comments
11 views
0 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
แต่จานนี้ ผมลองหาเบียร์มา pairing ดู ก็เลยลอง

KAGUA JAPANESE Craft Beer (290 บาท)

ที่มีกลิ่นหอมอบอวล รสชาตินุ่มละมุน กับแอลกอฮอล์แค่ 8% เองครับ

เสิร์ฟมาในถังน้ำแข็งและแก้วของแบรนด์ตัวเองเลย
24 views
1 likes
0 comments
7 views
0 likes
0 comments
7 views
1 likes
0 comments
จบอาหารคาว ทางร้านก็เสิร์ฟของหวานเมนูใหม่

ชื่อว่า Chocolate Coupe (390 บาท)

เป็นไอศกรีมช็อคโกแล็ต และกล้วย ราดซอสช็อคโกแล็ต

เสิร์ฟพร้อมข้าวพองเคลือบคาราเมล เมอแรงค์ บราวนี่

เป็นเมนูของหวานแบบฝรั่งแนวรวมมิตรเลยครับ

สาว ๆ น่าจะถูกใจและลืมอ้วนไปได้ชั่วขณะครับ
13 views
0 likes
0 comments
10 views
0 likes
0 comments
9 views
0 likes
0 comments
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด ทางร้านได้นำของหวานขึ้นชื่อ

ก็คือ Tart Tartin (380 บาท) มาให้ทานกันอีกด้วยครับ

เป็น แอปเปิ้ลทาร์ตเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวนิลาเข้มข้น

รสชาติอร่อยลงตัว แอปเปิ้ลที่เชื่อมคาราเมลบนแป้งทาร์ต

ฟูกรอบอร่อย ทานกับไอศกรีมวนิลาเย็น ๆ สดชื่นปิดมื้อครับ
9 views
2 likes
0 comments
13 views
1 likes
0 comments
12 views
0 likes
0 comments
12 views
0 likes
0 comments
แล้วผมก็สั่งกาแฟมาดับรสหวานปิดท้ายสักแก้วครับ

กับ Espresso (90 บาท) กาแฟรสชาติกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวปลาย

ชอบเช่นกันครับ
11 views
0 likes
0 comments
10 views
0 likes
0 comments
สรุปแล้วอาหารแต่ละจานที่ได้ชิมลิ้มลองรสชาติ

ทั้งการตกแต่งจานก็ดี การผสมผสานของเครื่องปรุงต่าง ๆ

และกระทั่งตัววัตถุดิบหลักเอง ก็เป็นของดีทั้งนั้นเลยครับ

อย่าพลาดที่จะมาลองโดยเด็ดขาดนะครับ
17 views
0 likes
0 comments
สนใจสำรองที่นั่งหรือติดตามข่าวสาร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

http://www.waterlibrary.com/central-embassy/en/

www.facebook.com/waterlibrary

e-mail : embassy@waterlibrary.com

Tel : 0-2160-5893, 061-825-2532

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.

(ครัวเปิด 11.30 น. รับออเดอร์สุดท้ายเวลา 21.00 น.)

ขอให้มีความสุขเอร็ดอร่อยกับอาหารทั้งคาวหวานและเครื่องดื่มดี ๆ

กันให้เต็มที่นะครับ

Other Info. : เมนูใหม่ที่เริ่มลงในเดือนกรกฎาคม 2558 Starter 1 รายการ Main Course 3 รายการ และของหวาน 1 รายการ
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
Post
DETAILED RATING
Taste
Decor
Service
Hygiene
Value
Date of Visit
2015-06-29
Dining Method
Dine In
Spending Per Head
฿890 (Dinner)
Recommended Dishes
  • Ravioli of Lobster and Scallops
  • Lobster Pasta
  • Crispy Tasmanian Salmon
  • Rack of Australian Lamb
  • Chocolate Coupe
  • Tart Tartin