เวลามีโอกาสไปพักโรงแรม ช่วงเวลาที่ฉันชื่นชอบสูงสุดคือ ช่วงเวลาทานอาหารเช้า ตื่นเช้ามาเดินเล่นริมทะเล ว่ายน้ำ ให้เหนื่อยล้าหิวโหย แล้วก็อาบน้ำแต่งตัวมานั่งกินอาหารเช้าแบบชิวๆ

โรงแรมนี้อยู่ริมถนนเพชรเกษมเลยค่ะ ถ้าขับมาจาก กทม พอเลย Maket Village ก็คอยสังเกตด้านซ้ายมือ โรงแรมตั้งอยู่ระหว่างซอย 83/1 กับ 85 ขับรถเข้าไปเลยค่ะ ที่จอดรถเยอะแยะสะดวกสบาย

ห้องอาหารเดียวในโรงแรม คือที่นี่ Al Hamra อยู่ติดสระว่ายน้ำ ด้านหน้า รร ติดทะเลหัวหิน
ทั้งโรงแรมตกแต่งในสไตล์ โมร็อกกัน เพิ่งเปิดทำการเมื่อ 1 พย 54 นี้เองค่ะ ทุกอย่างจึงยังไม่เอี่ยมอ่อง บางส่วนก็ยังไม่เปิดบริการ เพราะเหตุนี้กระมัง (เดาๆ) ทำให้ ชนิดของอาหารเช้า พลอยน้อยไปด้วย โต๊ะนี้ เห็นทั้งสระว่ายน้ำทั้งทะเลเลยมีมุมสบายต่างๆ ให้เลือกนั่งมากมายนั่งด้านนอกก็ได้ค่ะ ถ้าไม่กลัวแดด อากาศ ดีมากค่ะ วันนี้ เก้าอี้ก็มีหลายหลายรูปแบบ เหมือนตั้งใจให้มาที่นี่แล้วผ่อนคลายสูงสุด

มาดูอาหารกันมั่งคะ ขนมปังมีให้เลือกหลากหลาย ก้อนใหญ่ก้อนเล็ก แบบแผ่น แบบก้อน หั่นหนาบางได้ตามใจชอบ เนื้อขนมปังไม่เหนียวเท่าไร (ชอบเหนียวๆ) เปลือกขนมปังก็ไม่กรอบเท่าที่ควร ซุปมิโสะ ขนมปัง และสลัด อาหารเช้าของวันนี้ค่ะ อาหารเช้าถ้าคิดว่า เป็นแบบฝรั่งนี่ ก็ครบถ้วน ไม่ขาดตกบกพร่อง ถั่วขาว แพนเค้ก ไส้กรอก ไข่ดาว อ้อ ไข่ดาวที่นี่ทอดอยู่ด้านนอกห้องอาหารนะคะ ริมสระว่ายน้ำ ทำให้ ไม่มีกลิ่นน้ำมันตลบอบอวล นั่งสบายจมูกดีค่ะ

สลัดอร่อยมาก น้ำสลัดมีหลายหลายให้เลือก ตามแต่รสนิยม ส่วนตัวฉันชอบ งาขาวบด กะ ซอส โชยุ กินสลัดไปสามจานนั่นแน่ะค่ะตบท้ายด้วยผลไม้หลังอาหารและชามินท์อิ่มอร่อยสบายท้องไปอีกมื้อ มีโอกาสเมื่อไรจะกลับไปอีกนะคะ

ทริปนี้ เราหนีจากเมืองกรุง จากความวุ่นวาย มุ่งสู่จังหวัดเพื่อการพักผ่อน "หัวหิน"
จังหวัดที่มีกลิ่นไอ เมืองตากอากาศ ชิลๆด้วยโรงแรมที่พักแบบ สวยๆเก๋ๆ
ตกค่ำ ย่ำเท้าเดินเที่ยว ตลาดคนเดิน ชิลๆอินๆที่เพลินกับอดีต แต่คนเยอะม๊ากๆแบบ "เพลินวาน"
ไม่ลืมแวะทำบุญไหว้พระกับครอบครัวที่ "วัดห้วยมงคล"
ปิดท้ายก่อนกลับจัดเต็มๆ กับร้านอาหาร ซีฟู้ดอร่อยๆ ร้านโปรดประจำบ้านเราอย่าง"แสงไทย ซีฟู้ด"

ร้านนี้เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
โทรจองโต๊ะที่เบอร์ 032512144, 0817361562
ราคาต่อคน 300-500 บาท

ส่วนมากคุณป้าน่ารักมากๆจะโทรมาสั่งปูตัวใหญ่ๆ และรายการอาหารก่อนล่วงหน้าเพราะคนเรารอ....กลัวหลานๆจะหิว

ด้วยบรรยากาศร้านนี้เหมาะสำหรับทุกๆโอกาศ เช่น แบบคู่รัก เพราะถ้ามาช่วงค่ำๆจะเห็นพระอาทิตย์ตกและเห็นทะเลสวยๆได้ชัดเจน ส่วนของร้านนี้ติดชายทะเลหัวหิน ที่จัดโต๊ะให้บางส่วนสามารถยื่นลงในทะเล สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ชัดเจนโรแมนติกมาก...
แต่ด้วยเรามาตอนบ่ายแก่ๆเราจึงนั่งกลางๆร้านเอาร่มๆตามใจ ผู้ใหญ่และใกล้ๆที่จอดรถ
ปล.ห้องน้ำสะอาดค่ะ

เส้นทางร้าน
ถ้าเดินทางจากกรุงเทพฯ ตรงไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้วให้ใช้ถนนเพชรเกษมสี่แยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายอยู่ตรงสะพานลอยหัวหิน ร้านแสงไทยซีฟู้ด อยู่ตรงหัวมุมพอดีติดร้านอาหารชายทะเล ติดสะพานหัวหิน ต้มยำทะเล ปลาชิ้นใหญ่ๆสดม๊ากๆ ข้าวผัดปูเนื้อปูเต็มๆและกุ้งตัวใหญ่หลายตัวเต็มจานเลย อาหารที่ไม่สั่งไม่ได้แล้วปูผัดผงอร่อยม๊ากๆๆๆปลาหมึกทอด กรุ๊บ กร๊อบไม่เหนียวเลย สดจริงอะไรจริง เนื้อแน่นๆจิ้มน้ำจิ้มหวานทานคู่กับข้าวผัดอร่อยเหาะเลย อิอิกั้งทอดกรอบๆเคี้ยวได้ทุกส่วน ปูนิ่งพระเอกของงานนี้
เนื้อปูแน่นๆสดมากๆหวานมากๆ น้ำจิ้มทะเลแซ่บๆ อร่อยลืมกรุงไปเลย... ปิดท้ายด้วยก้ามปูใหญ่ หวานจิงอะไรจิง และวิวสวยๆหน้าร้านเห็นสะพานชิลม๊ากรสชาติความสด และการปรุงอาหารให้ 10
ความสะอาด 8
บริการความรวดเร็ว 9
บรรยากาศ 9
ราคาแพงไปนิดแต่คุ้มค่าของสดๆอร่อยให้ 8

ว่างๆผ่านมาเที่ยวหัวหินชวนแวะมาลอง ร้าน"แสงไทย ซีฟู้ด" นะค้า

อยู่ดีๆ บัตรเครดิตกรุงศรีฯ GE ก็ส่ง voucher ที่พักที่ปราณบุรีมาให้ฉันไปพักฟรี 1 คืน ฉันคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุใด โปรโมชั่นไหนหนอที่ฉันไปทำไว้ หรือฉันซื้อของชิ้นใดถึงได้แถมที่พักฟรี 1 คืน คิดไปก็ปวดหัวเปล่า ช่างเถอะไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ชื่อที่หน้าซอง ที่อยู่อะไรก็ถูกต้องหมด อิอิ ทำอะไรไม่ได้แล้ว คงต้องจำใจ จัดกระเป๋าไปลัลล้าปราณบุรีกันดีกว่า

ทะเลที่นี่สีไม่สวย คลื่นแรงเสียงดังมาก หาดทรายก็แคบ เช็คอินตอนบ่ายห้าโมงเย็นเเอาของเข้าห้องพักเรียบร้อย ฉันก็ขับรถออกไปหาอะไรทานทันที ระหว่างทางเจอเพิงตากปลาหมึก และร้านขายปลาหมึกแดดเดียวตลอดทาง พร้อมทั้งป้ายโฆษณา ร้านอาหารชื่อ OX เต็มพรืดไปหมด ไหน ๆ ก็ไม่มีเป้าหมายอยู่แล้ว ไปลองร้านนี้ก็แล้วกันร้านนี้ไปง่ายค่ะ ขับรถมุ่งหน้าไปปากน้ำปราณ แล้วก็จะเจอป้ายบอกทางเต็มไปหมด ฉันไปตอน17.30 ยังไม่ค่อยมีคน จอดรถได้หน้าร้านเลยค่ะ เดินเข้าไป ลมทะเลพัดระดับกรรโชกแรง หน้านี้คงเป็นหน้าลมแรงของทะเลที่นี่ เพราะต้นไม้ริมทะเลนี่ถึงกับต้องเอาผ้ามาห่อกันเอาไว้เลยทีเดียว

บรรยากาศดีมากค่ะร้านนี้ ถ้าใครไม่ชอบลมทะเลก็เลือกที่นั่งด้านในได้ แต่มาทะเลทั้งที ฉันเห็นมีแต่คนมุ่งหน้าไปที่โต๊ะริมทะเลทั้งนั้น นอกจากครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ มา ก็ต้องนั่งที่นั่งที่ปลอดลมสักหน่อย

ตอนไปมีแค่ครอบครัวหนึ่งนั่งกินกันอยู่โต๊ะเดียว ตอนนี้ฉันเห็นใครมาเป็นครอบครัวก็คิดไปเองว่า คงเป็นครอบครัวอพยพหนีน้ำ พนักงานมาบริการว่องไวดีมากค่ะ นั่งปุ๊บ ยื่นเมนูให้ปั๊บ กัปตันที่นี่เปรี้ยวมากมากค่ะ ผมทอง ใส่รองเท้าหนังหัวยาวววว เห็นแล้วคิดถึงน้าเนคเนื้อหอยหวานสดดีค่ะ แต่เครื่องปรุงและใบโหระพาน้อยไปหน่อย ทำให้รสชาติค่อนข้างจืด ใครชอบรสจัดไม่แนะนำค่ะ จานนี้เนื้อปลาหมึกอร่อยมว๊ากกกกกก หนาเต็มคำ สมกับที่อยู่ใกล้แหล่งจับปลาหมึก แต่น้ำจิ้มที่มาด้วยนี่อ่ะสิ เป็นเหมือนน้ำจิ้มไก่ สีส้มๆ หวานๆ สำหรับฉัน ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร ปกติฉันจะเป็นคนสั่งอาหารแล้วจะเป็นรสจัดทั้งโต๊ะ จนบางทีขำว่า ทำไม ตอนสั่งไม่คิด เพิ่งจะคราวนี้นี่เองที่ สั่งอาหารแล้วจืดไปซะทุกจาน ให้เนื้อเยอะมากค่ะ เกินคุ้มในราคา 150 บาท ตอนแรกรสชาติกำลังพอดี ต้มๆ ไป หลังๆ ค่อนข้างเค็มหอยหวานมากับน้ำจิ้มทะเลรสเด็ด อร่อยมากค่ะ จานนี้ แนะนำๆนี่เลย จานนี้เด็ดที่สุด ปูม้านึ่งอร่อยที่ซู้ดดดดดด เนื้อเด้งหวานจริงๆ สมกับเป็นปูปราณบุรี highly reccommend เลยค่ะ

ตอนเช้าแวะไปดูเค้าตากหมึกค่ะ อยู่ถัดมาจากร้าน OX นิดเดียว อยากจะมาดูว่ากว่าจะมาเป็นปลาหมึกแดดเดียวต้องทำอะไรบ้าง

หากพูดถึงทะเล หลายๆ คนคงจะต้องนึกถึงอาหารทะเลขึ้นมาทันที และที่สำคัญคงหนีไม่พ้นปูทะเลก้ามโตๆ เนื้อปูหวานๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด

และหากใครได้ไปท่องเที่ยวและไปพักผ่อนแถว ทะเลปราณบุรี เขาสามร้อยยอด หรือแม้กระทั่งกุยบุรี คงจะเคยได้ยินชื่อร้านอาหาร "ยกซด" กันบ้างไม่มากก็น้อย

สำหรับร้านนี้ถือเป็นร้านประจำสำหรับผมเวลาไปเที่ยวทะเลแถวๆ นั้น ซึ่งก็ด้วยความสดของอาหารทะเล รวมทั้งราคาก็ไม่แพงเหมือนกับร้านอาหารซีฟู้ดทั่วๆ แต่ว่าบรรยากาศในร้านอาจจะธรรมดาไปนิด แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการรับประทานเนื้อปูทะเล หรือ ปูม้านึ่ง

สำหรับร้านนี้มีเมนูแนะนำคือ "ยำกระถินกุ้งสด" รสชาติจัดจ้าน กุ้งสดตัวโต รวมทั้ง "กุ้งอบเนย" ที่คัดกุ้งสดๆ ตัวโตๆ มาอบคลุกกับเนย เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้น่าทานยิ่งขึ้น ที่สำคัญน้ำจิ้มซีฟู้ดที่นี่รสชาติจัดจ้าน ถูกใจผมยิ่งนัก

ร้านนี้เป็นร้านอาหารแบบบ้านๆ เลยครับ ไม่ใช่ร้านที่มีการตกแต่งสวยงาม หรือมีโต๊ะอาหารมากมาย

การเดินทางนั้นก็ไม่ยากครับ แต่ระยะทางอาจจะไกลเล็กน้อย หากมาทางหัวหินให้มุ่งหน้าไปยังแยกปราณบุรี (ตรงแยก Lotus) เลี้ยวซ้ายเข้าไปแล้วมุ่งไปตามทางที่บอกว่าไปอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด หรือ ทางไปถ้าพระยานครนั่นเอง โดยร้านจะอยู่ด้านในอุทยาน ซึ่งจะต้องผ่านด่านทางเข้าอุทยาน แต่ไม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียม เพียงบอกว่าเราจะเข้าไปทานอาหารอย่างเดียว โดยร้านจะอยู่บริเวณถ้ำแก้ว ซึ่งจะอยู่ทางขวามือ เป็นร้านอาหารเล็กๆ ให้สังเกตป้ายถ้ำแก้วดีๆ นะครับ แต่หากใครต้องการเข้าไปเที่ยวต่อด้านในอุทยาน ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วยนะครับ

ข้างในร้านมีที่จอดรถสะดวกครับ ภายในมีโต๊ะไม่มากนัก เป็นโต๊ะที่อยู่ใต้หลังคามุงจากแบบง่ายๆ ไม่ได้มีการตกแต่งที่สวยงามเหมือนร้านอาหารทั่วไปบรรยากาศของร้าน

สำหรับอาหารเริ่มที่ "กุ้งอบเนย (220.-)" ติดใจรสชาติหวานๆ ของกุ้งตัวโต ตั้งแต่คราวที่แล้วครับ

กุ้งสดมากๆ แต่เหมือนว่ากุ้งคราวนี้ตัวเล็กกว่าคราวที่แล้วเล็กน้อยครับ"ยำผักชาววังกุ้งสด (80.-)"

เมนูแนะนำของที่ร้านครับ รสชาติจัดจ้านดี แต่ไม่เผ็ดจนเกินไป มาพร้อมกุ้งสด แม้จะตัวเล็กกว่าจานแรก แต่รสชาติหวานไม่แพ้กัน "ปูทะเลนึ่ง (กิโลกรัมละ 550.-)"

และแล้วก็มาถึงเมนูที่รอคอยมานานครับ วันนั้นไปทานกัน ผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอีก 1 คน เลยสั่งปูทะเลมาทั้งหมด 3 กิโลกรัม ทางร้านนึ่งมาให้ร้อนๆ พร้อมกับทุบกล้ามปูให้สามารถแกะได้ง่ายดาย แบ่งออกเป็น 2 จานโตครับ

เนื้อปูหวานและสดมากๆ ยิ่งทานพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน และเข้มข้นของทางร้านยิ่งเพิ่มรสชาติให้อร่อยมายิ่งขึ้น จนต้องสั่งข้าวเปล่ามาเเพิ่มเลยครับ

สำหรับคนที่ชอบไข่และมันปู คงต้องชอบแน่ๆ วันนี้มีเพียบเลย คลุกกับข้าวทานยิ่งอร่อยเข้าไปอีกครับ

สำหรับปูทะเลที่นี่ ถ้าเป็นเสาร์ อาทิตย์ แนะนำให้โทร. ไปจองปูล่วงหน้าก่อนครับ

ที่เบอร์ 085-0657123 ครับ เพราะปูเค้ามีจำนวนจำกัด "ปูม้านึ่ง (กิโลกรัมละ 300.-)"

ตามมาด้วยปูอีกชนิดครับ ร้านแนะนำให้สั่งปูม้าด้วย เพราะเพิ่งมาสดๆ ครับ เลยสั่งมา 1 กิโลกรัม"ปลากระพงนึ่งมะนาว (250.-)"

จากนั้นก็สั่งปลากระพงนึ่งมะนาวมาด้วยครับ จะได้ครบสูตรอาหารทะเลครับ ปลาสดมากๆ น้ำยำก็แซ่บสุดๆ ครับปิดท้ายด้วย "หมึกกะปิ (120.-)"

ปลาหมึกสดๆ ผัดคลุกเคล้ากับกะปิ รสชาติเยี่ยมจนเกลี้ยงจานในระยะเวลาไม่นานเลยครับหลังจากอิ่มกับอาหารแล้วเมื่อสั่งเก็บเงิน ทางร้านบริการเสริฟสัปปะรดให้ฟรี ครับ

เนื้อฉ่ำหวานมากๆ สมกับเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของที่นี่เลยครับ

สำหรับร้านนี้ถ้าคนไม่เคยไปแถวนั้นอาจจะหายากนิดหน่อย แต่หากได้ไปแล้วรับรองว่าจะติดใจเหมือนกับผมและอีกหลายๆ คนครับ เนื่องจากรสชาติอาหารที่สดมากๆ รวมทั้งราคาก็เป็นมิตร และการบริการถือว่าอบอุ่นเป็นกันเองทีเดียวครับ

เนื่องจากสถานการณ์ช่วงนี้ intrend กับ น้องน้ำในกทมกันใหญ่
ที่บ้านยังไม่เกิดอะไร แต่อยากมีส่วนร่วมด้วย
โดยเริ่มจากน้องชายเป็นคนถามว่า "ไม่ไปไหนกันบ้างหรอ"
ที่บ้านเลยจัดการเตรียมตัวไปเที่ยวหัวหินกัน 1 คืน
แต่สุดท้าย ทุกคนไปหมด ยกเว้นน้องชาย -..- (แล้วจะถามทำไม ?)

แน่นอน ไม่พ้นอยู่แล้วกับเรื่องของอร่อย สามารถหาได้ทุกที่
และที่หัวหิน ก่อนไปก็มีคนบอกว่าให้ไปชิม "ข้าวเหนียวมะม่วง" ที่หัวหิน
ตอนแรกก็ไม่รู้ที่ไหน แต่มีคนถึงขนาดให้เบอร์ติดต่อมาเลย
แต่พอเอาเข้าจริง ไปถึงที่นั่น แม่ก็พาไปที่ร้านเลย
(สงสัย ได้เชื้อหาของกินมาจากแม่นี่เอง )

มาถึงหน้าร้าน เห็นคิว + แสงแดดยามเที่ยง ถึงกับ
ทุกคนไม่หวั่นจริงๆ กับการยืนรอคิวทุกคนมุ่งมั่นในการมารอซื้อกันจริง ๆทำงานกันมือเป็นระวิงกันสุดริด !!!!

ร้านนี้ จะอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม Hillton เปิดมาได้กว่า 30 ปี
หรือง่ายๆ คือ เลี้ยวเข้า ถนน หัวหิน57(เดชานุชิต) หรือถนนที่อยู่ตรงข้ามกับตลาดโต้รุ่ง
เข้ามาจนสุดถนน(ด้านหน้าเจอทะเล) ให้เลี้ยวขวา
แล้วตรงไปจนเกือบสุด ให้เลี้ยวขวาอีกทีเข้าถนน นเรศดำริห์ (เพราะตรงไปสุด จะเป็นทางตัน)
จะเจอโรงแรม Hillton อยู่ซ้ายมือ และจะเจอร้านป้าเจืออยู่ขวามือ
(จะเห็นคนมุงเยอะๆ นั่นแหละ ใช่เลย !!!! )

มาถึงก็รอคิวกันไป
ร้านนี้จะดีอย่างนึงตรงที่ ทางร้านจะเคร่งครัดในการ เข้าคิว มากๆ
เพราะตอนที่ไปเข้าคิว พอถึงตาที่จะซื้อ
มีพี่สาวคนนึง มาแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ คือมายืนอยู่หน้าตู้กระจก
ซึ่งตอนนั้นจำได้ว่า คนก่อนหน้าคือผู้หญิงใส่เสื้อกล้ามสีดำ
พอมาถึง เจ้เค้าก็สั่ง ซึ่งเราเองก็เอะใจ ว่าเค้าไม่ได้มาก่อน
ป้าเค้าก็ถามเลยว่า ถึงคิวใครสั่ง
เค้าก็หันมาถามว่า น้องสั่งเป็นกล่องใช่ไหม? เพราะพี่สั่งแต่ข้าวเหนียว 1 โล
ป้าเค้าก็เลยถามย้ำว่า เค้ามาก่อนหรือเปล่า
เราก็ไม่ยอม บอกว่าเปล่า พี่เค้าก็บอกว่า ซื้อแค่ข้าวเหนียวโลเดียว
ป้าเค้าก็เลยถามย้ำ ว่า เข้าแถวหรือเปล่า แถวอยู่ด้านนู่น
จนคุณเธอต้องยอมเดินไปต่อคิว
(ชอบร้านนี้จริงๆ เลย ยุติธรรมมากๆ )ลวดลายในการปอกมะม่วงมะม่วงเหลืองๆ น่าทานทั้งนั้น !!!! ><~

หลังจากที่รอมานานแสนนาน จากจะสั่งแค่ 1 กล่อง
เลยสั่งข้าวเหนียวเพิ่ม 1 โล และมะม่วงอีก 3 ลูก(ไปปอกกินเองที่โรงแรม)

ตอนแรกแม่บอกว่า แล้วแต่คนชอบ
เพราะข้าวเหนียวที่แม่ชอบคือ นุ่มๆ
แต่ของร้านป้าเจือ จะออกกรุบๆ ด้านนอก และนิ่มด้านใน
เหมือนแช่น้ำปูนไว้ก่อนจะนำมานึ่ง (แม่บอกมาอีกที)
แต่ด้วยรสชาติที่ข้าวเหนียวต้มกับน้ำกะทิ เข้าเนื้อข้าวเหนียวดี
รสชาติจึงไม่หวานมาก แล้วเมื่อกินคู่กับมะม่วงที่ออกอมเปรี้ยว รสชาติจึงลงตัวจริงๆกะจะแย่งที่บ้านกินอีก แต่แค่ครึ่งกล่อง ก็ไม่ไหวแล้ว ข้าวเหนียวพองเต็มท้อง 555555

ราคาก็สมกับที่รอคอยยืนรับไอแดด + ไอทะเลจริงๆ
ซึ่งถ้าใครได้มีโอกาสไปเที่ยวที่หัวหิน
(ไม่จำเป็นต้อง intrend แบบช่วงนี้ก็ได้ )
ก็สามารถแวะไปลิ้มลองของอร่อยๆ แบบนี้กันได้
แต่ต้องรีบไปหน่อย (แม่บอกอีกแล้ว) ควรจะไปก่อนเย็น
เพราะถ้าของหมด ป้าเค้าก็ปิดร้านเลย
เพราะงั้น ไปตอนบ่ายๆ ได้กินชัวร์ค่ะ

หัวหินนนครั้งนี้ day trip ค่ะ ไปถึงก็หิวเลย หาอะไรทานซะหน่อย
แต่เงื่อนไขก็คือ ขอร้านใกล้ๆ กับมะม่วงป้าเจือค่ะ เราก็เลยมาที่ร้านนี้ค่ะ
ร้าน ชาวเล ร้านอาหาร sea food ในหัวหินเลยค่ะ

ร้านอยู่บนเส้น ถ.นเรศดำริ ใกล้ๆ กับ สะพานปลาหัวหิน
จากร้านมองเห็นสะพานปลาด้วยนะคะ ลมเย็นดี แล้วก็วิว ดี ค่ะ

ร้านก็แบ่งเป็น zone ในร่ม แล้วก้กลางแจ้งด้วยคะ่ กันแดด กันฝน บ้าง


วิวสวยสุดๆ คะ่ ชายทะเล จริงๆ เลย ฟ้าก็ใส มาก แต่ัวันนี้มีแดด เราขอนั่งในร่มค่ะอีกฝั่งนึงก็เป็นที่พักอาศัยของคนแถวนั้นค่ะ ได้ลมทะเล ทุกวันเลย แวบนึงก็มีพนักงานมารับ order ค่ะ
แล้วน้ำจิ้ม seafood ก็ตามมาเลยค่ะ เร็วมาก รสชาติคนไทยมากๆ คือเผ็ด แล้วก็มีหลาายรส
หวานเค็มเปรี้ยวเผ็ด เด่นทุกรส อร่อยเลยค่ะถัดมาค่ะข้าวอบสับปะรด อันนี้เสียดายไม่ค่อยร้อนเลยอ่ะคะ เหมือนว่าทำไว้แล้วรึเปล่าก็ไม่รู้
แต่สับปะรดเยอะดีคะ่ กุ้งไม่ค่อยเยอะ จานนี้ให้คะแนนกลางๆ ละกันค่ะ
ข้าวผัดนี่แค่ไม่ร้อนก็ สอบตกแล้วค่ะอันนี้เมนูแนะนำค่า ปลากระพงทอด ค่ะ สมแล้วที่ขึ้นชื่อเพราะว่าปลาตัวใหญ่มาก
แล้วก็ทอดมาได้ กรอบ อร่อยจังเลยค่ะ
ทานกับข้าวแค่นี้ก็อิ่มอร่อยได้แล้วคะ่เรื่องการบริการนะคะ อาหารก็ไวอยู่นะคะ แล้วก็รับ order เร็วดีค่ะ
แล้วก็พนักงานก็เยอะด้วย ค่ะ ช่วงเย็นๆ คนน่าจะเยอะทีเดียว
โทรจองก่อนล่วงหน้าได้นะคะ ที่เบอร์ 0-3251-3437, 0-3251-3437

ทริปหัวหินครั้งนี้ ช่วงกลางวันเราก็มาฝากท้องกันที่ร้าน ธันย์ โรตี มะตะบะ
ร้านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดโต้รุ่งหัวหินค่ะ
อยู่ตรงถนน เลียบทางรถไฟ ค่ะ ร้านขายตั้งแต่เช้านะคะ แต่โรตีจะขายตอนบ่ายๆ ประมาณ 3 โมงไปอ่ะคะ
เป็นร้านตึกแถวห้องเดียวค่ะ
ในร้านมีโต๊ะนั่งไม่เยอะมาก
แต่ว่าลูกค้าไม่ขาดสายเลยคะ่ มีคนมารอซื้อตลอดเลย
ถ้าไปช้าอาจจะหมดได้ค่ะ

เข้ามาในร้านก็จะเจอป้ายร้านตัวใหญ่มาก รับรองว่าเข้าไม่ผิดร้านแน่นอนค่ะ
แล้วก็จะมีกรอบรูปแปะเต็มเลยค่ะ เป็นการตกแต่งอีกแบบหนึ่ง ถ้าอยากรู้เมนูก็สามารถดูได้จากป้ายสีฟ้า บน board เลยค่ะมีทั้งเมนูเครื่องดื่ม
และเมนู โรตี มะตะบะ ค่ะ หรือถ้าอยากทานอาหารตามสั่งก็จะมีเมนูแยกอีกอันให้่ค่ะหลังจากสั่งเรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากดูกรรมวิธีการทำ โรตี ก็สามารถแวบไปดูหน้าร้านได้เลยค่ะ
แป้งถูกปั้นเตรียมไว้ พร้อมทีเดียว กล้วยก็พร้อม กะทะร้อน พร้อมเสิร์ฟเลยค่ะโรตี น่าทานมากเลยคะ่ คนสั่งกันทีเยอะเลย เวลาทำ ก็ทำทีเดียว รวดเร็วจิงๆ ค่ะน้ำมาแล้วค่ะ น้ำโอวัลตินเย็น แก้วละ 10 บาทเท่านั้นค่ะ
รสชาติเข้มข้นดีด้วยค่ะมะตะบะไ่ก่ค่ะ แป้งหนานุ่ม ราดอาจานนิดนึง ไส้ไก่ข้างในก็ปรุงรสมาอร่อย พอดิบพอดี
หอมมาเชียว แถมเสิร์ฟแบบร้อนๆ เพราะทำจาานต่อจาน ยิ่งเริ่ดเลยค่ะขาดไม่ได้จานนี้คะ่ โรตี + แกงค่ะ แป้งโรตี กรอบนอกนุ่มใน แล้วก็มาแบบร้อนๆ
มีเนื้อไก่มาด้วยเลย แป้งโรตีถูกตัดมาเป็นชิ้นเล็กๆ
ทำให้ง่ายต่อการกินมากเลยค่ะ
ตักแกงราด แล้วก็เอาเข้าปากเลย อร่อยสุดๆ
แกงหอมมาก แล้วก็เข้มข้นที่สุดแล้วที่สำคัญ เราว่าแป้งเค้าส่วนผสมลงตัวมาก ตอนทอดมาก็ไม่อมน้ำมันด้วยค่ะ
มีึความกรอบ แล้วก็นุ่มใน คำเดียว ถือว่าอร่อยมากเลยค่ะโรตีจานนี้ราคาเพียงแค่ 14 บาทเท่านั้นค่ะ
ส่วนโรตีมะตะบะ ก็ 25 บาทค่ะ ราคาถูกมวาก หาในกรุงเทพแทบไม่ได้แล้ว

ทริปหัวหินครั้งนี้ตั้งใจว่าจะลองไปกินอาหารทะเลที่ร้านที่ยังไม่เคยกินดูบ้าง...
ไม่งั้นไปทีไรก็กินอยู่แต่ร้านเดิมๆ ทู๊กที

ก่อนไป อ่านเจอรีวิวร้านอาหารย่านหัวหิน/ ประจวบฯ ในนิตยสารแจกฟรีของบัตรเครดิต
เค้าเขียนถึงร้านแสงไทยซีฟู๊ดเอาไว้ได้น่าสนใจ
เลยตัดออกมาติดกระเป๋าสตางค์ไว้เลย จะได้ไม่ลืม

ร้านหาไม่ยากค่ะ ถ้ามาจากชะอำ ขับไปเรื่อยๆ ผ่านพระราชวังไกลกังวล
ผ่านไฟแดง 2 ไฟแล้วสังเกตุซอยทางซายมือ ซ.หัวหิน 55
เข้าไปสุดซอยเลยค่ะ จะเห็นป้ายร้านใหญ่มาก ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอ
มีที่จอดรถกว้างขวาง แต่รถทัวร์จอดเยอะ ทำให้ต้องจอดซ้อนๆ คันกันไปถึงร้านพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปซะแล้ว
เลยอดนั่งทานไปดูทะเลยามเย็นไปอย่างที่ตั้งใจ
คนเกือบเต็มร้านค่ะ แต่ก็ไม่แน่นจนถึงต้องรอโต๊ะสั่งอาหารมาหลายอย่างค่ะ อย่างแรกที่สั่งเลยคือปูม้านึ่ง (โลละ 600 บาท)
เนื้อสดใช้ได้เลยค่ะ ( สูสีกับสังเวียนซีฟู๊ด แต่ให้สังเวียนชนะค่ะ )
น้ำจิ้มซีฟู๊ดสอบผ่านค่ะ จัดจ้านใช้ได้...พวกกั้งและลอบสเตอร์ราคาสูงพอๆ กับร้านอาหารซีฟู๊ดชายทะเลทั่วๆ ไป
วันนี้อยากทานกั้งกระดานผัดพริกเกลือ แต่ทางร้านบอกว่าวันนี้ไม่มีกั้งกระดาน
เลยอดทาน แต่ก็ดีนะคะ จะได้จ่ายน้อยลง

จานอื่นๆ ก็เบสิคค่ะ มีต้มยำปลาน้ำข้น รสแซ่บมาก (200 บาท)ปลากระพงทอดกระเทียม หมึกย่าง (จานนี้ไม่ผ่านค่ะ) ข้าวผัดปูกุ้ง (เฉยๆ ค่ะ)
ยอดมะระผัดไฟแดง และ ไข่เจียวกุ้ง สำหรับคุณลูกสาว...ปิดท้ายด้วยน้ำมะพร้าวอ่อนเย็นๆ และไอศครีมโฮมเมดมาแบบถ้วยมีฝาปิดมีช้อนในตัว
ซึ่งไม่อร่อยค่ะ...โปรดหลีกเลี่ยง ( ความเห็นส่วนบุคคลจ้า )

เช็คบิลออกมารู้สึกจะประมาณพันปลายๆ หรือสองพันนิดๆ ประมาณนี้ค่ะ
สรุปว่าไม่ผิดหวังกับร้านแสงไทยซีฟู๊ด แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นร้านที่พลาดไม่ได้
เพราะหัวหินมีร้านอร่อยๆ เยอะ ราคาก็ไม่หนีกันเท่าไหร่
ทริปหน้าเลยว่าจะลองหาร้านใหม่ๆ ชิมอีกค่ะ

ความคุ้มค่า/ ราคา : ราคาปานกลาง ถ้าไม่สั่งเมนูแพงๆ เช่นกั้ง หรือปูทะเล
รสชาติอาหาร : น้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจัดจ้าน อาหารทะเลสดดี
บรรยากาศ : ร้านริมทะเล สร้างเป็นเรือนขนาดใหญ่ยกสูง เดินหาดไม่ได้ค่ะ
การบริการ : ดี อาหารรอไม่นาน
จะใช้บริการอีก : ไม่แน่ใจ

สวัสดีค่ะ

วันนี้ส่งรีวิวซะ 6 อันรวด ฮาาาาา อะนะ เผื่อวันอื่นไม่มีเวลา จะหมดเขตแย้วอ้ะ

เป็นร้านซีฟู้ดที่อยู่ที่ปากน้ำปราณค่ะ

วิ่งตามป้ายไปปากน้ำปราณฯ ค่ะ (มีหลายเลี้ยวอยู่ ดูป้ายเอาแล้วกันค่ะ) ไปๆ มาๆ ก็เลยมาลงเอยที่ร้านโอเอ็กซ์ค่ะ

ตอนไปถึง ก็ปรากฏว่า ที่จอดรถใกล้ๆ ร้านเต็มหมดแล้วค่ะ ก็เลยต้องให้เราลงที่ร้านก่อน ส่วนอีกคนก็ขับรถไปจอดอีกที่หนึ่งราคาก็..ถ้าเทียบกับหัวหินแล้ว ที่นี่ไม่แพงค่ะ

บรรยากาศโดยรอบของร้านนะคะ ถ้ามาไม่มืดมาก ที่นั่งริมทะเลจะโอเคกว่าค่ะ

แต่เราไปตอนมืดแล้ว แล้ววันนั้นเค้ามีงานเลี้ยงอะไรกันสักอย่างค่ะ เลยยึดที่นั่งริมทะเลไปหมดเลย

นอกจากโซนที่นั่งริมทะเลและถัดมาแล้ว ก็มีห้องแอร์ด้วยนะคะเรานั่งอยู่โซนด้านในค่ะ ถัดไปเป็นโต๊ะมากันกลุ่มใหญ่ อยู่ตรงแถวๆ รูปเซเลบทั้งหลายที่เคยมารับประทานกันวันนั้นตั้งใจเน้นกับกันค่ะ เลยสั่งข้าวผัดมาแค่จานเดียว เป็นข้าวผัดปูจานเล็ก รสชาติใช้ได้ค่ะ

จานนี้รอ 10 นาทีปลาทรายทอดกระเทียมค่ะ เอ่อ..จานนี้ไม่ผ่านค่ะ ไม่ร้อน แถมยังลืมเอาสลิปออกอีกต่างหาก เหอๆ แล้วเราก็เลยขอน้ำจิ้มซีฟู้ดด้วย ซึ่ง...หายไปนานมากกว่าจะได้

แต่พอมา..เอิ่ม..สำหรับคนเพชรบุรีที่กินรสจัดอย่างเรา ไม่ผ่านค่ะ ไม่แซ่บอ้ะ เซ็ง ขนาดย้ำแล้วว่าขอน้ำจิ้มซีฟู้ดที่ไม่ใช่รสชาติคนกรุงเทพฯ แล้วนะจากนั้นก็หายไปนานมากกกกกกกกกกกกก จนคนไปด้วย

หงุดหงิดน่ะ

กว่าต้มยำจะมา ซึ่ง..ไม่ผ่านอีกเช่นกัน เซ็ง รสมันไม่ "ถึง" อะค่ะหลังจากนั้นก็ยังคงหายไปอีกค่ะ กว่าจานนี้จะมา (อยากถามมากว่า มันนานเพราะอะไร)

แต่ขนาดตัวหอยผ่านค่ะ ใหญ่ยักษ์มาก

หอยยักษ์สามตัวมาพร้อมกับเครื่องเคียงดังนี้ค่ะ เราไม่แตะหรอกนะคะ คุณสามีคนเดียวค่ะแล้วก็ปูสองตัวค่ะ ใหญ่ใช้ได้อีกเช่นกัน จะสั่งกรรเชียงปู แต่เขาบอกว่าไม่มีแบบแกะสำเร็จ ก็เลยสั่งเป็นตัวมาค่ะ

ทว่า..กว่าจะมา ก็เลยไม่ได้แตะเลย ให้เขาห่อกลับ

จานแรกกับจานสุดท้าย อาหารห่างกัน 1 ชั่วโมง 15 นาทีค่ะ ซึ่ง..มันนานเกินไปมากน่ะราคาก็ 680 บาทค่ะ ถูกจนงง (หอยนางรมตัวละ 40 เองอ้ะ)

แต่ต้มยำนี่..พูดตรงๆ ว่า ไม่แพงค่ะ แต่ผิดหวังทั้งรสชาติและขนาดของกุ้ง มันเล็กมากค่ะ ใส่มาเยอะ (ประมาณเกือบ 20 ตัวได้) แต่เล็ก สำหรับเรามันไม่เวิร์คอะค่ะ

ปรากฏว่า..อ้อๆ เค้าลืมคิดค่าไฮเนเก้นไปค่ะ อีก 100 บาท แต่ถ้าค่าอาหารอย่างเดียวก็นั่นแหละค่ะ 680 บาท ถูกกว่าหัวหินเยอะเลย

ราคาโอเค บริการปานกลาง แต่รสชาติ..ปานกลางค่ะ

ส่วนค่าไฮเนเก้นนี่ เราไปจ่ายเพิ่มทีหลังค่ะ 100 บาทค่าเบียร์เลยไม่ได้รูดบัตร แต่ตัวอาหารรูดบัตรได้ค่ะ (ถ้าจำไม่ผิด 500 บาทขึ้นไปค่ะ ถึงจะรูดบัตรเครดิตได้)

สรุปสำหรับร้านอาหารโอเอ็กซ์

ข้อดีคือ ราคาถูก หอยนางรมใหญ่+สด ปูสดค่ะ

ข้อด้อย รสชาติโดยรวมไม่โอเค น้ำจิ้มไม่แซ่บพอ
(คำเตือน - รสชาติอาหาร และความอร่อย เป็นรสนิยมของแต่ละบุคคลนะคะ)

การบริการ มีดีอยู่คนเดียว นอกนั้นไม่โอเลย อาหารออกช้ามากถึงมากที่สุด

เพื่อความต่อเนื่องจากรีวิวส้มตำถนนตก เราไปกินร้านนี้ต่อ ทำรีวิวต่อเลยแล้วกันนะคะ แฮ่...

อิ่มคาวแล้วก็ไปต่อที่หวานกันดีกว่า ใกล้ๆ กันนั้นก็มีร้านบ้านใกล้วังค่ะวิธีการไป

ร้านอยู่ถนนแนบเคหาสน์ จากร้านส้มตำถนนตก หันหลังให้ทะเล (และร้านส้มตำ) เลี้ยวขวา วิ่งไปตามถนนแนบเคหาสน์ ร้านบ้านใกล้วังจะอยู่ทางขวามือค่ะ

อ่านประกาศของทางร้านซะหน่อยนะคะ ถ้าจะจอง เบอร์โทร.ก็ตามด้านล่างของรูปเลยค่ะ
(แต่วันที่เราไปก็วันหยุดนักขัตฤกษ์นะคะ ไม่ได้จองไว้ เพราะเห็นว่าเป็นวันหยุดกลางสัปดาห์ คนเยอะแต่มีที่นั่งค่ะ)เดินเข้าไปค่ะ ลักษณะเหมือนบ้านพักตากอากาศค่ะ แล้วก็เหมือนๆ ว่าจะมีให้เช่าพักอาศัยด้วยนะคะ สถานที่ค่อนข้างร่มรื่น ต้นไม้เยอะทีเดียว (ถูกใจคุณนายแม่เขาแหละ)
เดินตรงเข้าไปข้างในค่ะ เบี่ยงซ้ายเล็กน้อยก็จะเจอประตูทางเข้า

ผ่านประตูเมื่อกี๊ ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนในร่มค่ะ เป็นที่นั่งที่อยู่ใต้ถุนบ้าน ประมาณนี้ค่ะแล้วก็ที่นั่งแบบโอเพ่น ริมทะเล ในสวน ใต้ร่มและใต้หลังคาค่ะราคาเค้กอยู่ที่ 80-90 บาท ก็มาตรฐานกรุงเทพฯ แหละนะคะ เค้กที่ในขวัญเรือน (ยึดเป็นสรณะเลยวุ้ยตรู ) แนะนำก็คือ เค้กมะพร้าวกับ Soft Center Pudding ค่ะ เราก็เลยสั่งมาทั้งสองอย่าง แล้วก็ชาเอิร์ลเกรย์ (ไม้ตายของเรา แหะๆ) แล้วก็กาแฟให้คุณชายเธอค่ะ (จำไม่ได้ว่าเจ้าตัวสั่งอะไรง่ะ ลาเต้หรือมอคคา หรือเอสเปรสโซก็ไม่ยู้ แหะๆ)(นินทาหน่อยค่ะ พนักงานรับออเดอร์หน้าตาเป็นตูดมาก แม่เรางี้อึ้งไปเลย บ่นว่า ค้าขายทำหน้างี้ได้ไง
เราก็ได้แต่หัวเราะแล้วบอกว่า..ร้านนี้มีข้อเสียตรงนี้แหละแม่ แต่เค้กกับบรรยากาศเลิศ)

สักพักพนักงานก็เอาน้ำ ส้อมและทิชชู่มาบริการค่ะ (คนนี้ค่อยยิ้มหน่อยค่ะ ไม่เหมือนคนรับออเดอร์ แหะๆ)

ซักพัก เค้กชิ้นแรกก็มาค่ะ เค้กมะพร้าว อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก เนื้อนิ่มนุ่มนวล ฉ่ำ หอมกลิ่นมะพร้าว ล้ำเลิศค่ะ อร่อยจริงๆ (คำเตือน - ความอร่อยเป็นรสนิยมเฉพาะบุคคลนะคะ)แล้วจานต่อไปก็มาค่ะ กับ Soft Center Pudding เป็นรูปหัวใจเยี่ยงนี้ค่ะSoft Center Pudding เวลาตักจะมีช็อกโกแลตเหลว (chocolate hot fudge) ออกมาค่ะ อร่อยมากกกกกกกเช่นกัน ที่สั่งมาสองอย่างนี่ถูกใจทั้งสองอย่างค่ะ อร่อยๆๆ

ชาของคุณผู้หญิงและคุณนาย มาในแพ็คเก็จเช่นนี่ฮ่ะน้ำตาล มีทั้งน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลกรวดค่ะ

จากนั้นก็ชำระเงินค่ะ ที่นี่ไม่รับบัตรเครดิตนะคะ หมดไปสามร้อยแปดสิบมั้งนะ (จำเป๊ะๆ ไม่ได้)

ระหว่างเดินกลับไปที่รถก็เห็นบางคนค่ะ ซื้อ+หอบหิ้วเค้กกลับไปด้วย แหะๆ คนนี้ซื้อเค้กมะพร้าวไป 5 ชิ้นแหนะค่ะ

วันนี้พาไปหม่ำๆ ส้มตำที่หัวหินนะคะ

ตอนแรกแพลนที่วางไว้ก็คือ พาแม่ไปหาอะไรอร่อยๆ กินที่หัวหิน แล้วก็จะไปดูแฮร์รี่กัน ทว่าไปๆ มาๆ รอบของหนังที่ฉายที่นั่น ดั๊น..ไม่เหมาะสม เพราะจะไม่ทันน้องชายที่ตีรถมาจากกรุงเทพฯ ในเย็นวันนั้น เพื่อจะดินเนอร์ร่วมกัน ก็เลยได้แต่ไปกินๆ อะไรกันอย่างเดียวค่ะ

ซึ่งการไปคราวนี้ ก็อาศัยหนังสือขวัญเรือนของคุณแม่ ซึ่งเป็นฉบับนำเที่ยวหัวหิน 100 ปี เป็นไกด์ไลน์ค่ะ แต่เราเป็นคนเลือกร้าน (เพราะแม่บอกว่า หนูอยากพาแม่ไปกินอะไรก็พาไปแล้วกันลูก) เพราะงั้น..ก็ตรงไปที่ร้านนี้ก่อนเลยค่ะ ร้านส้มตำถนนตก วิธีการไป

วิ่งจากถนนเพชรเกษม ขาล่อง (ลงใต้) เลยพระราชวังไกลกังวล (อยู่ทางซ้ายมือ) ไปเรื่อยๆ จนเจอหัวหินซอย 51 ทางฝั่งเดียวกับพระราชวังไกลกังวล เลี้ยวซ้ายวิ่งเข้าไปในหัวหินซอย 51 จนถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนแนบเคหาสน์ ร้านนี้จะอยู่ตรงหัวมุมพอดีค่ะ

ร้านนี้จะอยู่ฝั่งทแยงกับที่พักนี้เลยค่ะ บ้านเอี่ยมเมือง

เป็นร้านแผงลอยนะคะ ที่นั่งก็จะเรียงยาวไปตามบาทวิถีเลยเมนูก็เป็นกระดาษเอสี่ พิมพ์แล้วก็เคลือบกันเปียกค่ะ แบบพื้นบ้านจริงๆ

ราคาก็ไม่ได้แพงเลย กินกันได้สบายๆ ไม่ต้องห่วงค่าใช้จ่ายเลยค่ะ
(เสียดายว่า ส้มตำกระท้อนไม่มีซะงั้น อยากกินง่ะ ไม่ได้กินตั้งนานแล้วอ้ะ )ระหว่างรออาหาร เราก็เลยเดินไปสำรวจสถานที่ใกล้เคียงที่น่าสนใจ โดยเดินต่อไปยังทางลงชายหาดค่ะ

มองไปทางฝั่งซ้าย (หันหน้าเข้าทะเล) ก็เจอร้าน Coco 51 ค่ะ
ท่าทางน่านั่งเชียว อาหารน่าจะออกแนวฝรั่งๆ หน่อยน่ะนะคะ
ส่วนฝั่งขวาก็จะเป็นร้าน The Duke's ค่ะ ขายทั้งอาหารไทยและยุโรป

จากนั้นก็เดินกลับมาที่ร้านส้มตำถนนตกค่ะ แต่ก็ผ่านเกสท์เฮ้าส์น่ารักๆ แห่งหนึ่ง (ในขวัญเรือนมีแนะนำด้วยค่ะ) ชื่อ Green Gallery แต่เราถ่ายมาได้แต่ด้านนอกอะนะคะ แหะๆมาถึงก็ปรากฏว่าอาหารมาแล้วค่ะ ได้แก่ตำไทยใส่ปูและข้าวเหนียว
รสชาติโอเคค่ะ แม่ยังชมเลย แม้จะไม่เผ็ดแสบซ่านอย่างที่เราโปรด แต่คนอื่นๆ ลงความเห็นว่า กำลังดีจานต่อไป มะม่วงตำปูค่ะ (ของโปรดข้าพเจ้าเอง) ข้าพเจ้าว่า มะม่วงเปรี้ยวน้อยไปหน่อย แต่คุณแม่บอกว่า อร่อยดีแล้ว (ภาพเบลอเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะถ่ายรูปใกล้เกินไปหรือเปล่าค่ะ แหะๆ)ลำดับต่อไปคอหมูย่างค่ะ หอมเชียว ไม่รู้ว่าย่างด้วยอะไร (กรุณาอย่าตอบว่าไฟ ตึ่งโป๊ะ! หมายถึงว่า ใช้กาบมะพร้าวหรืออื่นๆ หรือเปล่า) แต่หอมกรุ่นกลิ่นย่างมาก น้ำจิ้มก็โอเค เสียก็แต่...มันเยอะไปหน่อยค่ะ บางชิ้นนี่มันล้วนๆ เลย เลยเป็นจานที่กินไม่หมดง่ะจานต่อไปไก่ทอดค่ะ ทอดมาแบบหนังกรอบบบบบบบมากๆ ไม่รู้ว่าทอดได้ไง อร่อยค่ะนอกนั้นก็มีน้ำเปล่ากับเป๊ปซี่ค่ะ เหมือนๆ ว่าจะหมดไปร้อยกว่าบาทนะคะ ไม่ถึงสองร้อยดี ราคาย่อมเยามากๆ ค่ะ

วันนี้ขอแนะนำร้านครัวกรรณิการ์ ร้านอาหารอร่อยๆ ที่หัวหินจ้าาาา ^_^

วันนี้ได้รับสิทธิพิเศษจากคุณพี่ลูกสาวเจ้าของร้าน (ซึ่งเป็นแฟนของเพื่อนของแฟนเรา) พามาทัวร์&ทานอาหารร้านครัวกรรณิการ์คะ ลาภปากของเราจริงๆ อิอิ ร้านครัวกรรณิการ์ เปิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2537 มีอาหารอร่อยๆ เพียบ มาดูกันดีกว่าว่าวันนี้เราไปกินอะไรมาบ้าง ^_^ไก่ทอดโกศล : เนื้อไก่ทอดได้กรอบนอกนุ่มใน เนื้อหวาน หอมอร่อยมากๆๆ ทานกับน้ำจิ้มรสเด็ด แซ่บๆ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม อร่อยสุดๆ ปีกไก่ยัดไส้ : เนื้อไก่กรอบนุ่ม ทานกับน้ำจิ้มหวาน อร่อยไปอีกแบบ ขนมจีนน้ำยาไก่ : เผ็ด กำลังดี (ถ้าอยากได้เผ็ดมากกว่านี้ใส่พริกเพิ่มได้ค่าา^_^) แต่ว่ารสของน้ำยาไก่กลมกล่อมหวานเค็มกำลังดีอยู่แล้ว ทานกับขนมจีน และผักต่างๆ อร่อยมากๆคะ ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ : ไก่เน้นๆ ไก่เนื้อๆ เครื่องแกงเขียวหวานหอม เผ็ด เค็ม ไม่มีเลี่ยน สีสันหน้าตาน่ากิน ทานกับขนมจีนเส้นนุ่มๆ เยี่ยม อร่อยมากๆ ลาบไก่ จานหย่ายๆ แซ่บบบบบ มากๆๆ เผ็ด เปรี้ยว เค็ม ถูกใจที่สุด ผักเครื่องเคียงก็มีเยอะแยะหลายชนิด

และที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือของหวานปิดท้าย เมนูนี้เลยคะข้าวเหนียวมะม่วง ของหวานที่ครัวกรรณิการ์ มีขายตลอดปี มะม่วงอกร่องหวานๆๆๆๆ ทานกับข้าวเหนียวนุ่มๆ หอม หวาน มัน อร่อยที่สุดเลยคะ มื้อเที่ยงมื้อนี้อิ่มมากๆๆเลย

บรรยากาศ ร้านสะอาด ที่นั่งสบาย แบบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น ตกแต่งได้สวยมากๆ ในสไตล์แบบไทยๆ บรรยากาศดีๆ แบบนี้ยิ่งทำให้อาหารที่ทานอร่อยมากขึ้นไปอีก

การบริการ เจ้าของร้านเป็นกันเองดี น่ารัก เอาใจใส่ลูกค้า อาหารเสิร์ฟเร็ว ประทับใจกับทุกๆ อย่างของร้านครัวกรรณิการ์มากๆๆเลย

สรุป
รสชาติ : อาหารอร่อยทุกอย่าง ถูกปากมากๆๆ

บรรยากาศร้าน : สบายๆ แบบธรรมชาติๆ ร่มรื่น

การบริการ : ดีมากๆๆๆๆ ลูกสาวเจ้าของร้านมาบริการเอง ประทับใจสุดๆ แล้ว อิอิ

ราคา : ถูกและคุ้มค่ามากๆ หุหุ

ปล.ขอขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ มื้อนี้และภาพสวยๆ นะคะคุณพี่...^0^ ทำให้วันนี้เรามีโอกาสได้นำมาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆ พี่ๆ ชาวopenriceได้ดูได้อ่านกัน อิอิ

" ครัวกรรณิการ์ " หรืออีกชื่อที่เค้าเรียกกัน ก็คือ ไก่ทอดโกศล ค่ะ
ร้านนี้อยู่ริมทางรถไฟนะคะ ถ้าเราหันหน้าเข้าไปที่ สถานีรถไฟ (หันหลังให้ทะเล)
ร้านนี้จะอยู่ซ้ายมือนะคะ ตรงไปแปปเดียว เดินได้จากสถานีรถไฟค่ะ (ไกลเหมือนกันนะ)
ร้านนี้ไก่ทอดเด็ดมากๆ รสชาตเจ้มจ้นสุดๆ แต่ก็แลกมาด้วยราคาแสนแพงคือ ไก่ทอดชิ้นละ 50 บาท
ร้านนี้ อาหารในเมนูทุกอย่าง ทำจากไก่ค่ะ ทุกครั้งที่ไปสั่งก็คือ ไก่ทอด แกงไก่ น้ำยาไก่
ไปทีไรของก็จะหมดตลอด คนก็เยอะเหลือเกิน มาดูกันว่าสั่งอะไรมากินบ้างอาหารที่มีให้สั่งวันนี้ก็คือ ไก่ทอดปกติ ที่รสจัด เค็มๆ กรอบๆ
(แอบคิดไปเองว่า คราวนี้ไปกิน ไม่อร่อยเท่ากินครั้งแรก แต่ก็พอไหว)
ไก่ทอดจะแห้งกรอบ ไม่มันเยิ้มนะคะ กรอบถึงใจเลยทีเดียวล่ะจานต่อไปเป็น ไก่ยัดไส้ค่ะ เป็นไก่ทอดชุบแป้ง แล้วยัดไส้วุ้นเส้นกับหมู
น่าจะแพงกว่าไก่ทอดธรรมดานิดนึง คือก็ไม่ได้กรี๊ดอะไรมาก แต่นุ่มกว่า
แล้วก็จืดกว่าไก่ทอดปกตินิดนึงค่ะ แต่กรอบใช้ได้เลยไส้ข้างใน หมู+วุ้นเส้นจานต่อไปเป็นเซตค่ะ เค้าจะมีให้เลือกว่า สำหรับกี่คน ถ้า 2 คนราวๆ 60-80 บาท
มีขนมจีน น้ำยาไก่ ผัก มาตามสมควร วันนั้นเหมือนจะสั่งสำหรับ 4 คนมา
สั่งน้ำยาไก่แล้ว ก็สั่งแกงไก่มาชิมด้วยค่ะ รวมๆแล้วร้านนี้ รสชาตอาหารโอเคทีเดียว
แต่เรื่องราคาวาว่า ราคาสูงอยู่ แต่ก็คงเป็นปกติของเมืองท่องเที่ยวค่ะ
ตบท้ายด้วยของหวาน ลูกตาลลอยแก้วข้อเสียของร้านนี้อีกอย่างคือ คนเยอะมาก โต๊ะไม่เคยจะพอนั่ง
เคยไปยืนต่อแถวนานเหมือนกันกว่าจะได้โต๊ะค่ะ ยิ่งช่วงเที่ยงจะพีคมาก
ที่นั่งเค้าจะ เพิงๆ ร่มรื่นไปด้วยป่า แล้วก็อาร์ตๆหน่อยนะคะ เข้าไปเหมือนเดินเข้าถ้ำหน่อยๆของตกแต่งที่ร้านก็บ่งบอกความเป็นศิลปินอย่างดี อย่างโต๊ะเก้าอี้ก็อาร์ตสุดๆ
อ้อ ใครไปทานร้านนี้ ดูสีหน่อยนะคะ ร้านนี้เค้าเต็มจริงๆค่ะ มือตบเต็มร้านเลยอ่ะ
ตอนเราทานเสร็จคนยังแน่นร้าน ขากลับ ออกมาก็เจอป้ายนี้
หมดจริงๆ ห้ามมาโอดครวญ แล้วโอเคป่ะ 555555

วันนั้นไปพักแถวปราณบุรี ก็พยายามหาร้านที่เด็ดๆและใกล้แถวนั้น
ก็เจอร้านนี้ค่ะ " ยกซดซีฟู๊ด " ถามว่าไกลมั๊ยวาว่าก็ก็ไกลนะคะ นั่งรถนานอยู่
แต่ถ้าสู้ อยู่ตรงไหนก็ไปได้ล่ะก็ ขับรถตรงยาวไป จุดหมายปลายทางคือ หาดบางปู ถ้ำพระยานคร
อุทยานแห่งชาติ สามร้อยยอด ร้านนี้ จะอยู่ถนนเส้นนั้นเลย ก่อนถึงสามร้อยยอด 4 กิโลเมตร
ทางร้านบอกมานะคะเราจะเห็นป้ายร้านอยู่ขวามือค่ะ ขับรถผ่านร้านเข้าไปเลย ที่จอดรถด้านในมีมากมายค่ะ
ร้านเป็นเพิงๆ ชาวบ้านมากค่ะ วิวดี ที่นั่งเป็นโต๊ะไม้ๆหน้าตาไม่เหมือนกัน
ด้านข้างเป็นป่าโกงกางมีกิจกรรม นั่งเรือชมธรรมชาติด้วยค่ะ
พอเมนูมาวางก็เริ่มสัมผัสได้ถึง ความไม่ธรรมดาที่ซ่อนอยู่ในร้านธรรมดา
เพราะอาหารมีเยอะมากๆ ราคาก็พอรับได้ ต้มยำอะไร 90-150 บาท
ไม่แพงมากเท่าไหร่ถามเค้าว่าปูทะเล ใหญ่ที่สุดของร้านตัวขนาดไหน คำตอบที่ได้คือ
" ที่มีประมาณ ตัวละ 1 กิโลค่ะ " ได้ยินแล้วแทบสิ้นสติ จัดมาเลยปูไข่ 2 ตัว กรี๊ดดดด
เราไม่ยอมเดินไปเลือกปูเพราะไม่อยากบงการฆ่า
แต่ป้าเจ้าของร้านเค้าก็ยังอุตส่าห์พาปูม้าตัวเขื่องมาโชว์ตัว
ยั่วน้ำลายเราอีกด้วย ตัวนี้ประมาณ 7 ขีดค่ะเรากลัวปูมาแล้วกินไม่หมดเลยไม่กล้าสั่งอย่างอื่นแต่ด้วยความที่ปูนึ่งนานจัด
น้องที่ร้านเสนอเป็น ผัดผักชาววังมา แล้วก็ หอยนางรม เลยเชื่อเค้าว่าอร่อย
สั่งมาอย่างละ 1 จานผัดผักมันจะ มันๆ เครือเดียวกับผักหวาน อร่อยดีค่ะ
หอยนางรมตัวใหญ่ ทำเป็นคำมาเลยกินง่าย อร่อยด้วย น้ำจิ้มซีฟู๊ดที่นี่เด็ดมาก
เปรี้ยวเผ็ด สะใจ คนไม่กินเผ็ดเลยไม่ควรแตะเด็ดขาด เผ็ดพ่นไฟแล้วปูตัวยักษ์ก็ยกมาเสริฟค่ะ อลังมากๆ
พอได้ชิมก็ กรี๊ดอร่อยด้วยยยยยยยยยย เนื้อแน่น หวาน
ชิ้นใหญ่ ก้ามเค้านี่ใหญ่กว่าช้อนมากอ่ะ โหย สะใจสุดๆตัวซ้ายมือรูปบน ไม่มีไข่นะคะ เป็นน้องปูเนื้อหนัก 1 กิโลกรัม แน่นปึ๊ก
ตัวขวามือเป็นปูไข่ ซึ่งตามปกติปูไข่จะไม่มีใหญ่มากถึง 1 กิโลอยู่แล้ว
เลยได้มาที่ 7 ขีดค่ะ ดูไข่เค้าสิคะ (*0*)

ปูทะเลไข่ กิโลละ 450 บาท
ปูทะเลเนื้อ กิโลละ 500 บาท

กินอยู่ร่วมๆ 2 ชั่วโมง ยาวนานมาก กว่าปูจะหมด เล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียวค่ะ