ของหวานสไตล์ฝรั่งเศส

Patisserie Rosie

นานาเมนูของหวานที่ร้าน Patisserie Rosie ทองหล่อ 10

ทำเลที่ตั้งของร้าน Patisserie Rosie อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 55 หรือทองหล่อ ตรงเข้ามาที่ซอยทองหล่อ 10 อยู่ตรงข้ามอารีน่า 10 (Arena 10) ใกล้กับ BTS ทองหล่อ

ใครที่ขับรถมาเองขอแนะนำให้จอดรถที่อารีน่า 10 (ค่าที่จอดรถชั่วโมงละ 20 บาท ในตอนกลางวัน) แล้วข้ามมาอีกฟากฝั่งของถนนก็จะพบกับตึกแถวสีเขียวเท่ๆ ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

ภายในร้านก็โดดเด่นไม่แพ้ภายนอกเลยค่ะ Patisserie Rosie แบ่งส่วนของร้านเป็น 2 ชั้น สามารถเลือกโซนที่นั่งได้ตามชอบใจ

เมื่อเดินเข้าไปข้างในร้านชวนให้หวนรำลึกถึงอดีต หรือที่เรียกกันติดปากว่า nostalgia ด้วยการตกแต่งที่สร้างบรรยากาศให้ดูย้อนยุค เด่นด้วยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่จัดวางได้อย่างถูกที่ ทั้งกรอบรูปติดผนังที่แขวนเรียงกันได้อย่างเก๋ไก๋ หรือจานลายครามที่ประดับไว้บนผนัง เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับการตกแต่ง

การตกแต่งร้านนั้นเป็นแบบ Art Deco Style โดยดึงเอาดีไซน์ในช่วงปี 1920 มาเป็นจุดเด่น งดงามด้วยการผสมผสานความเป็นยุโรปเข้ากับเอเชีย จนได้รูปแบบการตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ 

สีสันของเฟอร์นิเจอร์ก็ดูเก๋ไก๋ ตัดกับสีน้ำตาลของไม้ และลวดลายของกระเบื้อง

ถ้าต้องการพื้นที่สำหรับการสังสรรค์กันยกแก๊ง ขอแนะนำพื้นที่ชั้น 2 ค่ะ

มุมมองจากชั้น 2 เห็นตัวร้าน Patisserie Rosie กันชัดๆ

โซนที่นั่งชั้น 2 ตกแต่งได้น่าสนใจไม่แพ้ชั้นล่างเลยค่ะ

มุมที่นั่งชั้น 2 มีทั้งโซฟายาว และมุมที่นั่งที่มีความเป็นส่วนตัว

เดินดูบรรยากาศกันมาจนทั่วแล้ว ขอเดินไปส่องตู้เค้กบ้างดีกว่า ที่ร้าน Patisserie Rosie มีขนมอบและของหวานที่ทำกันสดใหม่วางเรียงรายจนเลือกไม่ถูก สำหรับที่มาของขนมอบที่นี่ เกิดขึ้นมาจากความตั้งใจที่จะทำขนมอบและของหวานสไตล์ฝรั่งเศสเพื่อให้แตกต่างจากร้านอื่นๆ ที่นิยมทำเค้กในสไตล์ญี่ปุ่น

เค้กของร้านนี้มีลักษณะเป็นมูสเค้กรสชาติต่างๆ โดยได้ปรับสูตรให้ถูกลิ้นคนไทยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งสไตล์การทำขนมอบของฝรั่งเศส ที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ทางร้านจึงใช้วัตถุดิบนำเข้าอยู่หลายชนิด เช่น ครีม เนย แป้ง ก็ต้องนำเข้าจากฝรั่งเศส หรือชาเขียวที่นำมาทำขนมก็ต้องมาจากเกียวโตซึ่งเป็นแหล่งขึ้นชื่อของชาเขียว นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงความสมดุลของรสชาติ ด้วยการทดลองหารสชาติใหม่ๆ ใส่โน่นนิด เติมรสชาตินี้อีกหน่อย จนได้ขนมอบที่ทั้งสวยและอร่อย ...ไม่เหมือนใคร

สำหรับเมนูของที่ร้าน Patisserie Rosie มีทั้งของคาวและของหวานให้เลือก วันจันทร์ถึงวันศุกร์จะมีพวกแซนวิชเปิดหน้า คีช และสลัด แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์จะมี Weekend all day brunch เพิ่มเติมเข้ามา โดยเมนูต่างๆ จะสลับสับเปลี่ยนกันอยู่ตลอดขึ้นอยู่กับฤดูกาลของวัตถุดิบเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ทำให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น Mango Tart หวานเย็นชื่นใจในช่วงหน้าร้อน

เริ่มต้นด้วยคีช (Quiche 120 บาท) รสชาติต่างๆ ซึ่งที่ร้านเน้นเรื่องรสชาติของวัตถุดิบที่อัดแน่นอยู่ภายใน อาทิ คีชเนื้อปูและหญ้าฝรั่นที่ใส่เนื้อปูเต็มๆ แล้วยังมีคีชรสชาติอื่นๆ ที่คนไทยคุ้นเคย เช่น คีชเบคอน คีชเห็ด และคีชผักโขม

เมนูที่ OpenRice ได้ลองคือ คีชผักโขม รสชาติเข้มข้นหอมมัน ด้านบนเป็นแซลมอนรมควัน ทานพร้อมกันแล้วลงตัว แนะนำให้ทานพร้อมกับผักสลัดที่เสิร์ฟมาคู่กันโดยมีน้ำสลัดรสออกเปรี้ยวเป็นตัวชูรสชาติ

ต่อกันที่ของหวานเมนูแรก Blackcurrant & Pear with Tonka Bean Tart (180 บาท) ครั้งแรกที่ลิ้มรสชาติของหวานตัวนี้ สัมผัสได้ถึงความซับซ้อนของรสชาติและรสสัมผัสที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเมนูนี้

รสชาติโดยรวมออกเปรี้ยวอมหวาน เพราะมีทั้งรสชาติและกลิ่นหอมของ Blackcurrant และ Pear เป็นเมนูทานง่าย รสชาติเบาๆ น่าจะถูกใจสาวๆ

อีกหนึ่งเมนูที่ทั้งสวยและอร่อย La Rosie (220 บาท) แค่หน้าตาก็กินขาดแล้ว สีหวานแหววชมพูอมแดง เห็นตอนแรกแทบไม่กล้าชิมเลยค่ะ ความโดดเด่นของเมนูนี้ไม่ใช่แค่ความสวยภายนอก แต่ยังแฝงความหอมของกุหลาบบัลแกเรีย โดยการสกัดกลิ่นกุหลาบนั้นยังคงใช้วิธีดั้งเดิมทำให้ไม่มีสารเคมีเจือปน

เมนูนี้เป็นโยเกิร์ตมูสเค้ก ด้านในจะมีลิ้นจี่และราสเบอรี่ที่ให้รสเปรี้ยว ตัดกับความหวานมันของสปอนจ์เค้กเอมมานูแอล ด้วยรสชาติของลิ้นจี่ที่คุ้นลิ้นทำให้เมนูนี้พาเราย้อนวันหวานไปนึกถึงของหวานที่ชอบทานตอนเด็กๆ

ทานของหวานกันไปเยอะแล้ว ขอพักดื่มน้ำชากันก่อนดีกว่า ที่ร้าน Patisserie Rosie แนะนำว่าเครื่องดื่มที่เหมาะจะทานคู่กับของหวานนั้นควรจะเป็นชาร้อนๆ ทางร้านจึงมีทั้ง Oriental Tea และ Western Tea ให้เลือก แต่ถ้าใครชอบดื่มกาแฟ ที่นี่ก็มีเมนูกาแฟน่าสนใจอยู่หลายอย่าง

ถ้าถามถึงเมนูแนะนำ ที่ร้านจะนำเสนอชาจีน เพราะชาจีนมีรสชาติและกลิ่นแฝงที่น่าสนใจคล้ายๆ กับไวน์ ด้วยกลิ่นแฝงที่ซับซ้อนและละมุนละไม ผ่านการซึมซับรสชาติของผืนแผ่นดินที่ปลูกได้เป็นอย่างดี เช่น พื้นที่ที่เคยปลูกลิ้นจี่มาก่อน ชาก็จะเจือกลิ่นหอมของลิ้นจี่อ่อนๆ ออกมาด้วย

ชาที่เราลิ้มลองในวันนี้ชื่อว่า Green Tie Guan Yin (150 บาท) ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายสดชื่น น้ำแรกรสจะค่อนข้างจัดจ้าน แต่พอดื่มไปสักพักรสจะเบาลงแล้วความหอมจะเด่นขึ้นมา 

หลังจากที่จิบชาไปได้สักพัก เราก็เริ่มลงมือชิมเมนูของหวานจานต่อไป Matcha Nostalgia (160 บาท) ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งที่จะทานคู่กับชาจีน 

เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากวิถีการดื่มชาเขียวของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อน ที่นิยมดื่มชาเขียวคู่กับการกินเกาลัด เพราะทั้งสองสิ่งนี้ช่วยเรื่องรสชาติของกันและกัน ความขมของชาเขียวที่ผสานเข้ากับรสชาติอันหวานมันของเนื้อเกาลัด แล้วตัดรสหนักของสองสิ่งนี้ด้วยความเปรี้ยวของแอปริคอต จึงเป็นเมนูที่ลงตัว สัมผัสได้ถึงรสชาติความเป็นเอเชีย

ปิดท้ายด้วยเมนูที่รสชาติหนักแน่นและซับซ้อนมากๆ จนเป็นที่ติดใจของลูกค้าหลายคน Cherry Ripe (180 บาท)

มูสเค้กเชอร์รี่ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติ ผสมผสานความเปรี้ยวของเชอร์รี่สดเข้ากับไวท์ช็อคโกแลต เข้มข้นความหวานมัน ตัวเค้กหยุ่นๆ ทานกับฐานกรุบกรอบเพื่อเพิ่มรสสัมผัส เมื่อตักทานพร้อมกันแล้วอร่อยถูกใจมากๆ

ร้านขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส Patisserie Rosie ทองหล่อซอย 10 มาพร้อมกับขนมอบสดใหม่ที่ดูงดงามด้วยหน้าตา ซ่อนรสชาติที่อร่อยล้ำลึก เหมือนหญิงสาวที่แฝงไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา ตามไปชิมกันได้ทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. - 21.30 น.