ส้มตำไทย

Submit Recipe
0
6457
0
ส้มตำไทยแม้ว่าจะเป็นอาหารอีสาน แต่ตอนนี้ส้มตำก็กลายเป็นอาหารที่หาทานได้ทั่วประเทศไทยไปแล้ว ใครไม่กินส้มตำปลาร้าก็เริ่มจากการกินส้มตำไทยที่เห็นว่าจะทานง่ายที่สุดกันก่อนเลย ใส่พริกมากพริกน้อยตามชอบ ส่วนตัวแล้วชอบรสเปรี้ยวหวานนำค่ะ เผ็ดเล็กน้อยพอเป็นพิธีก็โอเคแล้ว
Ingredient and Portion
1. มะละกอดิบสับ 1 ถ้วย
2. แครอทฝอย ½ ถ้วย
3. ถั่วฝักยาว 2 ฝัก
4. พริกขี้หนู 3 เม็ด
5. กระเทียม 4 กลีบ
6. มะเขือเทศ 1 ลูก
7. กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
8. ถั่วลิสง 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
Method
1. ตำกระเทียม พริกขี้หนูพอแหลก หั่นถั่วฝักยาวเป็นท่อนสั้นๆใส่ลงไป
2. หั่นมะเขือเทศลงไป โขลกเบาๆ
3. เติมน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว เคล้าให้น้ำตาลปี๊บละลายพอเข้ากัน
4. ใส่เส้นมะละกอ แครอท ตำให้เข้ากัน ตามด้วยกุ้งแห้งและถั่วลิสง คลุกเคล้าให้ทั่ว
5. ตักส้มตำใส่จาน ทานกับผักสดและข้าวเหนียว
Tips
ตำนานส้มตำอาหารจานโปรดของคนไทย

ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ามีการนำมะละกอดิบมาปรุงเป็นส้มตำเป็นครั้งแรกเมื่อใด อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงที่มาของส่วนประกอบต่างๆ ของส้มตำ อาจได้ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการสันนิษฐานถึงที่มาของส้มตำได้
มะละกอเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและถูกนำเข้ามาปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยชาวสเปนและโปรตุเกส ในยุคต้นของกรุงศรีอยุธยา ในขณะที่พริกอาจถูกนำเข้ามาเผยแพร่โดยชาวฮอลันดาในช่วงเวลาต่อมา
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีทูตชาวฝรั่งเศสผู้มาเยือนกรุงศรีอยุธยา คือ นิโคลาส์ แชรแวส และ เดอ ลาลูแบร์ ต่างได้พรรณาว่าในเวลานั้นมะละกอได้กลายเป็นพืชพื้นเมืองชนิดหนึ่งของสยามไปแล้ว และได้กล่าวถึง กระเทียม มะนาว มะม่วง กุ้งแห้ง ปลาร้า ปลากรอบ กล้วย น้ำตาล แตงกวา พริกไทย ถั่วชนิดต่างๆ ที่ล้วนสามารถใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับปรุงส้มตำได้ ขณะเดียวกันได้เขียนว่า ในขณะนั้นสยามไม่มี กะหล่ำปลี และ ชาวสยามนิยมบริโภคข้าวสวย อย่างไรก็ตามไม่มีการกล่าวถึง มะเขือเทศ และ พริกสด แต่อย่างใด


อ้างอิง : http://th.wikipedia.org
Recommend
Recommended
unknown
Top
This website uses cookies to improve your website experience. By continuing to browse, you are agreeing to our use of cookies and Privacy Policy.