Jellyfish's Profile

หวานใจชวนไปฉลองวันเกิดที่ร้านนี้ค่ะ เค้าติดใจรสชาติฟองดูชีสของที่นี่หลังจากที่มาทานกับครอบครัว ร้านอยู่ในซอยร่วมฤดี ในโซนที่เป็นร้านอาหารเยอะๆ ดูเหมือนจะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน วันที่ไปฝนกำลังตกพรำๆ สองคนก็รีบวิ่งเข้าร้านอยู่ในร่มคันเดียว ขอแอบสวีทนิ๊นุงนะ (- ^ v ^ -)คงเป็นเพราะฝนตกวันนั้นในร้านเลยไม่มีแขกอื่นเลย เหมือนทั้งร้านเป็นของเรา เมื่อสวรรค์เป็นใจเราเลยเลือกที่นั่งด้านในสุด เป็นส่วนยื่นออกไปนอกอาคารเหมือนเรือนกระจก รอบนอกเป็นต้นไม้กระถางเล็กๆ น้อยๆ ตอนที่นั่งทานมีเสียงฝนเบาๆ ตกกระทบหลังคาแบบโปร่งแสง ที่เก้าอี้มีหมอนนุ่มๆ ให้พิงหลัง ทำให้บรรยากาศยิ่งสวีทหวาน และผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน สมชื่อร้านจริงๆแน่นอนว่ามาร้านฟองดู ก็ต้องสั่งฟองดู ที่ร้านนี้มีเป็นเซ็ตให้เลือกเป็นระดับ ระดับสูงสุดจะมีเนื้อวากิว เนื้อแกะเอาไว้จุ่มฟองดูน้ำมัน แต่เราไม่ทานเนื้อ เลยสั่งเป็นเซ็ตฟองดูชีสสำหรับ 2 คน ซึ่งก็จะประกอบด้วยผักต้มกับขนมปัง พร้อมกับ starter 2 อย่าง, soup, salad ฟองดูช็อคโกแลตกับผลไม้ และเครื่องดื่มที่เลือกได้ระหว่างชามะนาว ชาเขียว ชาฝรั่งพนักงานให้เลือกพวก side dishes ต่างๆ ทานระหว่างรอชีสละลาย เราก็สั่ง ปีกไก่ยัดไส้ ค็อกเทลกุ้ง กับซุปหัวหอม น่าเสียดายที่หิวจัด เลยลืมถ่ายรูป โดยรวมพวกเครื่องเคียงค่อนข้างธรรมดา ซุปหัวหอมใสไปนิดนึง แต่ก็ใช้ได้ค่ะและแล้วก็มาถึงพระเอกของมื้อนี้ ชีสค่ะชีส เสริฟมาบนเตาเล็กๆ น่ารัก อุ่นให้ชีสคงความร้อน และโชยกลิ่นเตะจมูก นาทีนี้ไม่สงไม่สนแคลอรีและไขมันแล้วเจ้าค่ะ จัดเต็มด้วยขนมปังนุ่มๆ จุ่มลงไปในชีสให้ทั่ว พอเข้าปากแล้วจะรู้ว่าสวรรค์มีจริงสองคนซัดกันเกือบเกลี้ยงหม้อ ยิ่งตอนหลังๆ ที่ชีสเกรียมติดก้นหม้อเซรามิคยิ่งอร่อยสุดๆ ไปเลย ชีสที่ปรุงมารสอ่อนๆ ไม่เลี่ยน ใครที่ชอบเค็มก็เติมเกลือลงไปได้ค่ะปิดท้ายมื้อหวานๆ คราวนี้ให้หวานยิ่งขึ้นด้วยฟองดูช็อคโกแลต ขอบอกว่าช็อคโกแลตที่นี่เข้มข้นและอร่อยมากๆ เคยทานร้านอื่นเจอเหลวใสไม่ได้เรื่อง ร้านนี้แค่ชิมก็รู้แล้วว่าเป็นช็อคโกแลตชั้นดี จิ้มกับผลไม้ที่มีทั้งหวาน ทั้งเปรี้ยว ยิ่งเวลาที่เอามาร์ชเมโลลงไปจุ่มจนเกือบละลายแล้วเอาเข้าปากนี่ ไร้คำบรรยายใดๆ เพราะไม่อยากให้อากาศเข้าไปแทรก แถมถ้วยก็เป็นลายหมีน่ารัก คิกขุสุดๆ (อันนี้ความชอบส่วนตัว)สรุปแล้วมื้อนี้เป็นความทรงจำที่ประทับใจมาก อิ่ม อร่อย ทำให้ยิ้มได้ทั้งวัน…Read More

นานๆ จะไปกินบุฟเฟ่ต์ปิ้งๆ ย่างๆ ซักที ส่วนมากที่เคยไป ชอบเจอแต่เนื้อสไลด์แช่แข็งมาแบบแข็งโป๊ก ประมาณว่าเอาไปเขวี้ยงเป็นจานร่อน ก็คงบินไปโขกหัวพ่อครัวได้ เนื้อพวกนี้เวลาเอาไปย่างแล้วมันกระด้าง จิ้มอะไรก็ไม่อร่อย (หรือว่ามันจะเก็บมานานก็ไม่รู้)ที่ร้าน Moo Moo Yakiniku ต้องขอชมว่าเนื้อสไลด์ที่นี่เค้าคลายความเย็นมาแล้วก่อนเสริฟ ทำให้เนื้อดูนุ่ม สด อร่อยละมุนลิ้น หมูก็เนื้อดีมีไขมันแทรก หั่นชิ้นไม่หนาไม่บางเกินไป ขนาดพอดีคำ อร่ิอยสุดๆแต่สุดท้าย ไม่วายมาตกม้าตายที่แซลม่อน น่าเสียดายมากที่แช่ซะแข็งโป๊กเลย ขนาดโต๊ะเล็กไปนิดนุงน้ำจิ้มของที่ร้านรสชาติใช้ได้ มีพริกเกาหลี กระเทียม พริก มะนาวให้ปรุงตามใจชอบผักที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย สดกรอบ เนื้อหมูกุ้งปลา ของคุณภาพดี เสริฟกันไม่อั้น คราวนี้ไม่ได้สั่งกุ้งเพราะต่างคนต่างก็ขี้เกียจแกะ ใครสั่งก็คงคุ้มนะ เพราะช่วงที่ไปเป็นโปรโมชั่นพิเศษบุฟเฟต์หัวละ 399 net 2 ชั่วโมง เต็มอิ่มกันมาก พนักงานก็บริการดี มีเสริฟผิดบ้างเป็นระยะ แต่เสริฟมาเราก็จัดไป ส่วนมากอาหารที่นี่รสชาติใช้ได้นะ แต่เราว่ามีพลาดอยู่อย่างเดียว คือ ซุปกิมจิที่ใสแจ๋ว ไม่ค่อยปลื้มบรรยากาศในร้านแบ่งเป็นล็อกๆ เหมือนจัดไว้สำหรับสี่คน แต่เราแนะนำว่าไปสองคนกำลังดีที่สุดค่ะเพราะเราไปกับเพื่อนสามคน สั่งอาหารมาก็แทบจะล้นโต๊ะ บางส่วนเลยต้องวางบนเก้าอี้ เตาย่างขนาดจุ๋มจิ๋มน่ารัก เรียงคิวกันปิ้ง ไม่ทันใจวัยรุ่นเล็กน้อยปิ้งกันเป็นสลัมบอมเบย์ จะวางตรงไหนดีน้อ~ เครื่องดื่มที่นี่เสริฟโค้กจากขวดเล็กๆ เลยซ่าสะใจ ปิดท้ายกันด้วยไอติมที่มีรสให้เลือกเยอะมาก ทั้งช็อกโกแลต มะนาว กาแฟ ฯลฯ และถั่วแดงต้มก็มีจ้า…Read More

สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราที่ซัดก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกงแถวที่ทำงานเป็นมื้อกลางวันอย่างเร่งรีบมาตลอดทั้งสัปดาห์แล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งทีต้องหาโอกาสไปเปลี่ยนบรรยากาศการกินมื้อเที่ยงในร้านดีๆ ซะบ้าง ตบรางวัลให้ชีวิต ร้านที่ไปในครั้งนี้เป็นร้านอาหารเม็กซิกันที่เปิดขายในกรุงเทพมานานแล้ว ชื่อร้าน Coyote ลูกค้าส่วนมากจะเป็นฝรั่ง เป็นอีกร้านที่อยากจะแนะนำให้มาลองกันค่ะ คราวนี้มาซื้อของแถวสุขุมวิทเลยมากินที่สาขา Sukhumvit 33 ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ็มโพเรียม เลยวิลล่ามาร์เก็ตมาเล็กน้อยมื้อกลางวันสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ ขายเฉพาะเวลา 11-15 น. มี Brunch เมนูราคา 295 บาท ที่เราว่าคุ้มและได้ปริมาณอย่างเยอะ แถมมีเครื่องดื่มให้อีกด้วย เลือกได้ระหว่าง สตอเบอร์รี่ปั่นหรือกล้วยปั่น ซึ่งรสชาติก็ไม่ได้กะโหลกกะลา แนะนำสตรอเบอร์รี่ปั่น อร่อยจริงๆ กิ๊บเก๋ด้วยการมีน้ำตาลติดอยู่รอบขอบแก้วครั้งนี้เราเลือกสั่ง The Coyote Breakfast Burrito ในจานหลักก็จะมีเบอร์ริโต้ไส้ไข่กวน ผักโขมผัดกับเห็ด มะกอกดำ และชีส ราดด้วยมะเขือเทศซัลซ่า ซาวครีมและกัวกาโมเล่ (ซอสทำจากอโวคาโด) พร้อมไส้กรอก 2 ชิ้น กับมันฝรั่งทอดทั้งเปลือก ดีที่ภาพนี้ชักไว้ได้ทันก่อนที่เพื่อนจะฉกไปกินเสียก่อน แป้งเบอร์ริโต้นุ่มๆ เข้ากันได้ดีกับไข่กวนและชีส ณ วินาทีนี้ลืมเรื่องลดความอ้วนไปได้เลย จานนี้อยากบอกว่า กินสองคนถึงกับจุกด้วยความอร่อยในชุดยังมาพร้อมกับมัฟฟิ่นรสชาติออกหวานหน้าพริกฮาลาปิโน่ 2 ลูก อบร้อนๆ เสริฟมาอยู่ในตะกร้า เก๋ไก๋ไม่เบาของดีของร้าน Coyote คือ ซอสทำเองสูตรเฉพาะที่มีให้ลองถึง 3 แบบ เวลาเทลงในจานแล้วสีตัดกันสวยมาก Smoke Chipotle ซอสพริกสีน้ำตาล มีกลิ่นหอมแบบรมควัน ที่เราหน้าแหกอ่านว่า "ชิพอตเทิ้ล" แต่เพื่อนเราแอบบอกให้เอาบุญ เค้าเรียกว่า "ชิพอตเล่" ย่ะ แป่ว~Jalapeno อ่านว่า ฮาลาปิโน่ แบบภาษาสเปน อันนี้ไม่ได้ปล่อยไก่ เป็นซอสพริกสีเขียว เผ็ดๆ เปรี้ยวๆHabanero หลายคนเข้าใจผิดว่าฮาบาเนโร่เป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก จริงๆ ก็ไม่ได้เผ็ดอย่างที่คิด จะมีพริกหน้าไหนเผ็ดสู้พริกขี้หนูสวนของไทยได้อีกรึมาร้านนี้ที่ไร เรากับเพื่อนก็ชอบสั่งนาโช่ของที่นี่ทุกที กินจานข้างบนก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เติมไขมันในเส้นเลือดด้วยจานนี้ก่อนกลับบ้าน ก็เหมือนไม่ได้มากินอาหารเม็กซิกันภาพไม่สมประกอบเล็กน้อย ของจริงเยอะกว่านี้ ถ่ายไม่ทัน โดนจกกินไปซะก่อน (จานนี้ประมาณสามร้อยกว่าบาท สำหรับกินสองคนได้อิ่มสบายๆ) ปิดท้ายด้วยบรรยากาศในร้าน ช่วงกลางวันคนไม่พลุกพล่าน นั่งชิวได้สบายๆ ใครเบื่อรสชาติจำเจของอาหารชาติอื่น ลองเปลี่ยนมาทานอาหารเม็กซิกันดูบ้าง รสชาติน่าจะถูกใจคนไทย เพราะอาหารรสชาติเข้มข้นครบรส ทั้งเผ็ด ทั้งเปรี้ยวและหวานค่ะ…Read More

PATIO เป็นร้านอาหารร้านเดียวที่อยู่ในชั้น 1 ของ Isetan อยู่มุมประตูด้านหลังศาลพระพิฆเนศกับพระตรีมูรติ เหมือนมุมหลบร้อนสำหรับขาช็อปที่กำลังเมื่อยล้า คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ (อาจจะเพราะราคา?) บรรยากาศเรียบหรู แบบ Simple และสะอาดตามสไตล์ร้านในเครือ S&P น่าจะเป็นแบรนด์ที่จับกลุ่มนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว มากกว่าจะเป็นร้านที่ตกแต่งอินเทรนด์ดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นเหมือนอย่า่งแบรนด์ Vanilla แต่เรื่องรสชาติก็ต้องขอชมว่าอยู่ในมาตรฐานที่ดีระดับเดียวกัน อาหารก็มีทั้งไทยและอิตาเลี่ยนค่ะ คราวนี้ขอลองอิตาเลี่ยนดีกว่า อาหารไทยน่าจะอร่อยอยู่แล้วลิงกิวนี่เพสโต้และสเต็กปลาแซลมอนย่าง ประมาณสองร้อยกว่าบาท เส้นเหนียวนุ่มกำลังพอดี ไม่แข็งเกินไป ไม่นิ่มเกินไป หอมกลิ่นใบโหระพา จัดจานมาอย่างสวยงามจานนี้เป็นไก่อบที่เนื้อนุ่ม แค่เขี่ยๆ ก็ล่อนออกจากกระดูกอย่างง่ายดาย มีเบบี้แครอทมาตัดเลี่ยน ส่วนฟักทองบด คิดว่าคงบดผสมมันฝรั่งเพราะไม่ค่อยมีกลิ่นฟักทองเท่าไหร่ ออกรสหวานๆ เละๆ รสไม่ค่อยเข้มข้น เราคิดว่าถ้าใช้ฟักทองญี่ปุ่นน่าจะเนื้อเนียนละเอียดกว่านี้ สีสวยแต่ยังไม่ประทับใจ ถ้าพูดถึงปริมาณจานนี้จานเดียวปริมาณเยอะมาก ทานคนเดียวจุกแน่นอนสลัดปูนิ่มจานนี้ ทอดได้กรุบกรอบดี เนื้อแป้งที่ชุดทอดมีงาดำเป็นกิมมิคเล็กๆ น้ำสลัดมัสตาร์ดรสเผ็ดพอดีๆ เข้ากับผักสลัดสดกรอบปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเครปซูเซต พีชเมลบ้า เครปร้อนๆ ในซอสส้ม ตกแต่งด้วยวิปครีมกับราสเบอรรี่สด เพิ่มความเย็นด้วยไอศกรีมวนิลาของฮาเกนดาสเข้าไปอีกลูก จานนี้อร่อยจนลืมถ่ายรูป เพราะกลัวไอติมละลาย ราคาประมาณร้อยปลายๆ บวกค่าไอติมอีกลูกละเหยียบร้อย เหงื่อตกแต่น้ำลายก็หกด้วย อ้อ ราคาทั้งหมดยังต้องบวกเซอร์วิสชาร์ตอีก 10% นะจ้ะ ความคิดเห็นของเรา ราคาสูงไปนิดนึง คงมากินไม่ได้บ่อยๆ แต่อาหารก็อร่อยพอประมาณ…Read More

พาที่บ้านไปกินราเมง ที่ Seenspace ทองหล่อ 13 เป็นร้านเปิดใหม่ เข้าใจว่าน่าจะซื้อเชนมาจากญี่ปุ่น บริหารโดยคนไทย ถ้าขึ้นชื่อว่าราเมงจากฮอกไกโด ที่ขึ้นชื่อก็น่าจะเป็นมิโสะราเมง แต่ยังไม่ได้ชิม เพราะทางร้านชูโรงด้วยซุปกระดูกหมู พ่อกับแม่ก็อยากกินเหมือนกันอีก ก็เลยสั่งมาลองกันดูเครื่องก็มีหมูชาชู 1 แผ่น ถั่วงอก เห็ดหูหนูสด(ของญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องเป็นเห็ดหูหนูอบแห้งนะ จะกรุบๆ กว่าเห็ดสด) ต้นหอม ชามนี้เราว่าน้ำซุปใสไปหน่อย ยังไม่มีกลิ่นหอมของหมูเท่าไหร่ ถ้าเคยกินร้านอื่นที่อร่อยกว่านี้มา(ไว้จะมาบอกว่าที่ไหน) ก็คงต้องบอกว่า เมนูนี้รสชาติเฉยๆ แต่แม่ชมว่าหมูชาชูนิ่มดีนะ อันนี้ไม่เถียงจ้าชามนี้น้องชายสั่ง สีสวยมาก ดูน่ากิน แต่ชิมแล้วน้องบอกว่า รสขมไปหน่อย สีดำนั่นก็คงมาจากน้ำมันกระเทียมเจียวที่คงเจียวให้ไหม้เกรียม ใครชอบก็คงชอบ แต่เราขอบาย ไม่ค่อยชอบกระเทียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากทั้งหมดที่จกชิมของชาวบ้าน เราว่าจานที่เราสั่งนี้เวิร์กสุดแล้ว ซึเกะเมงเป็นบะหมี่แบบแยกซุปให้เอาเส้นมาจิ้มแล้วสูดเข้าปาก น้ำซุปนี้ต้มจากพวกปลาแห้ง ทำให้มีรสชาติแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ หอมกลิ่นทะเล น้ำซุปร้อนๆ รสชาติค่อนข้างเค็ม แต่เวลาเอาเส้นจิ้มลงไปแล้วมันลงตัว แถมเส้นก็จะไม่อืดจนสูญเสียความเหนียวนุ่ม หมูชาชูก็นุ่มและแผ่นหนา รู้สึกจะหนากว่าชามอื่นด้วยล่ะ (หรือพ่อครัวจะหั่นเกินมา ) ถ้าใครมากินร้านนี้ก็ขอแนะนำให้ลองเมนูนี้ค่ะ น่าจะให้เป็น Signature Dish ได้เพราะไม่เคยทานรสชาติแบบนี้ที่ร้านอื่น ชอบเมนูนี้ค่ะภายในร้านบรรยากาศดี แต่งแบบเรียบง่าย ดูสะอาดตา อ้อ ไม่มีน้ำหรือชาฟรีบริการตามสไตล์ร้านราเมงญี่ปุ่นของแท้นะ มีชาเขียวรีฟิล จำราคาไม่ได้แล้ว แต่ก็ค่อนข้างคุ้มเพราะสีเขียวสดดี น่าจะเป็นชาแบบผงละลายน้ำ พนักงานก็เติมให้ตลอด ราคาอาหารก็สมเหตุผล ไม่ถึงกับถูกเพราะไม่มีไข่ (เกี่ยวมั้ยเนี่ย ขอเรียกว่าราคาแบบทองหล่อละกัน) แต่ก็ถือว่าถูกกว่าราเมงแชมเปี้ยนซึ่งเพื่อนหลายคนบอกว่าไม่อร่อยเยอะเลย…Read More

มีโอกาสได้ไปกินอาหารโอกินาว่ากับเพื่อนที่ร้าน Asian Dining Uraniwa ที่เอกมัย ร้านอยู่ระหว่างซอย 14-16 ก็ต้องตะลึงกะความอลังการของซุ้มประตู เพราะนึกว่าเป็นรีสอร์ตบาหลีที่ไหน มีทั้งน้ำพุเล็กๆ บ่อปลา ตุ๊กตากบที่ยืนเรียงกันรับแขกที่จะเดินผ่านทางเดินเข้าไปในร้าน แถมมีรูปปั้นขอมยืนตระหง่านที่ด้านหลังประตูทางเข้า ด้านนอกมีที่นั่งเอาท์ดอร์แบบเป็นซุ้มๆ เหมาะกับการนั่งจิบเบียร์ในฤดูหนาวถ้าไม่กลัวยุง แต่ฤดูนี้ เราร้อนเลยเดินเข้าไปในร้านแทน แหะๆ มีชักภาพบรรยากาศมาแต่ไม่กล้าโชว์ เพราะขาหญ่ายมาก ขอลงแต่รูปอาหารละกัน ภายในร้านก็โอ่โถงด้วยความสูงของเพดาน แต่เสียดายที่ในร้านก็ไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ สงสัยเพราะจำนวนแอร์ไม่พอกับขนาดพื้นที่ เห็นว่ากำลังจะปรับปรุงพื้นที่ในเร็วๆ นี้เพื่อกั้นห้องเพิ่มนะ แต่ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ พนักงานที่นี่มารยาทดี เสริฟไว บริการเยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ว่าแล้วก็มาตะลุยที่ของกินกันเลยดีกว่า จานแรกเริ่มด้วยอุรานิวะสลัดรู้สึกว่าจะราคา 199 บาท เป็นสลัดผักไฮโดรโฟนิก มะเขือเทศ ข้าวโพด ปลาทูน่า(ไม่ดิบ) อัดมาในถ้วย แล้วค่อยมาปล่อยของกันบนโต๊ะ ตอนแรกนึกว่าไม่เยอะ แต่เทออกมาแล้วก็เยอะพอสมควร สลัดเป็นแบบน้ำใส จานนี้ก็ใช้ได้ แต่ราคาก็คิดว่าค่อนข้างสูง (ค่าทำเลอ่ะนะ)หมูตุ๋นแบบโอกินาว่า เรียกว่า ราฟูเต้ จานนี้ตุ๋นได้นุ่มจนหนังแทบละลายในปาก อร่อยสุดๆ แถมมาพร้อมไข่ต้มหนึ่งใบที่แช่ซีอิ้วทิ้งไว้ จนซีอิ้วหอมๆ ซึมเข้าไปที่ผิว จากไข่ขาวๆ กลายเป็นไข่สีดำ รสชาติเข้มข้นมาก แนะนำว่าควรทานกับข้าว แล้วเอาซีอิ้วราดข้าวให้หมด อย่าให้เหลือ :) จานนี้ราคา 199 บาท ไม่มีข้าว สั่งไปแล้วเพิ่งเห็นว่ามีข้าวหน้าหมูตุ๋น 99 บาทเองนี่หว่า แป่ว~จิจิมิ อันนี้จำราคาไม่ได้ แต่ส่วนมากราคาในร้านจะอยู่ที่ 99 หรือไม่ก็ 199 ซะเป็นส่วนมากจิจิมิของร้านนี้ก็แปลกดี เพราะปกติ จิจิมิจะเป็นอาหารเกาหลี คล้ายโอโคโนมิยากิ แต่แผ่นจะบางกว่า ใช้แป้งคนละชนิดกัน แต่จิจิมิที่นี่เป็นแบบแป้งบาง ใส่ปลาหมึกแล้วโรยด้วยปลาโอแห้ง รสชาติออกไปทางญี่ปุ่นมากกว่าเกาหลี ก็มีความเป็นออริจินอลดี ไม่เหมือนใคร ขอแนะนำให้ลอง รสชาติดีค่ะจานสุดท้ายเป็นยากิโทริรวม 299 บาท อันนี้ส่วนตัวคิดว่าแพงเกินไป มีทั้งหมด 9 อย่าง ครึ่งนึงเป็นเครื่องในไก่ อีกสองไม้เป็นหนังไก่ย่าง ปีก 1 ชิ้น เบคอนพันเห็ดเข็มทอง 2 ชิ้น มีเนื้อให้กินเต็มๆ แค่ไม้เดียว ซึ่งก็เป็นไก่เสียบไม้ย่างกับต้นหอม รสชาติก็ดีแบบธรรมดาโดยรวมแล้วคิดว่าร้านนี้ก็ใช้ได้ค่ะ อาจจะเหมาะกับการพาลูกค้ามาทาน ราคาค่อนข้างสูง เพราะสถานที่หรูหรา บรรยากาศเหมือนไปตากอากาศ ประทับใจห้องน้ำค่ะ มีผ้าอนามัยเตรียมให้พร้อมเลย ใส่ใจสตรีมีรอบเดือนเป็นเยี่ยม ฮ่าๆๆๆ มื้อนี้เช็คบิลกันไปเกือบพัน ทานกันสี่คน เพื่อนหนุ่มคนญี่ปุ่นที่ไปร่วมทานกันด้วยใจดีออกให้ห้าร้อย สาวไทยอย่างเราก็ยิ้มและขอบคุณในน้ำใจ มื้อนี้อิ่มด้วยรอยยิ้มค่ะ โกะจิโซซามะเดชิตะ…Read More

เคยได้ยินคำแนะนำจากปากเพื่อนว่าร้านนี้อร่อยมาก เลยขอลองแวะมาทานจริงที่ร้านดูซักครั้งเผอิญวันที่ไปร้านโอโตย่าที่เพื่อนชอบกินคนแน่นมาก เลยชวนเพื่อนเดินลึกเข้าไปในตึก Thaniya Plaza ผ่านทางเชื่อมชั้น 3 ลงไปที่ชั้น 2 ถึงร้าน Nanohana ร้านแต่งแบบเรียบๆ สไตล์ญี่ปุ่นคลาสสิค ลูกค้าในร้านที่เห็น ส่วนมากก็เป็นคนญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกสบายใจได้ว่า รสชาติต้องเป็นแบบต้นตำรับแน่นอน ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นที่ปรุงเอาใจลิ้นคนไทย ก็เลยสั่งเมนูชุดแฮมเบอร์เกอร์หม้อไฟ มาลองทานดู ไม่ผิดหวังจริงๆแฮมเบอร์เกอร์เป็นเนื้อหมูบด รสนุ่มลิ้น ตุ๋นร้อนๆ พร้อมผักลวก อยู่ในซอสมะเขือเทศบนเตา อย่างอลังการมากๆ แถมพนักงานมาจุดไฟกันตรงหน้า ให้กลิ่นโชยยั่วน้ำลาย เล่นเอาลิ้นพองด้วยความอร่อยเลยทีเดียว ราคาชุดละ 280 บาทถ้วน ไม่มีบวกๆ ชอบมาก เครื่องเคียงในชุดมีสองอย่างที่เปลี่ยนไปตามวัน วันที่ไปทานได้เป็นเทมปุระผักในน้ำจิ้ม กับผักโขมต้มโรยด้วยปลาแห้ง นอกนั้นก็เป็นสลัด ซุปมิโสะ และผักดอง แถมตอนกินเสร็จมื้อกลางวันจะมีแถมของหวานให้เลือกระหว่างไอศกรีมกับมูสซากุระ หรือ กาแฟ อย่างใดอย่างหนึ่ง วันนั้นเลือกมูสซากุระ ก็รสชาติหวานอ่อนๆ มีกลีบดอกซากุระแปะอยู่สองสามกลีบ (ไปหามาจากไหนเนี่ย ) แต่เสียอย่างเดียวเหมือนมีกลิ่นตู้เย็นติดอยู่ในขนม นอกนั้นพอใจมื้อนี้ทุกอย่าง อ้อ มีน้ำชาบริการฟรีด้วยอีกหลายวันต่อมา ด้วยความติดใจ ก็เลยไปทานชุดเนื้ออกเป็ดหม้อไฟ เมนูนี้ก็ลังเลตั้งแต่วันแรกแล้วว่าจะกินอันนี้ดีหรือจะกินชุดแฮมเบอร์เกอร์ดี ราคา 280 บาทถ้วนเหมือนกัน ไม่รู้ตอนนี้ขึ้นราคาไปรึยังเมนูเซตนี้หาทานในร้านอื่นไม่ค่อยได้ เห็นมีแต่ที่นี่เท่านั้น อกเป็ดต้มกับผักมิุซุนะ ในน้ำซุปใสๆ กลิ่นหอม เสริฟมาบนเตาอย่างอลังการอีกแล้ว ร้านนี้เอาใจเราไปเลย เครื่องเคียงวันนี้เป็นโอเด้งกับมะเขือม่วงต้มมิโซะ เป็นเซตที่คุ้มจริงๆ ได้กินถึงสามอย่างดูในหม้อกันชัดๆ เนื้อเป็ดน้อยไปนิด ออกแนวสุขภาพ ผักเพียบ แต่ก็อร่อยอิ่มจุกกันอีกวัน :)ร้านนี้บริการดี เติมชาตลอด บางทีตอนที่คนเยอะๆ อาหารก็มาช้าไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร ของอร่อยรอได้ยังมีอีกหลายเมนูที่คราวหน้าคิดว่าจะไปลองแล้วจะมารีวิวอีกนะคะ อยากลองกินชุดนอาหารพิเศษประจำฤดูมาก แต่ดูราคาแล้ว 900 บาท คงต้องรอวันพิเศษจริงๆ แล้วล่ะ…Read More