2
2
0
เดิน 2-นาที จาก สถานี BTS ศาลาแดง ทางออก 1 อ่านต่อ
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
จันทร์ - อาทิตย์
11:00 - 14:00
17:00 - 23:00
วิธีจ่ายเงิน
เงินสด
ข้อมูลอื่นๆ
ที่จอดรถ
ห้อง VIP
สำรองโต๊ะ
ใบกำกับภาษี
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
เมนูแนะนำ
ข้าวปั้นหน้าปลาดิบ ข้าวห่อสาหร่าย ซูชิ
รีวิว (4)
พิกัดของร้านนี้ก็จะอยู่ในซอยซอยธนิยะในย่านสีลม เรียกได้ว่าเป็นถิ่นกลางคืนของคนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ครับ ใครที่เอารถมาตรงข้ามร้านจะเป็นตึกธนิยะ มีที่จอดรถใต้ดินอยู่ครับสามารถเอาเข้าไปจอดได้ แต่ไม่น่าจะมีส่วนลดให้ ถ้าใครมาจาก BTS ก็เดินเข้ามาได้เลยครับ เมืองไทยอากาศดีครับตอนกลางคืนก่อนจะเข้าร้านนี้มีการ์ดยืนเฝ้าอยู่เลย 1 คน พี่เค้าจะคอยเปิดปิดประตูให้ครับ ฟิลลิ่งเหมือนแบบเป็นยากูซ่าในหนังอ่ะครับ ทางเข้าเป็นประตูเล็กๆ มีป้ายร้านอยู่ข้างๆ เข้ามาบรรยกาศข้างในหรูม๊าก เป็นทางเดินแบบร้านอาหารญี่ปุ่นเลยครับ เสียดายที่ชั้น 1 ลูกค้าเต็ม (ผมขี้เกียจมานั่งเบลอหน้าคน) ก็เลยไม่ได้ถ่ายมาลงครับ ชั้นล่างจะมีทั้งแบบ Sushi Bar และโต๊ะทั่วไปครับ ใครที่อยากลอง Omakase แบบหยิบจากมือเชฟทานแนะนำนั่งตรงที่เป็น Sushi Bar เลยฮ่ะส่วนชั้นสองทางเชฟใหญ่บอกว่าเป็นที่นั่งสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่ม จะมี partition แบบญี่ปุ่นๆกัน Private แบบสุดๆ เท่าที่ผมเดินสำรวจก็น่าจะรองรับได้เกือบๆ 40 คนเลยแหละครับ แต่ชั้นบนต้องถอดรองเท้าก่อนเข้านะครับ ตอนแรกที่ผมไปลูกค้าเต็มเลย แต่พอนั่งไปซักพักรู้สึกว่าด้านบนจะเหลือแต่พวกผม 55555 นี่เชฟไปห้ามเค้าขึ้นมาเปล่าเนี่ยยย โดยรวมก็นั่งสบายเลยแหละครับ ถ้าไม่ใช่ผู้สูงอายุก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขนาดคุณพ่อผมยังนั่งชิวๆเลยอาหารของที่นี่้ปิดเมนูมาแอบช็อคราคานิดนึง เพราะตอนมาคุณพอไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าจะพาไปไหน.. แค่บอกว่าจะพาไปกินข้าวหลังสอบเสร็จ เปิดมาอย่างแรกที่เห็นคือ 3 หลักขึ้นทั้งนั้นโลยย ไม่รอช้าจัดไปดีกว่าครับ โดยตัวอย่างสิ่งที่ผมลองชิมวันนี้ก็คือ- Ginnan (฿100.-)อันนี้น่าจะคุ้นๆหูกันบ้างนะครับ มันก็คือแปะก๊วยโรยเกลือนั่นเองครับ ส่วนมากคนจะสั่งมาเป็น appetizer กันครับ แต่ส่วนตัวผมแล้วไม่ค่อยถูกกับแป๊ะก๊วย ชิมยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี เลยขอไม่รีวิวอันนี้ดีกว่า- Oshiruko (฿120.-)อันนี้บางคนอาจจะไม่คุ้นชื่อนะครับ บ้านเราจะเรียกว่าโมจิถั่วแดงนั่นเอง สั่งมาไว้เป็นของหวานปิดท้าย โดยรวมแล้วรสชาติก็อร่อยดีทีเดียวเลยครับ ตัวถั่วแดงก็หวานกำลังดีเนื้อละเอียด ด้านโมจิก็แป้งหนานุ่ม- Osuimono (฿150.-)อันนี้จะเป็นซุปหอยตลับนะครับ สั่งมาเอาไว้แก้ฝืดคอ รสชาติก็อร่อยดีครับเค็มๆ แต่ที่จริงเชฟทำมิโสะมาให้แล้วแต่ไม่ได้บอกผม ก็เลยสั่งซุปซ้ำไปอีก ทีนี้ละบันเทิงเลยนั่งดื่มซุปสนุกเลยครับผม- Tsukemono (฿180.-)อันนีจะเป็นผักที่เอาไว้ทานแก้เลี่ยนครับ ถ้าภาษาไทยผมจำไม่ผิดน่าจะเรียกว่ากลับแกล้มนะครับ เป็ยพวกผักดองอะไรประมาณนั้น แต่ไม่ใช่กิมจิตามร้านอาหารในห้างนะครับ อาหารญี่ปุ่นจริงๆไม่มีแบบนั้น ก็ช่วยเปลี่ยนรสชาติได้ดีพอสมควร- Akami Sushi (฿240.-)เป็นเนื้อปลา Maguro ส่วนที่ถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ เอาจริงๆหาทานได้แทบทุกร้านที่ขาย Sushi เลยครับส่วนนี้ เนื้อส่วนนี้จะไม่มีมันสีจะเป็นสีแดงสด หลังจากชิมของทางร้านเข้าไปผมว่าก็สดใช้ได้เลย- Chutoro Sushi (฿380.-)อันนี้ก็จะยกระดับจาก Akami ขึ้นมานิดนึง เนื้อส่วนนี้จะมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อในระดับปานกลาง โดยจะเรียกกันว่าชูโทโร่ ส่วนตัวผมว่าปลามีความสดและหวานดีครับ ทานคู่กับวาซาบินี่ใช้ได้เลย- Ohtoro Sushi (480.-)ผมไม่ได้สะกดผิดนะครับ ในใบเสร็จเค้าเขียนอย่างนี้จริงๆ คนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักโอโทโร่ว่าเป็นส่วนที่แพงที่สุดของปลา Maguro และส่วนนี้ก็ยังเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกในเนื้อเยอะอีกด้วย ใครชอบเนื้อปลานุ่มๆชุ่มฉ่ำลองสั่งได้ครับ ของที่นี่ผมค่อนข้างประทับใจเลยครับ วัตถุดิบเค้าดีจริง- Uni Sashimi (฿800.-)เรียกได้ว่าเป็นอย่างเดียวเลยมั้งครับที่ขับอารมณ์การทานรอบนี้ ทำไมไข่หอยเม่นที่เสิร์ฟมาแบบ Sashimi ถึงเละได้ขนาดนี้ล่ะครับ ทังๆที่บนตัว Nigiri ในชุด Omakase นี่แบบจัดมาดีมาก ถึงรสชาติจะใช้ได้ แต่หน้าตาไม่โอเคเลย- Buri Kamayaki (100g) (฿1,000.-)อันนี้จะเป็นคางปลาบุรีย่างเกลือนะครับ ปกติผมเป็นคนไม่ชอบทานปลาที่มีก้าง ไม่ใช่อะไรหรอกครับไม่อยากแกะ แต่งานนี้ยอมครับเพราะว่าปลาน่าทานมาก เนื้อปลาบุรีจะนุ่มและนิ่มมากครับ แต่ในความนุ่มนั้นก็ยังมี Texture และความแน่นของเนื้อแฝงอยู่ ยิ่งย่างเกลือมาด้วยนี้ยิ่งชวนทานมากๆเลย- Maguro Sashimi (฿1,200.-)อันนี้ผมเห็นในเมนูน่าทานดีเลยลองสั่งมาดู เชื่อแล้วว่าภาพเพื่อการตลาด 5555 ในเมนูนี่ชิ้นหนาใหญ่มาก หั่นมาเป็นสี่เหลี่ยมวางสวยงาม พอสั่งมานี่ไม่ได้ว่านะแต่แบบถ่ายรูปยังไงให้มันออกมาสวยดี.. ด้านคุณภาพก็สดใหม่หวานดีครับ มีสามส่วนเลยคือ Akami, Chutoro, แล้วก็ Otoro ที่นึงได้มาสองชิ้น รสชาติใช้ได้นะแต่จัดวางมาได้แบบ อืมนะ - Sushi Omakase (฿1,600.-)อันนี้ก็จะเป็นชุดซูชิตามใจเชฟครับ เชฟอยากปั้นอะไรก็ปั้นมาครับผมทานได้หมด เอาที่มันไม่เผ็ดอ่ะเชฟ 5555 ที่ผมได้มาวันนั้นจะเป็น ไข่หวานที่ดันเค็ม 2 คำ น่าจะเป็น 1 ก้อนผ่าครึ่งมานั่นแหละครับ, Maki Sushi 3 ก้อนครับ, และ Nigiri Sushi 10 คำ ซูชิที่ผมได้มาก็มีหน้า Salmon Nigiri, Hotate Nigiri, Akami Nigiri, Chutoro Nigiri, Otoro Nigiri, Botan Ebi Nigiri, Uni Nigiri, Ikura Nigiri, Madai Nigiri และก็ Unagi Nigiriซึ่งผมก็ชิมเองทุกอันยกเว้นอันสุดท้ายครับ วัตถุดิยของที่นี่อยู่ในระดับที่โอเคค่อนข้างดีครับ ข้าวที่ปั้นมาอาจจะมีหลุดบ้างแต่ก็พอรับได้ ตัวซูชิที่ทำมาจากปลานี่สดไม่มีกลิ่นคาว เวลาทานเข้าไปถ้าสังเกตุดีๆจะมีรสหวานของปลาออกมาครับ อย่าซัดโชยุซะชุ่มก็พอครับ ส่วนกุ้งโบตั๋นกับหอยเชลล์สดนี่ไม่ต้องสังเกตุเลยรสหวานออกมาค่อนข้างชัด ปกติน้อยร้านมากที่จะทำซูชิ Hotate ให้ผมทานแล้วถูกใจ ร้านนี้เป็นหนึ่งในนั้นครับ ไร้ความคาวแบบ 100%การบริการถ้าไม่ประทับใจก็ไม่รู้จะพูดยังไงละครับ ชอบตั้งแต่ทางเข้ายันการบริการ พนักงานของที่นี่สวมชุดมิโมโนเสิร์ฟอาหารนะครับ คุกเข่าเหมือนที่ผมไปทานที่ญี่ปุ่นเป๊ะ เรียกได้ว่าทุกคนมีหัวใจแห่งการบริการมากเลยครับ เรียกง่ายมาไวสุดยอดเลยครับ ราคาอาหารที่สูงหน่อยแต่แลกกับคุณภาพและการบริการ ถ้าใครที่สนใจก็ลองมาทานได้นะครับ ผมเล่าให้ฟังคราวๆแค่เป็น Guide ตามนี้ครับ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
วันนี้สรรหาทานมื้อเที่ยงย่านสีลม เดินมาจากตึกทำงานไกลนิด เข้าซอยธนิยะ มีคนบอกว่าซูชิพรีเมี่ยม แตกไลน์ของ Fuji คือร้านนี้ ขอมาลองหน่อย มื้อกลางวันจัดเลย ชุดแซลมอนย่างซีอิ๊ว รอนานหน่อยนะ เลยสั่งซาชิมิ หอยเชลล์มากินรอ คำโตพอประมาณ หวานสดดี 120 บาท ก็ไม่ถึงกับแพงนะ รอหว่างรอก็เก็บบรรยากาศไป มาแล้วชุดแซลมอนย่างซีอิ๊ว ปลาใหญ่ โอเค มาตรฐาน รสชาติถูกใจ เป็นเซ็ตมีผลไม้ให้ด้วย 280 บาท ถือว่ารสชาติประทับใจ ราคามาตรฐาน ไม่แพงเว่อร์ ไว้วันหน้ามาลองอีก อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
ระดับ3 2013-12-31
113 วิว
อยู่ในช่วงอยากทานซูชิ แต่ขี้เกียจไปไหนไกล เลยมาเดินแถวซอยธนิยะดูว่ามีร้านอะไรน่าทานมั่งสะดุดตากับร้านนี้ ร้านใหญ่ป้ายเด่นมาเชียว ลองดูละกันวันนี้มาคนเดียว นั่งที่เคาน์เตอร์ สั่งอาหารละก็ดูเชฟปั้นซูชิไปเพลินๆดีระหว่างนั้นคนเสิร์ฟในชุดกิโมโนก็เอาชาเขียวมาให้ ชาร้อนจี๋มากกกกยังดื่มไม่ได้ นั่งดูไปอย่างเดียวอาหารมาแล้วจ้า โรลแซลมอน ไส้ข้างในเป็นปูอัดกับแตงกวาและอโวคาโด โปะด้วยหอยเชลล์ออนท็อปโรลรสชาติใช้ได้ แต่ซอสที่ราดมาด้วยรู้สึกงั้นๆ หอยเชลล์ที่แปะมาข้างบนก็ออกจะจืด ทานเสร็จก็เรียกเช็คบิล ได้ผลไม้แถมฟรีตามมาตรฐานฟูจิสรุปรสชาติอาหาร โอเค ไม่ได้อร่อยมากบรรยากาศ ตกแต่งร้านได้ดี ไม่วุ่นวาย ทำเลก็สะดวก เดินมาจากบีทีเอสศาลาแดงนิดเดียวบริการ เฉยๆ รออาหารค่อนข้างนาน คนข้างๆมาทีหลังสั่ง lunch set ยังได้ทานก่อนอีกอ่ะราคา จำราคาเป๊ะๆไม่ได้แล้วแต่รู้ว่าไม่แพงมากค่ะ โดยเฉพาะถ้ามาช่วงเที่ยงสั่งเป็น lunch set ก็คุ้มเลยแหละ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)
Sushi Tsukiji (ซูชิซึกิจิ) เป็นร้านที่ออฟเลือกไปเลี้ยงฉลองในวันคล้ายวันเกิดของไผ่ค่ะ เนื่องด้วยในปีนี้ไผ่อยากทานซูชิ ออฟก็เลยลองหาข้อมูลร้านซูชิรสเด็ดที่หลายๆคนแนะนำ และอยู่ในเส้นทางที่เดินทางสะดวก สุดท้ายก็มาลงเลยที่ร้าน Sushi Tsukiji (ซูชิซึกิจิ) ค่ะ เพราะว่าใกล้กับรถไฟฟ้าศาลาแดงถิ่นของออฟเองค่ะ แต่ยังไม่เคยลองไปทานเหมือนกันก็เลยตัดสินใจไปทานร้านนี้ค่ะเมื่อเดินมาถึงหน้าร้านแล้วจะมียามคอยเปิดประตูให้ค่ะ เข้าไปแล้วจะได้พบกับสาวญี่ปุ่นตัวจริงเสียงจริง และแต่งชุดกิโมโนสวยงามคอยต้อนรับอยู่ค่ะ ในร้านจะมีโซนที่นั่งติดกับเชฟและโต๊ะที่นั่งแยกออกมาค่ะปลาซาบะดองชิ้นนี้ถูกปั้นวางบนข้าวญี่ปุ่นเม็ดโตมาค่ะ ชิ้นนี้ไผ่จัดการคำเดียวหมดเลยค่ะอีกเมนูที่ออฟอยากจะแนะนำนะคะ เพราะว่าเนื้อปลานุ่มลิ้น และไม่คาวมากค่ะ ข้าวปั้นหน้าปลาโทโร (Chutoro) 150 บาทข้าวห่อสาหร่ายที่สั่งมาทานเป็นเซตค่ะ มีทั้งหมด 4 ชิ้นด้วยกันออฟไม่แน่ใจว่ามีปลาอะไรบ้างแต่ก็เป็นเมนูที่ถ้าไปแล้วสั่งมาทานได้เลยค่ะ รู้สึกคุ้มดี หลังจากที่ติดใจไข่หวานจากข้าวปั้นแล้ว ออฟก็เลยสั่งไข่หวานย่างมาทานเพิ่มเติมค่ะ ปริมาณน้อยไปหน่อย แต่รสชาติอร่อยมากค่ะเทมปุระขอทางร้านแป้งกรอบดีมากๆค่ะ แต่ปริมาณน้อยไปหน่อยไก่ย่างซีอิ๊วของทางร้านถือว่ารสชาติเข้มข้นมากค่ะ ซอสที่ราดมาเพิ่มรสชาติที่เข้ากันดีกับไก่ย่างมากๆ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)