ข้าวกล่องและอาหารแช่แข็ง อาหารสุดฮิต เวฟแล้วทานเลย ง่ายใน 3 นาที ทางเลือกใหม่ของสังคมยุคเร่งรีบ ซึ่งวิธีการถนอมอาหารด้วยการแช่แข็งนี้ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการบริโภคในปัจจุบันไปแล้ว แต่จะมีกรรมวิธีอย่างไร สะอาด ปลอดภัย คงคุณค่าอาหารไว้ได้หรือไม่ หรือเป็นแหล่งแฝงตัวของโรคร้ายอย่างมะเร็งตามที่เป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ วันนี้ OpenRice มีข้อมูลมานำเสนอค่ะ
ด้วยวิถีของคนในสังคมปัจจุบัน ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะต้องเร่งรีบ ตั้งแต่รีบตื่นนอน รีบออกจากบ้าน รีบทานข้าว รีบเดิน รีบทำงาน จนกระทั่งรีบกลับบ้าน รีบนอน ทำให้ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลายอย่าง เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงเวลาเร่งรีบของแต่ละคน
อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมทาน ready meal หรืออาหารกล่อง frozen food เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนในปัจจุบัน เพราะสะดวก รวดเร็ว หาซื้อง่าย และมีเมนูมากมายให้เลือกทำให้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกเพศ ทุกวัย และทุกอาชีพ หันมาบริโภคอาหารแช่แข็งกันเพิ่มมากขึ้น
คนไทยติดอันดับโลก บริโภคอาหารแช่แข็ง
จากบทความ ”ส่องพฤติกรรมการบริโภคในยุคโลกาภิวัฒน์…ธุรกิจที่ต้องตอบโจทย์มากกว่าแค่อิ่มท้อง” ของธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุการสำรวจของบริษัท A.C. Nielsen เกี่ยวกับตัวเลขการบริโภคอาหารพร้อมทาน หรือข้าวกล่องแช่แข็งของไทย พบว่า คนไทยเลือกบริโภคอาหารแช่แข็งมากกว่าทำ อาหารทานเองติดอันดับต้น ๆ ของโลก จากข้อมูลล่าสุดในปี 2013 พบว่า มูลค่าตลาด ready meals ของไทยอยู่ที่ราว 5.3 พันล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณปีละ 8% แสดงให้เห็นว่า การทานอาหารแช่แข็งกลายเป็นค่านิยมสะดวกซื้อที่กำลังฝังตัวอยู่ในสังคมไทย
กรรมวิธี แช่แข็งอาหาร
การแช่แข็งอาหารถือเป็นการถนอมอาหารโดยใช้ความเย็น ด้วยอุณหภูมิ -18 ถึง -20 องศา ซึ่งจะช่วยชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ที่จะไปทำให้อาหารเน่าเสีย แถมยังช่วยลดปฏิกริยาของเอ็นไซม์ ในการคงสภาพคุณค่าของอาหารไว้ได้นานยิ่งขึ้น ในกระบวนการทำอาหารแช่แข็ง อย่างเช่น เนื้อสัตว์และอาหารทะเลแช่แข็ง จะมีสารประกอบตัวหนึ่งที่ชื่อ ฟอสเฟต ที่ถูกนำ มาใช้ในการแช่แข็งในอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง โดยการนำ สารกลุ่มโพลีฟอสเฟตเข้ามาใช้จุ่มเคลือบผิวของอาหารก่อนนำไปแช่แข็ง เพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำหนักและป้องกันกลิ่นหืน ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า ถ้าเคลือบในปริมาณปกติสามารถทานได้เป็นอันตรายต่อร่างกายน้อยมาก แต่ถ้ามีปริมาณมากเกินไปอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ
เรื่องควรรู้ ในอาหารแช่แข็ง
- ภาชนะที่ใส่อาหารแช่แข็ง
พลาสติก กระดาษ และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้บรรจุอาหารแช่แข็ง มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์เข้าไปทำให้อาหารเสีย แล้วยังต้องสามารถนำไปอุ่นร้อนแบบไม่มีอันตรายต่อสุขภาพด้วย ดังนั้นในการเลือกผลิตภัณฑ์ควรสังเกตว่า มีการฉีกขาด เสื่อมสภาพหรือไม่ และเป็นพลาสติกที่มีคำบ่งชี้ เช่น microwave save ระบุไว้ที่กล่องจะปลอดภัยที่สุด
- ไมโครเวฟ
คลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถนำมาใช้ปรุงอาหาร ไม่สะสมอยู่ในอาหาร เพียงแค่ทำให้อาหารสุกเท่านั้น แต่อันตรายหรือสารตกค้างส่วนใหญ่จะมาจากภาชนะที่ใช้อุ่น และวิธีการอุ่นที่ไม่ถูกต้อง จึงเป็นอันตรายและมีสารสะสมในร่างกาย เช่น พลาสติกหรือโฟมผิดประเภท เมื่อโดนความร้อนจะละลายและปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง เป็นต้น
- สารปนเปื้อนในอาหาร
อาหารแช่แข็งควรจะอยู่ในอุณหภูมิที่ -18 องศา ถ้ามีการเปลี่ยนหรือย้ายซึ่งทำให้อาหารละลาย มีความเสี่ยงที่จุลินทรีย์จะเติบโตอีกครั้งซึ่งทำให้อาหารหมดอายุและเสียได้ เมื่อทานเข้าไปอาจเกิดอาการท้องเสียฉับพลัน จึงต้องสังเกตวิธีการเก็บรักษาของสถานที่ที่ไปซื้อ และสังเกตบรรจุภัณฑ์ว่ามีการฉีกขาดหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค
- ความสดใหม่ของอาหาร
วิธีการแช่แข็งอาหาร โดยปกติจะช่วยยืดอายุอาหารและคงคุณค่าของอาหารให้ยาวนานขึ้น แต่เมื่อแกะบรรจุภัณฑ์แล้ว ควรจะใช้ให้หมดในครั้งเดียว หรือนำส่วนที่เหลือเข้าช่องแข็งทันที เพื่อรักษาความสดใหม่ของอาหาร
4 ตัวเลือก ซื้ออาหารแช่แข็งอย่างปลอดภัย
- บรรจุภัณฑ์สมบูรณ์ ไม่ฉีกขาด หรือชำรุด และมีมาตรฐาน
- มีวันผลิต วันหมดอายุ ข้อมูลการบริโภคต่าง ๆ ระบุอย่างชัดเจน
- แหล่งผลิตน่าเชื่อถือ
- สถานที่จัดเก็บมีคุณภาพ มีการจัดเก็บดี ตู้แช่มีอุณหภูมิแจ้งให้ตรวจสอบได้ และของในตู้ไม่อัดแน่นจนเกินไป
ยุคสมัยเปลี่ยน วัฒนธรรม รูปแบบการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป รวมทั้งวัฒนธรรมการกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารแช่แข็ง หรือเมนูทำทานเอง หรือแม้แต่การทานอาหารนอกบ้าน ท้ายที่สุดขอให้คำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร เพราะอาหารที่ดีจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายของเราแข็งแรง และมีชีวิตที่มีความสุข
เครดิตภาพ :
- www.womenshealthmag.com
- www.bloominwellness.com
- www. ifamilyplus.com
- www.food-easy.com
ข้อมูลผลการวิจัยจาก บทความของเว็บไซต์ธนาคารไทยพาณิชย์