50
1
7
เบอร์โทร.
02-234-4988
ข้อมูลร้านอาหาร
ร้าน Al Saray (อัล ซาราย) ให้บริการอาหารประเภทเลบานอนและอินเดีย มีด้วยกันถึง 3 ชั้น ชั้นแรกจะมองเห็นบรรยากาศเคาน์เตอร์เครื่องดื่มที่พร้อมเสิร์ฟ ชั้นที่ 2 ประดับด้วยโคมไฟจากประเทศเลบานอนหลากสีให้ความอบอุ่นและอบอวลด้วยวัฒนธรรมแบบแนวตะวันออกกลาง ชั้นที่ 3 ห้องไพรเวท มีไว้รับรองสำหรับงานปาร์ตี้สังสรรค์หรืองานประชุมต่างๆ รับรองได้ถึง 12 ท่านด้วยกัน ร้านอัลซาราย สีลม เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานี ศาลาแดงทางออกประตู 4 ฝั่งซ้ายมือและเดินย้อนกลับมาทางร้าน Boot ประมาณ 100 เมตร จะพบร้านของเรารับรองว่าคุณจะร้องว้าวกับเมนูที่หลากหลายปรุงแต่งด้วยเครื่องเทศนานาชนิด อ่านต่อ
เหมาะสำหรับ
ลำลอง
ครอบครัว ลำลอง
เวลาเปิด-ปิด
วันนี้
11:30 - 00:00
จันทร์ - อาทิตย์
11:30 - 00:00
วิธีจ่ายเงิน
วีซ่า มาสเตอร์ เงินสด
จำนวนที่นั่ง
100
ข้อมูลอื่นๆ
Online Reservation
ที่จอดรถ
Service Charge
ร้านอาหารปิดดึก
มีแอร์
เว็บไซต์ร้านอาหาร
http://www.alsarayrestaurant.com/
ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่ออ้างอิงเท่านั้น กรุณาตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารอีกครั้ง
รายละเอียดของรางวัล
วิดีโอ
รูปภาพ
+32
เมนูแนะนำ
ข้าวหมกแพะ มูตาเบิ้ล ฮัมมุส รวมของย่าง
รีวิว (1)
Al Saray Fine Lebanese and Indian Cuisine …เป็นชื่อร้านที่บ่งบอกชัดเจนว่าต้องการนำเสนออาหารเลบานอนและอาหารอินเดียที่ปรุงขึ้นด้วยความประณีตละเมียดละไมระดับ Haute Cuisine   เชื่อมโยงรสชาติจากสองอารยธรรมให้มาทานร่วมโต๊ะเดียวกันได้ ดุจดั่งที่ Spice Trade Route เคยเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการขนส่งเครื่องเทศจากอินเดีย ผ่านประเทศแถบอาหรับ เลาะชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้าสู่ยุโรปในยุคโบราณกาลนั่นเลย อาหารเลบานอนและอาหารอินเดียนั้นแม้ดูเผินๆจะมีการใช้เครื่องเทศเหมือนกัน แต่ในความเหมือนก็ยังมีความแตกต่าง  อาหารเลบานอนใช้เครื่องเทศที่ให้กลิ่นรสสดชื่นควบคู่ไปกับพืชผักสดใหม่ อาหารอินเดียเน้นความอร่อยจากเครื่องเทศรสร้อนแรง อาหารเลบานอนมีรากฐานสืบทอดมาจากอาหารยุโรปและ Ottoman Turk  ส่วนอาหารอินเดียนั้นมีความใกล้เคียงกับอาหารเปอร์เซีย ...การมาทานอาหารที่ Al Saray จึงเสมือนได้มาสำรวจเส้นทางสายเครื่องเทศผ่านทางรสชาติอาหารที่ปรุงมาอย่างวิจิตรด้วยฝีมือของเหล่าทีมเชฟจากทั้งสองประเทศ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจทีเดียวค่ะ****-Profile-****Al Saray เป็นร้านในเครือ Bangkok Air Catering  มีสาขาแรกอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย 7 และเพิ่งมาเปิดสาขาที่ 2 ที่สีลมเมื่อราวปีที่แล้วนี้เองค่ะ ทางร้านเน้นอาหารเลบานอนและอินเดียแบบดั้งเดิม วัตถุดิบทั้งหมดต้องนำเข้ามาจากตะวันออกกลาง การันตีคุณภาพและรสชาติที่ไม่ต่างไปจากประเทศเจ้าถิ่นเลยทีเดียว  เมื่อได้ฝีมือระดับ Head Chef Hassan Farran ผู้มีประสบการณ์จากโรงแรม 5 ดาวทั้งใน Beirut และ Dubai - ร่วมกับเชฟชาวอินเดียจาก New-Delhi คือ Chef Sampooran “Sam” Singh Panwar – Al Saray จึงเป็นร้านอาหารระดับ Fine Cuisine ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยได้รับคัดเลือกให้เป็น Thailand’s Best Restaurants จากนิตยสาร Thailand Tatler ในปี 2013-2014 ส่วนในปี 2017 นี้ก็ยังเป็น Nominee เข้าร่วมชิงรางวัล World Luxury Restaurant Awards อีกด้วย ****-ทำเลที่ตั้ง / บรรยากาศ-****ร้านตั้งอยู่บนถนนสีลม ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง ฝั่งตรงข้ามกับ Silom Complex พอดิบพอดีค่ะ ตัวร้านเป็นตึก 3 ชั้นที่มีหน้ากว้างเพียงห้องเดียว แต่ภายในกลับเนรมิตให้ดูสวยสง่าเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ...ทั้งแสงสลัวนุ่มนวลจากโคมไฟหลากสีสันสไตล์อาหรับที่ประดับตามมุมต่างๆ  ทั้งการตกแต่งผนังด้วยลวดลายอ่อนช้อยของศิลปะยุค Islamic Golden Age ที่ชวนให้จินตนาการถึงปราสาทหลังงามของเหล่าสุลต่านแห่งอาณาจักร Ottoman  สอดแทรกผสมผสานกับดีไซน์เรียบหรูของเฟอร์นิเจอร์และ Drink Bar แบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว  บรรยากาศโดยรวมจึงดูหรูหรามีรสนิยม คู่ควรกับชื่อร้าน “Al Saray” ที่มีความหมายว่า “พระราชวัง” เป็นที่สุด...สำหรับชั้น 1 ของร้านที่มี Drink Bar ขนาดใหญ่ตั้งอยู่นั้นดูจะเหมาะกับการ hangout สังสรรค์ หรือจัดมื้อเร็วๆง่ายๆ  ส่วนถ้าเป็นคู่รักหรือครอบครัวที่ต้องการความเงียบสงบเป็นส่วนตัวขึ้นมาอีกหน่อยขอแนะนำเป็นชั้น 2 ค่ะ  ซึ่งในส่วนของชั้น 2 นี้นอกจากจะมีที่นั่งในห้องแอร์สวยๆแล้วยังมีส่วนของ outdoor terrace เป็นเก้าอี้โซฟาน่าเอกเขนกให้สบายอีกด้วย   ชั้น 3 ของทางร้านจะเป็นห้อง private เหมาะสำหรับจะมาทานกันเป็นหมู่คณะหรือรับรองแขกผู้ใหญ่ ถ้าสนใจแนะนำให้ติดต่อโทร.จองก่อนนะคะ****-เมนูที่ได้ลอง-****● Taboule (ราคา 140 บาท) – เป็นสลัดสไตล์เลบานีสที่ทำจาก Parsley สด  มะเขือเทศ หัวหอม นำมาหั่นละเอียดแล้วคลุกเคล้ากับข้าวสาลี Bulgur กรุบกรอบ ปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอกและเลมอน ออกมาเป็นรสชาติที่สดชื่นมากๆ ซึ่งทางร้านก็ปรุงมาได้แบบกำลังดีเลยล่ะค่ะ  ธรรมชาติของเมนูนี้จะมีกลิ่นรสที่ค่อนข้างแรง ทำให้เหมาะกับจะสั่งมาทานร่วมกับเมนูอื่นๆเป็น Side Dish เพื่อช่วยเพิ่มความหลากหลายหรือเบรกความหนักของอาหารจานเนื้อ มากกว่าจะทานเป็นอาหารจานเดียวนะคะ● Fattouch (ราคา 140 บาท)– สลัดผักรวม เคล้าด้วย Lemon Dressing ผสมทับทิม แต่งรสด้วย Sumac ซึ่งเป็นเครื่องเทศของทางตะวันออกกลาง รสชาติกึ่งเปรี้ยวกึ่งเค็ม ท็อปด้วยแผ่นขนมปังกรุบกรอบ เป็นเมนูสลัดที่ถูกใจเรามากมาย เพราะได้กลิ่นรสสดชื่นจาก Lemon สดๆเน้นๆ จะทานเดี่ยวๆก็ได้ จะทานแกล้มอาหารอื่นๆก็เพลินค่ะอาหารจำพวก Mezza ของเลบานอนนั้นเปรียบไปก็เสมือน Meze ของตุรกี หรือ Tapas ของสเปน  คือเป็นอาหารจานเล็กจานน้อย เหมาะจะมานั่งสังสรรค์แชร์กันทานแกล้มเครื่องดื่ม  โดยมีทั้ง Hot Dish และ Cold Dish หลากหลายชนิด มักสั่งมาทานควบคู่กับสลัด จะนำมาทานเล่นเพลินๆก่อนจานหลักก็ได้ จะสั่ง Mezza หลายๆอย่างมาทานจนอิ่มแทนจานหลักไปเลยก็ได้เช่นกัน  สำหรับ Cold Mezza ที่เราได้ลองนี้จะเป็นจำพวก dip ทั้ง 2 เมนู  โดยส่วนใหญ่นิยมทานกับ Flat breads ซึ่งทางร้านก็มีทั้ง Fresh Lebanese Bread และ Naan ให้เลือกสั่ง แต่จะทานเปล่าๆโดยไม่มีขนมปังก็ย่อมได้อีกนั่นล่ะค่ะ● Hummus (ราคา 140 บาท) – คำว่า Hummus นั้นมาจากภาษาอาราบิคที่แปลได้ว่า “Chickpeas” ซึ่งบ่งบอกที่มาของเมนูนี้ได้ดีทีเดียว แม้ปัจจุบันนี้เมนู Hummus ในหลายๆแห่งจะมีการดัดแปลงพลิกแพลงสูตรไปต่างๆ (บางสูตรไม่มี Chickpea ผสมอยู่เลยก็ยังจะเรียกว่า Hummus)แต่สำหรับจานนี้ที่เราได้ลองจะเป็น Hummus แบบ original แท้ๆ ที่ทำจาก Chickpeas หรือถั่วลูกไก่นำมาแช่น้ำค้างคืนแล้วต้มจนนิ่ม บดผสมกับ Tahini หรือซอสงา น้ำมันมะกอก ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว โรยหน้าด้วยถั่วลูกไก่ต้มเม็ดอวบๆมาพูนๆ แต้มเครื่องเทศแต่งลวดลายไว้ด้านบนเพื่อเสริมรสชาติค่ะ...ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้ว Hummus นั้นไม่ใช่เมนูโปรดของเรา เพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นของ Chickpeas กับสัมผัสแบบถั่วบดที่ของหลายๆร้านยังมีความหยาบให้รู้สึกได้นิดๆ  แต่ Hummus ของที่นี่นั้นเด็ดขั้นสุดชนิดที่เปลี่ยนใจเราได้เลย  กลิ่นถั่วไม่แรง (ซึ่งอาจเป็นเพราะคัดมาแต่ถั่วลูกไก่เกรดท็อปสดๆใหม่ๆก็เป็นได้) เนื้อสัมผัสบดจนเนียนเป็นครีมฟูทั้งนุ่มทั้งเบา ละมุนลิ้นที่สุด ระดับความเนียนละเอียดนั้นถึงขั้นผิวหน้าเป็นมันวาวสะท้อนแสงดั่งเซรามิคเนื้อดีเลยทีเดียว  ทางด้านรสชาติก็กลมกล่อมนุ่มนวล มีเปรี้ยวมีเผ็ดนิดๆกำลังสมดุล เป็น Hummus ที่โชว์ทั้งทักษะฝีมือและความพิถีพิถันละเมียดละไมสมกับที่เป็น Fine cuisine อย่างแท้จริงค่ะ● Mutable Batenjan (ราคา 160 บาท) – Hummus ก็ว่าอร่อยแล้ว มาเจอจานนี้กลับฟินได้ยิ่งกว่า ..มะเขือย่างที่ Grill มาจนหอมถ่านกรุ่น นำมาบดละเอียด ปรุงรสด้วย Lemon ใส่น้ำมันมะกอก โรยเม็ดทับทิม แต้มผงเครื่องเทศ ทั้งหอม ทั้งเปรี้ยวสดชื่น อร่อยปลื้มปริ่มน้ำตาจิไหล ...● Hot Mezza to Share (ราคา 350 บาท) – สำหรับ Mezza จานร้อนของที่นี่ก็มีให้เลือกหลายชนิดค่ะ  ถ้าอยากลองหลายๆอย่าง อย่างละนิดละหน่อย ก็แนะนำให้สั่งเมนูนี้เลย ในจานประกอบไปด้วย Hot Mezza 5 ชนิด ลักษณะเป็นแป้งพายทอดกรอบๆยัดไส้แบบต่างๆ มีอย่างละ 2 ชิ้น โดยเสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้ม 3 แบบคือซอสมะม่วง ซอสงา และซอสมิ้นต์ ใช้จิ้มสลับเปลี่ยนรสกันดีเลย รสชาติดีทั้ง 3 อย่างค่ะ- Meat Kebbe :  Mezza ชิ้นรีๆสีเข้มๆนี้มีเปลือกที่ทำจากเนื้อแกะบดละเอียดผสมกับ Bulgur Wheat ยัดไส้เนื้อแกะที่สับคลุกเคล้ากับหอมใหญ่และ Pine Seeds แล้วนำมาทอด  ได้รสเนื้อแกะแบบเต็มๆ ผสมกลิ่นรสเครื่องปรุงอย่างลงตัว  สำหรับเรานี่เป็นชิ้นที่ชอบที่สุดในจานนี้เลย-Cheese Roll : แป้งพายกรอบๆยัดไส้ชีส 2 ชนิด คือ Akawi และ Feta Cheese อร่อยกลมกล่อมลงตัว กลิ่นชีสไม่ฉุนค่ะ- Meat Sambousek : พายหน้าตาคล้ายกะหรี่พัฟ ไส้เป็นเนื้อสับ (น่าจะเป็นเนื้อแกะ เพราะถามดูพนักงานบอกว่าไม่ใช่เนื้อวัวนะ) ผสมหอมใหญ่และ Pine Seeds ...อร่อยเลย- Spinach Fatayer : เป็นพายไส้ผักโขม ปรุงรสด้วย Pine Seeds และหอมใหญ่เช่นเดียวกับอันที่แล้ว  พอทานได้เพลินๆแต่ยังไงซะไส้เนื้อแกะก็อร่อยกว่าล่ะ-Vegetable Samosa : ตัวนี้เปลือกเป็นแป้ง Samosa เนื้อเบาพรุน ทอดมากรอบๆ ยัดไส้ผักหลากชนิดค่ะครัวทางแถบเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันออกกลางนั้นดูจะถนัดอาหารประเภทเนื้อย่างเป็นพิเศษค่ะ  สำหรับอาหารของเลบานอนก็จะเน้นเนื้อแกะและเนื้อไก่เป็นหลัก  ส่วนเนื้อหมูนั้นไม่มีอยู่แล้วเพราะขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม อาหารของ Al Saray จึงเป็น Halal ทั้งหมด  สำหรับเนื้อวัวนั้นมีบ้างแต่น้อยมาก กวาดตาดูในเมนูคร่าวๆเห็นมีแต่ Beef Steak อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนอาหารทะเลก็พอมีบ้าง แต่จานที่เราลองกันนี้จะมีแต่เนื้อแกะและเนื้อไก่นะคะ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้ม Garlic Yoghurt (ตัวนี้ชอบมาก) และซอสงาหรือ Tahini Sauce ค่ะ ● Extra Mixed Grill Platter (ราคา 550 บาท) – จานนี้เป็นรวมมิตรอาหารเนื้อย่างหลากหลายเมนูอย่างละนิดอย่างละหน่อย จะได้ลองสลับกันไปไม่จำเจค่ะ แต่ถ้าใครมีเมนูโปรดอยู่แล้ว หรือมากันน้อยคนกลัวจะทานไม่หมด ก็มีให้สั่งเดี่ยวๆเป็นอย่างๆไปได้นะ ในจานจะมี...- Kofta : เนื้อแกะบดผสมกับเครื่องเทศแบบอาหรับ parsley และหอมใหญ่ เอามาปั้นเป็นแท่งยาวๆเสียบไม้ย่าง เป็นเมนูเนื้อที่ยังมีกลิ่นแกะค่อนข้างแรง แต่กลิ่นรสเครื่องเทศก็จัดจ้านจนออกมาสมดุลกันดีค่ะ- Chicken Kofta : เป็น Koftaเช่นเดียวกับตัวที่แล้วแต่เปลี่ยนจากเนื้อแกะเป็นไก่แทน สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับกลิ่นเนื้อแกะ ตัวนี้จะทานง่ายกว่านะ- Lamb Skewers : เอาเนื้อแกะหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ หมักเครื่องเทศแบบอาหรับ แล้วนำมาเรียงเสียบไม้ย่าง เนื่องจากเครื่องเทศจะเคลือบอยู่แค่ผิวนอก กลิ่นรสจึงไม่จัดจ้านเท่า Kofta ส่วนตัวเลยชอบเมนูนี้มากกว่านะคะ- Shish Tawouk : เนื้อไก่ส่วนอกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หมักน้ำมะนาว กระเทียม และน้ำมันมะกอก จากนั้นจึงนำมาเสียบไม้ย่าง ได้ความอร่อยแบบเนื้อนุ่ม - แน่นไร้ไขมัน แต่ย่างได้ดีไม่แห้งฝืดคอ รสชาติกำลังดีเลย- Lebanese Style Grilled Chicken : ไก่ชิ้นเขื่องเลาะกระดูกออกเรียบร้อย เป็นไก่ส่วนที่มีมัน มีหนังติด สัมผัสจึงนุ่มนวลกว่า Shish Tawouk  มีหมักเครื่องเทศมาเบาๆ หอมกลิ่นย่างกรุ่นทีเดียว ชอบมากมาย...- Lamb Chops : ไม่แน่ใจว่าที่จริงแล้ว Lamb Chops นี้จะมีในเซ็ทนี้อยู่แล้ว หรือเชฟใจดีใส่แถมมาให้ลองเฉพาะครั้งนี้นะคะ เพราะทั้งดูรูปและอ่านคำบรรยายในเล่มเมนูไม่ยักเห็น แต่ถ้าสั่งชุดใหญ่ที่สุด คือ Al Saray Special Mixed Grill (1,200 บาท) นั้นมี Lamb Chops อยู่แน่ค่ะ ถ้ายังไงตอนจะสั่งถามดูก่อนนะคะ ส่วนถ้าไม่ได้มาหลายคน แนะนำให้สั่ง Lamb Chops จานเดี่ยวๆไปเลยก็ได้  เพราะขอฟันธงเลยว่าเป็นตัวที่เด็ดที่สุดในมื้อนี้ เนื้อแกะนี่หมักมานุ่มฉ่ำละมุนลิ้นสุดๆ ย่างมาได้ที่เนื้อในเป็นสีชมพูสวย เลือดไม่ไหล กลิ่นเครื่องเทศแทบไม่รู้สึก มีแต่กลิ่นย่างหอมๆ ..ที่สำคัญคือไม่มีกลิ่นสาบแกะเลยแม้แต่ซักนิดเดียว มั่นใจว่าแม้แต่คนที่ไม่เคยทานเนื้อแกะก็น่าจะฟินกับ Lamb Chops ของที่นี่ได้ไม่ยาก อร่อยระเบิดระเบ้อจริงๆค่ะ ขอปรบมือให้เชฟรัวๆเลยมาลองเมนูแกงของทางอินเดียบ้าง เสิร์ฟมา 2 อย่าง จะทานกับ Naan หรือกับข้าวบาสมาติก็ได้ค่ะ ● Butter Chicken (ราคา 280 บาท) – เป็นแกงกะหรี่ไก่ใส่เนยสไตล์อินเดียที่นำเนื้อไก่ไปหมักโยเกิร์ตและเครื่องเทศแล้วย่างแบบ Tandoori ก่อนจะนำมาเคี่ยวกับแกง   ปกติแกงกะหรี่อินเดียที่เราเคยทานนั้นแม้จะหอมเครื่องเทศดี แต่มีข้อเสียคือมักจะเค็มเกินไป แต่ของที่นี่ไม่เป็นแบบนั้นค่ะ   คงเป็นเพราะใส่เนยด้วย รสชาติเลยออกมากลมกล่อม ระดับกลิ่นรสเครื่องเทศกำลังดี นอกจากจะไม่เค็มแสบคอแล้วยังมีหวานอ่อนๆด้วยซ้ำ อร่อยมากๆเลยทีเดียว● Dal Makhani (ราคา 180 บาท) – เป็นแกงที่ทำจากถั่ว Black Lentils และ Kidney Beans นำไปเคี่ยวกับมะเขือเทศและน้ำมันเนย ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแบบกำลังกลมกล่อมได้ใจ เทียบกับ Butter Chicken แล้วเมนูนี้จะไม่มีรสหวานปน ส่วนตัวเลยชอบมากกว่าอยู่นิดนึงนะคะ จิ้มทานกับ Naanนี่อย่างฟินเลย  ว่ากันจริงๆถ้าเทียบเฉพาะเมนูแกงแบบอินเดียนี่ เราว่าของที่นี่ทำได้อร่อยไม่แพ้ร้านดังเจ้าของตำแหน่งอันดับ 1  Asia’s Best Restaurants เลยล่ะค่ะ (แต่เมนูอื่นๆมันคนละแนว เทียบกันไม่ได้นะจ๊ะ)● Mixed Naan (ราคา 100 บาท) – ขนมปัง Naan ที่เสิร์ฟมาหลากหลายรสชาติ ทั้งแบบดั้งเดิม รสกระเทียม รสชีส รส Spicy และรสเนยโรยหน้าด้วยผักชี เนื้อขนมปังนุ่มเหนียวอร่อยได้ใจ จะทานกับแกงแบบอินเดียหรือกับ Mezza ของเลบานอนก็เข้ากั๊นเข้ากันค่ะ● Al Saray Biryani (ราคา 280 บาท) – เมนู Biryani นี้สามารถเลือกสั่งได้ว่าจะเอาเป็นข้าวหมกเนื้อไก่ / แกะ / Seafood / กุ้ง (Prawns) / หรือผักนะคะ ราคาก็ต่างๆกันไป  สำหรับเราได้ลองเป็นข้าวหมกเนื้อแกะ ทางร้านใช้ข้าวบาสมาติเมล็ดยาวที่นำเข้ามาจากอินเดีย หุงออกมาได้นุ่มละมุน หอมกลิ่นเครื่องเทศในระดับกำลังดีไม่มากไม่น้อย เนื้อแกะก็หมักมานุ่มได้ใจ อร่อยอีกแล้ว● Gulab Jamun (ราคา 150 บาท) – ของหวานของชาวอินเดียที่ทำจากแป้งผสมนม นำมาปั้นกลมๆทอดในเนย Ghee แล้วแช่น้ำเชื่อมจนซึมซาบเข้าเนื้อ ปกติแล้วขนมชนิดนี้จะขึ้นชื่อเรื่องความหวานเว่อร์วังแบบขึ้นสมอง แต่ของที่นี่ไม่หวานมากเท่าที่คาดไว้ค่ะ ระดับความหวานแค่กำลังสมดุลกับกลิ่นของเนย ออกมาเป็นรสชาติที่กลมกล่อมพอดีทานสบาย (ทองหยอดของไทยเรายังจะหวานกว่านี้) ทำเอาติดใจเลยล่ะ● Mohalabieh (ราคา 150 บาท) – มาลองขนมของทางเลบานอนบ้าง มูฮาลาเบียนี้จะเป็นพุดดิ้งนมผสมด้วยน้ำกุหลาบหอมๆ แค่ชิมก็รู้สึกได้ว่าเป็น rose water ที่ทำจากกลีบกุหลาบจริงๆ ไม่ได้เติมกลิ่นสังเคราะห์ เนื้อพุดดิ้งนุ่มละมุน รสชาติหวานอ่อนๆ เข้ากับความหอมมันของผงถั่ว Pistachio ที่โรยมาด้วยเป็นอย่างดี ได้ความอร่อยแบบเบาๆทานสบายไม่เลี่ยน ดีงามสุดๆค่ะ● Lemon Mint (ราคา 195 บาท) – เป็น Non-Alcoholic Cocktail ที่ทำจากน้ำมะนาวสดผสมกับใบมิ้นต์ปั่น ฟังดูง่ายๆแต่สัดส่วนรสชาติของเค้าเลิศจริงๆ ทั้งความเปรี้ยว-หวาน-หอม กำลังพอดี สดชื่นได้ใจ บอกเลยว่ามีไม่กี่ร้านที่ผสมเครื่องดื่มได้โดนใจขนาดนี้ ชอบมากมายค่ะ● Brewed Coffee (ราคา 120 บาท) – เห็นมีขนมก็ต้องขอสั่งกาแฟร้อนซะหน่อย ที่นี่ใช้กาแฟของ Illy  หอมเข้มดีงามตามมาตรฐานแบรนด์เค้าล่ะ ● Moroccan Mint Tea (ราคา 120 / 240 บาท) – เป็นชาของ TWG หอมกลิ่นมิ้นต์สดชื่น ถ้าสั่งเป็นเซ็ทใหญ่ก็จะเสิร์ฟมาเป็นกาสีเงินฉลุลาย กับจอกแก้วหลากสีสไตล์อาหรับ ดูสวยงามอลังการน่าตื่นตาตื่นใจสุดๆค่ะ****-The Verdict-****อาหารเลบานอนของที่นี่ทั้งรสชาติและความพิถีพิถันต้องถือว่าดีงามไม่มีอะไรจะติ อร่อยเด็ดทุกเมนูและ perfect ทุกรายละเอียด ..จะว่าไปแล้วก็จัดเป็นมื้อที่ประทับใจที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยทานอาหารแนวนี้มาเลยล่ะค่ะ แม้แต่คนที่ไม่เคยลองอาหาร Lebanese มาก่อน แต่ถ้าเคยชื่นชอบอาหารกรีกหรืออิตาเลียนทางตอนใต้อยู่แล้วล่ะก็ เชื่อว่ารสชาติของอาหาร Lebanon ก็น่าจะถูกใจเช่นกันในส่วนของอาหารอินเดียทั้งคาวหวานของที่นี่ ชิมแล้วก็ได้เห็นความแตกต่างจากอาหารอินเดียที่เคยทาน คือมีการปรับรสชาติให้ประณีตกลมกล่อม กลิ่นเครื่องเทศไม่ฉุนจนฉูดฉาด ไม่เค็มหรือหวานเกินไปและไม่เลี่ยน ได้สมดุลกำลังดีทุกประการ จะเรียกให้เห็นภาพก็คือเหมือนเป็นอาหารอินเดียตำรับชาววังนั่นเลย ใครที่อาจจะเคย “เข็ด” กับอาหารอินเดียจากร้านอื่นมาก่อน ถ้ามาลองทานที่นี่อาจเปลี่ยนใจมาชอบก็ได้นะคะอาหารเลบานอนและอินเดียนั้นแม้ปัจจุบันจะเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก  แต่ในบ้านเราก็ยังนับว่ามีร้านอาหารแนวนี้อยู่น้อย  ยิ่งถ้าเป็นร้านสไตล์ Fine Cuisine แบบนี้ยิ่งแทบไม่มีเลย   ร้าน Al Saray ที่โดดเด่นทั้งรสชาติอาหาร การบริการ และบรรยากาศนี้จึงเปรียบเสมือนเพชรน้ำงามที่ควรจะหาโอกาสไปลองกันดูสักครั้งค่ะ อ่านต่อ
(รีวิวด้านบนคือ ความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นของ OpenRice)