...เมนูอาหารไทยโบราณ...

เมื่อถามว่า คุณรู้จักเมนูอาหารไทยโบราณอะไรบ้าง?...คุณต้องใช้เวลาคิดนานสักเท่าใด

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักเมนูอาหารไทยโบราณเท่าไหร่นัก วันนี้จึงขออาสานำทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปเปิดสำรับตำรับเมนูอาหารไทยโบราณอันลือชื่อ รสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้น ซึ่งเมื่อใครได้ลองชิมจะต้องหลงใหลตลอดกาล

อย่างเมนูแรก ขอเปิดสำรับ “พระรามลงสรง” อาหารไทยโบราณที่แม้จะหาทานได้ยาก แต่ก็ยังคงพอหาทานได้บ้างในปัจจุบัน พระรามลงสรงเป็นอาหารจานเดียวที่ดัดแปลงมาจากอาหารแต้จิ๋ว “ซาแต้ปึ้ง” ประกอบไปด้วยข้าวสวยหุง แล้วโปะหน้าด้วยผักบุ้งลวกสุก และเนื้อหมูลวกหั่นชิ้น จากนั้นราดด้วยน้ำสะเต๊ะ น้ำพริกเผา และบีบน้ำมะนาวลงไปเป็นลำดับสุดท้าย

สาเหตุที่เรียกเมนูนี้ว่า "พระรามลงสรง" เพราะสีเขียวของผักบุ้งเหมือนสีผิวของพระรามในวรรณคดีไทย และการที่นำผักบุ้งลงไปลวกในน้ำเดือด เหมือนกับการที่พระรามลงสรงน้ำนั่นเอง

ความอร่อยของพระรามลงสรงอยู่ที่น้ำสะเต๊ะที่ราด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่า จะชอบเข้มข้น เผ็ด หรือหวานมากน้อยแค่ไหน แต่ที่สำคัญถั่วที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมของน้ำสะเต๊ะจะต้องสดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน เพราะจะทำให้พระรามลงสรงเสียรสชาติ หมดความอร่อยไปทันที

พระรามลงสรง รับประทานกับน้ำพริกเผาหรือเติมพริกชี้ฟ้าสดเพิ่มรสชาติ

อีกหนึ่งเมนูสุดฮิตที่ยังคงหาทานได้ในปัจจุบันก็คือ “หมี่กะทิ” หรือเรียกอีกอย่างว่า “หมี่สยาม” ถือเป็นเมนูอาหารว่างไทยโบราณที่นิยมทำขึ้นในงานบวช งานบุญต่างๆ ตามความเชื่อที่เปรียบเส้นหมี่ที่เป็นเส้นยาวๆ จะทำให้มีช่วงชีวิตที่ยาวและรุ่งเรืองนั่นเอง เคล็ดลับความอร่อยของอาหารจานนี้ นอกจากจะต้องลวกเส้นให้นุ่มกำลังดี ไม่เละจนเกินไปแล้ว น้ำกะทิที่นำมาผัดจะต้องแตกมัน ปรุงให้กลมกล่อมครบรสชาติทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยวอย่างเท่าเทียมจากน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะขามอีกด้วย

หมี่กะทิ

สุดยอดอาหารไทยโบราณอีกเมนูที่ควรได้ลิ้มลองสักครั้งในชีวิตก็คือ “แกงรัญจวน” ที่แค่ได้ยินชื่อก็ชวนให้อยากชิมเสียแล้ว เมนูนี้คิดค้นและตั้งชื่อโดยหม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อน สิงหรา ดัดแปลงจากการนำเนื้อที่เหลือจากสำรับของเจ้านายพระองค์ต่างๆ ที่มักจะเสวยพระกระยาหารอย่างละนิดละหน่อย แล้วนำมาปรุงรสเป็นแกงสูตรใหม่ โดยเพิ่มน้ำพริกกะปิรสจัดทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวานลงไปปรุง พร้อมใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าแดงหั่นซอย จึงทำให้แกงสูตรใหม่นี้มีกลิ่นหอมรัญจวนชวนหิวเป็นอย่างยิ่ง

แกงรัญจวน

อีกเมนูยำชื่อแปลก “แสร้งว่า” จัดเป็นหนึ่งในอาหารชาววังที่มีหน้าตาคล้ายกับพล่ากุ้ง แต่มักใช้กุ้งที่ย่างหรือลวกจนสุก เอกลักษณ์ของน้ำยำจะอยู่ที่กลิ่นหอมนำของมะกรูดและตะไคร้ คลุกเคล้ากับผักชนิดต่างๆ บางสูตรอาจใส่น้ำเคยกุ้งหรือกะปิเพื่อเพิ่มความหอม มักทานคู่กับเครื่องแนมชั้นเลิศอย่างหมูหวานหรือปลาดุกฟู

แสร้งว่ากุ้ง รับประทานกับผักสดหรือผักต้ม

เมนูสุดท้ายที่อยากแนะนำคือ “หมูโสร่ง” อาหารว่างหน้าตาน่าทาน รสชาติแสนอร่อย แม้จะมีส่วนผสมไม่มาก แต่ต้องอาศัยความพิถีพิถัน และใจเย็นในการทำค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะต้องนำหมี่ซั่วลวกสุกมาพันรอบหมูสับปรุงรสที่ปั้นเป็นก้อนทีละเส้นให้คล้ายลูกตะกร้อ แล้วนำไปทอดในน้ำมันพอท่วม ใช้ไฟอ่อนๆ พอเส้นหมี่ซั่วเหลืองกรอบให้ยกขึ้นสะเด็ดน้ำมัน แล้วเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มปอเปี๊ยะหรือน้ำจิ้มทอดมัน แกล้มด้วยอาจาด ก็จะได้หมูโสร่งรสชาติเด็ดอย่าบอกใคร

หมูโสร่ง

Cr.Pic: twitter.com/tutor_tom/status/539658820666941440

เสน่ห์อาหารไทยโบราณ นอกจากจะมีหน้าตาน่าทาน แฝงไว้ด้วยความประณีต ละเมียดละไมในทุกขั้นตอนแล้ว ยังมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่หาอาหารชาติใดเสมอเหมือนได้ สุดสัปดาห์นี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปทานอาหารไทยกันบ้างนะคะ เพราะความสุขอร่อยล้ำอาจนำพาคุณหลงใหลอาหารไทยไปอีกแสนนาน