ดำแต่มีประโยชน์ ใครว่าถุงหมึกต้องตัดทิ้ง?? (พร้อมสูตรอาหาร)
2018-03-19

..หมึกดำจากหมึก ดำแต่กินได้..

หมึกตัวสวยๆ ที่นำมาต้ม ผัด ย่าง หรือแม้แต่ชุบแป้งทอด ก็กลายเป็นอาหารที่อร่อยอย่าบอกใครเลยเนื่องจากมีความหวานเฉพาะตัว จะทำเมนูหมึกให้อร่อยทั้งที ก็จะนิยมใช้หมึกตัวอ้วนๆ ขาวๆ เพื่อให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น วันนี้ OpenRice ไม่ได้มาพูดถึงเรื่องหมึกสีขาวชวนกิน แต่จะมาพูดถึงความอร่อยอีกหนึ่งอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวหมึกที่ทุกคนมองข้ามไป ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย

หมึก ไม่ได้อยู่ในกุล่มของปลา แต่เป็นสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลัง จึงอยู่ในประเภทเดียวกันกับหอย ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าไฟลัมมอลลัสกา (Mollusk) มีตั้งแต่ขนาดเล็กที่เรียกว่าหมึกแคระ ไปจนถึงขนาดใหญ่หลายสิบเมตรที่เรียกว่าหมึกยักษ์ หมึกจะกินสัตว์ในทะเลที่มีขนาดเล็กกว่าตนเองเป็นอาหาร ทำให้ตัวหมึกนั้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกายสูง นอกจากนี้ยังมีไขมันและวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง และไนอะซิน

หมึกนั้นนิยมนำเนื้อส่วนตัวมาปรุงอาหารเสียเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือส่วนของหนวดหมึก แต่อีกส่วนที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้ นั่นคือ น้ำหมึก (Cephalopod ink) นั่นเอง

น้ำหมึก (Cephalopod ink) เป็นของเหลวที่ผลิตโดยหมึก ซึ่งในน้ำหมึกนั้น ประกอบไปด้วยสารจำพวกคาร์โบไฮเดรตกลุ่มโพลีแซคคาไรค์ (Polysaccharide) มากถึงร้อยละ 51.2 เปอร์เซ็น สารให้สีร้อยละ 30.8 เปอร์เซ็น และโปรตีนชนิดเปปไทด์ (Peptides) ร้อยละ 17.8 เปอร์เซ็น ซึ่งโดยปกติแล้ว น้ำหมึกนั้นใช้พ่นเพื่อไล่ศัตรูที่มารุกราน ทำให้เกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ หรือพ่นเพื่อใช้พรางตัว แต่ในประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน และประเทศในแถบยุโรป นิยมนำน้ำหมึกมาใช้เป็นยารักษาโรค โดยมีการค้นพบว่า น้ำหมึกมีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และมีผลกับการหลั่งของน้ำย่อยอีกด้วย (อ้างอิงจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, ปลาอาหารคู่ชีวิต)

ดังนั้น น้ำหมึกสีดำจึงเป็นอีกส่วนนึง ที่ถูกนำมาใช้ในผสมในอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันขึ้น เช่น สปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำ ซอสครีมหมึกดำ พิซซ่าญี่ปุ่นหมึกดำ ข้าวผัดดำของทางประเทศสเปน ที่หน้าตาคล้ายกับกระยาสารทของไทยเรา และในประเทศไทยในแถบติดทะเลนั้น มักนิยมทำหมึกผัดน้ำดำ และหมึกต้มหวาน พูดชื่อเมนูอาหารมากันขนาดนี้ OpenRice ก็ไม่ลืมจะนำสูตรอาหารมาฝาก ให้ลองนำน้ำหมึกมาทำอาหารกัน


สปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำ

ส่วนผสม 

● เส้นสปาเก็ตตี้ 100 กรัม

● หมึกกระดอง 100 กรัม

● หัวกุ้ง 10 กรัม

● เนย 1 ช้อนชา

● ไวน์ขาว 1 ช้อนโต๊ะ

● พาสลี่ย์ 5 กรัม

● กระเทียมสับหยาบ 30 กรัม

● พริกแห้ง 4 กรัม

● น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

● เกลือ 2 กรัม

วิธีทำ

1.ใส่น้ำมันมะกอกและผัดกระเทียมสับหยาบกับพริกแห้งให้เหลืองหอม แล้วตามด้วยหมึกกระดอง (ที่แยกถุงหมึกออกแล้ว) และเติมไวน์ขาวลงไป ผัดให้เข้ากันแล้วพักไว้

2.ผัดเนยกับกระเทียมและหัวกุ้ง เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ เสร็จแล้วนำน้ำหมึกดำลงไปผัด ใส่หมึกที่ผัดกับกระเทียมและพริกแห้งที่พักไว้ใส่ตามลงไป ผัดทุกอย่างให้เข้ากันแล้วปรุงรสด้วยเกลือ

3.ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุกลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามใจชอบ แล้วจัดใส่จาน ตกแต่งด้วยพาสลี่ย์ พร้อมรับประทาน


หมึกต้มหวาน

ส่วนผสม

● หมึกกล้วย 500 กรัม

● รากผักชี กระเทียม พริกไทย (สามเกลอ) 30 กรัม

● น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

● น้ำตาลปี๊บ 20 กรัม

● เกลือป่น 1 ช้อนชา

● น้ำสต็อก 200 มิลลิลิตร

วิธีทำ

1.นำสามเกลอไปลงไปผัดให้หอม เสร็จแล้วนำหมึกกล้วยลงไปผัด ให้กลิ่นหอมออก เติมน้ำสต็อกลงไปแล้วตามด้วยน้ำตาลปี๊บ

2.เคี่ยวให้พอน้ำตาลปี๊บละลาย ปรุงรสด้วยน้ำปลาให้มีกลิ่นหอม และปรุงเกลือให้รสนวลนิดๆ เคี่ยวต่อประมาณ 15 นาที จนเดือด หมึกดำจะออกมาให้สี ยิ่งเดือดเท่าไหร่สียิ่งเข้ม เสร็จแล้วตักใส่จานเสิร์ฟ พร้อมรับประทาน


  

ดูบทความ Food Tips อื่นๆ ได้ที่นี่

 

Keyword
ปลาหมึก
หมึก
หมึกดำ
ถุงหมึกดำ
สปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำ
หมึกต้มหวาน
หมึกสด
OpenRice TH Editor