Read full review
2014-11-29
225 views
สาวเหนือบึ๊กมารุงรัง(ตอนดึกๆ)อีกรอบแล้วเน้อหลังเลิกงานเย็นนี่คงมีการไปดินเนอร์กันนอกบ้านเป็นแน่แต้...อิฉันก็เลยมาแนะนำร้านอาหารแนวมีทติ้งกันหลังเลิกงานกันไปเลย จะได้เข้า concept แบบ Casual Friday กิ๋นอะหยังแบบง่ายๆกัน ร้านนี่อยู่ด้านหลังซอยนิมมาน ซึ่งเป็นถนนย่านคิริมังคลาจารย์ (ด้านหลังโรงพยาบาลสวนดอกนั้นแล)ร้านนี่เป็นร้านบุพเพ่ต์สุกี้ที่เปิดมานานแถวย่านนี่แล้ว มีนามกรว่า...Sukinaร้านนี่ตั้งอยู่บนถนนมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นซอยด้านหลังโรงพยาบาลสวนดอก ที่มีหอพักนศ.แพทย์ หรือซอยก่อนถึงโรงหนังฟ้าธานี...แต่ถ้ายังไม่รู้จักอีก(สำหรับคนต่างถิ่น)ให้เริ่มต้นที่ถนนสายหลักย่านนิมมาน(ย่านนี่ยังไงคนต่างถิ่นต้องรู้จัก) ให้เลี้ยวรถเข้ามาที่นิมมานซอย 7 (หน้า
หลังเลิกงานเย็นนี่คงมีการไปดินเนอร์กันนอกบ้านเป็นแน่แต้...อิฉันก็เลยมาแนะนำร้านอาหารแนวมีทติ้งกันหลังเลิกงานกันไปเลย จะได้เข้า concept แบบ Casual Friday กิ๋นอะหยังแบบง่ายๆกัน ร้านนี่อยู่ด้านหลังซอยนิมมาน ซึ่งเป็นถนนย่านคิริมังคลาจารย์ (ด้านหลังโรงพยาบาลสวนดอกนั้นแล)ร้านนี่เป็นร้านบุพเพ่ต์สุกี้ที่เปิดมานานแถวย่านนี่แล้ว มีนามกรว่า...Sukina
ร้านนี่ตั้งอยู่บนถนนมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นซอยด้านหลังโรงพยาบาลสวนดอก ที่มีหอพักนศ.แพทย์ หรือซอยก่อนถึงโรงหนังฟ้าธานี...แต่ถ้ายังไม่รู้จักอีก(สำหรับคนต่างถิ่น)ให้เริ่มต้นที่ถนนสายหลักย่านนิมมาน(ย่านนี่ยังไงคนต่างถิ่นต้องรู้จัก) ให้เลี้ยวรถเข้ามาที่นิมมานซอย 7 (หน้าร้านมองบลังค์) ร้าน Sukina จะอยู่ทะลุซอย 7 นั้นแหละ เลี้ยวขวาเดินไม่ถึง 10 ก้าวก็เจอแล้ว(ตรงข้ามเป็น 7-11) แต่ถ้าใครนำรถยนต์มาด้วย ถ้าไม่อยากวัดดวงหาที่จอดรถข้างทาง ให้ไปจอดที่ลานจอดรถตรงข้ามร้าน Blar Blar Bar เค้ามีคอนเนคกับร้านนี่อยู่ นำบัตรจอดรถมาเป็นส่วนลดที่ร้านได้อีก...แต่ลดเท่าไหร่นี่ไม่ได้ถาม เพราะคุณเพื่อนที่สาวเหนือติดรถไปด้วย ดันเจอ Angle Parking (เป็นศัพท์ของนาง ว่าเจอที่จอดรถแล้ว)ที่จอดข้างทางปากทางเข้าซอยนั้นนั่นแหละ (ที่เป็นคล้านมินิมอลสวนเล็กๆ เคยมีร้านเสื้อผ้าตั้งอยู่ แต่เจ๊งไปเยอะ ปัจจุบันเหลือแต่ร้านขนมขายส่ง-ซื้อกลับบ้าน)เลยไม่ได้ใช้ส่วนลดจากบัตรที่จอดรถซะงั้น
Sukina เป็นร้านมีโลโก้เป็นการ์ตูนนักซูโม่ถือหม้อสุกี้ ด้านหลังอาทิตย์อุทัยสีแดง บ่งบอกแล้วว่าร้านนี่เน้นสุกี้ญี่ปุ่น...เป็นร้านที่สาวเหนือเห็นผ่านไปผ่านมาตั้งหลายรอบ ไม่แน่ใจว่าเปิดมาแค่ไหน น่าจะเกิน 5 ปี ไม่น่าเกินทศวรรษ เป็นร้านที่เปิดนานกว่าในบรรดาร้านรวงย่านนิมมานที่หลังๆโยกย้ายเปลี่ยนที่หรือล้มหายตายจากไปเยอะ แต่ก็ยังเห็น Sukina อยู่ดีมีสุขหลายปี...แสดงว่าร้านน่าจะอร่อยลำเป็นแน่แต้ เพราะขนาดเป็นร้านห้องแถวเดียว ที่จอดรถก็จอดรถได้แค่คันเดียว(ไม่แนะนำให้จอดรถใหญ่ เพราะถนนคิริมังคลาจารย์แคบแถมสองเลนอีก จอดได้อย่างดีก็รถเครื่อง(มอเตอร์ไซค์)(แต่ถ้าจะนำรถมาจอดจริงๆ ให้โทรจองโต๊ะล่วงหน้าสักวัน ร้านจะจองที่จอดไว้ให้)ดูทำเลอะไรก็ไม่อำนวย...แต่ยังมีคนดั้นด้นหาที่จอดมากินจนได้อ่ะนะ...แสดงว่าต้องมีดีเข้าข่ายให้อิฉันไปเก็บข้อมูลรีวิวนี่แล (ขนาดร้านเปิดมาหลายปี ยังไม่มีโอกาสไปลองของ คิดดูล่ะกัน...นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกเลย)
สาเหตุที่ได้ไปรีวิว เพราะเป็นช่วงหลังเลิกงานของสาวเหนือ และเพื่อนสาวอีกสองนางก็ว่างเวลานั้นพอดี (ส่วนใหญ่จะไปกินข้าวกันวันหยุด)แต่พอดีวันเสาร์อิฉันจะดูเซเลอร์มูนทางเน็ต ที่จะฉายตอนวันเสาร์ เลยนัดมาดินเนอร์กันเย็นศุกร์จะสะดวกกว่า (เหตุผลแค่เนี้ย!)
ร้านจะเปิดทุกวัน วันละสองรอบตั้งแต่ 11.00-14.00 น.(มื้อกลางวัน) และ 16.00-23.00 น.(มื้อบุพเพ่ต์) แต่มื้อเย็นช่วงวันศุกร์-เสาร์ คนจะแน่นร้านกว่า ด้านนอกมีส่วน Outdoor บนสนามหญ้าขนาดครึ่งนึงของร้าน เหมาะกับลูกค้าที่จะสูบบุหรี่ด้วย ส่วนใหญ่ขี้เหล้าหลวงจะนั่งโซนนี่มากกว่าด้านใน มีที่นั่งประมาณ 4 โต๊ะ (โต๊ะละ 4 เก้าอี้) ส่วนด้านในจะเป็นห้องติดแอร์(ไม่หนาวมาก)และเป็นที่ตั้งของอาหารบุพเพ่ต์นั้นแล บรรยากาศเหมือนทาวเฮาส์เอามาเปิดเป็นร้านอาหาร ไม่ได้เป็นอาคารที่ตั้งใจทำเป็นร้านอาหารโดยเฉพาะ เหมือนออกแนวโฮมเมด ไม่ได้ยิ่งใหญ่แบบพวกร้านสุกี้แฟรนไชน์
ด้านในมีพื้นที่เยอะกว่าด้านนอก โต๊ะประมาณ 10 ตัว บรรยากาศสบายๆเหมือนกินข้าวที่บ้าน รับจัดงานเลี้ยงยังได้เลย เก้าอี้ด้านในมีพนักพิง นั่งเอนหลังสบายกว่าโต๊ะด้านนอกที่ไม่มีพนักพิงและเมื่อยตูดกว่า มีภาพวงลกมสีดำลายพู่กันบนพื้นขาว ตบแต่งให้เป็นธีมแบบญี่ปุ่น... ส่วนหม้อสุกี้ของทีนี่ใช้เตาไฟฟ้า มิได้ใช่เตาแก๊สแต่อย่างใด เมื่อได้โต๊ะแล้ว เราก็มาดูกันว่า ทางร้านมีเมนูอะไรกันบ้าง...ร้านนี่เปิดตั้งแต่ 11.00 โมง แสดงว่ามีบริการอาหารกลางวันแบบสั่งเป็นชุดเซทมา บนฝาผนังของร้าน มีเมนูพวกอาหารตามสั่งติดไว้ให้เลือกชม ส่วนใหญ่จะเป็นพวกชุดข้าวกับชุดราเมน-อุด้ง ราคาแลดูเป็นมิตรกับกระเป๋าพอสมควรควรครัช มื้อกลางวันไม่เกิน 100 บาท...แต่พวกซูชิ มากิ ซาซิมิก็มี (ซาซิมิแซลมอน 139 บาท ทูน่า 149 บาท และแพงสุดคือรวมสองอย่าง 159 บาท)
มาดูเมนูบุพเพ่ต์มื้อเย็นกัน ราคาบุพเพ่ต์จะมีสองราคา ราคาแรกอยู่ที่ 259 บาท ส่วนราคาสุดท้ายอยู่ที่ 399 บาท จะได้พวกเมนูทะเลเพิ่มเติมจากชุดแรก เช่น หอยแมงภู่ หอยเชลล์ และพวกอาหารญี่ปุ่นอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ยำสาหร่าย เกี๊ยวซ่า ทาโกยากิ ฟรีเมียมซูชิ ซึ่งถ้าเลือกแบบหลัง ต้องออร์เดอร์สั่งกันที่หน้าเคาน์เตอร์เอา เพราะไม่มีบุพเพ่ต์พวกนี่วางกับโต๊ะที่วางบุพเพ่ต์ธรรมดา...2 ราคาบุพเพ่ต์นี่ไม่รวมเครื่องดื่มนะค่ะ เครื่องดื่มจะเป็นรีฟิลที่ 39 บาท
สาวเหนือแอนด์เดอะแก๊งส์ขอเลือกบุพเพ่ต์ราคาแรกค่ะ เพราะเป็นพวกกินน้อยด้วย (ทำรีวิวมาจะเข้าปีที่ 5 สมรรถภาพในการกินเริ่มลดลงตามประสาคนแก่เริ่มกินอะไรไม่ได้เยอะ) เดี๋ยวถ้าอยากกินอะไรทะเลแล้วสั่งแยกราคาดีกว่า
เมื่อตกลงเลือกบุพเพ่ต์ได้แล้ว ก็ได้เวลาลู่กันไปตักอาหารได้แล้วสูเขา
ตอนแรกสาวเหนือค่อนข้างผิดหวังในคำว่าบุพเพ่ต์สักหน่อย เพราะคำๆนี่มันสร้างความอลังการในหัวก่อนมาเลยว่า ต้องเป็นพวกถาดอาหารที่มีเยอะๆแบบใส่ถาดเหล็กมาวางเต็มโต๊ะ...แต่มาถึงร้านนี่ กลับเป็นแนวอาหารใส่ถ้วยชามใหญ่ๆแบบแนวบ้านๆโฮมเมดจริงๆ บางชิ้นก็ใส่ชามโต แต่บางอย่างที่มีเนื้อเหลวๆอย่างเต้าหู้ หมูปั้น ก็จะแยกใส่เป็นถาดสี่เหลี่ยมเล็ก บางเมนูใส่ในจานแบนมา บรรยากาศออกเป็นแนวมากินสุกี้แบบเตรียมกินกันเองในบ้านจริงๆแฮะ ภาษาเหนือเปิ้นคงฮ้องว่า ซะป่ะอย่าง (ไม่ใช่ปลาซาบะย่างแต่อย่างใด) ตอนที่อิฉันไปทำรีวิว มีลูกค้าอยู่พอสมควร ทำให้ต้องรีบไปหยิบไปตักอาหารอย่างเร็ว เพราะวัตถุดิบบางอย่างทางครัวทยอยทำมา วางปุ๊บหยิบปั๊บกันเลย อย่างพวกหมูสไลค์(วัตถุดิบนางเอกเลย ที่เอาไว้จุ่มส่ายในหม้อสุกี้) กับปลาไข่ย่างโทริยากิ หยิบเกือบไม่ทัน ยิ่งถ่ายรูปไม่ต้องพูดถึง ถ้าไม่รอจังหวะคนเยอะ ก็ต้องรีบถ่ายกันเลยทีเดียว (ในภาพ ซาบะย่างเหลือจานเดียว) เมนูท้ายสุดที่กว่าจะเอาออกมาเสิร์ฟได้ คือข้าวผัดกระเทียม กับ ไก่ย่างเทอริยากิ (นางเอกของร้านนี่) เรียกว่าตอนรอนี่เกือบอิ่มสุกี้กันไปแล้ว แต่ก็คุ้มที่รอคอย ข้าวผัดกระเทียมแฉะเป็นก้อนนิดหน่อย แต่รสชาติเลิศหอมมันเนย ส่วนไก่นั้นก็ชิ้นพอดีคำ ย่างสุก แต่รู้สึกน้ำซอสหวานไปหน่อย...สองเมนูนี่นี่แขกแทบจะกรูกันหยิบเลย อิฉันเลยต้องรีบหยิบเอามาถ่ายที่โต๊ะตัวเองก่อน ไม่งั้นหมด แล้วต้องรออีกเมื่อไหร่ไม่รู้กว่าจะมาเสิร์ฟเพิ่มเติม (น่าเห็นใจว่าในครัว มีเชฟแค่ 2-3 คนอ่ะนะ) แต่เมนูลิมิเต็ดอิดิชั่นจริงๆ กลับเป็นของหวาน วันที่สาวเหนือไปรีวิว ของหวานวันนั้นเป็นวุ้นหวานเย็นทำเป็นรูปเป็ด สาวเหนือถ่ายมาตอนที่ยังไม่มีคนหยิบไปกิน เลยรูปออกมาสวย...แต่พอกินสุกี้เสร็จ จะเจี๊ยะของหวานต่อ...ดันกลายเป็นว่าหมดแล้วหมดเลย ไม่มีเติม คาดว่าแขกโต๊ะอื่นก็คงกลัวหมดเหมือนกัน เลยหยิบกันไปไว้ที่โต๊ะก่อน อิฉันเลยอดรีวิวเมนูนี่เลยอ่ะ ส่วนเครื่องดื่มรีฟีลที่ว่า เริ่มจากเครื่องดื่มเย็น (ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับคนไทยที่นิยมดื่มน้ำเย็นมากกว่าน้ำร้อน)มีชาให้เลือก 3 แบบคือ ชาเขียว ชามะลิ ชามะนาว ส่วนน้ำเปล่านั้นไม่แน่ใจว่าฟรีไหม กับมีพวกเบียร์(อันหลังนี่คงไม่นับเป็นรีฟีลหรอกนะ)วางไว้โต๊ะใกล้พวกบุพเพ่ต์ จะมีพนักงานมาเสิร์ฟให้บ้างไม่สม่ำเสมอ (พนักเสิร์ฟมีน้อยอีก ด้านในมีเสิร์ฟ 3 คน ด้านนอกนี่มี 2 คน ถ้าวันไหนลูกค้าเยอะ บริการอาจจะช้า แต่ถ้าใครไม่วอรี่เรื่องนี้ บริการด้วยตัวเองจะเร็วกว่า) ส่วนพวกเครื่องดื่มร้อนก็มี อย่างพวกชาใส่กา หมดก็เติมน้ำร้อนเอา
ได้เวลามาเจี๊ยะกันแระ เนื่องด้วยว่าโต๊ะค่อนข้างเล็กไปหน่อย เลยวางวัตถุดิบได้ไม่เยอะพอแบบที่ภาพรีวิวหลายร้านชอบเอาอาหารมาวางสุ่มๆรอบโต๊ะอ่ะนะ เลยได้ภาพประมาณนี่ หาใช่บุพเพ่ต์ร้านเค้ามีน้อยนะเออ พนักงานจะเสียบหม้อไฟฟ้าให้ จากนั้นจะเหยาะเนยกับหอมหัวใหญ่ซอยลงไป สักพักก็ใช้ช้อนไม้คนให้ทั่วก้นหม้ออย่างรวดเร็ว(ขนาดสปีคกล้องอิฉันยังจับไม่ทัน ไอ่ตอนที่หม้อกำลังอุ่นๆนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเทน้ำซุปสุกี้ดำ (น้ำซุปมีส่วนผสมของผงปลาแห้ง สาหร่าย โชยุ มิริน..อันนี้ทำการบ้านมาก่อน โดยการไปอ่านรีวิวร้านในนิตยสารฟรีก็อปปี้มา)ลงไปเท่านั้นแหละคุณเอย กลิ่นเนยกระจายแบบแรงเหม็นสุดๆ ทำให้อิฉันเกือบเป็นลม จนเด้งออกจากเก้าอี้เลย เพราะรู้สึกเหม็นมากๆ แต่เพื่อนสาวสองนางมองอิเพื่อนงงๆว่า เมิงจะเยอะไปไหน วันนี้อิฉันถึงได้ประจักษ์แล้วว่า ตัวเองไม่ชอบกลิ่นเนยที่มันแรงจนเหม็นแบบนี้(เคยไปกินคาโบเนร่าร้านนึง กลิ่นเนยแบบนี้เลย จนคิดว่าอาหารมันบูดหรือเปล่า) แต่สักพักกลิ่นก็เริ่มอ่อนลง...แต่รสชาติของน้ำสุกี้นั้น...อร่อยแฮะ กลมกล่อม เค็มหวานหอมลงตัวกำลังพอดี ซดซุปได้เลย ทั้งที่ปกติเคยได้ยินเพื่อนเล่าว่า สุกี้ญี่ปุ่นไม่ค่อยดื่มน้ำซุปกัน เพราะรสจะเค็มพวกนำเนื้อไก่ลงไปต้ม ใช้น้ำซุปแค่แกว่งๆลวกเนื้อให้สุกเป็นพอ เพราะเคยไปกิ๋นสุกี้ของร้าน Takayama ในนิมมาน 9 น้ำซุปนั้นเค็มปี๋ ซดไม่ได้...แต่น้ำซุปของ Sukina นี่สามารถซดน้ำได้ด้วยเลย ส่วนวิธีกินนั้น จะกินแบบญี่ปุ่น คือตอกไข่ดิบใส่ถ้วย แล้วเอาเนื้อลวกมาจิ้มก็ได้ ที่นี่มีไข่ให้เป็นลังเลย...แต่ถ้าชอบกินแบบไทย ก็มีน้ำจิ้มสามอย่าง คือ โชยุ ซีฟู้ด แต่ที่สาวเหนือชอบคือ น้ำจิ้มสีขาวคล้ายครีมสลัดแต่เหลวกว่า รสชาติหวานกำลังพอดี ชอบน้ำจิ้มร้านนี่เลย บุพเพ่ต์มื้อนี่มีรวมพวกข้าวปั้น มากิ ด้วยนะครัช รสชาติก็ใช้ได้ (กินแทนของหวานที่หมดไปแระ) สรุปโดยรวม เพื่อนสาวสองนางที่ไปด้วยกัน ยกนิ้วให้เป็นเอกฉันท์เลยว่า ลำแต้ลำว่า โดยเฉพาะน้ำซุป จุ่มกินก็ได้ ซดดื่มก็อร่อย (เสียงของสาวเหนือก็ว่าอร่อยนะ แต่อยากฟังเสียงอีกสอง จะได้ตัดสิน) ยิ่งร้านนี่มีเห็ดเยอะกว่าผัก พวกเห็นออริจินนี่กินกับซุปแล้วสุดยอด โต๊ะอิฉันนี่แทบจะเหมาเห็ดไปใส่ซุปกันแทบล้นหม้อ ยิ่งใส่ข้าวโพดหวานใส่ซุปก็ยิ่งอร่อย เนื้อก็หั่นบางดีเหมือนกินซาบูเด๊ะๆ ของอาจแลดูมีน้อยหน่อย แต่ขนาดพวกอิฉันสั่งแบบบุพราคาถูก ก็กินอิ่มหลับสบายกันแระ คิดดีแล้วที่ไม่ได้สั่งบุพพ์ราคาแพง เพราะกลัวอิ่มเร็วแล้วไม่คุ้มซะงั้น...อีกอย่างคือ อิฉันชอบเตาไฟฟ้านะ เพราะแลดูปลอดภัยกว่ามีถังแก๊สมาวางข้างๆอีก (เป็นพวกกลัวถังแก๊สระเบิดขึ้นสมอง)
ส่วนข้อด้อยของร้านก็คงจะเรื่องการเสิร์ฟวัตถุดิบที่แลดูยังช้าไป เพราะบางวัตถุดิบก็มีล้นโต๊ะบุพเพ่ต์แล้ว น่าจะรีบเสิร์ฟตัวที่ยังขาดไปจะดีกว่า เช่น ข้าวผัด ไก่เทอริยากิ เพราะกว่าอิฉันจะได้กินนี่รอสัก 30 นาทีเลย ใครเป็นประเภทชอบกินเยอะๆ แนะนำให้นั่งในร้านดีกว่า เดี๋ยวเดินมาหยิบไม่ทัน เพราะอิฉันก็พลาดของหวานไปแระ
เรื่องเครื่องดื่มอยากให้ราคารวมกับบุพเพ่ต์ไปเลย เพราะพวกร้านหมูกะทะที่ราคาถูกกว่าเค้าก็รวมราคาเครื่องดื่มไปแล้ว ไม่น่าคิดแยกอีก...โลเกชั่นก็ยังเป็นปัญหาในการหาที่จอดรถ
ข้อเสียอีกอย่างคือ ชักโครกในห้องน้ำกดลงไม่พอดี สาวเหนือไปเข้าหลักเช็คบิลแล้วเจอแจ็คพ็อตของคนก่อนเข้า ดีนะเนี่ยว่ากินเสร็จแบ้ว
...ส่วนพนักงานน้อยนี่ไม่วอรี่มาก ถึงน้อยก็ดูกระตือรือร้นในการบริการ เป็นมิตรกับลูกค้า (เห็นในแฟนเพจของร้านกำลังประกาศรับสมัครพนักงานเสิร์ฟเพิ่มด้วย) ใครมาร้านแนวนี้ ต้องบริการตัวเองในระดับนึงนะครัช
Sukina จะมีโปรโมชั่นทุกเดือนนะครัช อย่างเดือนนี่จะเป็น มา 4 จ่าย 3 ลองสอบถามและจองโต๊ะกับร้านไว้ก่อนได้กันเหนียว เดี๋ยวไม่มีโต๊ะนั่งเน้อ ดูรายละเอียดได้ในแฟนเพจนี่เลยจร้า
Other Info. :
ร้านไม่มีที่จอดรถ อาจต้องโทรจองที่จอดรถหน้าร้านไว้ แต่ถ้าจองไม่ได้ ต้องวนหาที่จอดรถเอง หรือไม่ก็เข้าไปจอดรถที่ตรงข้ามร้าน Blar Blar Bar (เสียค่าที่จอด 50 บาท/คัน/ครั้ง) บัตรจอดรถนำมาใช้เป็นส่วนลดได้
เนื่องจากเชฟมี 2-3 คน ทำให้การเสิร์ฟวัตถุดิบช้า ส่วนขนมหวานมีจำนวนจำกัด ไม่มีเติม
(The above review is the personal opinion of a user which does not represent OpenRice's point of view.)
Post