อ่านรีวิวฉบับเต็ม
2012-06-17
415 วิว
มาต่อตอน2 ของซีรียส์ปูฮอกไกโดกันเลยเจ้าค่า พระเอกของร้าน ก็ต้องปูฮอกไกโดเลยเจ้าค่ะ ชื่อไทยจินนี่ไม่ทราบ ชื่อญี่ปุ่นมันเรียกว่า ทาราบะกานิ (tarabagani) หรือ Red King Crabไอ้ตัวแดงๆหน้าร้านก็เป็นร่างทรงเจ้านี่และค่ะ ที่ร้านจะนำปูเข้ามาทางแอร์สดใหม่ทุกวัน เพราะงั้นมั่นใจได้ในความสดอร่อยค่ะราคาปูนี่ก็จะไม่ได้เท่ากันทุกวัน เค้าคำนวณให้ตามไซส์ปูเจ้าค่ะ อย่างเจ้าทาราบะกานิ ราคาในวันที่จินนี่ไปก็ตามจำนวนกรัม1,600 กรัม ราคา 4,000 บาท, 1,700 กรัม 4,250 บาท และ 1,800 กรัม 4,500 บาท ในเมื่อเห็นราคาน่าตกใจเรียบร้อยแล้ว อ่านข้างใต้เมนูที่มีหมายเหตุให้ก็โล่งใจได้ ว่าเค้ามีให้สั่งแบบครึ่งตัว (=ครึ่งราคา)สั่งได้ว่าจะเอามาทานแบบไหน
พระเอกของร้าน ก็ต้องปูฮอกไกโดเลยเจ้าค่ะ ชื่อไทยจินนี่ไม่ทราบ ชื่อญี่ปุ่นมันเรียกว่า ทาราบะกานิ (tarabagani) หรือ Red King Crab
ไอ้ตัวแดงๆหน้าร้านก็เป็นร่างทรงเจ้านี่และค่ะ ที่ร้านจะนำปูเข้ามาทางแอร์สดใหม่ทุกวัน เพราะงั้นมั่นใจได้ในความสดอร่อยค่ะ
ราคาปูนี่ก็จะไม่ได้เท่ากันทุกวัน เค้าคำนวณให้ตามไซส์ปูเจ้าค่ะ อย่างเจ้าทาราบะกานิ ราคาในวันที่จินนี่ไปก็ตามจำนวนกรัม 1,600 กรัม ราคา 4,000 บาท, 1,700 กรัม 4,250 บาท และ 1,800 กรัม 4,500 บาท
ในเมื่อเห็นราคาน่าตกใจเรียบร้อยแล้ว อ่านข้างใต้เมนูที่มีหมายเหตุให้ก็โล่งใจได้ ว่าเค้ามีให้สั่งแบบครึ่งตัว (=ครึ่งราคา)
สั่งได้ว่าจะเอามาทานแบบไหน มีให้เลือกทั้งย่าง นึ่ง steam และแบบนาเบะ(คล้ายๆหมูจุ่มชาบูๆ แต่เป็นปูจุ่มล่ะ^^) จินนี่สั่งแบบครึ่งตัวแล้วในครึ่งตัวนั้นให้ทำแบบ steam และนึ่ง ออกมาก็คล้ายๆกันเจ้าค่ะ อร่อยเหมือนกัน
ดังนั้นขอบรรยายแบบ steam นะ เพราะว่าทานก่อนประทับใจก่อน อิอิ
เนื้อปูชุ่มน้ำมากๆ เห็นเนื้อจากภายนอกมันไม่แฉะนะเจ้าคะ แต่พอกัดเข้าปาก น้ำในเนื้อปูแย่งกันไหลออกมาจากเนื้อปู
ความนุ่มของเนื้อปูมันคลุกเคล้าความชุ่มฉ่ำของน้ำ เนื้อแน่นแต่ไม่แข็งอ่ะค่ะ นายบอกว่าการที่น้ำมันชุ่มๆในเนื้อปูแบบนี้
เรียกว่าจูชิ คล้ายๆกับสภาพที่มันชุ่มฉ่ำมากๆอ่ะค่ะถ้าภาษาอังกฤษคง ประมาณว่า enrich แต่ภาษาไทยจินนี่ก็แปลได้ว่า....โค ตะ ระ อร่อย!!! แค่ทานเนื้อปูอย่างเดียวมันก็อร่อยแล้ว แต่ถ้าคนที่ซึมซับรสชาติแบบธรรมชาติดั้งเดิมพอแล้ว ก็เอาเนื้อปูจิ้มคานิซุ
เพิ่มความเปรี้ยวนิดเค็มหน่อยได้เจ้าค่ะแต่จินนี่ว่าทานเนื้ออย่างเดียวไม่จิ้มคุ้มกว่า
ซึมซับความสด นุ่ม ชุ่มฉ่ำ ความแน่นของเนื้อปูได้เต็มๆ สำหรับคนที่ชอบทานมันปู (มิโซะคานิ) ก็ไม่ผิดหวังค่ะ
ของที่นี่ไม่มีกลิ่น รสขมนิดๆ สำหรับจินนี่ แต่คนญี่ปุ่นที่ทาน บอกว่าแบบนี้อย่างดีแล้ว เหม็นน้อยมากๆ ถัดมาพระรองของร้านก็เป็นปูขนเจ้าค่ะ ญี่ปุ่นเขาเรียกกันว่าเคะกานิ (Kegani) Hair Crab
ความประทับใจของจานนี้ที่นำมาเสิร์ฟคือ น่ากลัว เจ้าค่ะ ร้านเขาตกแต่งจานมาแบบเป็นลักษณะปูครบถ้วน
แถมยังตั้งหัวให้มันลุกขึ้นมาจ้องหน้าเสียด้วย กลัวฝันร้ายชะมัด ขนตามตัวมันก็น่ากลัวไม่แพ้ตามันเจ้าค่ะ ไม่กล้าจับ
งานนี้ที่แคะปูทำงานหนัก เพราะไม่ค่อยกล้าจับเปลือกมันซักเท่าไหร่
เจ้าตัวนี้ไม่แบ่งขายครึ่งตัวเจ้าค่ะ ราคา 800 กรัม 2,400 บาท มีไซส์เดียวเจ้าค่ะ
หน้าตาน่ากลัว แต่เนื้อมันน่ารักน่าเอ็นดูมากๆเจ้าค่ะ เนื้อแน่น นุ่ม แตกต่างจากทาบาระกานิ ตรงที่เจ้านี่จะรู้สึกถึง
เนื้อที่เป็นเส้นๆมากกว่า เวลากัดมันไม่ได้ออกมาตามรอยกัด ออกมาเป็นเส้นๆ น้ำไม่ได้ชุ่มฉ่ำเหมือนเจ้าตัวแรก
แต่ร้านซีฟู้ดทั่วๆไปเทียบชั้นไม่ไหวเลยเจ้าค่ะ ตัวนี้จิ้มซอสคานิซุนิดนึงจะอร่อยกำลังดีเจ้าค่ะ ส่วนด้านซูชิ ทางร้านทำโปรโมชั่น 100 บาทอยู่เจ้าค่ะ บางจานชิ้นเดียว บางจาน2ชิ้น
สั่งซูชิหอยนางรม แซลมอน และอะไรอีก 3-4 อย่าง จินนี่ได้ทานแซลมอนอย่างเดียวเจ้าค่ะ เนื้อปลาดิบนุ้มนุ่มอ่ะ
รู้เลยนะว่าสด ปั้นได้แน่นไม่ใช่สไตล์โตเกียวที่จินนี่ไม่ชอบ (คือสไตล์โตเกียวจะปั้นข้าวหลวมๆ ทำให้คีบยาก
คีบแล้วข้าวหล่นบ้าง จินนี่ไม่ชอบ) เนื้อปลาดิบยาวกว่าตัวข้าวเป็นนิ้ว ไม่ใช่แบบส่วนปลาดิบคลุมข้าวไม่มิดนะจ๊ะ พออิ่มหนำกันพุงกางแล้ว ก็เรียกเก็บค่าเสียหาย ไปทานกัน 3 คน รวมออกมา 7,250 บาท เจ้าค่ะ.....
ราคาคุณภาพ พอๆกับคุณภาพอาหารเลยเจ้าค่ะ พอคิดเงินเสร็จ มีให้คูปองราคา100 บาทมาหลายใบเชียวเจ้าค่ะ
อร่อยนี่ก็จริงจัง จริงใจ แต่คิดว่าถ้าให้จินนี่ไปอีก คงไม่ได้ไปส่วนตัวแน่ๆเจ้าค่ะ ไม่มีปัญญา =*=
โพสต์