http://www.umakemehungry.com/2016/08/baan-khrai-wang.html

When we all know that Hot & Spicy food is always what we will get in Thailand, I had a different perspective when I visited Baan Khrai Wang. Forget about the mainstream dishes you will have in a moment and indulge yourself with light and fluffy pastries as we entered into Baan Khrai Wang.Baan Khrai Wang is a cafe situated by the beach and quite popular among the locals. After entering the gate, it takes a minute to walk pass the garden and into the exact place where you can enjoy your tea. You will meet this this plump pastry chef ushering you the way into the most scenic area of the restaurant.Ta-da, this is the way! You can laid back and relax enjoying the calm sea.What a wonderful view we have got! Sink yourself into the atmosphere and enjoy the sound of nature while the waves were crawling gently to the shore.Just within a day of landing in Thailand, we had an overdosed of "Cha Yen" (Thai Milk Tea). Every beverage we order is just Thai Milk Tea and other. The Lemon Iced Tea of course is not the same as what we had back home, using Thai Tea and the lemon they use as spices, it taste totally different.

Our visit to Hua Hin was never sunny. It was drizzling but on a positive note, we were glad that we were not burnt under the scotching hot weather.Tiramisu with flower? I'm totally in love with the ambiance while having tea with the sight of edgeless sea. Espresso taste from the Tiramisu was not too strong and was good for someone who don't really drink coffee like me. Mascopone Cheese was light with Tiramisu texture being spongy. Most of all, the presentation and environment had already bought me over.Another must try will be the fresh coconut cake. Presented with Frangipani flower, Cake's cream was light and fresh, most of all without being cloying. What a heavenly moment having spongy fluffy cake under the coconut tree. Enjoy some coconut flesh too!I'm already missing this place even though I just came back less than a week ago. Seriously I don't mind coming back again if I were in Hua Hin.

วีค่าเฟ่ เป็นร้านกาแฟ และร้านอาหาร  อยู่หน้าโรงแรม Vatika Adventure ที่มีทั้งที่พัก และสถานที่สำหรับคนชอบอะไรลุยๆ ลุยเสร็จก็มานั่งพักเย็นๆ ดื่มกาแฟ ทานข้าวได้ที่นี่เลย

แต่วันนี้เราสายกิน ปล่อยให้เด็กๆ และคนชอบลุยไปก่อนค่ะ เราขอนั่งตากแอร์สวยๆ ทานกาแฟ ทานขนมกันดีกว่าค่ะ

ร้านมีทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม ไอศกรีม ขนมเค้ก อาหารทานเล่นพวกพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ และมีอาหารประเภทตามสั่งด้วย

วันนี้เลยนั่งดื่มกาแฟ ทานขนมเค้กๆ ไปเรื่อยๆ จนเที่ยงก็ทานอาหารต่อเลย เนื่องจากไปกันเยอะมากๆๆๆ ภาพอาหารเลยเยอะหลายอย่างค่ะ 
เริ่มจากหน้าร้านก่อน มุมถ่ายรูปสวยๆ เยอะอยู่ ใครสวยสู้แดดก็จัดไปด้านในร้าน โต๊ะนั่งประมาณ 10 โต๊ะ แอร์เย็นสบายมุมขนมเค้กเครื่องดื่มเย็นประเภทกาแฟราคาประมาณแก้วละ 80 บาท
คาปูชิโนเย็น กาแฟหอมอร่อยดีค่ะ ราคา 90 บาทกาแฟคุ้กกี้ครีมลาเต้ ราคา 90 บาทชาเขียวเย็น หวานไปนิด ชาเขียวไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ ราคา 80 บาทคาราเมลลาเต้ 90 บาท กาแฟหอมดี หวานหอมคาราเมล พอได้อยู่อันนี้น้องอีกคนสั่งเป็นไอศครีมเรียกว่าไรไม่รู้ ดูแล้วหน้าตาแปลกๆ รสชาติธรรมดา พวกขนมเค้กไม่แน่ใจราคา น่าจะเริ่มต้นที่ประมาณชิ้นละ 40-50 บาท
เค้กช้อกโกแลต รสชาติพอใช้ได้ โอเคสุดละที่สั่งมาเค้กส้ม คือไม่ค่อยมีกลิ่นส้มเท่าไหร่ มีแต่รสชาติหวานๆ เค้กผลไม้ครีมสด ก็ครีมๆ ไม่มีรสชาติสักเท่าไหร่บลูเบอรี่ชีสเค้ก เหมือนขนมเค้กที่กินตอนเด็กๆ ไม่หอม ไม่มัน ไม่ชีส หวานๆ อย่างเดียวสรุปกาแฟอร่อย แต่พวกขนมเค้กไม่ชอบเลยค่ะ ทั้งรสชาติและหน้าตา ดูธรรมดามากกกก ไม่มีกลิ่นหอมเนย นม แบบที่เค้กอร่อยๆ ควรจะมี

นั่งทานไปเรื่อยจนเที่ยงก็เลยสั่งอาหารทาน เนื่องจากไปกันเยอะมากๆ เลยสั่งอาหารกันช้า
ถ้าใครตั้งใจไปทานเป็นอาหารกลางวัน ไปเยอะๆ ควรสั่งล่วงหน้านานๆ นะคะ 
รอกันจนหิว
อาหารจานเดียวมีพวกข้าวผัด สปาเก็ตตี้ โดยประมาณราคาเริ่มต้นที่จานละ 120 บาท ถ่ายมาแค่บางส่วน
ที่จริงมีหลายแผ่นมาก มีทั้งเมนูอาหารหลัก อาหารว่าง อาหารทานเล่นจานแรกเราทานเอง ข้าวผัดต้มยำทะเล ผัดมาแห้งๆ ดี รสชาติดีไม่เค็มไปค่ะ หวานมันเปรี้ยวจากต้มยำนิดๆ หอมข่าตะไคร้ใบมะกรูด มีไข่ต้มยางมะตูมมาให้ด้วย อร่อยนะ แต่ราคาสูงไปนิดอ่ะ 140 บาท
ถ้าเทียบกับปริมาณและก็คุณภาพ กุ้งก็ตัวไม่ใหญ่มาก ปลาหมึกชิ้นเล็ก มีเนื้อหอยนิดหน่อย สปาเก็ตตี้ผัดซอสแอนโชวี่ ประมาณ 140 บาท อร่อยดี ไม่เค็มมาก หอมๆ บอกไม่ถูกรู้แต่อร่อยสปาเก็ตตี้กะเพรากุ้ง เค็มและเผ็ดๆๆ สปาเก็ตตี้ขี้เมากุ้ง รสชาติปกติทั่วๆ ไป ข้าวผัดกะเพราะหมูสับไข่ดาว ก็รสชาติธรรมดา ไม่ได้อร่อยไรมากมาย สปาเก็ตตี้ผัดต้มยำทะเล เผ็ดโดดเกินไปนิดนึง เส้นค่อนข้างแข็ง โดยรวมไม่โอเค สรุปอาหารจานเดียว ราคาสูง ไม่ค่อยเหมาะสมกับราคาและคุณภาพ กุ้งปลาหมึกก็ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ก็สดใช้ได้

ถ้าให้ไปทานอีกคงคิดอีกที เพราะราคาค่อนข้างสูงไปนิด

เย็นย่ำค่ำคืนในหัวหินคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ไปเดินตามตลาดกลางคืนทั้งหลาย หรือพูดง่ายๆว่าไม่มีที่ไปนั่นแหละ
ไหนๆการมาตลาดโต้รุ่งเป็นกิจวัตรประจำทริปหัวหินแล้ว ร้านอาหารทะเลท้ายตลาดก็กลายเป็นกิจวัตรประจำมื้อเย็นเช่นกัน

ลุงจ่าซีฟู้ด เป็นร้านที่อยู่กลางๆขนาบด้วยร้านซีฟู้ดอื่นๆ ตัวร้านทาสีชมพูหวาน ซึ่งจริงๆทำให้ไม่น่าเข้าเล้ยให้ตายสิ แต่สิ่งที่ดึงดูดพวกเราคือ หอยเชลล์ย่างเนยที่ทำกันจะๆหน้าร้าน

"แก แกว่าหอยเค้าตัวใหญ่กว่าร้านอื่นไหม"
"นั่นสิ ตัวเบ้อเริ่มเลย"
"นี่ๆ ร้านนี้เค้ามีเมนูหอยเชลล์ทรงเครื่องด้วย ไม่เหมือนหอยเชลล์ย่างเนย(มาการีน) น่ากินมาก"

รู้ตัวอีกที ก็มานั่งอยู่ในร้านแล้วจ้า.... เปิดเมนูพั่บๆ อืม มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่รสชาติอาหารนี่สำหรับคนไทยกินเลยนะ จัดว่าเด็ดเปิดมาด้วยเมนูแรก เมนูที่ลากพวกเราเข้าร้าน หอยเชลล์ทรงเครื่อง 150.- ที่เครื่องต่างจากหอยเชลล์ย่างเนยปกติ ที่ใช้มาการีนกับกระเทียม (เมนูนี้ร้านก็มีนะ แต่พวกเรากินจนเบื่อแล้วก็อยากลองอะไรใหม่ๆบ้าง)  พอลองเอาเข้าปากคำแรกปุ๊บ "พี่คะ เอามาอีกจานนึงค่ะ!" คือมันอร่อยมากๆ ลักษณะซอสสีออกส้มนั่นมันคือไข่เค็ม! ความมันของไข่เค็มผสมรวมกับกระเทียม มาการีน ต้นหอม กินกับหอยเชลล์ย่างร้อนๆ รสชาติออกเค็มๆมันๆอร่อยฟินสุดๆไปเลยค่าทะเลโหระพาจานร้อน 150.- จานนี้รวมดาวสัตว์ทะเลสดๆ ผัดโหระพามาในจานร้อน เนื้อแน่น เด้ง หอมโหระพาขึ้นจมูก จานนี้แนะนำ เสียดายแต่ว่าให้น้อยไปหน่อยเก๋าแป๊ะซะ 300.- เมนูสุดโปรดของร้านนี้ น้ำซุปเปรี้ยวหวานเผ็ดอร่อยสะใจมากๆ เนื้อปลาแน่นเด้ง ยิ่งกินตอนท้ายๆที่น้ำซุปเริ่มงวดแล้วยิ่งอร่อย เอาไปห้าดาวเลยไก่แกงร้อนแรง 100.- เมนูซึ่งคนสั่งบอกว่าสั่งเพราะชื่อแปลกดี มาเป็นอกไก่แข็งๆผัดเครื่องแกงมาขลุกขลิก กินแล้วคล้ายๆกับแกงป่า เนื้อไก่แข็งมาก แล้วการผัดมาคล้ายกับแกงป่ามันผิดความคาดหวังว่าจะเป็นอะไรที่เก๋สมชื่อแปลกๆของมัน รสชาติออกเค็มนำไม่ค่อยกลมกล่อม สรุปว่าจานนี้ห่วยที่สุดในมื้อนั้นจบมื้อไปด้วยความประทับใจ ขนาดหอยที่ว่าใหญ่ตอนดูหน้าร้าน พอมาจริงๆมันก็เล็กมั่งใหญ่มั่ง แต่เนื่องจากมันอร่อยมากเลยไม่มีใครสนใจ จัดอยู่ในลิสที่ต้องมาซ้ำใหม่รอบหน้า

ลูกค้าในร้านมีทั้งไทยและต่างชาติ โต๊ะนั่งค่อนข้างเบียดกันแต่ก็นั่งได้ไม่อึดอัดอะไร การบริการโอเคไม่ดีไม่แย่ค่ะ

วันนี้มื้อเที่ยงมากินอาหารตามสั่งรสชาติไม่ธรรมดาริมทะเลกันค่ะ

ร้านนี้เป็นสาขาสองของร้าน ลุง-ป้าผัดไทยกำนันค่ะ แอบงงเหมือนกันนะคะว่าจะมีสาขาทำไม เพราะทั้ง 2 ร้านอยู่ใกล้กันมากๆ อะ แต่ข้อดีของร้านสาขาสองนี่คงเป็นเพราะร้านติดริมทะเลค่ะ

ร้านก็หาไม่ยากค่ะ อยู่ริมชายหาดบ้านกรูด ไปทางที่จะไปร้านประมงซีฟู้ด

ร้านมีที่จอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ แต่วันนี้ฝนตก ก็จอดกันหน้าร้านกันเลย

ร้านโปร่งๆ โล่งๆ แบบ open air ในร้านมีโต๊ะขนาดใหญ่ และมีโต๊ะเป็นซุ้มๆ บนหาดติดทะเลด้วย .. ร้านมีห้องน้ำเป็นสัดส่วนค่ะ

รายการอาหารมีทั้งอาหารจานเดียว มีทั้งอาหารทะเลเป็นจานๆ

วันนี้สั่งกันมา 5 จานค่ะ

ผัดไทยทะเล (2 จาน) .. รสชาติหวานนำค่ะ ต้องบีบมะนาว เติมพริกป่น เติมน้ำปลาพริก เพื่อปรับรสชาติ .. จุดเด่นคือเส้นค่ะ ผัดมาได้ดีมาก เหนียว อร่อยดีอะค่ะ เครื่องก็จะเน้น กุ้ง ปลาหมึก เต้าหู้ทอด .. ปลาหมึกสดมากค่ะ

ข้าวผัดกุ้ง .. หวานนำอีกแล้วค่ะ .. ไม่แน่ใจว่าเป็นรสชาติที่เค้าทำประจำ หรือว่าเห็นทะเบียนรถ กทม. เลยทำรสหวานนำกันแน่นะคะ .. ต้องเติมน้ำปลาพริก บีบมะนาว ปรับรสชาติ แต่ข้าวผัดแฉะไปหน่อยค่ะ

ส้มตำกุ้งสด .. หวานนำตามเคยค่ะ .. ให้กุ้งมาหลายตัวนะคะ แต่กุ้งไม่สดเท่าปลาหมึกในจานอื่นๆ

ผัดกะเพราทะเลไข่ดาวราดข้าว .. จานนี้อร่อยเลยค่ะ ให้เครื่องทะเล (กุ้ง-ปลาหมึก) มาเยอะมาก ปลาหมึกชิ้นใหญ่สดมาก แต่กุ้งเฉยๆ ค่ะ .. รสชาติดีทีเดียว

ราคาอาหารที่สั่ง จานละ 50 บาทเท่านั้นเองค่ะ ยกเว้นส้มตำ 100 บาท รวมน้ำเปล่าและโค้กเล็ก มื้อเที่ยงจ่ายไปทั้งสิ้น 360 บาท ถือว่าราคาย่อมเยาเลยหละค่ะ 

เวลาไปหัวหินกับครอบครัว ม๊าแอมจะร่ำร้องรบเร้าให้พาไปdinner ร้านนี้เสมอ และต้องจองล่วงหน้าแบบ fix programด้วย เลยแทบไม่ได้เปลี่ยนไปกินร้านใหม่ๆเลยอ่ะคะ😅😅=-= บรรยกาศ =-=

บรรยกาศร้านจะมีแบบห้องแอร์กะopenair นะคะ โต๊ะไม่เยอะ (ประมาณ 20-30 โต๊ะได้) อยากได้ห้องแอร์ในคืนวันเสาร์ต้องจองเนิ่นๆสักสองวันค่ะ เพราะที่นี่โต๊ะน้อย วางโต๊ะแน่นๆ แต่ก็ยังไม่พอ แอมมาทีไรนั่งข้างนอกทุกที แต่ก็ไม่ร้อน สบายๆค่ะ

เปิดตัวด้วยอาหารรองท้องอย่าง bruschetta ให้ทานเล่นรอระหว่างดูเมนูค่ะคราวนี้ไปก็สั่งเมนูยอดฮิตประจำครอบครัว เริ่มด้วยสลัดเพื่อสุขภาพ(ปลอบใจตัวเองก่อนจะกินพิซซ่า พาสต้า 555) ปกติทานซีซ่าสลัด แต่วันนี้พนง.แนะนำตัวใหม่ แอมจำชื่อไม่ได้ไม่แน่ใจว่าเป็นสลัดกรีก🍀🍀☆☆☆(ประมาณ 200B) หรือเปล่า มีใส่ชีส มะกอก แฮม เป็นหลัก รสชาติโอเคค่ะจานต่อมาเป็นพิซซ่า แอมสั่งแบบhalf เป็น หน้า parma ham &rocket อีกครึ่งน่าจะเป้นham & mushroomนะ🍕🍕☆☆☆☆  (ประมาณ 3-400B) แป้งบางกรอบอร่อยไม่ผิดหวัง ส่วนตัวชอบparma ham อร่อยยยยป๊าอยากทานสปาเกตตี้หอยลายค่ะ🍝🍝☆☆ (ประมาณ200B)เลยสั่งมา หอยโอเคสดไม่คาว แต่ตัวสปาเกตตี้ธรรมดาไปหน่อยค่ะ แอมทานแล้วเฉยๆอ่ะมาถึงจานเด็ดประจำร้าน สั่งแทบทุกโต๊ะ คือRigatoni crab sauce 😙😙☆☆☆☆☆(310B) จานนี้จะเป็นสปาเกตตี้ซอสครีมข้น สีส้มๆ หอมมันปูนิดๆ ผัดแบบข้นๆน้ำไม่เจิ่งๆ มีเนื้อปูมาด้วย อร่อยมากก จานนี้ต้องสั่งค่ะ!!!👍👍👍อีกหนึ่งจานที่ต้องสั่งคือ mussle and clam🐚🍅🍅☆☆☆☆☆ค่ะ (ประมาณ300B) แอมสั่งแบบซอสมะเขือเทศ คือหอยมันสด แล้วที่นี้ทำซุปมะเขือเทศได้อร่อยมากกกก เวลาทานพยายามทานตรงก้นๆที่ซอสมะเขือเทศชุ่มๆ หวานหอมกลิ่นอาหารทะเลนิดๆ ถ้าฝรั่งทานก็เอาขนมปังชุปซอสกิน อย่างฟินนน..👍👍👍สรุปโดยรวมจากที่เคยทานมาหลายรอบ แอมว่าที่นี่ทำอาหารรสไม่จัดจ้านมาก ออกแนวอร่อยแบบธรรมชาติๆ พวกซอส แอมว่าที่นี่ทำซอสมะเขือเทศอร่อยกว่าซอมครีม อาหารก็มาจานใหญ่พอดูค่ะ เหมาะกับมาเป็นครอบครัวจะได้ลองหลายๆอย่างเนอะ วันนี้ทานไป5 อย่างราคาอาหารราวๆ 1800 ค่ะ (น้องจ่ายเลยจำราคาแต่ละจานไม่ได้เลย555)😄😄

ร้านอาหารในหัวหินที่จะมาแนะนำในวันนี้เป็นร้านอาหารในหัวหินจริงๆ ร้านสุดท้ายในคลังรูปร้านอาหารในหัวหินที่มีอยู่ในตอนนี้ ส่วนร้านอาหารที่จะแนะนำต่อๆไปนั้นเป็นร้านอาหารรายทางบนเส้นทางกรุงเทพฯ - หัวหินนะครับ ร้านอาหารที่จะมาแนะนำในวันนี้เป็นร้านอาหารในรีสอร์ท การตกแต่งสวย วิวดี ส่วนอาหารนั้นถือว่าใช้ได้นะครับ

Let’s Sea Al Fresco Restaurant - Let’s Sea Al Fresco Resort หัวหิน

การเดินทางไป Let’s Sea Al Fresco Resort ก็เดินทางไปไม่ยากนะครับ จากตัวเมืองหัวหินมุ่งหน้ามาทางเขาตะเกียบ วิ่งตรงเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านโรงแรมไอบิส หัวหิน ทางซ้ายมือ แล้วอีกแป๊บนึงจะผ่านสวนสาธารณะชื่อทางการคือ “สวนศรี” แต่จะเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของตลาดคนเดินตอนกลางคืนชื่อ “Cicada Market” พอสุดตึกแถวหน้า “Cicada Market” จะมีซอยเล็กๆทางซ้ายมือตรงปากซอยจะเป็นที่จอดรถเวลามาเดิน “Cicada Market” (ที่เสียค่าจอดรถ 40 บาท) ให้เลี้ยวซ้ายมือเข้าซอยไปเลยครับ ขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านทางเข้า “สวนศรี” หรือ “Cicada Market” ทางซ้ายมือ ผ่านบ้านดวงแก้วรีสอร์ททางซ้ายมือแล้วเลี้ยวขวาหน้าบ้านดวงแก้วรีสอร์ทเลยครับ ขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านโรงแรมชมวิวทางซ้ายมือ Let’s Sea Al Fresco Resort อยู่เยื้องๆ กับประตูด้านหลังของ My Resort หัวหินเลยครับ Let’s Sea Al Fresco Restaurant อยู่ในสุดของรีสอร์ท ติดชายหาดเลยครับ

Let’s Sea Al Fresco Restaurant เป็นร้านอาหารหลักของ Let’s Sea Al Fresco Resort ตอนเช้าๆก็จะเสิร์ฟ a la cart breakfast กันที่นี่เลยครับ Let’s Sea Al Fresco Resort บรรยากาศดีทั้งวันครับ เนื่องจากร้านอาหารหันหน้าออกทางทิศตะวันออก เช้าๆ ก็มีแดดอ่อนๆ พอสายๆ – เที่ยงๆ แดดก็จะเริ่มตรงหัว พอบ่ายๆ - เย็นๆ ก็ไม่มีแดดแล้วครับ เพราะฉะนั้นจะมาทานมื้อเที่ยงหรือว่าจะเป็นมื้อเย็นๆ ก็จะได้บรรยากาศแดดร่มลมตกอยู่ตลอดเวลา ไม่ร้อน ยิ่งถ้ามาทานมื้อเย็นๆ ตอนแดดร่มลมตกจะยิ่งโรแมนติกใหญ่ครับ พอฟ้ามืดทางร้านก็จะจุดเทียนในโคมแก้วทั้งร้านเพิ่มให้บรรยากาศโรแมนติ๊กกก ..... โรแมนติกเข้าไปใหญ่ครับ

สำหรับที่นั่งในร้านก็จะมีทั้งภายนอกและภายในอาคาร มีทั้งเป็นห้องแอร์และ open air หรือจะนั่งที่บาร์ก็ได้ครับ มีที่นั่งให้เลือกได้ครบทุกอารมณ์จริงๆ

เมนูของ Let’s Sea Al Fresco Restaurant ก็มีให้เลือกครบครับ เริ่มจากเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ม็อคเทลใสๆ ค็อกเทลแบบไม่แรงมาก ไวน์ จนไปถึงบรั่นดี เมนูอาหารก็มีให้เลือกทั้งอาหารไทยและนานาชาติโดยจัดแบ่งหมวดหมู่แบบสากล appetizer สลัด ซุป main course และของหวาน

สั่งเครื่องดื่มมาจิบกันก่อนครับ Lemom & Honey ราคา 180 บาท


น้ำ Lemom & Honey รสชาติหวานลึก เปรี้ยวน้อยๆ มีกลิ่นหอมของทั้งน้ำผึ้งและเลมอน ช่วยทำให้สดชื่นดีจริงๆ ยิ่งมาดื่มในร้านที่บรรยากาศดีๆอย่างนี้ช่วยให้อร่อย สดชื่นขึ้นเป็น 3 เท่าครึ่ง อิอิอิเมนูแรกที่เราสั่งมาเป็น appetizer ก็คือ ยำส้มโอกับกุ้งย่าง ราคา 280 บาท


เมนูนี้รสชาติไทยแท้ๆเลยครับ ยำส้มโอแบบไทยๆ ใส่แต่น้ำพริกเผานิดหน่อยไม่ใส่น้ำมันของน้ำพริกเผารสชาติเปรี้ยวนิดๆ ฉ่ำน้ำส้มโอมากๆ รสชาติเปรี้ยวนิดๆ ตามมาด้วยรสหวานน้ำส้มโอ แล้วก็มีรสแซ่บเล็กๆเท่านั้น ....... เสียอย่างเดียว ....... เจ้าของบล็อกไม่ชอบที่ทางร้านใส่ถั่วลิสงบดหยาบๆ .... หยาบมากๆ ....... มาด้วยเลยครับ เคี้ยวแล้วติดฟัน เจ็บเหงือกไปหมดเลย น่าจะบดให้ละเอียดอีกนิดนะครับเมนูที่สอง ปอเปี๊ยะผักสด ราคา 240 บาท


เมนูนี้ “เหมือนถูกปล้น” ครับ ปอเปี๊ยะแบบเวียดนามไส้ผักธรรมดาๆ ไม่มีเนื้อตัวอะไรเลย มีแค่แป้งกับผักเท่านั้น แล้วเสิร์ฟมาแต่ 8 ชิ้น ราคา 240 บาท ปอเปี๊ยะแบบนี้ตามร้านอาหารเวียดนามทั่วไปขายกันอยู่ที่ 60 - 80 บาทเท่านั้น เจ้าของบล็อกเข้าใจว่าเป็นร้านในรีสอร์ท 5 ดาว แต่คิดราคา 240 บาทแพงไปนะครับ น้ำจิ้มก็รสชาติธรรมดามากๆ ทำก็ช้า ออกมาเป็นอย่างสุดท้ายเลย ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่แป้งห่อผัก ราคา 240 บาทไปเทียบกับจานอื่นเช่นสะเต๊ะไก่ (280 บาท) มีอะไรตั้งเยอะแยะกว่าเราไม่หนีกันเท่าไหร่เลย สรุปว่าไม่ปลื้มจริงๆครับเมนูนี้เมนูต่อไป ปีกไก่ทอดราดน้ำปลา ราคา 180 บาท


เมนูนี้อร่อยครับ ปีกส่วนกลางของไก่ทอดมาแบบกรอบนอก นุ่มใน แล้วราดน้ำปลาปรุงรสหวานๆ เค็มๆ จะรับประทานกับน้ำจิ้มหวานๆเผ็ดๆก็อร่อย หรือรับประทานเปล่าๆก็เยียมครับ เมนูนี้เด็กๆต้องชอบแน่ๆเมนูของทานเล่นเมนูสุดท้าย ไก่สะเต๊ะ ราคา 280 บาท

เมนูนี้อร่อยจริงๆครับ เนื้อไก่เลาะกระดูกออกหมดหมักกับเครื่องจนเข้าเนื้อ ได้กลิ่นผงกระหรี่อ่อนๆ ย่างมาแบบกำลังดีเลยครับ แค่สะเต๊ะไก่ก็อร่อยแล้วนะครับ ยังมีน้ำจิ้มรสเด็ดอีก มันเข้ากั๊นนน .... เข้ากันนนน .... ครับ น้ำจิ้มแบบข้นๆ มีรสหวานมันติดเผ็ดๆที่ปลายลิ้นเท่านั้น เป็นแบบที่เจ้าของบล็อกชอบเลยครับ .......... มาเสียตรงที่ทางร้านใช้ถั่วลิสงบดหยาบใส่ในน้ำจิ้ม .... หยาบเกินไปครับ พอทานไปแล้วติดฟัน ติดเหงือกพัลวัน เจ็บเหงือกไปหมดครับ แนะนำให้บดถั่วลิสงคั่วให้ละเอียดกว่านี้นิดนึงนะครับ อาหารจานนี้จะชนะเลิศมากๆเมนู main course เมนูแรก หอยตลับผัดโหระพาไวน์ขาว ราคา 290 บาท


เมนูนี้คิดว่าคงจะถูกใจต่างชาติมากกว่าคนไทยครับ เนื่องจากรสชาติอ่อนๆแต่หอมไวน์ขาวมากๆ หอยที่นำมาผัดก็สดครับ หวานเชียว หอมโหระพาอีกต่างหา เมนูนี้สั่งมากินเป็นกับแกล้มกับไวน์ขาวคงเริ่ดน่าดูเลยครับ เจ้าของบล็อกว่าสั่งมากินเป็นกับข้าวไม่ค่อยเข้ากันอ่าคราบเมนูต่อมา ซี่โครงหมูอบสับปะรด ราคา 330 บาท


เมนูนี้ก็เริ่ดครับ ซี่โครงหมูทอดแล้วเอาไปอบกับสับปะรดและผักหลายๆอย่าง ได้น้ำซอส 3 รส หวาน เปรี้ยว เค็มนิดๆ ซี่โครงหมูก็เปื่อยมากๆ แทบไม่ต้องใช้ช้อนกับส้อมในการจัดการเลยครับ น้ำซอสก็เข้าเนื้อมากๆแกงส้มเนื้อปลากะพงชะอบชุบไข่ ราคา 320 บาท


เมนูนี้เข้มข้น ถึงเครื่องมากๆครับ น้ำพริกแกงส้มออกเผ็ดน้อยๆ ตามด้วยรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ผักที่ใส่ก็เปื่อยกำลังดี ที่สำคัญใส่ชิ้นปลากะพงทอดลงไปแกงในน้ำแกงชิ้นหนาๆ ใหญ่มากๆ แล้วก็เข้าน้ำแกงมากๆครับ เมนูนี้สุดยอดเลยครับข้าวอบสับปะรด ราคา 290 บาท


ข้าวอบสับปะรดจานนี้เจ้าของบล็อกเฉยๆ นะครับ รู้สึกว่าไม่ถึงเครื่องยังไงไม่รู้ เนื้อสับปะรดก็น้อย เครื่องต่างๆก็น้อย มะม่วงหิมพานต์กับหมูหยองก็น้อย ที่เยอะที่สุดเห็นจะเป็นข้าวเท่านั้นละครับLet’s Sea Al Fresco Restaurant โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีมากๆ บริการเยี่ยม กับข้าวก็อร่อยเป็นส่วนมากครับ ถ้าต้องการร้านอาหารบรรยากาศเยี่ยมๆก็เชิญที่ Let’s Sea Al Fresco Restaurant เลยนะครับ

ร้านอาหารค่ำของหัวหินที่จะมาแนะนำต่อไปนี้เป็นร้านอาหารง่ายๆ ยามดึก แต่เป็นร้านที่มีชื่อเสียงติดอันดับของหัวหินเลยครับ

ข้าวต้มโฟนลิงค์ หัวหิน

ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ อยู่ฝั่งซ้ายมือ (ถ้ามุ่งหน้าเขาตะเกียบ) ก่อนถึงสี่แยกไฟแดงกลางเมืองหัวหินหรือ “สี่แยกจี้อันตึ๊ง” ครับ พอเลยพระราชวังไกลกังวลก็ให้เล็ง “ซอยหัวหิน 47” เอาไว้ครับ พอเลยปั๊มน้ำมัน ปตท. มาก็เริ่มหาที่จอดได้เลยครับ เนื่องจาก ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ เป็นร้านอร่อยข้างทางก็เลยต้องจอดรถแปะๆไว้ตามข้างถนนคราบ อิอิอิร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ เป็นร้านข้าวต้มยามค่ำคืนที่เปิดขายตอนเย็นๆ ซักห้า – หกโมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงดึกๆดื่นๆครับ จริงๆตัวร้านเป็นตึกแถว 2 คูหานะครับ แต่เนื่องจากทางร้านจัดโต๊ะเหินออกมาจนสุดฟุตบาทก็เลยดูเหมือนว่าไม่มีโต๊ะนั่งในร้าน ความจริงแล้วดต๊ะนั่งข้างในร้านมีเยอะพอๆกับที่ตั้งเกินมาบนฟุตบาทครับเมนูของที่ ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ มีเยอะแยะหลากหลายมากๆ มีทั้งอาหารจานเดียว กับข้าว และอาหารทะเลครับเมนูแรก ผัดถั่วงอกไฟแดง ราคา 50 บาท


เมนูนี้เป็นเมนูพื้นๆมากเลยครับ ผัดแบบไม่ใส่เนื้อสัตว์อะไรเลย อร่อยแบบมาตรฐานครับ รสชาติดี เค็มปะแล่มๆ ทานกับข้าวต้มร้อนๆ อร่อยดีครับเมนูที่สอง แขนงผัดหมูกรอบ ราคา 70 บาท


เมนูนี้เจ้าของบล็อกชอบเป็นพิเศษครับ เลยเป็นเมนูประจำเวลาออกไปกินข้าวต้มนอกบ้าน หมูกรอบอาจจะน้อยไปนิดนะครับเมนูนี้ แต่เจ้าของบล็อกชอบกินผักมากกว่าอยู่แล้วครับก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ความอร่อยก็มาตรฐานร้านข้าวต้มครับหมึกแดดเดียว ราคา 90 บาท


เมนูนี้ถือว่าสมราคาทีเดียวครับ ปริมาณไม่น้อยจนเกินไปสำหรับ 2 คน สามารถสั่งเมนูอื่นๆมาทานได้อีกครับ หมึกก็ไม่แห้ง แข็ง จนเกินไป นุ่มๆ เหนียวกำลังดีครับ รสชาติก็เค็มนิดๆ กินกับซอสพริกเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ เข้ากันพอดีเลยครับเมนูรองสุดท้าย ยำไข่ดาว 70 บาท

เมนูนี้มีข้อตินิดเดียวครับ สงสัยในครัวจะยุ่งเพราะวันที่เจ้าของบล็อกไปทานคนค่อนข้างเยอะ ไข่ดาวก็เลยไหม้ไปนิด อิอิอิ แต่ถ้าพูดถึงความกรอบแล้วก็ยังกรอบใช้ได้อยู่ครับ น้ำยำรสชาติจัดจ้านดีมาก มีรสเผ็ด เปรี้ยวนำ และมีรสหวานติดปลายลิ้นเท่านั้น เป็นรสชาติน้ำยำที่เจ้าของบล็อกชอบพอดีเลยครับ

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

1

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

1

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

1

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

1

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

1

ยำไข่ดาว - ยำไข่ดาวรสดี แซ่บๆ เปรี้ยวๆ แต่ทอดไข่ไห ม้ไปนิดนึง ... ฿ 70

เมนูสุดท้าย ต้มจืดสาหร่ายหมูสับ ราคา 70 บาท


กับข้าวที่ ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ ราคาไม่แพงนะครับ จะบอกว่าราคาค่อนข้างถูกก็ได้นะครับ รสชาติของต้มจืดก็ดีซะด้วย เครื่องที่ใส่ก็เยอะมากครับ มีทั้งหมูสับ ลูกชิ้นหมู ผักกาดขาว และสาหร่ายร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ เป็นร้านข้าวต้มข้างทางที่ราคาไม่แพงมาก และรสชาติใช้ได้เลยครับ ถ้าไปเที่ยวหัวหินแล้วเบื่ออาหารทะเล หรือต้องการหาข้าวต้มร้อนๆ ทานก่อนเข้าโรงแรมละก็แนะนำ ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์ เลยครับ

ร้านอาหารในหัวหินที่จะมาแนะนำเป็นอันดับต่อไปเป็นร้านอาหารที่ขายกลางวัน จนถึงดึกๆ อาหารที่ขายในร้านก็เน้นอาหรทะเลสดๆ บรรยากาศร้านก็ดีมากๆ เพราะติดชายทะเลทีเดียว จะว่าไปแล้วร้านอาหารร้านนี้ก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักอยู่แล้วนะครับ

เปิ้ล ซีฟู๊ด ชายทะเลเขาตะเกียบ

วิธีการมาร้าน เปิ้ล ซีฟู๊ด เขาตะเกียบก็มาไม่ยากเลยครับ จากตัวเมืองหัวหินขับตรงมุ่งหน้ามาทางเขาตะเกียบ ขับตรงเข้าไปในหมู่บ้านเขาตะเกียบเลยครับ ผ่านหมู่บ้านเขาตะเกียบไม่ต้องเข้าในสะพานปลานะครับ มุ่งหน้าโรงแรมอนันตศิลา (ซอยอ่าวตะเกียบ 3) ซอยจะอยู่ทางซ้ายมือครับ ร้าน เปิ้ล ซีฟู๊ด จะอยู่สุดซอยอ่าวตะเกียบ 3 อยู่บนชายหาดเลยครับ ส่วนเรื่องที่จอดรถก็ลำบากซักนิดนึงนะครับเพราะทางร้านไม่มีบริการที่จอดรถ ก็ต้องจอดแปะๆในซอยแคบๆนั่นแหละครับ ในซอยส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม รีสอร์ท และบ้านพักก็ทำให้ที่จอดรถข้างทางน้อยไปใหญ่ วิธีการของเจ้าของบล็อกก็คือ “ยอมเสียตัง” ครับ ตรงข้ามโรงแรมอนันตศิลาจะมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งบริการที่จอดรถสำหรับผู้มาเล่นน้ำที่ชายหาด ค่าจอดรถคันละ 40 บาท เจ้าของบล็อกยอมที่จะเสียเงิน 40 บาทดีกว่าเสี่ยงไปจอดข้างทางบนถนนแคบๆแล้วรถหาย หรือว่าโดนเฉี่ยว คิดดูนะครับ กินอิ่มๆ อร่อยๆมาแล้วมาเจอเรื่องแบบนี้มันจะเซ็งมากๆครับร้าน เปิ้ล ซีฟู๊ด เป็นร้านอาหาร ..... เรียกว่า “เพิงอาหารน่าจะถูกมากกว่า” ที่อยู่บนชายหาดเขาตะเกียบ ตัวร้านเป็นเพิงไม้ชั่วคราวที่ค่อนข้างแข็งแรงโล่งไปตลอด มีโต๊ะเป็นโต๊ะม้าหินเป็นชุดๆ 4 ตัวบ้าง 6 ตัวบ้าง บางชุดก็ต่อยาวจนได้ที่นั่งกว่า 10 ที่นั่งเพื่อต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ๆ บรรยากาศในร้านก็ไม่ได้ถือว่าสะอาดนะครับ มีเศษอาหารตกหล่นอยู่ตามพื้นทรายทั่วไป แต่โต๊ะเค้าก็เช็ดสะอาดดีครับ จุดดีของร้าน เปิ้ล ซีฟู๊ด เขาตะเกียบ คือ “วิว” ครับ เนื่องจากร้านตั้งอยู่บนชายทะเลเขาตะเกียบ จึงเหมาะแก่การทานอาหาร พักผ่อน แบบครอบครัวมากๆครับ ผู้หญ่นั่งทานอาหารชมวิวทะเลกันไป เด็กก็กินอาหารเสร็จก็เล่นน้ำทะเลได้ เรียกได้ว่ามีความสุขได้แบบครบทั้งครอบครัวครับเมนูของร้าน เปิ้ล ซีฟู๊ด เขาตะเกียบ ก็เน้นที่อาหารทะเลครับ แบ่งแยกประเภทตามประเภทของเนื้อสัตว์และกรรมวิธีการปรุง ราคาอาหารก็ไม่ได้แพงโดดเหมือนร้านในหัวหินร้านอื่นๆนะครับเมนูแรก ไข่เจียวปู ราคา 80 บาท


เห็นเมนูแรกแล้วบางท่านอาจจะต่อว่าว่า “แหม .... มาทะเลทั้งทีทำไมกินแค่ไข่เจียว” คงต้องแจ้งไว้ก่อนว่า ทั้งเจ้าของบล็อกและผู้ติดตามไม่ถนัดแกะอาหารทะเลที่มีเปลือกเช่น กุ้ง ปู และไม่เคยคิดจะสั่งเมนูประเภทนี้เลย (ถ้าไปกันลำพัง) ครับ เมนูที่สั่งเมื่อมาร้านอาหารทะเลส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูที่ ปอก หั่น ตัด สับ แล้ว ครับ
ไข่เจียวปูจานนี้ทอดมาแบบฟู๊ .....ฟู ..... กร๊อบ ..... กรอบ ... มากๆด้วยครับ น่ากินมากๆ แล้วก็ทอดมาแบบไม่อมน้ำมันเลยด้วย เนื้อปูที่ให้มาก็สมราคานะครับ ไม่ถึงกับเป็นเนื้อที่เป็นปั้นๆ แต่ก็ไม่น่าเกลียดเลยครับ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ กับซอสพริกเผ็ดๆ ข้าวหมดตั้งแต่เมนูแรกนี้เลยครับ อิอิอิเมนูที่สอง เนื้อปลากะพงผัดคึ่นฉ่าย ราคา 150 บาท


ปลากะพงเนื้อหนา ชิ้นใหญ่ ผัดกับคึ่นฉ่าย รสดีทีเดียวครับ เสียอย่างเดียวที่เมนูนี้ผัดมาแบบน้ำมันเยอะไปนิดครับ คือว่าผัดแบบน้ำมากหน่อยก็ยังรับได้ เพราะจะได้เอาน้ำไว้คลุกข้าวกิน แต่ผัดมาแบบน้ำมันเยอะแบบนี้เอาน้ำไปคลุกข้าวกินคงไม่ไหวครับเมนูที่สาม ปูม้านึ่ง (น้ำหนักครึ่งกิโลกรัม) ราคา 300 บาท


อันนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าปูม้าที่เอามานึ่งสดแบบยังดิ้นอยู่หรือเปล่านะครับ แต่ที่แน่ๆคือเนื้อแน่น หวาน ไม่มีกลิ่น ครับ ได้บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นคู่ที่ไม่นิยมของที่ต้องแกะ แทะ เพราะฉะนั้นปูม้านึ่งร้านนี้จึงถูกใจมากๆเพราะว่าแกะมาให้เสร็จสรรพ มาเสิร์ฟก็สามารถหยิบกินได้เลยครับเมนูที่สี่ กุ้งอบเกลือ (น้ำหนักครึ่งกิโลกรัม) ราคา 600 บาท

อาหารทะเลที่ร้าน เปลิ้ล ซีฟู๊ด นี่สมราคามากๆครับ กุ้งอบเกลือตัวใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เนื้อแน่น หวาน อร่อยครับอาหารจานสุดท้าย หมึกมะนาว ราคา 200 บาท

หมึกขนาดกำลังกิน กับน้ำซุปรสเปรี้ยว เผ็ด มีหวานตามมานิดเดียวแบบที่ชอบเลยครับ ชอบหมึกนึ่งมะนาวที่ใส่หม้อไฟแบบนี้เลยครับ เวลาซดน้ำมันให้ความร้สึกที่ “ทรมาน” ดีครับ ฮ่าๆๆๆๆ ทรมานที่อยากจะซดน้ำซุปทีมีรสชาติถูกใจ แต่ร้อนมากกกกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆร้าน เปิ้ลซีฟู๊ด เขาตะเกียบ นับว่าเป็นร้านขายอาหารทะเลที่มีบรรยากาศดีมากๆอีกร้านหนึ่งของหัวหินเลยครับ

ร้านบ่อฝ้ายชายทะเลเป็นร้านอาหารทะเลบรรยากาศชิลๆ ใน ทอ.บ่อฝ้าย อ.ชะอำค่ะ เดินทางมาไม่ยากเพียงแค่เดินทางตามถนนเพชรเกษมมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวเข้า ทอ.บ่อฝ้ายค่ะ เรารู้จักร้านนี้เพราะพี่สาวเคยแนะนำว่าดี พอถึงคราวจะไปเที่ยวหัวหิน ก็เลยตัดสินใจตามมาชิมดูค่ะ
ทางร้านมีที่จอดรถให้แต่ไม่มากมายนักนะคะ อย่างไรก็ตามในบริเวณใกล้เคียงก็มีสถานที่ที่พอจะจอดได้อยู่ค่ะ ...ลักษณะของร้านเป็นร้านธรรมดาแบบโอเพ่นเหมือนร้านอาหารสมัยเก่าซึ่งบริเวณนี้จะไม่ติดทะเลค่ะ ถ้าไม่อยากนั่งโซนนี้ทางร้านก็ยังมีโซนติดทะเลเพียงแค่เดินต่อไปอีกนิดหน่อย มีทั้งบริเวณที่โล่งแจ้งและบริเวณศาลาริมทะเล โซนนี้พนักงานไม่เยอะแต่บริการรวดเร็วและยิ้มแย้มดีค่ะหลังจากได้ที่นั่งแบบใกล้ชิดติดทะเลแล้วก็เริ่มสั่งอาหารกันเลยค่ะ สำหรับร้านนี้มีอาหารให้เลือกหลากหลายใช้ได้ แต่ว่าไม่มีหอยเชลล์อบเนยที่เราอุตส่าห์อยากกินตั้งแต่ออกจากกรุงเทพ ฮือๆ ไม่กินก็ได้ค่ะ กินหอยอื่นแทนก็แล้วกัน สำหรับอาหารที่สั่งมาวันนี้ได้แก่ ปลากะพงทอดน้ำปลา หอยนางรมสด ต้มยำทะเลน้ำใส ปูผัดพริกเผา และข้าวเหนียวมะม่วงค่ะ

+ ปลากะพงทอดน้ำปลา
ปลากะพงทอดมากรอบนอกนุ่มใน รสน้ำปลาค่อนข้างเค็มไปนิดแต่ว่าปลาสดอร่อยดีค่ะ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ+ หอยนางรมสด
ที่นี่เสิร์ฟหอยนางรมมาแปลกดีค่ะ ไม่ต้องสั่งเป็นตัวแต่เสิร์ฟมาเป็นจาน หอยนางรมแต่ละตัวถูกเสิร์ฟมาบนใบไม้ (เดาว่าเป็นใบปูเล่นะคะ ไม่ขม ไม่เหม็นเขียว) โรยด้วยยอดกระถินและหอมเจียว เสิร์ฟเครื่องเคียงมาเป็นน้ำพริกเผากับน้ำจิ้มซีฟู้ด เริ่ดค่ะ คือดีงามและกินง่ายมาก+ ต้มยำทะเลน้ำใส
อร่อยมากสำหรับน้ำต้มยำ ปรุงมาได้รสชาติจัดจ้านดีค่ะ ปลา กุ้ง หมึกมาพร้อม และใส่เห็ดค่อนข้างเยอะ+ ปูผัดพริกเผา
เมนูนี้เผ็ดค่ะ แต่อร่อยและรสจัดจริงอะไรจริง เนื้อปูถึงเครื่องมากจนหยุดกินไม่ได้ ดี๊ดีทีเดียวเชียว+ ข้าวเหนียวมะม่วง
ข้าวเหนียวมะม่วงขายอยู่บริเวณใกล้ร้านใหญ่ตรงที่มีที่จอดรถค่ะ พอดีเพื่อนสาวแวะเข้าห้องน้ำแล้วสั่งให้เสิร์ฟมา ข้าวเหนียวไม่อร่อยเลย รสออกหวาน ไม่ได้ตัดรสเค็มมาให้ สรุปคือกินแต่มะม่วงค่ะเนื่องจากบรรยากาศร้านดีมากกกกกกกกกกกก (แบบ ก.ไก่ ล้านตัว) เราเลยนั่งตั้งแต่สี่โมงเย็นไปจนถึงเกือบสองทุ่ม ตอนสองทุ่มคนเยอะมากค่ะ พนักงานมีน้อยก็เลยบริการไม่ทั่วถึง ขนาดจะเรียกให้เก็บเงินยังต้องรอเรียกน๊านนานค่ะ ดังนั้นแนะนำให้ไปตั้งแต่ตอนเย็นนะคะทุกสิ่งทุกอย่างจะดีมากมื้อนี้หมดไป 1,1xx ค่ะ ถือว่าอร่อย อิ่มมาก ไม่แพงเว่อร์ บรรยากาศดีสุดๆ แนะนำเลยค่ะ

ในช่วงสายของวันที่อากาศร้อนอย่างสุดขั้ว เราและเพื่อนๆ ตัดสินใจหาร้านน่านั่งสำหรับนั่งหลบหนีความร้อน และเห็นตรงกันว่าควรจะมาลองร้าน Pony Cafe เพราะร้านน่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งที่สุดในโลกหล้าค่ะ โดยร้านตั้งอยู่ริมถนนใหญ่และมีที่จอดรถบริเวณหน้าร้าน หาไม่ยากค่ะ
การเดินทางสามารถทำได้โดยการขับรถมาตามถนนเพชรเกษม ร้านตั้งอยู่ริมถนนเลยค่ะ ด้านข้างของร้านจะมีอาคารพาณิชย์ตั้งอยู่ติดๆ กัน และฝั่งตรงกันข้ามเป็นซอยหัวหินซอย 3 สามารถจอดรถได้บริเวณหน้าร้านซึ่งเป็นที่จอดรถลึกเข้ามาเลยค่ะเดินเข้าไปในร้านปุ๊บ แอบรู้สึกได้ถึงมนต์ขลังอะไรบางอย่าง ร้านตกแต่งได้สวยงามถูกใจมากค่ะ เป็นความแอนทีคที่เข้ากันกับความน่ารักของหนูม้าทั้งหลายเลยทีเดียว บริเวณที่นั่งแบ่งออกเป็นสองโซนคือโซนด้านในและโซนด้านนอก โซนด้านในไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศแต่อากาศเย็นสบายมีลมโกรกเข้ามา แต่เราก็เลือกนั่งด้านนอกซึ่งมีมุมสวนสวย มีต้นไม้ระย้าโรยตัวลงมาจากด้านบนดูร่มรื่นดีค่ะ ถึงแม้ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศแต่โซนด้านนอกนี้ก็มีพัดลมให้ค่อนข้างเยอะ ทำให้พัดเอาความร้อนอบอ้าวออกไปได้นั่งชิลๆ สั่งน้ำมาคนละแก้ว พร้อมเค้กสองชิ้นค่ะ โดยเค้กต้องเดินไปดูและสั่งจากตู้โชว์เค้กด้านในร้าน มีเค้กให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ เหมือนทางร้านจะเน้นขายไอศกรีมและอาหารคาวมากกว่า
+ เค้กช็อคโกแล็ต
เนื้อเค้กค่อนข้างแข็งร่วนค่ะ รสชาติเค้กเข้มข้นดีรวมถึงหน้าเค้กด้วยค่ะ เสียดายถ้าเนื้อเค้กเบาฟูกว่านี้จะอร่อยกว่านี้มากเลย เมนูนี้ให้ 2.5/5 คะแนน+ เค้กส้ม
เช่นเดียวกันค่ะ เค้กส้มเนื้อค่อนข้างแข็ง เนื้อส้มฝานที่ประดับมาด้านบนทำให้รู้ว่าเค้กค่อนข้างเก่า น่าจะไม่ได้ผลิตในวันนี้ค่ะเพราะเนื้อส้มแห้งหมดแล้ว จริงๆ ตอนสั่งก็สังเกตเห็นนะคะ แต่ตอนนั้นคิดว่าน่าจะไม่เป็นไร สุดท้ายคือกินไม่หมดค่ะ ชิ้นนี้ให้ 2/5 คะแนน+ ชาเย็น
ชาเย็นที่นี่เน้นนมค่ะ ก็ยังไม่ค่อยถูกปากเราอยู่ดีเพราะชาไม่ค่อยเข้ม ส่วนของเพื่อนสั่งชามะนาวรสชาติพอใช้ได้ค่ะ เพื่อนอีกคนสั่งมะนาวโซดาและนางก็ตัดสินให้ว่าของนางอร่อยสุดในบรรดาสามแก้วที่สั่งมา+ ไอศกรีมรสมะม่วง
ไอศกรีมที่นี่รสชาติดีเลยค่ะ มีกลิ่นมะม่วงหอมๆ เนื้อเนียนๆ เราให้ 3/5 คะแนนพนักงานร้านนี้น่ารักดีค่ะ บริการดีใช้ได้เลย ร้านก็น่ารักมาก มีห้องน้ำสะอาดสวยงามให้บริการอยู่โซนด้านนอก มีโซนมุ้งมิ้งให้ถ่ายรูปกับตุ๊กตาน้องม้า มีร่มเงาต้นไม้ให้ได้ถ่ายรูปอิงแอบ วันนี้เราอาจจะเลือกเมนูที่ไม่โดนมา ก็เลยค่อนข้างผิดหวังเอามากๆเลย

ไปเที่ยวหัวหินทีไร ก็คิดถึงอาหารร้านแสงไทยซีฟู้ด ไปทีไรก็ต้องแวะไปกินตลอด

ร้านอยู่แถวสะพานปลา เข้าซอยหัวหิน 51 ตรงเข้าไปสุดซอยเลย รถจอดหน้าร้านได้เลย

ร้านเป็นแบบเปิดโล่งด้านข้าง หลังคาสูง ลมเย็นดีค่ะ ไม่ร้อน มีโซนที่ยื่นออกไปในทะเลให้นั่งชมวิวสวยๆ ด้วย
วันที่ไปเลือกนั่งตรงนั้นแล้ว แต่ฝนลงเม็ด เลยต้องกลับเข้ามานั่งด้านในวันนี้สั่งไม่กี่อย่างเพราะไป 3 คน

จานแรก ทะเลเผารวมมิตร ขนาดกลาง 850 บาท มีมาครบเลย อย่างละนิดละหน่อย กุ้ง กั้ง ปลาหมึก ปู หอยหวาน หอยแมลงภู่ หอยแครง หอยตลับ อาหารสดดี เผามาร้อนๆ อร่อยทุกอย่างเลย ที่สำคัญคือน้ำจิ้มอร่อยมาก เป็นแบบพริกตำ มีเนื้อพริก เนื้อกระเทียมหยาบๆ ที่สำคัญคือ รสชาติถูกปากมาก เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด กลมกล่อมลงตัวสุดๆ (เป็นคนชอบทานหวาน)จานที่ 2 หอยตลับผัดฉ่า แนะนำเลยค่ะ รสชาติเด็ดมาก รสชาติเข้มข้น เผ็ดจัดจ้าน แต่อร่อยกลมกล่อม หอยสด เคี้ยวหนึบๆ ราคา 150 บาทจานที่ 3 ปลากะพงสามรส 680 บาท (เราว่าแพงนะ) แต่ก็ปลาตัวใหญ่ สดดี ทอดมาแบบกรอบนอกนุ่มใน แยกน้ำราดสามรสมาให้ ไม่ได้ชิมเพราะค่อยชอบ  ชอบแบบทอดน้ำปลามากกว่า เลยจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแทนสุดท้ายแกงส้มผักรวมกุ้งสด มาเป็นหม้อๆ แต่ไม่ใช่หม้อไฟ 400 บาท รสชาติกลมกล่อม น้ำแกงเปรี้ยวหวานกลมกล่อม กุ้งสด ให้มาเยอะดี ผักก็เยอะ สมราคา (ตอนแรกสั่งแบบ 300 บาท แต่ตอนเช็คบิล เขียนว่า 400 บาท ทั้งที่ตอนสั่งพนักงานก็ทวนรายการอาหารแล้วบอกว่าหม้อเล็ก พอตอนมาเสิร์ฟ เราก็ไม่รู้ว่าขนาดนี้คือหม้อใหญ่หรือเล็ก มารู้อีกทีตอนเช็คบิล ถ้าใครไปทานก็สอบถามก่อนดีๆ นะคะ เวลาพนักงานยกมาเสิร์ฟ)สั่งข้าวไปอีก 1 โถ น้ำเปล่า 1 ขวดใหญ่ เช็คบิลมา 2,400 บาท สำหรับ 3 คน ถือว่าราคาสูงอยู่ แต่เทียบกับความอร่อย คุณภาพแล้วก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะทานกันจนหมด อิ่มจนจุกเลย 

สรุปอาหารอร่อย บรรยากาศดี อาหารโดยรวมค่อนข้างรสจัด เผ็ดจัดจ้าน ใครไม่ทานเผ็ดต้องแจ้งตอนสั่งเลยนะคะ ว่าเผ็ดน้อย 

ใครไปเที่ยวหัวหินไม่ควรพลาดทานอาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ ร้านแสงไทยซีฟู้ดนะคะ

หายหน้าหายตาไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆครับ ไม่ได้ไปไหนนะครับ อยู่ที่บ้านเหมือนเดิมแต่ธุระเยอะมากๆครับ ทำโน่นทำนี่จนไม่มีเวลามาทำบล็อกเลยครับ แล้วกลางๆอาทิตย์นี้จะไปตะลุยกินที่ฮ่องกงกับเพื่อนๆอีกก็เลยต้องเตรียมตัวหาร้านอาหารกันนิดนึงครับ ก็เลยห่างการเขียนบล็อกไปครับ วันนี้มาลงซะบล็อกนึงก่อนคราบ กว่าจะได้ลงอีกทีก็คงจันทร์หน้าเลยคราบ

วันนี้มาแนะนำร้านกาแฟชื่อดังในหัวหินครับ ของขึ้นชื่อที่ร้านนี้ไม่ใช่กาแฟครับ แต่เป็น “ตับบด” อิอิอิ

ร้านกาแฟข้างบ้าน ปากซอยหัวหิน 83 หัวหิน


ร้านกาแฟข้างบ้าน มาไม่ยากเลยครับ อยู่เลยโรงแรม Intercontinental ไปนิดเดียวครับ ขับรถผ่านตัวเมืองหัวหินมุ่งหน้าเขาตะเกียบมาเรื่อยๆ ผ่านโรงแรม Intercontinental โรงแรม คาซา เดอ มาเร โรงแรมสายลม พอเลยบ้านพิชัยญาติก็ให้ชิดซ้ายไว้ ร้านกาแฟข้างบ้านอยู่ปากซอยหัวหิน 83 เลยครับ ริมถนนเพชรเกษมมีที่จอดรถหน้าร้าน 2 ที่ ถ้าเข้ามาในซอยมีที่จอดรถหน้าร้านนิดหน่อยครับเพราะต้องแชร์ที่จอดรถกับรีสอร์ทที่อยู่ใกล้ๆกัน ให้ขับรถเข้าไปอีกนิด ทางด้านขวามือจะมีทีจอดรถประมาณ 20 คันครับ

ร้านกาแฟข้างบ้าน เป็นร้านกาแฟไม่เล็ก ไม่ใหญ่ (คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกับรีสอร์ทข้างๆ) บรรยากาศร่มรื่นมากๆครับ มีที่นั่งทั้งภายในและภายนอกร้าน ภายในร้านก็ตกแต่งแบบง่ายๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์แบบย้อนไปในยุด 60 – 70 ในร้านโล่ง โปร่ง สบายมากๆครับ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น คิดว่าลูกค้า ร้านกาแฟข้างบ้านคงชอบนั่งรับลมด้านนอกมากกว่านะครับ เพราะด้านนอกทีโต๊ะเยอะกว่าด้านในร้านครับ

เมนูที่ ร้านกาแฟข้างบ้าน ก็เป็นเมนูเครื่องดื่ม กับขนมต่างและเมนูอาหารว่างสำหรับทานกับเครื่องดื่มครับ

สั่งเครื่องดื่มมากินก่อน ชาเลมอนเย็น (Iced Lemon Tea) ราคา 50 บาท


ชาออกรสเข้มๆ ขมนิดนึงของชานะครับ แล้วก็มีรสหวานๆของน้ำเชื่อม ที่ถูกใจที่สุดเห็นจะเป็นรสเปรี้ยวน้อยๆ หอมๆ ของน้ำเลมอนครับ รู้สึกชุ่มคอและช่วยคลายร้อนได้ดีจริงๆเลยครับอีกแก้วเป็น คาราเมลลาเต้เย็น (Iced caramel Latte) ราคา 50 บาท


แก้วนี้ไม่ได้ชิมครับ เป็นของคนขับรถ หุหุหุแซนวิชตับบด (Pete Sandwich) ราคา 50 บาท

เมนูนี้เป็นเมนู the must ของร้านกาแฟข้างบ้านเลยครับเนื่องจาก “ตับบด” ที่ร้านนี้อร่อยมว๊ากกกกกกกก เนื้อตับบดเนียนๆ นุ่มๆ ไม่มีรสขมของตับ รสชาติกำลังดีไม่เข้ม ไม่อ่อนจนเกินไป หอมเครื่องเทศอ่อนๆ ไม่เลี่ยนครีมด้วยครับ แล้วยิ่งเอามาทาให้หนาพอดีๆบนขนมปังแล้วเอาไปย่างให้เหลืองๆ กรอบๆ หอมๆ นะครับ สวรรค์เลยทีเดียว ลองถามหาตับบดเป็นถาดๆด้วยนะครับ เอากลับมากินที่บ้านก็ยังอร่อยครับและ วาฟเฟิล กับไอศกรีม ราคา 85 บาท


วาฟเฟิลหนาๆ ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม หอมกลิ่นวนิลลา เสิร์ฟมาแบบยังอุ่นๆอยู่ ทานพร้อมกับไอศกรีมและวิปปิ้งครีมตอนยังอุ่นๆอยู่อร่อยที่สุดแล้วครับร้านกาแฟข้างบ้าน เป็นร้านกาแฟเล็กๆ น่ารักๆ บรรยากาศร่มรื่น อาหารและเครื่องดื่มอร่อย อยากให้ลองแวะไปชิมกันครับ